หลงรักเมียเจ้าเล่ห์ - ตอนที่ 828 คุณคือคนสำคัญที่สุด
ตอนที่ 828 คุณคือคนสำคัญที่สุด
ผู้อำนวยการนิศัพท์หันมามอง ขมวดคิ้วขึ้น “ใครอยู่ตรงนั้นน่ะ?”
จิดาภาตกใจตะลึง รีบหลบทันที หลังของหล่อนแนบชิดกับกำแพง พยายามตั้งสติให้ใจเย็นลง!
ถ้าถูกผู้อำนวยการนิศัพท์จับได้ ผลที่ตามมาจะเป็นเช่นไร หล่อนพอจะคาดเดาได้
แต่เรื่องบังเอิญก็เกิดขึ้นในขณะเดียวกันมีรถแท็กซี่ขับมาทางหล่อนพอดี หล่อนคิดอยู่สักพัก จากนั้นรีบวิ่งขึ้นรถไป
ผู้อำนวยการนิศัพท์กับกุนต์รีบวิ่งตามไป ถ้าคนอื่นได้ยินเรื่องนี้ เขาแทบไม่อยากคิดถึงผลที่ตามมา!
แต่เมื่อพวกเขาวิ่งมาถึง รถคันนั้นก็จอดพอดี จิดาภารีบเปิดประตูออก กระโดดขึ้นรถ “ลุงคะ รีบออกรถเลยค่ะ!”
คนขับรถไม่รีรอ รีบขับออกไปทันที
กุนต์วิ่งตามรถไป แต่สุดท้ายก็ทิ้งระยะห่างไปไกล
จากนั้นไม่นาน รถคันนั้นก็หายลับไปจากสายตาพวกเขา
ผู้อำนวยการนิศัพท์อายุเยอะแล้ว เมื่อเขาเดินมาถึง รถคันนั้นก็หายไปแล้ว “เกิดเรื่องได้ยังไง? เป็นใครกัน?”
สีหน้าของกุนต์ไม่สู้ดีนัก เขาหันหลังไปมองนิศัพท์ด้วยสีหน้าช้ำใจ
“นายเป็นอะไร? พูดสิ!”ผู้อำนวยการนิศัพท์พูด
“คนนั้น ดูเหมือนใครบางคน…”
“ใครล่ะ?”
“จิดาภา…”
เมื่อได้ยินชื่อนี้ นิศัพท์ขมวดคิ้วขึ้นทันที “นายหมายถึงภรรยาของพันเดช?”
กุนต์พยักหน้าด้วยความเกร็ง
สีหน้าของผู้อำนวยการนิศัพท์แย่ลงทันที เขายืนครุ่นคิดอยู่ที่เดิม “ช่างเถอะ ตอนนี้ทำตามนี้ไปก่อน ถ้าไม่มีเรื่องอะไรแล้ว เราไม่ต้องเจอกันชั่วคราว!” เมื่อพูดจบ ผู้อำนวยการนิศัพท์มองไปรอบๆ จากนั้นเดินออกไปอีกด้านหนึ่ง
เมื่อกุนต์เห็นว่าเขาเดินออกไปแล้ว จึงรีบเดินแยกออกไปอีกทางทันที…
…..
บนรถ
เมื่อเห็นว่าไม่มีใครตามมาแล้ว จิดาภาจึงถอนหายใจโล่งอก
ทันใดนั้น เสียงเรียกเข้ามือถือของหล่อนดังขึ้นอีกครั้ง เมื่อเห็นหมายเลขโทรศัพท์เป็นพันเดช หล่อนจึงรีบรับสาย “ฮัลโหล…”
“จิ คุณอยู่ไหน?” พันเดชถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล
“ฉัน ฉันอยู่ด้านนอก!”
พันเดชรู้สึกได้ถึงความผิดปกติ ขมวดคิ้วพูดต่อ “เป็นอะไร? เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
ความอ่อนไหวของเขา ไม่ได้เป็นเพียงความอ่อนไหวแบบคนทั่วไป“ฉันมีเรื่องจะบอกคุณ สำคัญมาก ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน?”“อยู่ที่บริษัท!”“คุณรอฉันก่อนนะ ฉันกำลังไปหา!”“คุณอยู่ที่ไหน? เดี๋ยวผมไปรับ!” พันเดชยิ่งฟังยิ่งรู้สึกไม่วางใจ“ไม่เป็นไร ตอนนี้ฉันอยู่บนรถแท็กซี่ เดี๋ยวก็ถึงบริษัทแล้ว คุณรอฉันอยู่ที่บริษัทก็พอ!” จิดาภากล่าว“โอเค มีเรื่องอะไร ติดต่อผมมาได้ตลอดนะ!” พันเดชกล่าว“ค่ะ!” หลังจากวางสายไป พันเดชยังคงรู้สึกไม่สบายใจ เขาครุ่นคิดไปมา พลางมองนาฬิกาข้อมือ ท้ายสุด เขายืนขึ้น หยิบกุญแจรถและเดินออกไปจิดาภากำมือถือไว้แน่น สายตามองออกไปนอกหน้าต่าง ใจเต้นรัว พยายามทำใจให้เย็นลง…ในขณะเดียวกันนั้น จู่ๆรถก็เหยียบเบรกกะทันหันจิดาภาตกใจมาก มองไปที่คนขับ “เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”คนขับไม่พูดอะไร เพียงแต่หันมามองจิดาภาจิดาภามองตรงไปด้านหน้า เห็นเพียงรถคันหนึ่งจอดอยู่ตรงหน้า จากนั้น มีใครบางคนลงมาจากรถ กลับทำให้จิดาภาใจเต้นแรงอีกครั้งพันเดชลงมาจากรถ เดินตรงมาที่รถคันนี้ เขาเปิดประตูออก จิดาภามองเขาด้วยความตกตะลึง“ลงมา!” พันเดชกล่าวจิดาภาลงมาจากรถ มองหน้าพันเดช จากนั้นหล่อนอดใจไม่ไหว เขย่งเท้าโอบกอดพันเดช กอดเขาอย่างแนบแน่น…พันเดชมองตรงมาที่หล่อน จากนั้น อุ้มหล่อนขึ้นไปบนรถทันทีนี่ถือเป็นครั้งแรกในที่สาธารณะ ที่จิดาภาไม่ผลักเขาเพื่อให้วางหล่อนลง จนกระทั่ง เขาวางหล่อนลงในรถ จากนั้นเขาเข้าไปนั่งด้านข้าง ลูบแก้มหล่อน “ไม่เป็นไรแล้วนะ!”จิดาภาจึงจะใจเย็นลง พยักหน้า“คุณรู้ได้ยังไงว่าฉันอยู่ในรถคันนี้!?” จิดาภามองหน้าเขาพลางถามขึ้นพันเดชค่อยๆยื่นมือออกมา จับมือของจิดาภาไว้ ยกขึ้นมา มองไปที่นาฬิกาข้อมือของหล่อนจิดาภาจึงนึกขึ้นมาได้ นาฬิกาข้อมือของหล่อน!ก่อนหน้านี้พันเดชได้สั่งทำนาฬิกาพิเศษให้หล่อน เพื่อคอยดูความปลอดภัย เมื่อนึกเรื่องนี้ขึ้นมาได้ หล่อนจึงรู้สึกสบายใจขึ้นมาทันทีพันเดชมองหล่อน สายตาเป็นกังวลมาก “สรุปว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่? บอกผมไหม?”จิดาภามองหน้าเขา เล่าเรื่องทั้งหมดที่ได้ยินเมื่อครู่ให้เขาฟัง หลังจากที่ได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของเดชนิ่งไปทันที“คิดไม่ถึงเลยว่าเรื่องนี้จะเป็นฝีมือของผู้อำนวยการนิศัพท์ที่สั่งให้กุนต์ลงมือทำ!” จิดาภากล่าว “น่าเสียดายที่ตอนนั้นฉันมัวแต่ตั้งใจฟัง ลืมอัดเสียงไว้…”จิดาภายังไม่ทันพูดจบ พันเดชกลับลูบหน้าของหล่อนก่อนสายตามองหล่อนด้วยความลึกซึ้ง “จิดาภา คุณรู้ตัวบ้างรึเปล่า ว่าคุณเป็นคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์!” เมื่อถูกพันเดชพูดมาเช่นนี้ และยังใช้สายตาเช่นนี้มองหล่อน จิดาภาจึงนิ่งตะลึงไป ได้แต่กระพริบตามองเขา“คนอย่างผู้อำนวยการนิศัพท์ทำได้ทุกอย่าง ถ้าเมื่อครู่เขาเห็นคุณขึ้นมา ผลที่ตามมาผมไม่อยากคิดเลย คุณรู้บ้างไหม?”พันเดชพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งขรึมจิดาภาเข้าใจดีตอนนั้น หล่อนกลัวมากขนาดไหน จึงไม่แปลกที่เมื่อพันเดชปรากฏตัวขึ้น หล่อนจึงกระโดดกอดเขาเช่นนั้น เพื่อหาความอุ่นใจ แต่ตอนนี้ ถูกพันเดชมองด้วยสายตาเช่นนี้ จิดาภาจึงเพิ่งรู้ว่า หล่อนสำคัญมากแค่ไหนสำหรับเขา “ขอโทษนะ ตอนนั้นฉันแค่อยากตามกุนต์ไปดูเฉยๆ คิดไม่ถึงว่าเขาจะไปหาผู้อำนวยการนิศัพท์ มันเป็นแค่เรื่องบังเอิญ…ทำให้คุณต้องเป็นห่วงเลย!”“จิดาภา ผมแค่อยากให้คุณรู้ว่า ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ไม่สำคัญเท่าคุณ ดังนั้น ไม่ว่าคุณจะทำเพื่ออะไรก็ตาม ต่อไปห้ามทำเรื่องที่อันตรายแบบนี้อีก!” พันเดชมองหน้าจิดาภาพลางพูดขึ้น เมื่อนึกถึงเรื่องที่หล่อนเล่าให้ฟัง เขาจึงกลัวขึ้นมา ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นมาจริงๆ เขาคงเสียใจไปตลอดชีวิต เมื่อเห็นท่าทางอันเป็นกังวลของพันเดช จิดาภารู้สึกอุ่นใจขึ้นมา หล่อนพยักหน้าลง “ฉันสัญญา!”พันเดชจึงจะสบายใจ เอื้อมมือโอบกอดหล่อน กอดหล่อนไว้ในอ้อมอกอย่างแนบแน่น จนรู้สึกได้ถึงอุณหภูมิในตัวหล่อน เมื่อมีหล่อนอยู่ข้างๆ พันเดชจึงจะรู้สึกสบายใจจิดาภาซบอยู่ที่อกเขา เงยหน้าสบตามอง จากนั้นกอดเขาด้วยความสุขใจปิ๊นๆเสียงบีบแตรดังขึ้นทันใดนั้นมีคนโผล่หน้าเข้ามา “นี่ พวกนายจะไปหรือไม่ไป รู้ไหมทำแบบนี้ทำให้รถติด?”จิดาภาเงยหน้ามองพันเดช “นี่คุณ ขับออกไปได้แล้ว เดี๋ยวรถติดนะคะ!”พันเดชยังอยากจะกอดหล่อนต่อ แต่เมื่อเหลือบมองดดูด้านนอก รถใกล้จะติดแล้วจริงๆ ถ้ารอต่อไป คงจะออกไปยาก จากนั้นเขาจึงยอมปล่อยจิดาภาออก และขับรถต่อตลอดทางที่พันเดชขับรถ จิดาภามองเขาพูดขึ้น “ในเมื่อรู้เรื่องนี้แล้ว คุณคิดจะทำยังไงต่อ?” “อะไรเหรอ?”“ก็เรื่องกุนต์กับผู้อำนวยนิศัพท์ไง!”เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ สายตาของพันเดชที่มองไปตรงหน้า กลับนิ่งขรึมทันที “ผมคิดดูก่อน!”“อันที่จริง กุนต์เขาน่าสงสารนะ แต่ทำไมถึงคิดไม่ถึงเลยว่า เขาจะลงมือทำแทนผู้อำนวยการนิศัพท์”“ลูกชายของเขากำลังจะเข้ารับการผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจ ต้องใช้เงิน เขาจึงเลือกที่จะทำแบบนี้!” พันเดชพูดอธิบายด้วยเสียงนิ่งเรียบเมื่อได้ยินเช่นนั้น จิดาภาตะลึงไปทันที หันไปมองพันเดช “คุณรู้ได้ยังไง?” แต่เมื่อคิดดูแล้ว จู่ๆหล่อนก็คิดบางอย่างออก “คุณรู้มานานแล้ว?”“รู้ก่อนคุณไม่นาน!”พันเดชกล่าว หันมาเหลือบมองหล่อน เขาแอบพูดในใจ และรู้เรื่องมากกว่าขึ้นนิดหน่อย…“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้…”จิดาภาพูดต่อ จากความฉลาดหลักแหลมของพันเดช เขาคงคิดแผนไว้แล้ว “แล้วคุณคิดจะทำยังไงต่อ?”“วันนี้ลูกชายของกุนต์ผ่าตัด รอให้เรื่องนี้ผ่านไปก่อนแล้วค่อยว่ากัน…” แน่นอนว่า เมื่อเห็นสภาพของลูกชายเขา จิดาภารู้สึกเห็นใจ อ่อนไหวขึ้นมาทันที แต่ต้องแยกแยะให้ได้ว่าเรื่องไหนควรทำไม่ควรทำ กุนต์ทำเรื่องแบบนี้ ไม่ว่ายังไงก็ไม่ถูกต้อง แต่บริษัทCAก็ต้องมีสักวันที่จะต้องมีคนมารับช่วงต่อ เพียงแต่คิดไม่ถึงเลยว่า พันเดชจะให้เวลากุนต์จิดาภามองพันเดชด้วยสายตาที่อ่อนโยน“พันเดช ฉันว่าคุณเปลี่ยนไปนะ!”“เปลี่ยนไปยังไงเหรอ?” พันเดชยิ้มเจื่อน“เปลี่ยนไป เอ่อ…”จิดาภายกแขนขึ้นมาเท้าคาง หล่อนมองหน้าพันเดช พยายามสรรหาคำมาพูดอธิบาย จากนั้นจึงพลั้งปากพูดขึ้น “ยิ่งอยู่ยิ่งมีน้ำใจ!”น้ำใจ?สองวันก่อนเจ๊กก็พูดแบบนี้กับเขาเช่นกัน“แล้วการเปลี่ยนแปลงแบบนี้ มันดีหรือไม่ดีล่ะ?” พันเดชย้อนถาม“ต้องดีสิ อย่างน้อย ก็ไม่ได้เป็นพันเดชที่เย็นชาอีกต่อไปแล้ว…” จิดาภาพูดพลางมองเขาด้วยสายตาทีรักและเอ็นดูพันเดชหันข้างมองหน้าสบตากับหล่อน จากนั้นเบี่ยงสายตาออก มองตรงไปด้านหน้า พลางยื่นมือออกไปจับมือของจิดาภาไว้ อยากจะพูดบางอย่าง แต่แววตากลับดูลังเล…จิดาภาออกแรงจับมือเขา นั่งพิงลงไป จนรู้สึกผ่อนคลาย “จิ…”“คะ?”ถ้าผมทำเรื่องอะไรลงไป คุณจะให้อภัยผมไหม?คำถามที่อยากถาม แต่กลับพูดวนอยู่ในใจหลายรอบ สุดท้ายก็ไม่ได้ถาม เขารู้ดีว่า ถ้าเขาถามไปแบบนั้น ด้วยไหวพริบของเขา คงต้องรู้สึกไม่ดีแน่นอนสุดท้าย เขายิ้มและยื่นมือไปกอดจิดาภามาไว้ในอ้อมอก จูบลงที่ฝ่ามือของหล่อน พูดขึ้น “ไม่มีเรื่องอะไรที่สำคัญไปกว่าคุณเลยนะ…”เมื่อได้ยินเขาพูดเช่นนั้น จิดาภาจึงยิ้มขึ้นคำพูดที่แสนสวยงามจิดาภามองเขา ยิ้มและจับมือของเขาไว้ “คุณก็เหมือนกัน ไม่มีอะไรสำคัญไปมากกว่าคุณอีกแล้ว!”ประธานพันเดชจะทำยังไง?