หวานรักจับหัวใจท่านประธาน - ตอนที่ 171 เจ็บปวดเพราะการกระทำของตัวเอง! / ตอนที่ 172 ไม่ทำอะไรเหมือนปกติ
- Home
- หวานรักจับหัวใจท่านประธาน
- ตอนที่ 171 เจ็บปวดเพราะการกระทำของตัวเอง! / ตอนที่ 172 ไม่ทำอะไรเหมือนปกติ
ตอนที่ 171 เจ็บปวดเพราะการกระทำของตัวเอง!
เมื่อซ่างซินพูดจบ เสียงถอนหายใจระลอกหนึ่งก็ดังขึ้นในแผนกประชาสัมพันธ์ทันที
ทุกคนอึ้งค้างกันไปหมดแล้ว!
ซ่างซินที่ไม่เคยรับงานพรีเซ็นเตอร์ที่ไหน รับงานพรีเซ็นเตอร์ของพวกเขาแล้วจริงๆ
เย่หมิงหมิ่นตะลึงงันไปหลายวินาที ไม่ยอมเรียกสติกลับมา แต่ซ่างซินกลับไม่ใส่ใจ เอาแต่จับมือเหนียนเสี่ยวมู่จนแน่น “คุณไม่ต้องไปส่งฉันหรอกนะคะ ครั้งหน้ามีโอกาสพวกเราค่อยคุยกันอีก”
“หน้าประตูอาจจะมีนักข่าว ฉันจะให้เลขาพาพวกคุณออกไปทางประตูหลังนะคะ” เหนียนเสี่ยวมู่รีบร้อนตอบ
“อื้ม” ซ่างซินพยักหน้า ยังอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ผู้จัดการที่อยู่ข้างๆ ก็เข้ามากระซิบข้างหูเธอทันที
สีหน้าของเธอเปลี่ยนไปทันใด ก่อนจะมองเหนียนเสี่ยวมู่อย่างลึกซึ้งครั้งหนึ่ง แล้วถึงจะออกไปพร้อมกับผู้จัดการ
เมื่อเข้าไปในลิฟต์
ผู้จัดการเอ่ยปากอย่างอดไม่ได้ “เธอก็รู้ดี ที่บ้านเธอต้องโกรธแน่ ที่เธอรับงานพรีเซ็นเตอร์ ทำไมยังตอบรับเหนียนเสี่ยวมู่ล่ะ”
“เพราะเธอมอบความกล้าที่จะสู้ต่อไปให้ฉันไงล่ะ!” สายตาของซ่างซินเปลี่ยนเป็นมืดหม่น ผ่านไปนานทีเดียวถึงจะเอ่ยปากพูดอีก “ความจริงแล้วเธอเหมือนเพื่อนที่ฉันรู้จักมานานมากแล้ว แต่คนคนนั้น…”
ซ่างซินเหมือนกับนึกถึงเรื่องที่ทำให้เสียใจขึ้นได้ จึงหลุบตาลง ไม่พูดอะไรอีก
แล้วคนทั้งหมดก็จากไปเงียบๆ เหมือนกับขามา
ส่วนในแผนกประชาสัมพันธ์พากันดีอกดีใจ เพราะซ่างซินรับงานพรีเซ็นเตอร์แล้ว!
“ดีจังเลย ได้ซ่างซินมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ การร่วมมือกับบริษัทเทคโนโลยีเซิ่งต้าต่อไปจะต้องดียิ่งขึ้นแน่นอน!”
“ฉันแค่คิดว่าซ่างซินที่ไม่เคยรับงานพรีเซ็นเตอร์ที่ไหน กลับมารับงานพรีเซ็นเตอร์ของเราในตอนนี้ ฉันก็ตื่นเต้นมากแล้ว! เธอหยิกฉันเร็ว ดูว่าฉันฝันหรือเปล่า…”
“ฉันจะไปบอกข่าวดีให้ผู้จัดการเหวินรู้เดี๋ยวนี้!” เลขาดึงสติกลับมา แล้วหมุนตัวเดินไปทางห้องทำงานของผู้จัดการ
ทุกคนในพื้นที่ทำงานกำลังฉลอง
มีเพียงฟางหลานที่ถูกเบียดไปข้างๆ พลางมองเพื่อนร่วมงานตรงหน้ามีความสุขกัน โดยที่ข้างหูมีคำพูดตัดสินใจอย่างแน่วแน่ที่ตัวเองพูดกับเหนียนเสี่ยวมู่วนเวียนอยู่ตลอด
“ถ้าเธอเชิญซ่างซินมาได้จริงๆ อย่าว่าแต่ขอโทษต่อหน้าทุดคนเลย ถึงให้ฉันคุกเข่าต่อหน้าทุกคน โขกหัวคำนับเธอสามครั้ง ฉันก็จะไม่อิดออดเลย!”
ตอนนั้นเธอมั่นใจว่าซ่างซินไม่มีทางรับงานพรีเซ็นเตอร์แน่ๆ และรอที่จะมองดูเหนียนเสี่ยวมู่ขายหน้า และไล่ผู้หญิงคนนี้ออกจากแผนกประชาสัมพันธ์
เธอคิดไม่ถึง ว่าซ่างซินไม่เพียงมาที่นี่ แต่ยังรับงานพรีเซ็นเตอร์เสียด้วย
ขอแค่เป็นคนที่มีตา ก็มองภาพเมื่อครู่ออก
ซ่างซินรับงานร่วมมือกับพวกเขาก็เพราะเหนียนเสี่ยวมู่แท้ๆ เลย
ตอนนี้เหนียนเสี่ยวมู่กลายเป็นผู้สร้างคุณงามความดียิ่งใหญ่ให้แผนกประชาสัมพันธ์ของพวกเขาไปแล้ว อย่างนั้นก็ไม่น่าจะให้เธอโขกหัวขอโทษจริงๆ หรอกมั้ง
สีหน้าของฟางหลานซีดเผือดไปแล้ว
เธอถือโอกาสตอนที่ทุกคนไม่ได้สังเกต เดินหนีออกไปข้างนอกเงียบๆ
หลังจากเธอออกจากบริษัทไปแล้ว ก็หาข้ออ้างบอกว่าไม่สบาย จะไม่ไปทำงานสักสองสามวัน ถ้าเวลาผ่านไปนานเข้า ทุกคนก็คงจะลืมเรื่องนี้ไปเอง
ใช่! ทำแบบนี้แหละ!
พอฟางหลานคิดได้ดังนั้น เธอก็เร่งฝีเท้าฝ่าฝูงชนไป อีกเพียงอึดใจก็จะเดินถึงประตูแล้ว
“ฟางหลาน ทำไมรีบร้อนขนาดนั้น เธอจะไหนเหรอ” มีคนตะโกนถามในทันใด
บรรยากาศครึกครื้นนแผนกประชาสัมพันธ์เยียบเย็นขึ้นโดยพลัน
ทุกคนหันไปมองฟางหลานโดยไม่ได้นัดหมาย
ฟางหลานเพิ่งเดินตัวแข็งทื่อทันที!
“ฉันจำได้ว่ามีคนพูดไว้ว่า ถ้าซูเปอร์ไวเซอร์เหนียนเชิญซ่างซินมาได้ ก็จะโขกหัวให้เธอสามครั้ง แล้วก็บอกขอโทษด้วย ตอนนี้ควรจะรักษาสัญญาไม่ใช่เหรอ”
ตอนที่ 172 ไม่ทำอะไรเหมือนปกติ
มีคนกล่าวเตือนแบบนี้ขึ้นมากะทันหัน ทำเอาบรรยากาศในแผนกประชาสัมพันธ์เปลี่ยนไปทันที
ทุกคนหลีกทางกันอย่างพร้อมเพรียง รอให้เหนียนเสี่ยวมู่เดินมาข้างหน้า
“ฉัน…” ฟางหลานคิดไม่ถึงเลยว่าสถานการณ์จะกลายเป็นอย่างนี้ ครั้นเห็นเหนียนเสี่ยวมู่เดินเข้ามาหาเธอ เธอก็หน้าซีดเผือดแล้ว
ขอโทษและยอมรับผิดไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร
แต่ตอนนั้นเธอปากไว บอกว่าจะคุกเข่าโขกหัวสามครั้งอะไรนั่นให้ได้
ตอนนี้เหนียนเสี่ยวมู่ทำได้จริง แถมยังมีเพื่อนร่วมงานรอบข้างเป็นพยานมากมายขนาดนี้ ถ้าเธอคุกเข่าโขกหัวก็ขายหน้า แต่ถ้าไม่คุกเข่าโขกหัว เธอก็จะกลายเป็นคนไม่รักษาคำพูด
ไม่ว่าจะทำอย่างไร ต่อไปเธอก็ไม่มีหน้าจะอยู่ที่แผนกประชาสัมพันธ์ต่อไปแล้ว!
นอกเสียจากเหนียนเสี่ยวมู่จะเอ่ยปากให้อภัยเธอ…
ฟางหลานเหมือนคว้าฟางช่วยชีวิตได้ จึงเงยหน้ามองเหนียนเสี่ยวมู่ทันที
“เหนียนเสี่ยวมู่ ไม่ใช่สิ ซูเปอร์ไวเซอร์เหนียน ฉันผิดไปแล้ว ฉันไม่น่าดูถูกคุณเลย แต่ฉันไม่มีเจตนาร้ายกับคุณเลยนะ ฉันแค่ไม่เข้าใจคุณ ก็เลยเข้าใจคุณผิดไป ตอนนี้ฉันรู้ตัวแล้วว่าทำผิด ฉันขอโทษค่ะ!”
“…”
“ผู้ใหญ่ไม่ถือสาเด็ก คุณยกโทษให้ฉันสักครั้งนะคะ ต่อไปฉันจะไม่ทำเรื่องวุ่นวายอีก!”
ฟางหลานพูดจ้อด้วยความนอบน้อมอย่างยิ่ง
เธอเดินไปข้างหน้าเหนียนเสี่ยวมู่ มองอีกฝ่ายตาปริบๆ ราวกับว่าถ้าเหนียนเสี่ยวมู่ไม่ยอม เธอก็จะคุกเข่าจริง
ท่าทางแบบนี้กลับทำให้คนรอบข้างไม่กล้าพูดอะไรอีก
ฟางหลานวางแผนไว้ดีมาก และเธอทำมันได้ ถ้าเหนียนเสี่ยวมู่ยังจะให้เธอคุกเข่าขอโทษถึงจะยอมให้อภัย ก็จะยิ่งทำให้คนมองว่าซูเปอร์ไวเซอร์คนนี้ชอบกดขี่คน
แต่ถึงเธอจะวางแผนไว้ดีแค่ไหน ก็ต้องดูว่าเหนียนเสี่ยวมู่ให้ความร่วมมือหรือเปล่า
ตอนนี้ทุกคนคิดว่าเหนียนเสี่ยวมู่จะยอมประนีประนอม ทำเรื่องใหญ่ให้เป็นเรื่องเล็ก จัดการเรื่องเล็กให้หายไป เธอกลับไปดึงเก้าอี้มานั่งลงตรงหน้าฟางหลานโดยที่ไม่พูดอะไรสักคำ
จากนั้นก็นั่งไขว่ห้าง พร้อมทั้งกอดอก
ดวงตาสดใสจ้องมองฟางหลานด้วยความเย็นชา
ท่าทางแบบนี้ หมายความว่ากำลังรอให้ฟางหลานโขกหัวขอโทษเธอสินะ
“ห๊ะ” ทุกคนส่งเสียงร้องตกใจออกมาอย่างอดไม่อยู่
บางคนรู้สึกว่าเหนียนเสี่ยวมู่เคี่ยวมาก บางคนคิดว่าฟางหลานทำตัวเอง และมีบางคนอยากดูละครสนุกๆ
แต่ไม่มีใครเห็นใจฟางหลานสักคน!
ทุกคนล้วนแล้วแต่ต้องยอมรับผลลัพธ์ในเรื่องที่ตัวเองทำทั้งนั้น
ฟางหลานท้าทายเหนียนเสี่ยวมู่อยู่หลายครั้ง ก็น่าจะคิดได้ว่าต้องเจ็บเพราะการกระทำของตัวเองเข้าสักวัน
“ซูเปอร์ไวเซอร์เหนียน…” ฟางหลานมองคนที่นั่งอยู่ตรงหน้า ดวงตาเบิกโพลง
เธอคิดไม่ถึงเลยว่าปฏิกิริยาของเหนียนเสี่ยวมู่จะแตกต่างกับที่คิดเอาไว้โดยสิ้นเชิง
ครั้นเห็นสายตาของเพื่อนร่วมงานรอบข้าง เธอก็รู้สึกว่าตัวเองเหมือนตัวตลก…
อยากจะหนีต่อหน้าคนมากมายแบบนี้ก็ทำไม่ได้แล้ว
ทำได้แค่กัดฟัน เตรียมตัวคุกเข่าขอโทษ…
แต่เหนียนเสี่ยวมู่ไม่ได้คิดจะต่อล้อต่อเถียงกับฟางหลานตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
ถึงจะเป็นคนที่นิสัยดีกว่านี้ ก็มีเส้นตายเหมือนกัน
ถ้าคิดจะรังแกกันง่ายๆ เพราะเธอน่าแกล้ง อย่างนั้นวันนี้มีฟางหลานคนแรก พรุ่งนี้ก็จะมีคนที่สอง คนที่สามตามมา…
คุกเข่าโขกหัวอะไรไม่สำคัญหรอก เธอก็แค่ขู่ไปอย่างนั้น
และทำให้คนอื่นๆ รู้ว่า เมื่อเหยียบเส้นตายของเธอแล้ว เธอจะไม่เกรงใจใครหน้าไหนทั้งนั้น!
เหนียนเสี่ยวมู่เห็นฟางหลานกลัวจนหน้าซีดขาวไปหมดแล้ว จวนเจียนจะทรุดเต็มที จึงคิดจะเอ่ยปากพูด แต่ก็มีเสียงหนึ่งดังมาจากข้างหลังเธอเสียก่อน
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น ทำไมทุกคนหน้านิ่งกันไปหมด”
เหวินหย่าไต้ในชุดทำงานสีขาวดำเดินออกมาจากห้องทำงานอย่างสง่างาม