หลงรักเมียเจ้าเล่ห์ - ตอนที่ 834 ไม่กล้าเผชิญหน้า
ตอนที่ 834 ไม่กล้าเผชิญหน้า
จิดาภาพึ่งจะพูดจบ จันทนีก็รีบเงยหน้าขึ้นมาทันที “ตอนนี้หลักฐานแน่นหนามาก พี่ชายลูกโดนจับไปแล้ว เมื่อเรื่องนี้ถูกตัดสิน พี่ชายของลูกก็จะถูกตัดสินลงโทษ……”
“จิ แม่รู้เรื่องนี้พี่ชายของลูกเป็นคนทำผิดก่อน แต่ว่ายังไงเขาก็เป็นลูกชายของแม่ เป็นพี่ชายของลูก เขารักลูกมากตั้งแต่เด็กๆ จิ ลูกช่วยเขาหน่อยเถอะนะ……”จันทนีมองหน้าจิดาภาแล้วพูด
สีหน้าของจิดาภาดูลำบากใจ ไม่รู้ว่าควรจะทำยังไง
ถ้าเกิดว่าเธอออกหน้าจริงๆ ถ้ายังงั้นระหว่างความสัมพันธ์ของเธอกับพันเดชก็ต้องได้รับผลกระทบแน่นอน ตอนนี้เขาไม่ยอมกลับบ้าน ก็แสดงให้เห็นว่าเขาไม่อยากให้เธอออกหน้า แต่ว่าถ้าเกิดว่าเธอไม่ออกหน้า……
เห็นว่าจิดาภาลังเล จันทนีก็ยืนขึ้นทันที ลงจากเตียง แล้วก็คุกเข่าลงที่พื้น “จิ แม่ขอร้อง ลูกช่วยเปรมหน่อยได้มั้ย?”
“แม่——อย่าเป็นแบบนี้สิคะ!”จิดาภารีบเข้าไปพยุงจันทนี
“ไม่ ถ้าลูกไม่รับปาก แม่ก็จะไม่ลุกขึ้น แม่มีลูกชายแค่คนเดียว แม่ไม่มีเขาไม่ได้!”
“แม่……”
“จิ แม่ขอร้อง ถ้าเกิดว่าลูกพูดกับพันเดช เขาต้องฟังแน่ๆ เขารักลูกขนาดนั้น ยังไงก็ต้องปล่อยเปรมไปแน่นอน!”
“แม่ ลุกขึ้นก่อนแล้วค่อยว่ากัน!” จิดาภาลากจันทนี แต่ว่ายังไงจันทนีก็ไม่ยอมลุกขึ้น
“ไม่ จิ แม่ขอร้อง ช่วยพี่ชายหน่อยได้มั้ย?”
“แม่ ไม่ใช่ว่าหนูจะไม่ช่วย……”จิดาภาไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี
“จิ แม่ขอร้อง ช่วยพี่ชายหน่อยได้มั้ย? เห็นแก่ที่ครอบครัวเราเลี้ยงลูกมาจนโตเถอะนะ ช่วยพี่ชายลูกหน่อย แม่ขอร้อง……”จันทนีมองจิดาภาแล้วขอร้องอ้อนวอน
แต่ว่าหลังจากที่จิดาภาได้ยินประโยคนี้ ก็อึ้งไปทันที
แล้วก็มองไปที่จันทนีด้วยสายตาที่แปลกประหลาด
แต่ว่าจันทนีก็ยังคงอ้อนวอนเธอต่อ “จิ แม่ขอร้อง หรือว่าลูกจะยอมทนมองพี่ชายอย่างโหดร้ายไม่สนใจอะไรได้ยังงั้นเหรอ?!”
ประโยคต่อมาของเธอ ทำให้จิดาภาได้ยินแล้วรู้สึกเวียนหัว
เธอนึกว่า ถึงแม้เลือดจะข้นกว่าน้ำ แต่ว่าเวลามันยาวนานขนาดนี้ ระหว่างพวกเขาจะไม่มีอะไรให้รู้สึกแสลงใจกัน แต่ไม่คิดเลยว่าจันทนีจะกลับพูดอะไรแบบนี้ออกมา……
ในตอนนั้น จิดาภาจะไม่ทุกข์ใจได้อย่างไร
เดิมที ในครอบครัวนี้ เธอก็เป็นคนนอกตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้……
เดิมที ไม่ว่าจะพยายามขนาดไหน เธอก็เป็นได้แค่คนที่ถูกเลี้ยงดูมาเท่านั้น
คำพูดที่จันทนีพูดกับเธอก่อนหน้านี้ มันยังคงชัดอยู่ในหัว
และตอนนี้เมื่อนำเอามาเทียบกันแล้ว เธอก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดว่าอะไรดี……
ตอนที่เธอกำลังใจลอยอยู่นั้น การันต์ก็เดินเข้ามา พึ่งจะเดินมาถึงหน้าประตู ก็เห็นจันทนีคุกเข่าอยู่ที่พื้น
สายตาของเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ มองจิดาภายืนแข็งทื่ออยู่ตรงนั้น เขาก็เหมือนกับว่ารู้แล้วว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้น รีบเดินเข้าไปพยุงจันทนีทันที “นี่เธอทำอะไรเนี่ย?”
“จิ แม่ขอร้อง……ขอร้อง……”จันทนียังคงขอร้องอ้อนวอน เพราะว่าเรื่องของเปรมศักดิ์ ทำให้ท่าทีที่สง่างามและใจกว้างของเธอก่อนหน้านี้หายไปจนหมด เธอดูจนตรอกมาก
จิดาภายืนแข็งทื่ออยู่ตรงนั้น ดวงตาดูแวววาวเล็กน้อย มองหน้าการันต์กับจันทนี แล้วก็รีบช่วยพยุงขึ้นมา
“พ่อ ดูแลแม่ให้ดีนะคะ เรื่องของพี่ชาย เดี๋ยวหนูจะคิดวิธีเอง……”หลังจากพูดจบ ก็มองพวกเขา แล้วจิดาภาก็หมุนตัวแล้ววิ่งออกไปด้านนอกทันที
มองดูแผ่นหลังของเธอจากไป การันต์ก็มีความรู้สึกที่ไม่สามารถอธิบายได้
คำพูดที่อยากจะพูดทั้งหมด ติดอยู่ที่คอ ในเวลาแบบนี้ เขายังจะพูดอะไรได้อีก?
พอเห็นว่าจิดาภาไปแล้ว เขาก็เลยตั้งสติกลับมา มองผู้หญิงที่อยู่ในอ้อมแขน แล้วก็พูดอย่างทำอะไรไม่ได้ “มา ไปนอนลงที่เตียงก่อน!”
……
พอออกมาจากบ้านของตระกูลสวันนีย์ จิดาภาก็นั่งอยู่ในรถ ใจเธอมันสับสนไปหมด ตอนนี้ ฟ้ามืดแล้ว ไฟข้างถนนก็สว่างขึ้น
ผู้คนที่สัญจรไปมาบนท้องถนน ยังคงมีอยู่เหมือนเดิม แต่ว่าไม่ได้เยอะเหมือนตอนกลางวัน
“จอดรถ!”ตอนนี้เอง จู่ๆจิดาภาก็พูดออกมา
คนขับรถหันกลับไปมองจิดาภา แต่จิดาภากลับพูดออกมาแบบนิ่งเรียบ “ฉันอยากลงไปเดินสักพักหนึ่ง คุณกลับไปก่อนเถอะค่ะ!”
“แต่ว่า……”คนขับรถมีสีหน้าลำบากใจ ถึงยังไงมันก็เป็นคำสั่งของคุณหญิงใหญ่ ว่าต้องระวังในทุกๆเรื่อง ดูแลจิดาภาเป็นหลัก
จิดาภากลับยิ้มรอยยิ้มที่สบายใจ “ฉันไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ ก็แค่อยากจะเดินเล่น กินอะไรนิดหน่อย เดี๋ยวฉันโทรหาให้คุณมารับอีกรอบก็ได้!”
คนขับรถถึงได้พยักหน้าอย่างวางใจ จิดาภาลงจากรถ คนขับรถก็พูดว่า “ผมจะรอคุณอยู่ตรงนี้นะครับ!”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ เดี๋ยวจะมีเพื่อนฉันมาด้วย น่าจะค่ำหน่อย เดี๋ยวฉันจะโทรหาคุณเอง!”
“ครับ!”
พอประตูรถปิดลง คนขับรถก็ขับรถออกไป
จิดาภายืนอยู่ข้างถนนคนเดียว
บางเวลา การที่ได้เดินคนเดียว ก็สามารถเปลี่ยนความคิดได้ และก็ทำให้ผ่อนคลายลงมากเหมือนกัน
เธอเดินริมถนนไปช้าๆ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองกำลังคิดอะไรอยู่ ในหัวของเธอปรากฏเรื่องราวมากมาย แต่ว่าสุดท้ายแล้ว ความคิดทั้งหมด ก็ถูกพันเดชลากออกไป พอนึกถึงเขา ใจของเธอก็รู้สึกเจ็บปวดและเป็นทุกข์ เธอไม่รู้เลยว่า ที่พันเดชทำแบบนี้ ก็เพราะว่ากลัวเธอจะทุกข์ใจ ตอนที่เธอรู้ว่าเรื่องทั้งหมดเป็นฝีมือของเปรมศักดิ์นั้น เธอไม่ได้คิดเลยว่า พันเดชรู้ตั้งแต่แรกแล้ว แต่ว่าไม่เคยทำอะไรเลย เพราะว่าเธอ ตอนนี้ ทั้งสองคนไม่เจอหน้ากันแบบนี้ เพราะว่าเขาพยายามหลีกเลี่ยงไม่ให้เธอพูด…… ถอนหายใจ ตอนนี้เอง สายตาของจิดาภาก็จับจ้องไปที่หน้าร้านแห่งหนึ่ง การตกแต่งร้าน ดูละเอียดอ่อนมาก ดูอบอุ่น และหวานหน่อยๆ เป็นร้านขายพวกเครื่องดื่ม ด้านในคนไม่ค่อยเยอะ พอเห็นว่าถูกตาต้องใจ จิดาภาก็เดินเข้าไป “คุณผู้หญิง จะรับอะไรดีคะ?”พนักงานที่สวยงาม ยิ้มหวานและมองหน้าจิดาภา ตอนนี้เอง จิดาภาก็ดูป้ายของพวกเขา แล้วก็ยื่นนิ้วไปชี้ “ฉันขออันนี้แล้วก็อันนั้นด้วยค่ะ!” พนักงานพยักหน้า “ค่ะ ต้องการอะไรเพิ่มอีกมั้ยคะ?” จิดาภาส่ายหน้า “ได้ค่ะ ขอสักครู่นะคะ!” จิดาภาจ่ายเงินเสร็จ แล้วก็หาที่นั่งติดหน้าต่างนั่งรอ หลังจากผ่านไปห้านาที พนักงานก็ถือแก้วเดินเข้ามา “คุณผู้หญิงดื่มช้าๆนะคะ!” จิดาภายิ้มแล้วก็พยักหน้า “คุณผู้หญิง ที่นี่เรามีสติกเกอร์ความปรารถนาทุกคำอธิษฐาน ถ้าแปะลงบนผนังคำอธิษฐานของเรา มันจะเป็นจริงได้นะคะ คุณอยากลองมั้ย?!” คุณผู้หญิงท่านนั้นยิ้มแล้วพูด แล้วก็ชี้ไปที่ผนังที่อยู่อีกด้านหนึ่ง มันเหมือนกับกระดานดำตอนสมัยเรียน บนนั้นมีกระดาษโน๊ตมากมายหลายแบบแปะอยู่ สีชมพู สีฟ้า สีเขียว ดูสวยงามมากเลย ถ้าเกิดว่าเป็นเมื่อก่อน จิดาภาได้ยินเรื่องนี้ ก็จะรู้สึกว่ามันไร้เดียงสามากเลย ของพวกนี้มันมีไว้ให้เด็กเล่นกัน แต่ว่าพนักงานก็พูดว่า “ทุกความปรารถนาคือความรอคอย ต่อให้มันไม่สำเร็จ มันก็จะทิ้งร่องรอยที่สวยงามไว้ในชีวิตของคุณนะคะ!” จิดาภาพยักหน้า พนักงานคนนั้นยิ้ม แล้วก็ส่งปากกาให้พร้อมกับกระดาษโน๊ตสีชมพู จิดาภาหยิบไป แล้วก็ลังเลว่าควรจะเขียนอะไรดี พนักงานก็พูดอีกครั้งว่า “ไม่ว่าจะอะไรก็สามารถเขียนได้ทั้งหมดเลยนะคะ มันจะถูกแปะไว้ด้านบน รอตอนที่คุณกลับมาอีกครั้ง คุณก็ยังจะหาเจอ!” จิดาภายิ้ม แล้วก็เขียนลงไป “ขอให้เขารักเดียวใจเดียว ต่อให้หัวหงอกก็ไม่แยกจากกัน เหมือนที่เคยสาบานเอาไว้ ความรักคงอยู่ชั่วนิรันดร์!” ประโยคนี้ ประโยคแรกมาจาก《หัวขาว》อีกประโยคก็มาจาก《การตีกลอง》ในClassic of Poetry เห็นได้ชัดว่าสองประโยคนี้แสดงให้เห็นถึงความปรารถนาในความรัก แต่จิดาภารู้สึกว่า พอสองประโยคนี้มารวมเข้าด้วยกัน ถึงจะแสดงให้เห็นถึงความรู้สึกของเธอได้ดีมากกว่าเดิม ความรู้สึกที่เธอมีให้พันเดช…… หลังจากเขียนเสร็จ ดูลายมือที่เขียนลงไป จิดาภาก็ยิ้มออกมาโดยอัตโนมัติ “ต้องเขียนชื่อตัวเองด้วยสิคะ หลังจากนั้นก็แปะลงไป จะทำให้ความฝันเป็นจริง!” พนักงานเองก็ยิ้มเหมือนกัน สุดท้าย จิดาภาก็เขียนชื่อตัวเองที่มุมล่างขวา หลังจากนั้นก็เดินเข้าไป แล้วก็แปะไว้ที่กระดานแสนสวยนั้น พนักงานยืนมองอยู่ด้านหลัง ริมฝีปากก็ปรากฏรอยยิ้มแสนหวาน “พรที่คุณขอต้องเป็นจริงอย่างแน่นอนค่ะ!” จิดาภายิ้ม มองไปที่กระดาษใบหนึ่งที่อยู่บนกระดานนั้น ในนั้นเขียนว่า ฉันอยากให้พวกเราอยู่ด้วยกันตลอดไป…… รอยยิ้มที่อ่อนโยนก็ปรากฏขึ้นที่ริมฝีปากของเธออย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ บนนี้ แบกรับความฝันของคนไว้เท่าไหร่กันนะ แต่ว่า แล้วมีกี่คนกันที่มันกลายเป็นความจริง……? สุดท้าย ก็กลับไปที่ที่นั่งของตัวเอง ดื่มเครื่องดื่ม แล้วจิดาภาก็ออกมา ฟ้ามืดแล้ว มีแต่แสงสะท้อนจากโคมไฟ มองไม่เห็นดวงดาวบนฟ้าเลยแม้แต่นิดเดียว แล้วก็ไม่รู้ว่าด้วยว่าพรุ่งนี้สภาพอากาศจะเป็นอย่างไร มีคนบอกว่า ถ้าเกิดว่าในยามค่ำคืนมีดวงดาวอยู่เต็มท้องฟ้า ถ้ายังงั้นวันรุ่งขึ้นท้องฟ้าจะสดใส อากาศดี แต่ว่าไม่รู้ว่า วันพรุ่งนี้ของเธอ จะเป็นยังไงบ้าง…… เธอเดินริมถนนอย่างช้าๆ และก็ไม่ได้โทรหาคนขับรถให้มารับเธอ แล้วในตอนนี้เอง ก็มีรถคันหนึ่งขับเข้ามาใกล้ แล้วก็จอดด้านข้างจิดาภา จิดาภาอึ้งไป แล้วก็มองคนที่ลงมาจากรถ “เคน?” เมื่อก่อนเคนเคยปกป้องเธอ สำหรับผู้ชายที่เย็นชาคนนี้ จิดาภาไม่ใช่แค่ไม่เกลียดเขา ตรงกันข้ามกลับมีความทรงจำที่ลึกซึ้ง เป็นความรู้สึกปลอดภัยอย่างบอกไม่ถูก“คุณจิดาภา!”เคนมองหน้าจิดาภาแล้วก็ทักทายอย่างเรียบๆ “นายมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?”จิดาภาถาม เคนอึ้งไป หลังจากนั้นก็ตอบว่า “ผ่านมา!”จิดาภาก็พยักหน้า แล้วก็พูดว่า “เหมือนว่าไม่ได้เจอนายนานมากเลยนะ!” เคนไม่ได้อธิบายอะไรมากมาย มองหน้าเธอ “คุณ มาคนเดียวเหรอ?” จิดาภาพยักหน้า “เดี๋ยวผมไปส่ง!” “ไม่ต้องหรอก……” “ไม่เป็นไรหรอก ยังไงก็ทางผ่านอยู่แล้ว!” ทางผ่านงั้นเหรอ? ไม่รอให้จิดาภาตอบอะไร เคนก็เปิดประตูรถให้เธอเข้าไปนั่ง จิดาภาก็เป็นไปตามนั้น ขึ้นรถไป เคนก็ขับรถไปอย่างราบรื่นบนท้องถนน “นายยังทำงานอยู่ที่บริษัทCAรึเปล่า?”“ผมไม่ได้ทำงานที่บริษัทCA!” “ไม่ได้ทำงั้นเหรอ? แต่ว่าเมื่อก่อน นายเป็นคนคอยคุ้มครองฉันตลอดไม่ใช่เหรอ?” เคนก็เหมือนรู้ตัว ก็พูดว่า “ประธานพันเดชเป็นคนจ้างผมมาเอง!” “อ้อ ที่แท้ก็แบบนี้เอง!”จิดาภาพยักหน้า ก็ไม่ได้คิดอะไรมากมาย รถแล่นไปเรื่อยๆบนถนน เห็นว่าจิดาภาไม่พูดอะไร สายตาเอาแต่มองไปข้างนอก เคนเหลือบมองเธอ อยากจะถามอะไร แต่ว่าริมฝีปากเขาก็ขยับเพียงเล็กน้อย แต่ว่าก็ไม่ได้พูดอะไร ตอนนี้เอง จิดาภาก็หันหน้ามาพอดี เคนรีบเก็บสายตาของตัวเอง แก้มแดงเล็กน้อย ค่อนข้างน่าอาย จิดาภากลับมองเขา แล้วก็ยิ้ม “มีอะไรอยากจะพูดเหรอ?” เคนส่ายหน้า “เปล่า!” แต่ว่าจิดาภากลับเห็นได้ชัดจากสายตาของเขาว่าเขามีเรื่องที่อยากจะถาม “มีอะไรนายก็พูดออกมาเลยก็ได้ ฉันไม่ใช่พันเดช นายไม่ต้องแกล้งทำเป็นเท่ต่อหน้าฉันหรอกนะ!” ริมฝีปากของเคนกระตุกเล็กน้อย…… หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก็พูดออกมา “คุณ ไม่มีความสุขเหรอ?” ไม่คิดว่า เขากลับมองออกว่าเธอไม่มีความสุขได้อย่างง่ายดาย จิดาภาถามกลับ “ฉันแสดงออกชัดขนาดนั้นเลยเหรอ?” เคนพยักหน้าอย่างจริงใจ เพราะถ้าเกิดว่าไม่ใช่ว่าเธอไม่มีความสุขล่ะก็ ริมฝีปากของเธอต้องมีรอยยิ้มอยู่ตลอดเวลา แต่ว่าตอนนี้ เธอดูเศร้าเล็กน้อย จิดาภากลับยิ้มอย่างขมขื่นออกมา “ไม่มีอะไรหรอก ฉันแค่รู้สึกว่าบนโลกใบนี้ มีปัจจัยอะไรเยอะแยะมากมายเต็มไปหมด ที่จะมาทำลายภาพในใจของนาย!”ประโยคนี้ ไม่รู้ว่าบอกเคน หรือว่าบอกตัวเองกันแน่ เคนไม่รู้ว่าจะเอาคำพูดไหนมาปลอบ หลังจากอึดอัดอยู่นาน ก็พูดออกมาประโยคหนึ่ง “ยังไงมันก็ต้องผ่านไป!” ทุกอย่าง มันจะผ่านไปเสมอ จิดาภาเองก็เชื่อแบบนั้นเหมือนกัน บนโลกใบนี้ ไม่มีอะไรที่ไม่ผ่านไปหรอกนะ “ขอบคุณคำพูดปลอบใจของนายมากนะ!”จิดาภาหัวเราะและพูดออกมา เคนก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ ตั้งใจขับรถต่อไป……บ้านตระกูลฐิตานันท์ คุณหญิงใหญ่กระวนกระวายอยู่ในบ้านตั้งนานแล้ว โทรหาจิดาภาไม่ติด คนขับรถก็ทิ้งจิดาภาไว้แล้วก็กลับมา เธอจะไม่เป็นห่วงได้ยังไง คนขับที่ไร้ความผิดก็โดนตำหนิ ตอนที่รถมาจอดอยู่ที่หน้าบ้าน จิดาภาก็มองเขา “ขอบคุณนะเคน!” เคนกลับไม่ได้พูดอะไร ขับรถออกไปเลย จิดาภาเคยชินกับท่าทางเย็นชาของเขาแล้ว แล้วก็ไม่ได้รู้สึกว่ามันไม่ได้ไม่เหมาะสมอะไร ในทางตรงข้ามเธอกลับรู้สึกว่ามันน่าสนใจดีสะด้วยซ้ำ พอเห็นว่ารถขับออกไปไกลแล้ว เธอก็เดินเข้าไปในบ้าน พอคุณหญิงใหญ่ได้ยินเสียง ก็เดินออกมาทันที เห็นว่าจิดาภายังคงสบายดี ก็เลยวางใจ “จิ กลับมาสักที ย่าตกใจจะแย่อยู่แล้ว!” เห็นว่าคนขับรถตามมาด้านหลัง จิดาภาก็ได้รู้ว่า ทำให้พวกเขาเป็นห่วงสะแล้ว “คุณย่า ขอโทษด้วยนะคะ ตอนนั้นหนูอยากกินอะไรหน่อย ก็เลยกลับมาเย็นเลย!”จิดาภาขอโทษ มองไปที่คนขับรถด้านหลังที่โดนดุจนไม่เงยหน้าขึ้นมา จิดาภาก็รู้สึกอยากขอโทษเหมือนกัน “หนูเนี่ยนะ ครั้งหน้าถ้าจะกลับดึกก็ต้องโทรหาย่าด้วย ไม่ยังงั้นย่าเกือบจะวิ่งออกไปตามหาหนูแล้วเนี่ย!”คุณหญิงใหญ่พูด “ได้ค่ะ หนูรับรอง จะไม่มีครั้งหน้าอีกแล้ว!”จิดาภายิ้มแล้วพูดออกมา หลังจากคุณย่า “ดุ”สองประโยค ก็เลยยอมปล่อยเธอไป…… ทางฝั่งเคน ขับรถออกไปได้ไม่นานเท่าไหร่ ก็หยิบโทรศัพท์ออกมา แล้วโทรออก “ส่งคุณจิดาภากลับเรียบร้อยแล้วครับ!” หลังจากได้ยินอีกฝ่ายพูดนั้น มองจุดสีแดงบนนาฬิกา แล้วก็วางใจ เขาตอบอืมแค่คำเดียวแล้วก็วางสาย และคำพูดของจิดาภานั้น เดิมที่เคนก็อยากจะบอกเขา แต่ว่ายังไม่ทันจะได้พูดออกมา สายก็โดนตัดไปสะก่อน เขาก็เลยยอมแพ้ ในห้องทำงาน พันเดชนั่งอยู่ตรงนั้น มองรูปที่อยู่บนโต๊ะ เริ่มดึกแล้ว ดวงจันทร์ย้ายจากทิศตะวันออกไปทิศตะวันตกแล้ว แต่ว่าเขายังคงเอาแต่นั่งอยู่ในห้องทำงาน เขาจะกล้ากลับไปดูเธอแค่ตอนที่เธอหลับไปแล้วเท่านั้น…… จิ เธอโทษฉันมั้ยนะ? ความจริงแล้ว เรื่องที่เกิดขึ้นกับบริษัทธีร์อธิศ ถ้าเกิดว่ามีบริษัทที่มีความสามารถเพียงแค่เล็กน้อยยืนขึ้น ก็คงไม่ตกอับจนถึงขั้นนี้ แต่น่าเสียดาย ที่ไม่มีใครยอมลุกขึ้น แม้แต่ดัมพ์รงค์ก็ยังมองอย่างเย็นชา ปฏิเสธที่จะยื่นมือ ตอนนี้ที่โชคดีก็คือ กชกรกับเปรมศักดิ์หย่ากันแล้ว ไม่ยังงั้นคนที่จะต้องลำบากก็คือกชกร สำหรับการันต์กับจันทนีนั้น ดัมพ์รงค์ไม่มีอะไรจะพูด แต่ว่า เปรมศักดิ์…… ผู้ชายคนนี้เองที่ทำร้ายกชกรให้จากพวกเขาไป ไปในที่ไกลๆ คนที่เคยทำร้ายกชกร เขาจะยอมยื่นมือไปช่วยได้ยังไง กชกรกับชนัณก็เห็นแล้ว ก็ไม่สนใจเหมือนกัน แม้แต่การันต์เป็นคนโทรมาด้วยตัวเอง ก็โดนปฏิเสธกลับมาเหมือนกัน ตอนนี้ ทุกคนต่างก็มองดูสถานการณ์ แต่ว่าไม่มีใครยอมยื่นมือออกมาช่วยเลย เกิดเรื่องขึ้นกับเปรมศักดิ์ บริษัทธีร์อธิศก็โกลาหลทันที จนถึงตอนนี้เขายังไม่ได้ออกมา บริษัทธีร์อธิศตกอยู่ในสถานการณ์วิกฤตแล้ว การันต์ยังคงต้องอุ้มเรื่องของเปรมศักดิ์ด้วย แล้วก็ต้องจัดการเรื่องบริษัทธีร์อธิศด้วย ไม่มีทางเลือก หลายปีมานี้ เขายุ่งกับเรื่องของบริษัทธีร์อธิศน้อยมากๆ เพราะฉะนั้นเรื่องบางเรื่อง ก็ค่อนข้างจะยุ่งยาก วันนี้ เปศลนั่งอยู่ตรงนั้นอ่านหนังสือพิมพ์ ไม่ได้เจอหลายวัน ใบหน้าที่แข็งแกร่งและเด็ดเดี่ยวดูแห้งเหี่ยวกว่าเมื่อก่อนเล็กน้อย แต่ว่าใบหน้าแห่งการควบคุมยังคงอยู่ อ่านข่าวพวกนั้น สำหรับเรื่องราวที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ เขาก็รู้หมดนั่นแหละ แต่แค่ไม่คิดเลยว่า เรื่องราวมันจะขยายจนมาถึงขั้นนี้ได้ ต้องรู้ว่า ถ้าเกิดว่าเปรมศักดิ์สู้กับพันเดช คนที่ต้องทุกข์ใจมากที่สุดก็คือจิดาภา…… เขาไม่ได้สนใจว่าเรื่องของพวกเขาจะเป็นยังไงเลย แต่เขาปวดใจที่จิดาภาที่เป็นคนกลางต้องทุกข์ใจ “ตอนนี้เรื่องราวเป็นยังไงบ้าง?” “เปรมศักดิ์ยังไม่ได้ออกมา การันต์กำลังไปหายืมเงินทุนอยู่ทั่วทุกที่!”ปวีร์รายงานตามความจริง เปศลเงียบ เหมือนกับว่ากำลังคิดอะไรอยู่ ตอนนี้เอง ปวีร์พูดอย่างรู้สึกไม่เป็นธรรม “พวกเขาไม่เคยคิดเลยว่า การทำแบบนี้ คนที่จะทุกข์ใจมากที่สุดคือใคร!” เห็นท่าทางโกรธของปวีร์ เปศลก็พูดออกมา “โอนเงินสิบล้านให้บริษัทธีร์อธิศ!” พอได้ยินดังนี้ ปวีร์ก็ตะลึง “เปศล!”“ทำตามที่ฉันบอก!” “คุณทำแบบนี้ พวกเขาก็อาจจะไม่ได้รู้สึกขอบคุณหรอกนะ!” “ฉันทำแบบนี้ ก็ไม่ใช่เพื่อที่จะให้พวกเขารู้สึกขอบคุณหรอกนะ!” แต่ว่าเพื่อจิดาภา “แต่ว่า……” “ไปทำเถอะ!”ปวีร์ยังคงพยายามเกลี้ยกล่อมเปศล ต่อให้เขาทำแบบนี้ จิดาภาก็ไม่รู้อะไรหรอก ทำแบบนี้มันคุ้มค่าจริงๆเหรอ? เห็นท่าทีแน่วแน่ของเปศล ปวีร์ก็รู้ว่าพูดอะไรไปก็ไม่มีประโยชน์ สุดท้ายก็พยักหน้า แล้วก็ไปทำตามคำสั่ง