หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป - ตอนที่ 681 ตั้งครรภ์
และตอนนี้ คนจากนอกแผ่นดินกลับเลือกสู้จนตัวตาย นี่อธิบายได้ว่า ที่อยู่เดิมของพวกมันอยู่ต่อไปไม่ได้แล้วเพราะเหตุผลบางอย่าง ทำได้เพียงเลือกบุกเข้าโจมตีแผ่นดินใหม่
ตอนนี้แนวโน้มของสงครามการบุกเข้าโจมตีไม่สามารถหลบเลี่ยงและไม่สามารถพัฒนาได้ พวกเขาจำเป็นต้องทำให้รุ่นหลังสืบทอดต่อไป มีเพียงแอบทิ้งให้คนรุ่นหลังอยู่ที่นี่”
นี่คือความคิดหลังจากที่หลานเยาเยาได้ไตร่ตรองอย่างลึกซึ้ง
“ไม่ผิด คล้ายๆกับที่ข้าคิด เช่นนั้นต่อไปก็คือการสู้รบที่โหดร้ายฉากหนึ่ง คนจากนอกแผ่นดินจะยอมแลกทุกอย่าง”
ได้ยินดังนั้น!
หลานเยาเยาตะลึงแล้ว
การบุกเข้าโจมตีทั้งปีกซ้ายปีกขวาของคนจากนอกแผ่นดิน มีแววว่าจะตีเมืองแตกอย่างเลือนรางแล้ว ขณะนี้กองกำลังหลักของเย่แจ๋หยิ่งทางนี้ปักหลักรักษาอย่างเหนียวแน่นด้วยความยากลำบาก
หากว่าคนจากนอกแผ่นดินยอมสละทุกอย่าง
เช่นนั้นกำแพงเมืองที่เย่แจ๋หยิ่งตั้งมั่นรักษาก็ตกอยู่ในอันตราย…….
“ท่านมีกลยุทธ์ดีๆหรือไม่?”
“ไม่มี!” เย่แจ๋หยิ่งตอบอย่างเร็วมาก เหมือนกับว่ากำลังพูดเล่น
แต่หลานเยาเยารู้ เขาจริงจัง
ต่อจากนั้นได้ยินเขากล่าวอีกว่า “ทีแรกจะถอยกลับไปเมืองหมินเหลียน ที่นั่นได้เปรียบทั้งภูมิประเทศและความสามัคคีกัน เป็นสถานที่ที่ดีที่สุดในการป้องกันการรุกราน แต่ดูจากสถานการณ์ของคนจากนอกแผ่นดินในตอนนี้ กองทัพของข้าไม่มีเวลาถอยทัพ
อีกทั้ง!
ด้านหลังของกำแพงเมืองที่นี่ เป็นทหารที่ได้รับบาดเจ็บหลายแสนนาย ทันทีที่กองทัพของข้าล่าถอย ทหารที่ได้รับบาดเจ็บหลายแสนนายนั่นก็จะเป็นอาหารในท้องของคนจากนอกแผ่นดิน ดังนั้นทำได้เพียงเฝ้ารักษา”
เฝ้ารักษาได้ก็ต้องเฝ้ารักษา เฝ้ารักษาไม่ได้ก็ต้องเฝ้ารักษา
“ไม่เป็นไร ข้าอยู่กับท่าน……”
นางยังพูดไม่จบ เย่แจ๋หยิ่งเรียกนางอย่างฉับพลันเสียงหนึ่ง
“เยาเยา!”
“อืม ทำไมหรือ?” หลานเยาเยามองดูเขานิ่งๆ
ถูกนางมองเช่นนี้ เย่แจ๋หยิ่งที่คำพูดมาถึงข้างปาก จู่ๆก็กลายเป็นยากที่จะเอ่ยปากเล็กน้อย
แต่ชะงักครู่หนึ่ง เขาก็ยังคงเอ่ยปากอย่างเด็ดเดี่ยว
“ข้าอยากให้เจ้าไปเมืองหมินเหลียนก่อน พาราษฎรไปด้วย”
“ได้สิ!”
หลานเยาเยารับปากอย่างง่ายดาย
กลับทำให้เย่แจ๋หยิ่งชะงักไปครู่หนึ่งอีกครั้ง ราวกับว่าคำพูดที่มาถึงปาก ถูกฝืนกลืนลงไปแล้ว
“จริงหรือ?” เย่แจ๋หยิ่งไม่มั่นใจเล็กน้อย
“แน่นอน ไม่หยุดรอสักนาทีเดียว จะรีบไปตอนนี้เดี๋ยวนี้ทันที วินาทีเดียวก็จะไม่ยอมอยู่ต่อแล้ว ท่านอยู่รอความตายที่นี่ผู้เดียวเถอะ!”
คิดไม่ถึงกลับถูกเย่แจ๋หยิ่งดึงแขนไว้
“เยาเยา อย่าทำเช่นนี้”
“ท่านเป็นเช่นนี้ก่อน โชคดีที่ท่านยังไม่ได้ตัดสินใจเป็นการส่วนตัวให้ข้า จากนั้นแอบให้คนตีข้าให้สลบ พาข้าไปที่เมืองหมินเหลียน หากว่าท่านยังมีชีวิตกลับมา จากนั้นพูดกับข้าว่าทำทุกอย่างก็เพื่อให้ข้าได้ดี
ท่านรู้ ข้าไม่ต้องการเช่นนี้
หากว่าเป็นเช่นนี้จริง เช่นนั้นที่ข้าพยายามดิ้นรนมาครึ่งชีวิตยังจะมีความหมายอะไรอีก?
ข้าพยายามทุ่มเททุกอย่าง ข้ามกาลเวลา มาเพื่อท่าน ไม่ใช่เพื่อชีวิตที่โดดเดี่ยวในตอนสุดท้าย”
หากว่าไม่ได้อันตรายเป็นที่สุด มีความเป็นไปมากที่จะตายอยู่ที่กำแพงเมืองแห่งนี้ เย่แจ๋หยิ่งก็ไม่คิดจะให้นางไปก่อน
แต่นางก็ไม่ใช่ภาระ
นางไม่ต้องการให้เย่แจ๋หยิ่งคิดแทนนางทุกอย่าง เหมือนปกป้องสัตว์คุ้มครองอันดับแรกของประเทศชาติเช่นนั้น ความรู้สึกประเภทนี้ชั่งแย่นัก
“เยาเยา…….”
เผชิญหน้ากับคำพูดของหลานเยาเยาแฝงด้วยความสะอึกสะอื้นเล็กน้อยรอบนี้ ในใจของเย่แจ๋หยิ่งเจ็บปวดอย่างอธิบายไม่ถูก จากนั้นดึงนางเข้ามาในอ้อมกอด กอดอย่างแนบแน่น ราวกับว่าต้องการขยี้นางเข้าไปในร่างกายของตัวเอง
หลานเยาเยาถือโอกาสเอ่ยถาม “ยังต้องการให้ข้าไปเมืองหมินเหลียนอีกหรือไม่?”
เย่แจ๋หยิ่ง “ไม่แล้ว”
“เช่นนั้นเหล่าราษฎรล่ะ?” นางถามอีก
เย่แจ๋หยิ่ง “ข้าให้คนอื่นพาพวกเขาจากไปก่อน”
“เช่นนั้นยังพอว่า” พูดจบ คิดไม่ถึงว่านางจะหลอกล้อประโยคหนึ่ง “พระเจ้า สามี ในที่สุดท่านเริ่มมีความคิดแล้ว”
“……”
นางพลิกกลับเป็นกอดเย่แจ๋หยิ่งแน่น มือสองข้างกอดบนชุดเกราะแข็งแกร่งและเย็นเหมือนน้ำแข็ง
เขาซูบลงอีกแล้ว…….
ซูบผอมจนทำให้คนสงสาร ด้วยเหตุนี้ นางเปิดปากอีก
“ข้าอยากทำศึกเคียงบ่าเคียงไหล่กับท่าน ยืนอยู่ข้างกายท่าน เหมือนดั่งตอนเปิดศึกกับคนจากนอกแผ่นดินเช่นนั้น”
“ได้!”
“พวกเราสังหารศัตรูด้วยกัน สังหารคนจากนอกแผ่นดินที่เข้ามารุกรานให้หมดพร้อมกัน”
“ได้!”
“หลังจากที่ชนะสงครามแล้ว สร้างครอบครัวใหม่ด้วยกัน ใช้ชีวิตอิสรเสรีด้วยกัน ตอนนี้คิดดู นั่นก็สวยงามเป็นพิเศษ”
“ได้!”
หลานเยาเยายังพูดประโยคแล้วประโยคเล่าอีก ราวกับว่ามีคำพูดที่พูดไม่จบ เย่แจ๋หยิ่งก็ตอบรับเช่นนั้นตลอด แต่เสียงตอบรับของเขา ค่อยๆเปลี่ยนเป็นแหบพร่าเล็กน้อย แต่เขากลับอดทนสุดๆ ราวกับว่าทุกอย่างล้วนตามนาง เพียงแค่ใจจิตใจของนางจะรู้สึกดีขึ้นได้บ้าง
แต่ค่อยๆ หลานเยาเยากลับน้ำตาคลอเบ้า
เพราะว่านางค่อยๆสังเกตได้ถึงความวิงเวียนศีรษะตาลายเล็กน้อย อีกทั้งความรู้สึกชนิดนี้ยิ่งรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ นางรู้ว่านี่หมายถึงอะไร…….
เริ่มตั้งแต่จดจำความทรงจำทุกอย่างได้ นางก็ไม่เคยป้องกันเย่แจ๋หยิ่ง เพราะทั้งสองเคยพูดว่า ต้องการร่วมเป็นอยู่และตายด้วยกัน เขาตอบรับแล้ว นางชื่นใจเป็นอย่างมาก เพราะว่าเย่แจ๋หยิ่งให้ความสำคัญกับคำสัญญามาโดยตลอด
แต่ตอนนี้…….
นางต้องการผละจากอ้อมกอดของเย่แจ๋หยิ่ง แต่กลับถูกเขากอดไว้อย่างแนบแน่น
“ทำไม…….”
ไม่ใช่ว่าพูดไว้ดีแล้วว่าจะตายก็ตายไปพร้อมกันหรือ?
แต่เขาก็ยังตัดสินใจทำเช่นนี้
เขาไม่รู้ว่าเขาทำเช่นนี้ นางจะเกลียดเขาหรือ?
“เยาเยา การเดินทางแห่งทะเลทราย รสชาติประเภทนั้นที่จ้องมองเจ้าตายไปต่อหน้าข้า ชีวิตนี้ของข้าเย่แจ๋หยิ่งไม่อยากจะสัมผัสอีกแล้ว ยิ่งไม่อยากให้เจ้าสัมผัสความรู้สึกสิ้นหวังถึงกระทั่งเหมือนศพที่เดินได้เช่นนั้น”
เขาทำไม่ได้ที่จะให้หลานเยาเยาตายไปพร้อมกับเขา เขาต้องการให้นางมีชีวิตอยู่ มีชีวิตอยู่อย่างดี ทำเรื่องทุกอย่างที่พวกเขาต้องการทำ ดูแม่น้ำและภูเขาทั้งหมดแทนเขา
“ท่านไม่รู้ว่าคนที่มีชีวิตอยู่เป็นผู้ที่เจ็บปวดเป็นที่สุดเชียวหรือ……”
เสียงของหลานเยาเยาอ่อนลงเรื่อยๆ นางไม่มีทางทำให้ตัวเองตื่นตัวได้ แม้ว่าในระบบการรักษาโรคภัยไข้เจ็บจะมียาถอนพิษทุกชนิด แต่เย่แจ๋หยิ่งกลับเลือกยานอนหลับที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันโดยทำให้นางไม่ทันได้ระวังชนิดหนึ่ง ระบบการรักษาโรคภัยไข้เจ็บก็แก้ไม่ทัน
ตอนนี้เขาทำได้เพียงอย่างเดียว ก็คือให้ตัวเองตื่นตัวจนถึงนาทีสุดท้าย
เย่แจ๋หยิ่งเป็นชายผู้หนึ่งที่สูงใหญ่ผอมเพรียว กอดนางแนบแน่นยิ่งขึ้น และอดไม่ได้ที่จะกล่าวอย่างสึกสะอื้น
“ข้ารู้”
พูดจบประโยคนี้ หลานเยาเยารู้สึกถึงของเหลวอุ่นๆหยดลงบนไหล่ของนาง
นางรู้ นั่นคือน้ำตาที่ไหลลงมาของเย่แจ๋หยิ่ง
เขาร้องไห้แล้ว
ทำการตัดสินใจเช่นนี้ เขาก็เจ็บปวดเป็นอย่างมากสินะ……
เพียงแค่พริบตา เย่แจ๋หยิ่งก็เปิดปากอีกแล้ว
“แต่ข้ายังอยากให้เจ้ามีชีวิตอยู่ ส้งเย่นกุยบอกว่า เจ้าตั้งครรภ์แล้ว”
เมื่อคำพูดนี้ออกไป
หลานเยาเยาน้ำตาไหลในพริบตา ร่างกายสั่นสะท้านอย่างอดไม่ได้
นางเหนื่อยจนแทบทรุดแล้ว เพียงเพื่อสามารถทำให้เหล่าทหารที่อยู่บนสนามรบบาดเจ็บล้มตายน้อยลงหน่อย แบบนั้นเย่แจ๋หยิ่งก็มีแรงช่วยมากขึ้นอีกแรง
และในเวลาสองปีนี้ นางกับเย่แจ๋หยิ่งพบเจอกันน้อยแยกจากกันมาก ดังนั้นก็ไม่มีการไตร่ตรองแม้แต่น้อยว่าจะตั้งครรภ์หรือไม่ และไม่ได้ใส่ใจถึงสภาพร่างกายของตัวเอง……
แต่นึกไม่ถึงว่านางจะตั้งครรภ์แล้ว…….
อีกทั้งยังเป็นเวลาชนิดนี้อีก……
ก่อนที่จะมานางก็แปลกใจ สงครามตึงเครียด แม้ว่าบรรดาแม่ทัพข้างกายองอาจกล้าหาญชำนาญการศึก อีกทั้งยังไม่ขาดแคลนคนที่มีสติปัญญาวางแผนการมากมาย แต่ล้วนจำเป็นต้องให้เย่แจ๋หยิ่งควบคุมสถานการณ์โดยรวม เวลาน้อยมากที่เขาจะอยู่ว่างๆสบายๆ
แม้ว่าจะมี สองคนก็แค่พบหน้ากันอย่างรีบร้อน
ไหนเลยจะเป็นเช่นนี้ อยู่ในศาลา ดื่มเหล้าสนทนาเรื่อยเปื่อย สบายใจเป็นอย่างมาก
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง!
หลานเยาเยาก็หลับสนิทไปในอ้อมกอดของเย่แจ๋หยิ่ง เย่แจ๋หยิ่งยื่นมือไปช่วยเช็ดคราบน้ำตาบนแก้มให้นาง ลูบแก้มของนางเบาๆ
“คนจากนอกแผ่นดินโอบอุ้มจิตใจที่จำต้องตาย คิดต้องการตายไปพร้อมกับพวกเรา จะได้ให้ลูกเด็กเล็กแดงของคนจากนอกแผ่นดินเหล่านั้นมีชีวิตอยู่ต่อบนแผ่นดินผืนนี้ ซ่อนเร้นความสามารถอีกสองร้อยถึงพันกว่าปี จุดประสงค์การเข้าโจมตีของพวกมันก็บรรลุโดยธรรมชาติแล้ว
ข้าไม่สามารถให้เรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นได้ แผนการอย่างเดียวในตอนนี้ สามารถพอที่จะเปลี่ยนแปลงสถานการณ์โดยรวมได้ แต่ข้าจำเป็นต้องทำด้วยตัวเอง ผู้บัญชาการทหารของคนจากนอกแผ่นดินถึงจะเชื่อ ไปครั้งนี้ ข้าจำต้องไร้ศพและไร้โครงกระดูกแน่
ดังนั้น…..
เยาเยา มีชีวิตต่อไปให้ดี เลี้ยงลูกของพวกเราให้ดีๆ”
เย่แจ๋หยิ่งมองดูหลานเยาเยา ในดวงตายังคงรักและเอ็นดูอย่างไร้ที่เปรียบ
เล่าเรื่องเบาๆ ราวกับว่าคำที่ต้องการพูดทั้งชีวิต ล้วนอยากพูดออกมาให้นางฟังทั้งหมดในตอนนี้
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเพียงใด
เย่แจ๋หยิ่งเอียงหน้าเล็กน้อยในที่สุด มองไปทางส้งเย่นกุยที่ได้ปรากฏตัวอยู่ด้านข้างตั้งนานแล้ว พูดเบาๆประโยคหนึ่ง
“พานางไปเถอะ!”
ฉากเมื่อครู่ นึกไม่ถึงว่าจะทำให้ส้งเย่นกุยที่รู้สึกว่าตัวเองยังคงเป็นเจ้าระบบมาตลอด ในใจเกิดความรู้สึกอึดอัดใจเสียใจเป็นอย่างมากชนิดหนึ่ง
เขาเดินเข้ามาช้าๆ
รับหลานเยาเยาจากในอ้อมกอดของเย่แจ๋หยิ่ง ทีแรกหมุนตัวก็ต้องการพาหลานเยาเยาเหาะจากไป แต่เขากลับหยุดฝีเท้าลงโดยอธิบายไม่ได้
“นางฟื้นมาจะต้องเจ็บปวดปานจะขาดใจ”
แต่เย่แจ๋หยิ่งกลับกล่าวตอบ “นางมีเหตุผลที่จะมีชีวิตต่อไป เพื่อลูกที่ยังไม่เกิดมาบนโลก ยังมีเพื่อข้า ข้าจะพยายามมีชีวิตรอดให้ได้ เสพสุขชีวิตครอบครัวที่มีความสุขพร้อมกับพวกเขา”
เมื่อสิ้นสุดเสียง
เย่แจ๋หยิ่งยังจะยิ้มครู่หนึ่งอย่างแท้จริง ราวกับว่าจินตนาการถึงภาพฉากของครอบครัวที่มีความสุข
ส้งเย่นกุยไม่ได้พูดจาอีก พาหลานเยาเยาเหาะจากไปเงียบๆ หลังจากที่เย่แจ๋หยิ่งมองส่งเงาของพวกเขาจนหายไปแล้ว จึงได้ก้าวออกจากศาลา เดินไปทางแม่ทัพไม่กี่คนที่รอเขาอย่างเงียบๆอยู่นานแล้ว