หลงรักเมียเจ้าเล่ห์ - ตอนที่ 820 เตรียมจากไป
ตอนที่ 820 เตรียมจากไป
และในตอนนี้เอง เปรมศักดิ์ก็เดินหลับมา เปิดประตู ก็เห็นจันทนียืนอยู่ด้านใน สุดท้ายสายตาของเขาก็จ้องไปที่เอกสารในมือของเธอ
จันทนีเองก็อึ้งไปเหมือนกัน ไม่คิดเลยว่าเปรมศักดิ์จะกลับมาเร็วขนาดนี้
“เปรม……”จันทนีเรียก
เปรมศักดิ์เดินเข้าไปอย่างใจเย็นละสงบ “แม่ ทำไมถึงมาที่นี่ได้ครับ? ”
“เรื่องใหญ่ขนาดนี้เลยเหรอ? ทำไมไม่บอกแม่ แล้วยังจะปิดบังแม่อีก? ” จันทนีถาม ไม่ปกปิดอีกต่อไป ในเมื่อรู้แล้วก็คือรู้แล้ว
“แม่ อย่ามายุ่งเรื่องนี้เลย! ”ตอนที่พูดอยู่นั้น เปรมศักดิ์ก็เดินเข้าไป แล้วหยิบเอกสารมาแล้วก็โยนไปด้านข้าง
“เปรม!”
“แม่! ” ทันใดนั้นเปรมศักดิ์ก็ขึ้นเสียง ทั้งห้องทำงานก็เงียบลง จันทนีเองก็โดนควบคุมไปเหมือนกัน
เหมือนกับว่าเปรมศักดิ์จะรู้ตัวว่าทำเกินไปหน่อย หันไปมองด้านข้าง เก็บเสียงให้เป็นปกติแล้วพูดออกมา “เรื่องนี้ให้ผมเป็นคนแก้เองได้ไหม? ”
น้ำเสียงของเขาดูตื่นเต้น พยายามเก็บอารมณ์ และก็ไม่มีทางเลี่ยงเหมือนกัน
จันทนียืนอยู่ด้านหลังของเขา มองเขา สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไรแล้วเดินออกจากห้องทำงานไป
ในห้องทำงานนั้น ก็เหลือเปรมศักดิ์อยู่เพียงแค่คนเดียว ในห้องนั้นเงียบมาก ทำให้ในใจของว่างเปล่ามากยิ่งขึ้น ไม่มีอะไรเลย สุดท้ายเขาก็นั่งลงบนโซฟา เอานิ้วเสยผมหนาๆ ของตัวเอง……
จิดาภาพอได้ยินเรื่องนี้ ก็ตะลึงไปเหมือนกัน
ไม่เคยคิดเลยว่า จะเป็นผลลัพธ์แบบนี้ เดิมทีเรื่องที่นึกว่ามันสงบลงแล้ว กลับยังไม่จบ
มองจันทนี จิดาภาก็ปลอบ “แม่ อย่าพึ่งกังวลไปเลยค่ะ บางทีเรื่องนี้อาจจะไม่ได้รุนแรงเหมือนที่คิดไว้ก็ได้! ”
“แม่เองก็ไม่ได้อยากคิดเยอะหรอก แต่ว่านี้กชกรเซ็นต์แล้ว สรุปแล้วมันเรื่องอะไรกันแน่ ถึงทำให้วุ่นวายถึงขั้นหย่าได้! ”จันทนีพูด ดูเป็นกังวลมาก ตอนแรกนั้น เธอก็รู้อยู่แล้วว่าเรื่องราวมันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น เรื่องที่กังวล สุดท้ายมันก็เกิดขึ้นจริงๆ
จิดาภามองจันทนี ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี
เดิมทีก็คิดว่าถ้าเกิดว่าผ่านวันนั้นไป กชกรก็คงจะโล่งใจแล้ว แต่ไม่คิดเลยว่าจะตัดสินใจแบบนี้
“หนูจะไปคุยกับกชกรหน่อย แม่ อย่าร้องไห้ค่ะ! ”จิดาภาพูด
“จะคุยยังไงล่ะ เธอเปลี่ยนเบอร์แล้ว หาไม่เจอหรอก! ” หลังจากที่รู้เรื่องนี้ สิ่งแรกที่เธอทำก็คือโทรไป แต่ว่าโทรไม่ติด
“แล้วที่ตระกูลธนาโชล่ะ? ”
“ก็โทรไม่ติดเหมือนกัน ดูเหมือนว่า ดัมพ์รงค์จงใจทำแบบนี้ สรุปแล้วมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?! ” จันทนีมองหน้าจิดาภาแล้วถามออกมา เห็นพวกเขาดูลึกลับ แสดงว่าต้องมีเรื่องอะไรแน่นอน
จิดาภามองหน้าเธอ ไม่รู้ว่าควรจะตอบยังไงดี เรื่องแบบนี้ มันยากที่จะเปิดปากพูด……
ถ้าเกิดว่าแม้แต่เบอร์บ้านของตระกูลธนาโชก็ยังโทรไม่ติด แสดงว่าดัมพ์รงค์ก็คงรู้เรื่องนี้แล้วอย่างแน่นอน จิดาภาคิดอยู่ครู่หนึ่ง ทันใดนั้นก็คิดได้ว่ามีอยู่คนหนึ่งที่สามารถช่วยได้
ในร้านกาแฟ
กชกรนั่งอยู่ที่โต๊ะติดหน้าต่าง สวมใส่ชุดลำลอง ปล่อยผมไม่ยาวและไม่สั้นไว้ทางด้านหลัง ด้านหน้ามีแก้วกาแฟวางอยู่แก้วหนึ่ง แสงแดดส่องเข้ามา ทำให้เธอดูเฉื่อยชาเป็นพิเศษ
เหมือนกับว่าจะร้อนใจเล็กน้อย เธอมองนาฬิกาข้อมือ แล้วในตอนนี้เอง จิดาภาก็เดินเข้ามา
ตอนที่เห็นเธอนั้น สายตาของกชกรก็ดูแปลกใจ
จิดาภาเดินเข้ามา นั่งลง “พี่สะใภ้! ”
กชกรถึงได้รู้ว่า พวกเขาสมรู้ร่วมคิดกัน
“พี่อย่าโทษลาภิศเลยนะ ฉันบีบให้เขาทำแบบนี้เอง! ” เหมือนกับว่ารู้ว่ากชกรคิดยังไง จิดาภาก็เลยรีบบอกว่าตัวเองเป็นคนทำเรื่องนี้เอง
“มาหาฉันมีอะไร? ” กชกรถาม หยิบกาแฟตรงหน้าขึ้นมา สายตามองออกไปนอกหน้าต่าง
“ทำไมถึงต้องทำแบบนี้ด้วย? ” จิดาภาถามออกมาตรงๆ สายตาจ้องไปที่กชกร ไม่เจอกันช่วงหนึ่ง เธอผอมลงไปเยอะเลย
“อะไร? ” กชกรทำเป็นไม่เข้าใจแล้วถามออกมา
“พี่รู้ว่าฉันพูดอะไรอยู่ แม้แต่เบอร์โทรศัพท์ก็เปลี่ยน เพื่อจะหลีกเลี่ยงพวกเราเหรอ? ” จิดาภาถาม
กชกรเงียบ
“ฉันก็นึกว่า ผ่านวันนั้นไปแล้ว พี่จะคิดได้แล้ว ไม่คิดว่าสุดท้ายจะทำแบบนี้! ”
กชกรเงียบ
“ทั้งๆ ที่ก็เห็นได้ชัดว่าพี่เป็นห่วงพี่ใหญ่มาก แล้วทำไมต้องทำแบบนี้ด้วย? ”
กชกรก็ยังคงเงียบ
จิดาภาเห็นว่าเธอไม่ยอมพูดอะไร แล้วก็ได้แต่จ้องแก้วกาแฟด้านหน้าบ้างเป็นครั้งคราว จิดาภาก็ขมวดคิ้ว แล้วเธอก็พูดออกมาอย่างไม่ลังเล
“พี่ใหญ่ออกจากโรงพยาบาลแล้ว แผลยังไม่หายดี ก็กลับไปทำงานที่บริษัทแล้ว! ”
เพียงประโยคเดียว ร่างกายของกชกรก็สั่นสะเทือน
เงยหน้าขึ้น สายตามองไปที่จิดาภา
ดูจากปฏิกิริยาสะท้อนของเธอ จิดาภาก็สรุปได้ว่า เธอยังคงรักเปรมศักดิ์อยู่ พอคิดได้แบบนี้ น้ำเสียงของเธอก็เปลี่ยนเป็นเร้าใจเล็กน้อย “วันนั้น พี่ให้คนเอาเอกสารไปให้เขา หลังจากที่เขาเห็นนั้น เขาก็ขังตัวเองอยู่ในห้องผู้ป่วยอยู่ครึ่งชั่วโมง หลังจากนั้นก็ออกจากโรงพยาบาลทันที ไปเช้าเย็นกลับ ตอนที่เขาอยู่โรงพยาบาลนั้น แทบไม่กินไม่ดื่มเลย……”
ถึงแม้ว่า ไม่กินไม่ดื่มจะค่อนข้างรุนแรง แต่ว่า เปรมศักดิ์ก็ไม่อยากอาหาร มันเกิดขึ้นบ่อยๆ
กชกรได้ยินดังนั้น สายตาก็เบิกกว้างทันที “ถ้ายังงั้น ตอนนี้ล่ะ? ” “ยังอยู่ที่บริษัท! ” กชกรมึนงง ในใจเต็มไปด้วยความกังวล แต่ว่าก็แสร้งทำเป็นสงบนิ่ง เห็นท่าทีตื่นตระหนกของเธอ จิดาภาก็ขยับเข้าไปใกล้เธอ “พี่สะใภ้ ทั้งๆ ที่พี่เป็นห่วงพี่ใหญ่ แล้วทำไมถึงยังต้อง……?” “จิ ฉันทำแบบนี้ มันดีสำหรับฉันและเขาแล้ว! ” เธอยังไม่ทันจะพูดจบ ก็โดนกชกรตัดบท จิดาภาขมวดคิ้ว กชกรก็พูดออกมา “เรื่องความรู้สึกอะไรเนี่ย มันฝืนไม่ได้หรอก นี่มันเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับฉันและเขาแล้ว! ” จิดาภาฟัง แล้วก็ขมวดคิ้วเข้าด้วยกัน “พี่ยังถือสาเรื่องนั้นอยู่อีกเหรอ?! ” “เปล่า! ” กชกรปฏิเสธ “เพราะว่าตอนนี้ฉันพึ่งจะเข้าใจว่า ไม่ว่าจะมีเรื่องไม่มีเรื่องนี้ คนที่พี่ใหญ่เธอรักเธอไม่ใช่ฉัน มันเป็นแบบนี้ตั้งแต่แรกแล้ว ในเมื่อมันเป็นแบบนี้ แทนที่จะอยู่ด้วยกันด้วยความเจ็บปวด สู้แยกกันดีกว่า! ” จิดาภาขมวดคิ้ว “กชกร ที่จริงแล้วมีบางเรื่อง……” “จิ ฉันรู้ว่าเธอหวังดีกับพวกเรา เธอไม่ต้องรู้สึกผิดอะไรหรอกนะ ถึงแม้ว่าจะไม่มีเรื่องนี้เกิดขึ้น พวกเราก็จะเป็นแบบนี้อยู่ดี ฉันตัดสินใจแล้ว! ” กชกรพูดอย่างแน่วแน่มาก “ส่วนเรื่องพี่ใหญ่ของเธอนั้น……ให้เขาพักผ่อนเยอะๆ แล้วกัน! ” “พี่ยังเป็นห่วงพี่ใหญ่มากอยู่เลย! ” “สำหรับการเป็นสามีภรรยานั้น ถึงแม้ว่าจะแค่ในนาม แค่ถามนิดหน่อยก็ถือว่าไม่มากไปหรอก! ” จิดาภาไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไร กชกรเหมือนกับจะเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ แต่ว่าที่จริงนั้นดื้อรั้นมาก “ไม่ว่าจะยังไง ฉันก็จะบอกพี่ว่า บางทีพี่อาจจะรู้สึกว่าพี่ใหญ่ไม่รักพี่ แต่ว่าพี่ยังไม่รู้ว่า ลึกๆ ในใจของพี่ใหญ่ เขาก็เป็นแค่คนที่พูดไม่เก่ง มีเรื่องอะไรก็เอาแต่เก็บไว้ในใจ แต่สำหรับพี่แล้ว มันไม่เหมือนกัน! ” กชกรไม่ได้ฟังเข้าไปในหัวใจ ลุกขึ้นยืน “ฉันยังมีธุระอีก กลับก่อนนะ หลังจากเซ็นชื่อเสร็จแล้ว ก็ให้เขาให้คนมาส่งที่บริษัทฉัน หวังว่าเขา จะทำให้เร็วที่สุดนะ! ” หลังจากพูดจบ ก็เดินออกไปเลย จิดาภาอยู่ด้านหลัง ไม่คิดเลยว่า สุดท้ายแล้วเธอจะเกลี้ยกล่อมเธอไม่ได้ ถอนหายใจออกมา หลังจากที่กชกรกลับไปแล้ว ก็ขังตัวเองไว้ในห้อง เธอยืนกรานว่าอยากจะหย่ากับเปรมศักดิ์ แต่ว่าก็ปฏิเสธที่จะบอกเหตุผล และก็ไม่ให้พวกเขาไปหาเปรมศักดิ์ด้วย เรื่องนี้มันทำให้ดัมพ์รงค์และชนัณรู้สึกหดหู่ใจมาก ตอนนี้พอกลับมาก็กลับไปที่ห้องทันที ชนัณมองเธอ “วันนี้ไปคุยกับลาภิศมาเป็นยังไงบ้าง? ” ลาภิศ? เขาเป็นคนนัดเธอออกไป แต่สุดท้ายก็กลายเป็นจิดาภา “อืม ดีมากเลย! ”กชกรก็แค่ตอบส่งๆ ไป เห็นท่าทางที่ไม่สนใจของเธอนั้น ชนัณก็ขมวดคิ้ว “เด็กคนนี้ เอาแต่ใจจริงๆ! ” กชกรไม่พูดอะไร ชนัณก็มองเธอ “กชกร สรุปแล้วมันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ ลูกบอกแม่ไม่ได้เหรอ? ” รู้อยู่แล้วว่าเธอจะต้องถามเรื่องนี้อีก กชกรก็เร่งรัดเธอ “แม่ หนูบอกแล้วไง ว่าหนูไม่ชอบเขา ไม่ชอบเขา แม่ไม่ต้องถามอีกแล้วไม่ไหม! ” ชอบหรือไม่ชอบ ทำเหมือนว่าชนัณจะมองไม่ออกยังงั้นแหละ สายตาที่กชกรมองเปรมศักดิ์ทุกครั้ง มันเต็มไปด้วยความรัก แล้วมันจะไม่ชอบได้ยังไง เธอรู้ว่ามันต้องมีเรื่องอะไรแน่นอน แต่ว่าเธอไม่รู้ว่ามันคือเรื่องอะไรกันแน่ “กชกร เรื่องการแต่งงานไม่ใช่เรื่องเล่นนะ มันคือความรับผิดชอบตลอดชีวิต……” “แม่ ระหว่างหนูกับเขามันเป็นไปไม่ได้ แม่ไม่ต้องพูดเรื่องนี้อีกแล้วได้ไหม! ”เห็นได้ชัดว่ากชกรเริ่มหมดความอดทนแล้ว เห็นท่าทีหมดความอดทนของเธอ ชนัณก็ไม่ได้พูดต่อ แล้วในตอนนี้เอง ดัมพ์รงค์ก็เดินขึ้นมา มองพวกเธอ ที่จริงเขาก็อยากถามเหมือนกัน แต่ว่าเห็นสายตาที่ชนัณส่งมาเป็นสัญญาณ เขาก็ไม่กล้าพูดอะไรมาก สำหรับกชกรแล้ว ดัมพ์รงค์รักและตามใจเธอมาก “กชกร ถ้าเกิดว่าลูกไม่มีความสุข พวกเราออกไปเดินเล่นข้างนอกกันหน่อยไหม? ”ดัมพ์รงค์พูด “ไม่ต้องหรอกค่ะ หนูอยากนอน! ” เห็นว่าเธอเป็นแบบนี้ ดัมพ์รงค์ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก ได้แต่พยักหน้า “ถ้ายังงั้นก็ได้ ลูกพักผ่อนก่อน พวกเราออกไปก่อนนะ! ” กชกรพยักหน้า ดัมพ์รงค์กับชนัณก็เดินออกไป หลังจากพวกเขาออกไปแล้ว กชกรก็นอนลงบนเตียงและครุ่นคิดอย่างหนัก ที่จริงก็ไม่ได้ง่วงหรอก แต่ว่าไม่อยากจะพูดอะไร นอนอยู่แบบนั้น หลังจากนั้นก็ค่อยๆ หลับไป ตอนที่ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ก็บ่ายแล้ว พอคิดว่าตอนก่อนนอนนั้นเธอทำการกระทำที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ก็เดินไปหาดัมพ์รงค์กับชนัณที่ชั้นล่าง พึ่งจะลงมาชั้นล่าง ก็ได้ยินดัมพ์รงค์กับชนัณกำลังคุยกันอยู่ เธอเดินลงไป “พ่อ แม่! ” พอเห็นว่ากชกรลงมา ชนัณก็คลี่ยิ้ม “กชกร ตื่นแล้วเหรอลูก? เป็นยังไงบ้าง? หิวไหม? ” กชกรส่ายหน้า “ไม่หิวค่ะ! ” เดินเข้าไป แล้วนั่งลงบนโซฟา “พ่อแม่คุยอะไรกันอยู่? ” “ไม่มีอะไรหรอก เดี๋ยวก็จะไปร่วมงานกับที่ลอนดอนนั่นน่ะ! ” “ลอนดอน? ”กชกรเลิกคิ้ว ดัมพ์รงค์พยักหน้า ทันใดนั้น ในหัวของกชกรก็ปรากฏความคิดหนึ่งขึ้นมา ลอนดอนเป็นที่ที่ เธอใฝ่ฝันอยากจะไปใช้ชีวิตที่นั่นตั้งแต่เด็ก แต่ว่าหลังจากโตขึ้นนั้นก็ค่อยๆ ลืมมันไป และตอนนี้…… พอพูดถึงที่นี่ขึ้นมาอีกครั้ง ใจเธอก็สั่น “กชกร กชกร……”ชนัณเรียกชื่อกชกร กชกรได้สติกลับมา มองเธอ “หา? ” “คิดอะไรอยู่น่ะ? ” กชกรคิดอยู่ครู่หนึ่ง เม้มปาก “พ่อ แม่ หนูมีความคิดหนึ่ง……” “ความคิดอะไร? ”ชนัณกับดัมพ์รงค์มองไปที่กชกร “หนู หนูอยากไปลอนดอน……” กชกรมองพวกเขา แล้วก็พูดออกมาอย่างรู้สึกผิดเล็กน้อย ใครจะไปรู้ว่า หลังจากที่ดัมพ์รงค์ได้ยินดังนั้นกลับไม่ได้มีเสียงอะไรเลย แถมยังยิ้มแล้วพูดออกมา “ก็ไปสิ พ่อก็บอกแล้วว่าให้ลูกออกไปพักผ่อนหย่อนใจ อยู่แต่บ้านอารมณ์ก็ไม่ดีขึ้นหรอก! ”ดัมพ์รงค์กลับสนับสนุนมาก ชนัณเองก็พยักหน้าเหมือนกัน “ใช่ ยังไงมันก็ยังดีกว่าเอาแต่อยู่ในบ้าน! ” เห็นพวกเขาสนับสนุน ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี กชกรยิ้ม หลังจากนั้นก็พูดต่อ “แล้วถ้าเกิดว่าหนูอยากจะอยู่ที่นั่นสักพักล่ะ? ” อยู่สักพักเหรอ? ดัมพ์รงค์กับชนัณมองหน้ากัน ชนัณมองหน้ากชกรอย่างกระอักกระอ่วน “สักพัก คือนานแค่ไหน? ” “หนูเองก็ไม่รู้เหมือนกัน หนูเคยคิดว่าอยากจะไปเรียนที่นั่น นานมาแล้วก่อนหน้านี้หนูเคยอยากจะไปลองใช้ชีวิตที่นั่น เพราะฉะนั้น ตอนนี้มีโอกาสแล้ว หนูก็เลยอยากไป! ” กชกรยิ้มเรียบๆ แล้วพูด ดัมพ์รงค์กับชนัณมองออกว่า การที่กชกรจะไปที่นั่น ไม่มีทางเป็นเพราะเรื่องเรียน แต่น่าจะอยากหลบหนีมากกว่าหลบหนีเรื่องระหว่างตัวเองกับเปรมศักดิ์ “แต่ว่า นานแค่ไหนกันล่ะ? ”ชนัณถาม “ก็ไปเรียนนะแม่ ก็น่าจะนาน แต่ว่าระหว่างนั้นหนูก็กลับมาหาพ่อกับแม่ได้! ”กชกรยิ้มและตอบ พอได้ยินดังนั้น ชนัณก็ฟังออกทันทีว่า ที่กชกรจะไปนั้น ไม่ใช่แค่สักพักแน่นอน “กชกร ลูก……”ชนัณมองเธอ ถึงแม้ว่าจะเป็นแค่การบอกว่าจะไปแต่ว่ายังไม่ได้ไป แต่ว่าเธอรู้สึกได้ว่า กชกรได้ตัดสินใจแล้ว “ลูกจะไปจริงๆ เหรอ? ” กชกรกลับยิ้มออกมา “แม่ หนูแค่อยากเปลี่ยนชีวิตนิดหน่อย ไปเรียนหนังสือ แล้วก็ไม่ใช่ไปแล้วไม่กลับสักหน่อย อาจจะประมาณหนึ่งปีก็กลับมาแล้ว! ”กชกรตอบ ชนัณกับดัมพ์รงค์มองหน้ากัน มองหน้ากันด้วยความจำใจ “กชกร……”ดัมพ์รงค์มองเธอ ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี ใครจะไปรู้ว่า กชกรกลับนั่งลงตรงกลางระหว่างดัมพ์รงค์กับชนัณ ยื่นมือออกมาคล้องแขนพวกเขาไว้ “พ่อ แม่ ก็ไม่ใช่ว่าหนูจะไม่กลับมาสักหน่อย พ่อแม่อย่าทำหน้าแบบนี้ได้ไหม? หนูเป็นลูกสาวของพ่อกับแม่ หนูจะไม่สนใจพ่อกับแม่ได้ยังไงกัน! ” ดัมพ์รงค์กับชนัณที่เอาแต่ตามใจกชกรมาตลอด พอได้ยินเธอพูดแบบนี้แล้วยังจะพูดอะไรได้อีกล่ะ “แต่ว่าถ้าเกิดว่าลูกไปแล้ว พวกเราไม่เจอหน้าลูก จะน่าเบื่อแค่ไหนกัน! ”ชนัณพูด “เฮ้อ ก็ไปเถอะ ไปเปลี่ยนบรรยากาศบ้างก็ดี! ”ดัมพ์รงค์พูด “พูดแบบนี้ แสดงว่าพ่อตกลงแล้วใช่ไหม? ” “พ่อก็อยากให้ลูกไปเปลี่ยนบรรยากาศ เปลี่ยนอารมณ์ด้วยเหมือนกัน แต่ว่าอย่าไปนานเกินนะ เดี๋ยวพ่อคิดถึงตายหรอก! ” ดัมพ์รงค์พูด นี่คือเป้าหมายของเขา กชกรยิ้ม “ขอบคุณค่ะพ่อ หนูเองก็จะคิดถึงพ่อเหมือนกัน!! ” พูดไป เธอก็ซบไหล่ของดัมพ์รงค์ แล้วก็ยิ้มอย่างออดอ้อน พอเห็นว่ากชกรยิ้มขึ้นมา ดัมพ์รงค์ก็สบายใจเช่นกัน รอยยิ้มของเธอ ก็คือสิ่งที่เขาตั้งตารอมากที่สุด “แล้วลูกกะจะออกเดินทางเมื่อไหร่? ” ดัมพ์รงค์ถาม “เอ่อ ก็เตรียมของ จองตั๋ว หาห้องที่นั่น เตรียมทั้งหมดพร้อมแล้วก็ไปได้ค่ะ! ”กชกรตอบ “ห้องเดี๋ยวพ่อให้คนไปหาให้ลูกเอง ลูกแค่เตรียมของของ ลูกเองก็พอแล้ว! ” “โอเค เข้าใจแล้วค่ะพ่อ! ”กชกรยิ้มอย่างสดใส นานมานี้ นี่เป็นครั้งแรกที่ดัมพ์รงค์กับชนัณเห็นเธอยิ้มอย่างมีความสุขขนาดนี้เป็นครั้งแรก แล้วในตอนนั้นเอง แม่บ้านด้านหลังก็พูดขึ้น “คุณผู้ชาย คุณผู้หญิงคะ อาหารเย็นเตรียมเรียบร้อยแล้วค่ะ เชิญรับประทานได้! ” พอได้ยินดังนั้น ดัมพ์รงค์ก็มองกชกร “พวกเรากินข้าวกันก่อน กินไปคุยไปดีไหม? ” “ค่ะ! ”พอพูด ทั้งสองคนก็ลุกขึ้นแล้วเดินไปที่โต๊ะอาหาร แต่ชนัณมองอยู่อีกด้านหนึ่ง เห็นแผ่นหลังของพ่อลูกคู่นี้ ก็ยิ้มออกมาอย่างรู้ใจ และก็เป็นครั้งแรกหลังจากผ่านไปนาน ที่เธอยิ้มออกมาอย่างสบายใจ บนโต๊ะอาหาร กชกรก็กินไปหัวเราะไป รอยยิ้มแบบนี้ เป็นรอยยิ้มที่ไม่ปรากฏมานานแล้ว…… ถึงแม้จะบอกว่า กชกรเอาเอกสารการหย่าไปให้เปรมศักดิ์ แต่ว่าผ่านไปนานแล้วเขาก็ยังไม่เซ็นต์สักที เอกสารฉบับนั้น วางอยู่บนโต๊ะมาโดยตลอด ไม่ได้ขยับเลย ตั้งแต่ตอนออกจากโรงพยาบาลจนถึงตอนนี้ เวลาส่วนใหญ่ของเขาก็อยู่ที่บริษัท ออกจากบ้านแต่เช้าและกลับค่ำๆ ถึงแม้ว่าจะกลับไปตอนค่ำ แต่ว่ามันก็ค่ำมากๆ โชคดี ที่จันทนีกับการันต์สั่งผู้ช่วยว่าไม่ว่าจะยังไงก็ต้องดูแลเรื่องอาหารกับสุขภาพของเปรมศักดิ์ให้ดี ไม่งั้นจนถึงตอนนี้ ก็ไม่รู้ว่าจะเป็นยังไงบ้าง แต่ไม่ว่าจะดูแลดีแค่ไหน สุดท้ายเขาก็ต้องเข้าโรงพยาบาลอีกครั้งเนื่องจากแผลที่ยังไม่หายดีติดเชื้อและทำให้มีไข้ เฝ้าอยู่ที่ข้างกายของเปรมศักดิ์ มองเขา จันทนีก็น้ำตาไหลไม่หยุด เปรมศักดิ์ตื่นขึ้นมา ตอนที่เห็นจันทนีนั้น ก็ขมวดคิ้วเข้าด้วยกัน “แม่!? ” เห็นว่าเขาตื่นขึ้นมา จันทนีก้ยังคงรู้สึกกังวล หลังจากนั้นก็มองเขา “ยังจำแม่คนนี้ได้อยู่อีกเหรอ? ” เห็นจันทนีกำลังร้องไห้ จิดาภาก็ขมวดคิ้ว “แม่ เป็นอะไรไป? ” “ลูกจะทำให้แม่กังวลจนตายเลยใช่ไหม? ”จันทนีมองพร้อมกับร้องไห้ เพราะว่าคำนึงถึงความรู้สึกของเขา เธอก็เลยไม่กล้าพูดอะไร แต่ไม่คิดเลยว่า สุดท้ายเขาจะต้องเข้าโรงพยาบาลอีกครั้ง เห็นน้ำตาของจันทนี เปรมศักดิ์ก็ขมวดคิ้ว “แม่ ขอโทษครับที่ทำให้แม่เป็นห่วง! ” “ในเมื่อรู้แล้วว่าแม่เป็นห่วง ถ้ายังงั้นก็ต้องหายเร็วๆ ไม่ต้องให้แม่เป็นห่วงอีก! ”จันทนีพูด เปรมศักดิ์ขมวดคิ้วแน่น นอนลงบนเตียง รู้สึกเจ็บบริเวณเอว จิดาภามองอยู่ด้านข้าง เดินเข้าไป “แม่ พี่ใหญ่พึ่งจะตื่น น่าจะหิวแล้ว หรือว่า แม่ออกไปซื้ออะไรให้เขากินหน่อยดีไหมคะ? ” จันทนีมองเปรมศักดิ์ที่นอนอยู่บนเตียง สุดท้ายก็พยักหน้า เช็ดน้ำตาแล้วก็ลุกขึ้น “เดี๋ยวแม่ออกไปซื้อของกินก่อน! ”หลังจากพูดจบ ก็เดินออกไป ในห้อง ก็เหลือแค่จิดาภากับเปรมศักดิ์ เปรมศักดิ์นอนอยู่บนเตียง ดูเหน็ดเหนื่อย และจิดาภาก็นั่งอยู่ข้างๆ “พี่ใหญ่……”สายตาของเธอมองไปที่เปรมศักดิ์ หลังจากนั้นก็ค่อยๆ พูดออกมา “ไม่กี่วันก่อนฉันไปเจอกชกรมาด้วย! ” พอพูดถึงกชกร เปรมศักดิ์ก็มีท่าทีตอบสนอง แต่ว่าไม่ได้พูดอะไรออกมา “เรื่องของพวกพี่ หนูรู้หมดแล้ว! ” เปรมศักดิ์ไม่ได้พูดอะไร ได้แต่ฟังจิดาภาพูดเงียบๆ “กชกรเป็นผู้หญิงที่ดี การที่เธอตัดสินใจแบบนั้น คิดว่าพี่ก็น่าจะรู้แล้วว่าทำไม ฉันมองออกว่า สำหรับพี่แล้วเธอไม่เหมือนคนอื่น แต่ว่าทำไมไม่ลองพยายามหน่อยล่ะ? ” เปรมศักดิ์ได้แต่มองเพดาน “วันนั้น กชกรฟื้นตั้งแต่เที่ยงคืน แล้วก็ไปที่ห้องผู้ป่วยของพี่ แล้วก็เฝ้าพี่ทั้งคืน……”พอพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมานั้น เปรมศักดิ์ก็หันหน้ามามองจิดาภา สายตาเต็มไปด้วยความแปลกใจ “เช้าวันที่สอง เธอบอกอะไรฉันเยอะแยะมาก ฉันมองออกว่าเธอรู้สึกโล่งใจ แต่ว่าการที่เธอทำแบบนี้ พี่ใหญ่ พี่ไม่รู้จริงๆ เหรอว่าทำไม? ” จิดาภามองหน้าเขาแล้วถาม ถ้าจะบอกว่า เมื่อก่อนกชกรเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งที่โหยหาความรัก แต่ว่าตอนนี้ เธอเป็นผู้หญิงที่กำลังเสพสุขกับความรัก ตอนนี้เธอกำลังจินตนาการอย่างไม่มีที่สิ้นสุด และในระหว่างกระบวนการนั้น เธอก็เข้าใจว่าอะไรคือความรัก และอะไรคือการปล่อยมือ การรู้ที่จะปล่อยวางในความรัก เรียนรู้ที่จะแสวงหาและพยายามในความรัก นี่คือความรัก เริ่มเล่นเกมไล่ล่ากัน และกชกร ก็กำลังเรียนรู้ที่จะปล่อยวางในความรัก เปรมศักดิ์นอนอยู่บนเตียง มองเพดาน ผ่านไปนานถึงจะพูดออกมา “เธอเป็นผู้หญิงที่ดีคนหนึ่ง ควรค่าที่จะเป็นของคนที่ดีกว่านี้! ” หลังจากพูดจบ เขาก็ยิ้มออกมาอย่างขมขื่น บางที ไม่กลัวรักหรือไม่รักหรอก แต่สิ่งที่กลัวที่สุดก็คือเสแสร้งว่าไม่ได้รัก คนแบบนี้ ทำให้คนอื่นไม่รู้จะทำยังไงจริงๆ จิดาภามองออกว่าเขารู้สึกกับกชกรต่างออกไปจริงๆ และก็มองออกว่า ไม่ใช่ว่าในใจของเขาไม่มีเธออยู่ แต่ว่าทำไม เขาถึงไม่ยอมรับล่ะ? “พี่ใหญ่ พี่ไม่ใช่กชกร พี่ไม่มีสิทธิไปเลือกแทนเธอ สิ่งที่เธอรัก สิ่งที่เธอคิดเกี่ยวกับพี่ ฉันเชื่อว่าพี่ก็คงรู้อยู่แล้ว! ” จิดาภา หลังจากพูดจบ เธอก็ไม่อยากจะพูดต่อแล้ว เรื่องเกี่ยวกับความรู้สึกนั้น ไม่มีทางยื่นมือเข้าไปได้จริงๆ ได้แต่มองพวกเขาเท่านั้น อะไรที่สามารถทำได้ เธอก็ทำไปหมดแล้ว ตอนนี้เอง เปรมศักดิ์ก็หันมามองหน้าเธอ “เธอไม่ต้องเป็นกังวลแทนพี่หรอก พี่ไม่ได้เป็นอะไร! ” ไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ ก็ดีสิ! ทั้งๆ ที่ก็มีคนอยู่ในใจ แต่ว่าทำเป็นเหมือนไม่ร้อนไม่หนาว จิดาภาเองก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรแล้ว ก็เลยไม่พูดอะไรต่อ คนอย่างเปรมศักดิ์เนี่ย ต้องให้สำนึกได้ด้วยตัวเอง ไม่ว่าจะพูดขนาดไหน เขาก็เหมือนกับว่าเอาตัวเองไปวนอยู่ในที่ที่หนึ่ง นอกจากเขาอยากจะเดินออกมาเอง ก็ไม่มีใครช่วยเขาได้หรอก อยู่ที่โรงพยาบาลพักหนึ่ง พอจันทนีกลับมา จิดาภาก็กลับ หลังจากออกมาจากโรงพยาบาล ตอนแรกก็อยากจะโทรบอกกชกร แต่ว่าตอนนี้เธอเปลี่ยนเบอร์ไปแล้ว ถ้าเกิดไปหาลาภิศอีกรอบ ก็น่าจะไม่ได้ผลแล้ว คิดอยู่ครู่หนึ่ง จิดาภาก็นึกขึ้นมาได้ว่ากชกรจะชอบเล่นweibo แล้วอีกอย่างพวกเธอก็ติดตามกันอยู่ ดังนั้น เธอก็ส่งข้อความส่วนตัวให้กชกรในweibo หลังจากส่งไปเสร็จ เธอก็โล่งใจ เรื่องนี้จะเป็นยังไงต่อ เธอก็ไม่รู้แล้ว ถ้าเกิดว่าพวกเขารักกันจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นยังไงก็จะต้องวนมาเจอกันแน่นอน จิดาภาเชื่อแบบนี้ตั้งแต่แรก เธอเก็บโทรศัพท์ แล้วก็เดินออกจากโรงพยาบาลไป จิดาภาออกไปแล้ว จันทนีก็กลับไปแล้วเหมือนกัน เปรมศักดิ์หยิบโทรศัพท์ออกมา โทรหาผู้ช่วย “ช่วยเอาเอกสารบนโต๊ะมาให้ฉันหน่อย! ”