หวนคืนชะตาแค้น - ตอนที่ 535 ลอบฆ่าล้มเหลว (1)
ใบหน้าหล่อเหลาของไท่สื่อเหิงหงิกงอขึ้นมาชั่วขณะ คิดว่าเขาอยู่ในแวดวงยุทธภพแล้วจะไม่รู้เรื่องในราชสำนักอย่างนั้นหรือ ถึงแม้จะห้อยท้ายด้วยตำแหน่งฝ่ายตรวจการ ทว่ากลับเป็นเพียงขุนนางเล็กๆ ระดับแปดเท่านั้น แต่ละวันแค่ตามสืบอย่างลับๆ จากนั้นก็เอาไปทูลรายงานให้ฝ่าบาททรงทราบ ตำแหน่งไม่สูง ไร้ซึ่งอำนาจ แถมยังสร้างความคับแค้นใจให้คนอื่นอีกด้วย ส่วนฝ่ายตรวจการที่คอยออกลาดตระเวนแทนฝ่าบาท หากไม่ผูกมิตรกับข้าหลวงในพื้นที่ ส่วนใหญ่ล้วนดวงซวยถูกไล่ตามฆ่าอีกต่างหาก
มู่ชิงอีเอ่ยเสียงเกียจคร้าน “คุณชายไท่สื่อเร่ร่อนมาทั่วใต้หล้า คิดว่าคงคุ้นเคยกับธรรมเนียม ค่านิยมและสภาพแวดล้อมของแต่ละพื้นที่เป็นอย่างดี ตำแหน่งนี้…น่าจะเหมาะสมกับท่านที่สุดแล้ว”
ไท่สื่อเหิงลอบมองนางอย่างเงียบเชียบแวบหนึ่ง เข้าใจแล้ว จงใจให้ข้าไปสอดแนมแทนเจ้ามากกว่ากระมัง เจ้าพูดตรงๆ ก็ได้ ข้ามีเรื่องที่รู้ตั้งเยอะแยะ!
ไม่ว่าไท่สื่อเหิงจะโอดครวญเพียงใด มู่ชิงอีก็ไม่สนใจเขาเลยสักนิด คนที่ประเคนตัวเองมาส่งถึงที่หากไม่ใช้งานคงขาดทุนแย่ เดิมทีนึกว่าไท่สื่อเหิงหนีไปแล้ว ในเมื่อเขาโผล่กลับมาเองก็อย่าหาว่านางไม่เห็นแก่ความสัมพันธ์ในอดีตเลย
ครั้นเห็นท่าทีใจแข็งของหญิงสาวตรงหน้า ไท่สื่อเหิงเลยทำได้แค่รับกรรมอย่างจำยอม เขาประเคนตัวมาส่งถึงที่เองจะโทษใครได้เล่า
“แต่เหตุใดเนี่ยอวิ๋นถึงสู้จ้าวจื่ออวี้ไม่ได้เล่า” พอเห็นเซี่ยซิวจู๋ถูกจ้าวจื่ออวี้ต้อนไปด้านหลังจากมุมที่ไม่ไกลนัก ไท่สื่อเหิงก็เอ่ยขึ้นอย่างไม่เข้าใจ ถึงแม้ฝีมือวรยุทธ์ของเนี่ยอวิ๋นกับจ้าวจื่ออวี้จะผ่านการสอนมาจากอานซีจวิ้นอ๋องคนก่อน ถึงแม้จ้าวจื่ออวี้จะเป็นลูกชายแท้ๆ ของอานซีจวิ้นอ๋องคนก่อน แต่ความจริงเนี่ยอวิ๋นต่างหากที่เป็นผู้สืบทอดวรยุทธ์ของอานซีจวิ้นอ๋องคนก่อนอย่างแท้จริง
มู่ชิงอีเหลือบมองเขาอย่างหมดคำพูด วรยุทธ์ของไท่สื่อเหิงแย่นักหรือถึงมองไม่ออกว่าเซี่ยซิวจู๋กำลังอ่อนข้อให้จ้าวจื่ออวี้อยู่
วรยุทธ์ของไท่สื่อเหิงย่อมไม่แย่อยู่แล้ว เพียงแต่เขาหาเรื่องคุยก็เท่านั้น ครั้นเห็นจ้าวจื่ออวี้ใช้ฝ่ามือฟาดไหล่ของเซี่ยซิวจู๋ ไท่สื่อเหิงก็เอ่ยเสียงไร้อารมณ์ว่า “ไม่เข้าไปช่วยหรือ ถึงแม้จ้าวจื่ออวี้จะสู้เนี่ยอวิ๋นไม่ได้ แต่หากเนี่ยอวิ๋นเอาแต่เบี่ยงหลบแบบนี้ไปเรื่อยๆ ก็มีความเป็นไปได้ที่จะถูกจ้าวจื่ออวี้ฆ่าตายได้เหมือนกัน” ฝีมือของเนี่ยอวิ๋นเหนือชั้นกว่าจ้าวจื่ออวี้ แต่ความโหดร้ายของจ้าวจื่ออวี้กลับมีมากกว่าเนี่ยอวิ๋น หากไม่ระวังเผลอแทงขึ้นมาจริงๆ ไม่แน่เนี่ยอวิ๋นคงจบชีวิตลงได้
มู่ชิงอีเหลือบมองเขาก่อนเอ่ยถาม “ช่วย? ใครไป…ท่านหรือข้า”
“ช่างเถอะ ถึงอย่างไรเนี่ยอวิ๋นก็เป็นถึงหนึ่งในยอดฝีมือแห่งใต้หล้า เขาจะบาดเจ็บง่ายๆ ได้เช่นไร” ไท่สื่อเหิงแหงนหน้าเหม่อมองท้องฟ้า
มู่ชิงอีกลับไม่เป็นห่วงเนี่ยอวิ๋นเลยสักนิด จ้าวจื่ออวี้มือไม้หนักก็จริง แต่กลับไม่แผ่ไอสังหารออกมาเลย เห็นได้ชัดว่าไม่คิดจะฆ่าเนี่ยอวิ๋นจริงๆ ส่วนเรื่องระบายความโกรธอะไรทำนองนั้น มู่ชิงอีพอจะเข้าใจได้ เพียงแต่… “อานซีจวิ้นอ๋อง ท่านอยากสู้กันจนคนทั่วทั้งเมืองหลวงรู้ว่าพอมาถึงแคว้นเย่ว์ ทูตจากแคว้นหวาก็ยุแหย่หัวหน้ากองทัพประจำการเมืองหลวงเลยหรือ”
ครั้นได้ยินเช่นนั้นจ้าวจื่ออวี้ก็แค่นเสียงก่อนจะถอยห่างออกมา พอเขาเป็นฝ่ายหยุดก่อน เซี่ยซิวจู๋เองก็หยุดเช่นกัน ผละมือออกแล้วมองจ้าวจื่ออวี้ขณะที่ยืนอยู่ในตรอกเล็กนั้น “ศิษย์น้อง”
ถึงแม้จ้าวจื่ออวี้จะเป็นฝ่ายสู้ข่มเซี่ยซิวจู๋มาตลอด แต่เวลานี้สีหน้าของจ้าวจื่ออวี้กลับย่ำแย่กว่าอีก จ้าวจื่ออวี้เก็บดาบก่อนจะเดินเข้ามาจับจ้องมู่ชิงอีเอ่ย “อัครมหาเสนาบดีกู้ช่างเก่งนัก”
มู่ชิงอีเม้มปากยิ้มบาง “ชมกันเกินไปแล้ว”
จ้าวจื่ออวี้แค่นเสียงเบา หมุนตัวหันไปมองเซี่ยซิวจู๋เอ่ย “ในเมื่อท่านเลือกเส้นทางของตัวเองแล้ว เช่นนั้นก็ทำให้เต็มที่ ไม่ว่าเช่นไร…ท่านก็ยังเป็นศิษย์พี่ของข้าเสมอ” พอพูดจบ จ้าวจื่ออวี้ก็หมุนตัวเดินตรงไปข้างหน้าโดยไม่หันกลับมาอีก
ส่วนสามคนที่เหลือต่างเงียบกริบไปพักใหญ่ ไท่สื่อเหิงเอ่ยถามด้วยท่าทีงงงวย “ตกลงเขามาทำอะไรกันแน่” จู่ๆ ก็เป็นฝ่ายลงมือก่อนโดยไม่พูดไม่จา แต่พอสู้ได้ครึ่งเดียวก็ชิ่งหนีไปแล้ว
มู่ชิงอีถอนหายใจเสียงเบา ยิ้มบางกล่าว “อานซีจวิ้นอ๋องน่าสนใจไม่เบา สมแล้วที่เป็นศิษย์น้องของเซี่ยซิวจู๋” เพียงแต่น่าเสียดาย…คนเช่นนี้กลับเป็นคนของฮ่องเต้แคว้นหวา แต่หากคิดจะดึงจ้าวจื่ออวี้เข้าพวก ระยะเวลาสั้นๆ คงไม่สำเร็จแน่นอน
เซี่ยซิวจู๋นิ่งเงียบไม่พูดอะไร เห็นได้ชัดว่าการเจอศิษย์น้องของตัวเองเมื่อครู่ทำให้เขาเศร้าใจอยู่ไม่น้อย
“คุณชาย ฮ่องเต้แคว้นหวา…” เซี่ยซิวจู๋มุ่นคิ้ว หากฮ่องเต้แคว้นหวารู้ว่าเขาอยู่แคว้นเย่ว์ อีกทั้งยังติดตามกู้หลิวอวิ๋น...
มู่ชิงอีส่ายศีรษะกล่าว “ขอแค่ฮ่องเต้แคว้นหวาไม่ได้โง่เขลา เขาคงไม่ทำอะไรจ้าวจื่ออวี้หรอก” บัดนี้แต่ละแห่งมีแม่ทัพชื่อดังประจำแคว้น อย่างเช่นแคว้นเย่ว์มีแค่หนานกงเจวี๋ย ส่วนคนที่แคว้นหวาจะดึงมาชูหน้าชูตาได้ก็มีแค่จ้าวจื่ออวี้ หากคิดๆ ดูแล้วความจริงตอนนี้แคว้นเย่ว์ยังสู้แคว้นหวากับแคว้นเป่ยฮั่นไม่ได้เลย จ้าวจื่ออวี้กับเกอซูฮั่นยังหนุ่มยังแน่น ทว่าหนานกงเจวี๋ยกลับอายุมากแล้ว หากเกิดศึกสงครามขึ้นมาจริงๆ หนานกงเจวี๋ยจะยืนหยัดสู้ได้หรือไม่คงเป็นอีกเรื่อง ทว่าแม่ทัพรุ่นหลังที่อ่อนเยาว์กว่าหน่อยกลับขาดแค่ประสบการณ์เท่านั้น หลายปีมานี้แคว้นเย่ว์ใช้ชีวิตสุขสบายเกินไป
เซี่ยซิวจู๋พยักหน้า หากไม่ทำให้จ้าวจื่ออวี้เหนื่อยไปด้วยก็ดี เขาไม่สนใจเรื่องชื่อเสียงของตนหรือใครคนอื่นเลยสักนิด เขาแค่ไม่อยากหาเรื่องให้ศิษย์น้องที่เติบโตมาด้วยกันพลอยเหนื่อยไปด้วย
เป็นเพราะถูกจ้าวจื่ออวี้ถ่วงเวลาไปไม่น้อย มู่ชิงอีกลับไปถึงจวนตระกูลกู้ก็ฟ้ามืดพอดี แต่เห็นทีวันนี้จะไม่ใช่วันดีจริงๆ ยังไม่ทันถึงประตูจวนก็ได้ยินเสียงลูกธนูดังลอยมากลางอากาศยิงพุ่งตรงเข้ามาหามู่ชิงอีที่อยู่ตรงหน้าสุดพอดี สวบ!
เพราะก่อนหน้านี้มีคำเตือนของหนานกงอี้ หลายวันมานี้เซี่ยซิวจู๋จึงตามประกบข้างกายนางไม่ห่างไปไหน แค่หมุนตัวก็ยกมือขึ้นคว้าธนูที่ยิงพุ่งตรงเข้ามาไว้ได้ในทันที ส่วนไท่สื่อเหิงที่อยู่ข้างกายมู่ชิงอีก็รีบลากตัวมู่ชิงอีมาหลบอีกฝั่ง
จากนั้นคนชุดดำที่กุมมีดไว้ในมือก็โผล่ออกมาจากทุกสารทิศ ก่อนจะล้อมสกัดพวกเขาสามคนอย่างรวดเร็ว
หลังจากกวาดตามองคนชุดดำตรงหน้า มู่ชิงอีก็ไม่รีบร้อนแต่อย่างใด เซี่ยซิวจู๋เองก็ใช้สายตาเย็นชากวาดมองพวกเขา เอ่ยเสียงทุ้มต่ำ “พวกเจ้าเป็นใคร”
“คนที่ต้องการชีวิตของพวกเจ้าอย่างไรเล่า!” คนที่เป็นหัวหน้าตวาดขึ้น “หากรู้งานก็ส่งตัวกู้หลิวอวิ๋นมา แล้วข้าจะไว้ชีวิตน้อยๆ ของเจ้า”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นมู่ชิงอีก็อดกลั้นขำไว้ไม่อยู่ หากคนอย่างเซี่ยซิวจู๋ยังต้องขอให้คนไว้ชีวิต เกรงว่าบนโลกนี้คงเหลือไม่กี่คนที่จะใช้ชีวิตได้อย่างสงบสุขแล้ว
ใบหน้าของเซี่ยซิวจู๋พลันอึมครึม “ไสหัวไป ไม่เช่นนั้นตาย”
ครั้นถูกคนดูแคลน คนชุดดำก็หัวร้อนขึ้นมาทันที “เจ้าเด็กนี่โอหังนัก รับความตายเสียเถิด!” คนชุดดำที่ไฟโทสะปะทุก็ไม่พูดอะไรมาก โบกมือส่งสัญญาณให้คนกลุ่มหนึ่งถาโถมพุ่งไปหาเซี่ยซิวจู๋
เห็นได้ชัดว่าดวงของพวกคนชุดดำไม่ค่อยดีนัก เพราะเซี่ยซิวจู๋ที่ทะเลาะกับจ้าวจื่ออวี้เมื่อครู่อารมณ์ไม่ดีอยู่แล้ว พอยกมือขึ้นหอกสั้นด้ามหนึ่งก็โผล่ออกมาจากแขนเสื้อ จากนั้นในสายตาของทุกคนก็เห็นเซี่ยซิวจู๋ยื่นมือดึงหอกสั้นสีเงินกลายเป็นหอกยาวราวห้าหกนิ้ว เพียงเหวี่ยงเบาๆ ทีเดียวก็ทำลายล้างเป็นวงกว้าง
หอกเป็นราชาของอาวุธทรงยาว ยิ่งใช้เปิดในสมรภูมิโดยเฉพาะท่ามกลางความโกลาหลในสงครามยิ่งเหมาะสมที่สุด ดังนั้นทหารในสงครามจึงนิยมใช้หอกยาวเป็นส่วนใหญ่ แต่กระบวนท่าหอกของทหารทั่วไปกับกระบวนท่าหอกของยอดฝีมืออันดับหนึ่งอย่างเซี่ยซิวจู่นั้นนำมาเปรียบเทียบกันไม่ได้ จากนั้นก็เห็นหอกสีเงินในมือของเซี่ยซิวจู๋เปล่งแสงสีเงินวาดลวดลายไปทั่วทิศโดยไม่มีอะไรมาขวางกั้นได้
ไท่สื่อเหิงคุ้มกันมู่ชิงอีพลางยืนดูพวกเขาสู้กันอยู่อีกฝั่ง เพียงครู่เดียวนักฆ่าที่โจมตีใส่เซี่ยซิวจู๋ก็ล้มระเนระนาดจนทำให้ไท่สื่อเหิงที่เตรียมออกโรงอดรู้สึกหดหู่ที่เป็นถึงวีรบุรุษแต่แสดงวรยุทธ์ให้เป็นที่ประจักษ์ไม่ได้ เห็นเพียงถนนกว้างขวางมีแสงสีเงินประกายวิบวับ เลือดสาดกระเซ็นพร้อมเสียงร้องโอดครวญดังระงม จากนั้นก็ปรากฏภาพคนชุดดำทั้งบาดเจ็บล้มตายนอนกองกันอยู่กระจัดกระจายเต็มพื้น ซ้ำยังไม่มีใครขยับเขยื้อนตัวได้เลย