หลงรักเมียเจ้าเล่ห์ - ตอนที่ 816 อยู่ด้วยความภาคภูมิใจ
ตอนที่ 816 อยู่ด้วยความภาคภูมิใจ
จิดาภาไม่ได้มีปัญหาอะไร ก็ได้ออกจากโรงพยาบาล
เรื่องที่จะจัดงานแถลงข่าวได้ถูกประกาศออกไป ทำให้คนตั้งตารอมาก
พวกเขาอยากจะเห็นว่า สรุปแล้วมันเรื่องอะไรกันแน่
ก่อนหน้านั้น เอลิสต์ไปร่วมงานถ่ายภาพละคร ก็ได้รับการสัมภาษณ์
“มีข่าวลือว่าคุณสนิทกับจิดาภาและพันเดช แถมยังไปร่วมงานแต่งงานของพวกเขาด้วย ตอนนี้จู่ๆ ก็มีคนเปิดโปงว่าจิดาภาไม่ใช่ลูกสาวแท้ๆ ของตระกูลสวันนีย์ เรื่องนี้คุณรู้เรื่องไหมคะ? ”
เอลิสต์ยืนอยู่ท่ามกลางกลุ่มคน เดิมทีเป็นเรื่องของละคร แต่ไม่คิดว่าจะถามเรื่องนี้ เขาพยักหน้าอย่างสุภาพบุรุษ “อืม เห็นข่าวแล้วครับ! ”
“แล้วคุณรู้สึกยังไงกับเรื่องนี้บ้างคะ? จิดาภาเป็นลูกสาวแท้ๆ ของตระกูลสวันนีย์ไหมคะ? ”เห็นว่าเอลิสต์ยินดีที่จะตอบ แน่นอนว่านักข่าวก็ไม่มีวันยอมปล่อยโอกาสที่จะได้ถาม
ในเมื่อเริ่มต้นแล้ว ถ้ายังงั้นก็ไม่สามารถตอบแบบชุ่ยๆ ตามอำเภอใจได้ เอลิสต์พูดออกมา “อีกไม่กี่วันก็จะจัดงานแถลงข่าวแล้วไม่ใช่เหรอครับ? เดี๋ยวถึงเวลาพวกคุณก็จะรู้เองว่าเรื่องราวมันเป็นยังไง! ”
“ดูท่าทาง คุณจะสนิทกับเธอนะคะ! ”
“ผมรู้จักกับเธอก็ยังไม่นานมากเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ได้สั้น ผมแค่รู้ว่า เธอเป็นผู้หญิงที่เข้มแข็ง กล้าหาญและจิตใจดี เธอสมควรที่จะมีความสุข! ”
ประโยคนี้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาสนับสนุนจิดาภา
ตอนที่นักข่าวกำลังอยากจะถามอะไรเพิ่มนั้น ตัวแทนก็พูดว่า “รบกวนให้ทุกท่านถามเกี่ยวกับเรื่องละครนะคะ……”
แต่ว่านักข่าวเชื่อฟังที่ไหนกัน ที่ควรจะถามอะไรก็ถามแบบนั้น แต่ว่าเอลิสต์ก็ได้แต่ยิ้มไม่ตอบอะไร
เรื่องที่เขาสนับสนุนจิดาภา เป็นข่าวไวมาก พูดได้ว่า มีทั้งข้อดีและข้อเสีย แต่ว่าท้ายที่สุด ข้อดีก็มากกว่าข้อเสีย
วันถัดมา
ก็คือวันที่มีงานแถลงข่าว
เรื่องนี้ถูกจัดขึ้นในบริษัทบริษัทธีร์อธิศ เพราะว่ายังไงมันก็เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับบริษัทธีร์อธิศ และตระกูลสวันนีย์
คนที่เกี่ยวข้องกำลังจัดให้นักข่าวเข้ามา และจิดาภากับพันเดชก็พักผ่อนอยู่ด้านหลัง
จิดาภานั่งอยู่บนโซฟา หลังจากพันเดชวางสายก็เดินเข้ามาหาเธอ “เป็นยังไงบ้าง? ตื่นเต้นไหม? ”
“นิดหน่อย! ” ถ้าจะบอกว่าไม่ตื่นเต้นก็คือโกหก ถึงยังไงจิดาภาก็ไม่ใช่คนที่มีชื่อเสียงอะไร การจัดงานแถลงข่าวอะไรแบบนี้ พึ่งเคยจะได้ทำเป็นครั้งแรก
แต่ว่าพันเดชกลับดูสงบนิ่งมาก “สบายใจเถอะ นักข่าวที่มีวันนี้ มีชื่อเสียงที่ดี ไม่กดดันมากหรอก! ”
ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม พอได้ยินแบบนี้ จิดาภาก็ยิ้มออกมาทันที “เป็นคนที่พวกนายเตรียมมาใช่ไหมล่ะ? ”
แต่ว่าพันเดชก็ไม่ปฏิเสธ นั่งลงที่ข้างเธอ “นี่เป็นวิธีการ คนสมัยนี้ไม่มีจรรยาบรรณในวิชาชีพ ก็เลยจำเป็นต้องทำแบบนี้! ”
จิดาภาพยักหน้า เธอเองก็รู้ว่า บริษัทไม่ได้เป็นแบบนี้บ้าง อย่างน้อยที่สุดนักข่าวที่มีจรรยาบรรณในวิชาชีพต่อให้เพียงแค่เล็กน้อยก็น่าจะเป็นผู้นำที่ดีได้
ในระหว่างที่ทั้งสองคนคุยกันอยู่นั้น ประตูก็ถูกเปิดออก การันต์กับเปรมศักดิ์ก็เดินเข้ามา
“ทุกอย่างเตรียมพร้อมแล้ว อีกเดี๋ยวก็เริ่มได้แล้ว! ”
จิดาภาพยักหน้า “เข้าใจแล้วค่ะ! ”
การันต์มองจิดาภา สายตามีความปวดใจ “จิ เรื่องนี้มันไม่ยุติธรรมกับลูกเลย! ”
จิดาภากลับยิ้มออกมา “ครอบครัวเดียวกันไม่จำเป็นต้องพูดจาเกรงใจกันหรอกค่ะ! ”
สุดท้ายการันต์ก็ยิ้มออกมา
ในช่วงแรกของงานแถลงข่าว จิดาภา การันต์และเปรมศักดิ์ แน่นอน และพันเดชที่คอยปกป้องและติดตาม
ไม่ว่าจะเมื่อไหร่หรือที่ไหน เขาก็จะอยู่ข้างๆ เธอ
เรื่องนี้จิดาภาตกเป็นคนที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์มากที่สุด เธอยืนอยู่หน้าไมโครโฟน จิดาภายิ้มอย่างสง่าผ่าเผยและมีน้ำใจ “สวัสดีค่ะทุกคน ดิฉันจิดาภา ไม่ว่าวันนี้จะมีคำถามอะไร ฉันจะตอบทุกท่าน ตอนนี้งานแถลงข่าวได้เริ่มขึ้นแล้ว ทุกท่านเชิญถามได้เลยค่ะ! ”
เธอยิ้มอย่างอ่อนโยน ท่าทางที่เอื้อเฟื้อและถ่อมตัวทำให้ได้รับคำชม ทุกคนได้เตรียมคำถามที่คมกริบไว้ ในเวลานั้นก็กลับไม่รู้จะถามออกมายังไงดี
แต่ว่า สิ่งที่ควรถามก็ควรถาม ยังไงเธอก็มาอยู่ที่นี่แล้ว ก็เพื่อตอบสนองความอยากรู้อยากเห็นของผู้ชม
“คุณจิดาภา ได้ข่าวมาจากคนวงในว่า คุณไม่ใช่ลูกสาวแท้ๆ ตระกูลสวันนีย์ เรื่องนี้คือเรื่องจริงรึเปล่าคะ? ”
พึ่งจะเริ่ม นักข่าวบางคนก็ตรงเข้าประเด็นทันที
โชคดี ที่จิดาภาเองก็ได้เตรียมที่จะรับคำถามต่างๆ ไว้แล้ว คำถามนี้ แน่นอนว่าก็เป็นหนึ่งในนั้นเหมือนกัน
จิดาภายิ้ม “ไม่ใช่ค่ะ! ” ทันทีที่คำถามนี้ออกมา ด้านล่างก็ผงะ กล้องถ่ายภาพก็ถ่ายอย่างรุนแรงขึ้นทันที พันเดชเหลือบมองจิดาภา แต่ว่าสีหน้าของจิดาภาตั้งแต่ต้นจนจบก็ยังคงนิ่งเรียบ อ่อนโยนมาก “ถ้ายังงั้นเรื่องนี้จริงเหรอคะ? ” “ถูกแล้วค่ะ ฉันไม่ใช่ลูกสาวที่แท้จริงของตระกูลสวันนีย์จริงๆ พ่อแม่ที่แท้จริงของฉันเป็นใคร ฉันเองก็ไม่ทราบเหมือนกัน ฉันไม่แน่ใจว่าในความเข้าใจของทุกท่านอะไรที่หมายความว่าลูกแท้ๆ มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกันงั้นเหรอคะ? หรือว่าเป็นยังไง แต่ว่าในมุมมองของฉัน ตระกูลสวันนีย์ ก็คือครอบครัวของฉัน และฉันก็คือลูกสาวแท้ๆ ของพวกท่าน! ” จิดาภาพูดแบบนิ่งเรียบ ทำให้คนด้านล่างอ่อนโยนลงในทันใด หรือว่าเพราะว่าติดเชื้อทางคำพูด หญิงตั้งครรภ์ที่เข้มแข็งและอ่อนโยนตรงหน้าตอนนี้ ทุกคนก็เห็น ได้ยิน คำพูดก็อ่อนโยนตามไปมากด้วยเหมือนกัน “คุณจิดาภาอธิบายอย่างละเอียดมากกว่านี้หน่อยได้ไหมคะ? ” “ในความทรงจำของฉัน ฉันโตมาในครอบครัวที่อบอุ่น ที่จริงแล้ว ฉันรู้เรื่องนี้ตั้งแต่อายุ18แล้ว ตอนนั้น ตอนที่ฉันพึ่งจะรู้เรื่อง ฉันก็เหมือนกับเด็กทุกคน ในใจไม่สามารถรับได้ แม้แต่รู้สึกต่อต้าน เลิกเรียนบริหาร แล้วก็เลือกอย่างอื่นอย่างไม่ลังเลเลย ความจริงแล้ว ตอนนั้นฉันก็รู้สึกกังวลเล็กน้อย กลัวว่าพวกท่านจะไม่ต้องการฉัน และยิ่งกลัวการเข้าร่วมบริษัทกับพี่ชายมากกว่า แต่ว่าสุดท้าย ฉันถึงได้รู้ว่า ฉันก็เป็นแค่เด็กที่ดื้อรั้นคนหนึ่ง โชคดี ที่พวกเขาไม่ได้โกรธฉันเพราะเรื่องนั้น แต่กลับแคร์ฉันมากกว่าเดิม ฉันถึงได้รู้ว่า ความผิดของฉันมันไร้เหตุผลขนาดไหน! ” “ไม่ว่าฉันจะมีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกับพวกท่านหรือไม่ แต่ว่าในมุมมองของฉัน พวกท่านก็คือพ่อแม่แท้ๆ ของฉัน และมันก็จะไม่เปลี่ยนแปลงเพราะเหตุผลพวกนี้! ” แต่ไหนแต่ไรจิดาภาไม่เคยพูดเรื่องพวกนี้ต่อหน้าการันต์กับเปรมศักดิ์เลย ตอนนี้ได้ยินเธอพูดแบบนี้ พวกเขาถึงได้รู้ว่า หลายปีมานี้ จิดาภาต้องแบกรับอะไรมาคนเดียวบ้าง ดวงตา เต็มไปด้วยความรักและทะนุถนอม และพันเดชก็ยืนอยู่ด้านซ้ายของจิดาภา ยื่นมือออกไป กุมมือของเธอไว้ ความเจ็บปวด ฝังอยู่ในหัวใจของเขา ตอนที่พันเดชกุมมือเธอไว้นั้น จิดาภาก็รู้สึกเหมือนว่ามีพลังงานไหลเวียนอย่างสม่ำเสมอ ความอบอุ่นในหัวใจ ทำให้เธอรู้สึกผ่อนคลายไปทั้งตัว ใช่ ขอแค่มีเขาอยู่ข้างๆ จิดาภาก็จะรู้สึกปลอดภัยอย่างบอกไม่ถูก “ได้ยินมาว่าคุณถือหุ้นของบริษัทธีร์อธิศ อยู่20% เป็นเรื่องจริงรึเปล่าคะ? ”ตอนนี้เอง นักข่าวก็ถามต่อ จิดาภาเองก็ไม่ปฏิเสธ ถึงยังไง ไม่ช้าหรือเร็วก็ต้องรู้อยู่ดี เธอพยักหน้า “ใช่ค่ะ ช่วงก่อนหน้านี้ ตอนที่ฉันแต่งงาน พ่อกับแม่มอบให้ฉันค่ะ! ” เพราะฉะนั้น ที่บางคนบอกว่า จิดาภากับตระกูลสวันนีย์ไม่ลงรอยกัน ก็ถูกประโยคนี้ทำลายไปทันที ถ้าเกิดว่าไม่ลงรอยกันจริงๆ แล้วจะมอบหุ้น20%ให้เธอได้ยังไง ต้องรู้ว่า หุ้น20%นี้ มันเพียงพอให้จิดาภาใช้ได้อย่างสบายๆ ทั้งชีวิต พวกนักข่าวต่างรู้สึกประหลาดใจ ตอนนี้เอง นักข่าวก็มองไปที่การันต์ที่อยู่ข้างๆ “คุณการันต์ คุณมีอะไรอยากจะพูดรึเปล่าคะ? ” การันต์มองจิดาภา แล้วก็มองไปที่กล้องที่อยู่ด้านหน้า “ก็เหมือนกับที่จิพูด เธอเป็นลูกสาวแท้ๆ ของผม ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องสายเลือด เพราะฉะนั้น ไม่ว่าโลกภายนอกจะพูดยังไง ก็ไม่สามารถเปลี่ยนเรื่องนี้ได้! ” มันหมายความว่ายังไง ก็ค่อนข้างจะชัดเจนอยู่แล้ว จิดาภามองการันต์ แล้วก็ค่อยๆ ยิ้มออกมา “ประธานเปรมศักดิ์ คุณมีความคิดเห็นยังไงกับเรื่องนี้คะ? ” นักข่าวมองเปรมศักดิ์แล้วถามออกมา เปรมศักดิ์มองพวกเขา หลังจากนั้นก็ยิ้มแล้วพูด แต่พูดแค่ว่า “มันไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องสายเลือด! ” มันหมายความว่ายังไง ก็ไม่มีอะไรชัดเจนไปกว่านี้แล้ว “ประธานพันเดช คุณมีความคิดเห็นยังไงกับเรื่องนี้บ้างคะ? คุณจิดาภาไม่ใช่ลูกสาวแท้ๆ ของตระกูลสวันนีย์ ส่งผลกระทบอะไรต่อคุณรึเปล่าคะ? แล้วจะส่งผลกระทบต่อความรู้สึกของพวกคุณรึเปล่า? ” นักข่าวถามต่อ พันเดชมองพวกเขา ใบหน้าหล่อเหลาที่ดุร้ายเผยให้เห็นรอยยิ้มที่มีเสน่ห์ “ถ้าเกิดว่าแต่งงานเพียงเพราะฐานะของคนๆนั้นล่ะก็ แล้วมันจะกระทบกับ “ความรู้สึก”ได้ยังไงกันล่ะครับ? ” “ผมแต่งงานเพราะตัวเธอ ไม่ใช่เพราะว่าฐานะของเธอ ไม่ว่าเธอจะเป็นลูกสาวของใคร ขอแค่เธอเป็นจิดาภาที่อยู่ในใจของผมก็พอแล้ว! ” ตอนที่พูดนั้น เขาก็เหลือบมองจิดาภา ตำแหน่งของทั้งสองคนอยู่ตรงข้ามกัน พวกเขาส่งข้อความผ่านสายตา สวีทกันมาก ท่าทางที่พวกเขาตอบคำถามอย่างจริงจังนั้น ทำให้นักข่าวชอบมาก เวลาที่เหลือนั้น คำถามก็ผ่านไปได้อย่างสบายๆ อย่างเช่นวันคลอดที่กำหนดไว้ อยากจะมีลูกคนที่สองหรือไม่ เมื่อเทียบกับคำถามก่อนหน้านี้ ก็ผ่อนคลายลงมาก และพันเดชกับจิดาภาก็ตอบคำถามทั้งอย่างจริงจังและตลกขบขัน สุดท้าย ก็รักษาบรรยากาศแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ แล้วงานแถลงข่าวก็จบลง ไม่ได้เกิดปัญหาอะไรขึ้น หลังจากจบลงแล้ว พวกเขาก็โล่งอก นั่งอยู่ในห้องทำงานของเปรมศักดิ์ จิดาภาดื่มน้ำร้อน เรื่องราวมันจะเป็นยังไง ก็ยังไม่แน่ใจเท่าไหร่ พวกเขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่างานแถลงข่าวครั้งนี้จะสามารถแก้ปัญหาได้ไหม แต่ว่าอย่างน้อย พวกเขาก็ได้อธิบายกับโลกภายนอกแล้ว “โอเค งานแถลงข่าวก็จบลงแล้ว เรามาผ่อนคลายกันหน่อยเถอะ! ” พันเดชพูด จิดาภายิ้ม “ฉันไม่เป็นอะไร! ” เปรมศักดิ์ยืนอยู่ด้านข้าว ดูท่าทางสวีทของพวกเขา มีร่องรอยของความสับสนปรากฏขึ้นในดวงตาของเขา แล้วก็มองไปทางอื่นอย่างไม่แคร์…… แล้วในตอนนี้เอง ก็มีคนเคาะประตู แล้วผู้ช่วยก็เข้ามา “ประธานเปรมศักดิ์คะ หุ้นกลับมาขึ้นแล้วค่ะ! ”ผู้ช่วยกล่าวด้วยความดีใจ พอได้ยินแบบนี้ เปรมศักดิ์ก็คลี่ยิ้มออกมา สุดท้ายก็กลับมาขึ้นอีกแล้ว แม้แต่จิดาภาก็โล่งใจ ถ้าเกิดว่าตกลงไปจริงๆ เธอก็จะกลายเป็นคนผิด ตอนนี้ เธอสามารถถอนหายใจได้อย่างโล่งอกจริงๆแล้ว พันเดชก็ไม่ได้รู้สึกอะไรมากมาย ถ้าเกิดว่าไม่ใช่เพราะจิดาภา เขาคงจะไม่แม้แต่ชายตามองเรื่องพวกนี้เลยด้วยซ้ำ ถึงยังไงต่อให้ไม่มีตระกูลสวันนีย์แล้ว ตระกูลฐิตานันท์ก็สามารถเลี้ยงดูเธอได้ เพียงแค่ ทั้งหมดนี้ก็เพื่อจิดาภา…… ความจริงแล้ว แค่พันเดชไปเข้าร่วมงานประชุมกับจิดาภา ก็อธิบายได้ชัดเจนแล้วว่าหุ้นของบริษัทธีร์อธิศ ต้องขึ้นแน่นอน ในมุมมองของคนนอกนั้น ไม่ว่าจะยังไง พันเดชก็ต้องยื่นมือเข้าช่วยเหลือแน่นอน บวกกับการที่พวกเขาแถลงข่าวด้วยความจริงใจ การที่หุ้นกลับมาขึ้นก็เป็นเรื่องที่ถูกกำหนดไว้แล้ว การันต์เองก็ยิ้มเหมือนกัน “ครั้งนี้จะดูว่าผู้อำนวยการโถมนะจะพูดอะไรได้อีก! ” “จิ้งจอกเฒ่านั่น ครั้งนี้ต้องหุบปากแล้ว! ” เปรมศักดิ์พูดอย่างมีความสุข ถ้าจะบอกว่าไม่แสดงความคิดเห็นตลอดไปนั่นก็เป็นไปไม่ได้หรอก แต่แค่ในช่วงเวลานี้ เขาก็คงจะรู้สึกบูดบึ้งน่าดู “ไม่ว่าจะยังไง สถานการณ์กลับมาคงที่ก็ดีแล้ว! ”การันต์ก็รู้สึกโล่งใจ หลังจากนั้น เขาก็มองหน้าพันเดช รู้ว่าถึงแม้ว่าครั้งนี้พันเดชจะไม่ได้ทำอะไร แต่ว่าแค่การปรากฏตัวของเขาก็ทำให้เห็นผลลัพธ์อย่างแน่นอนแล้ว “พันเดช หลายวันมานี้รบกวนนายแล้ว ถ้าเกิดว่าไม่ใช่เพราะนาย เกรงว่ามันจะไม่ได้ราบรื่นขนาดนี้! ”การันต์พูด พอได้ยินแบบนี้ พันเดชก็ยิ้ม ถ่อมตัวและเป็นสุภาพบุรุษ “เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับผมเลยครับ ผมไม่ได้ทำอะไรเลย ได้แค่ช่วยเสริมให้เด่นเท่านั้น! ” การันต์ยิ้ม แล้วก็ไม่ได้พูดอะไรอีก เรื่องบางเรื่อง แค่รู้ไว้ก็พอแล้ว ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรให้มากมาย “ไม่ว่าจะยังไง เรื่องนี้ก็ถูกเคลียร์แล้ว ตอนนี้ฉันรู้สึกเหมือนได้ยกเขาออกจากอก! ”การันต์พูด จิดาภามองจากด้านข้าง ก็ค่อยๆ คลี่ยิ้มออกมา “เพียงแค่ คนปล่อยข่าวที่อยู่เบื้องหลัง ไม่รู้ว่าพอถึงเวลา จะปล่อยข่าวอะไรออกมาอีก! ” พันเดชพูด แล้วสายก็มองไปที่เปรมศักดิ์อย่างไม่ตั้งใจ คำพูดนี้หมายความว่ายังไง เขาเชื่อว่า คนพวกนี้ก็น่าจะเข้าใจ ถ้าเกิดว่าถึงเวลาแล้วปล่อยข่าวอะไรออกมาอีก เขาคงจะไม่สงบนิ่งขนาดนี้อีกแล้ว แล้วก็เป็นอย่างที่คิดไว้ หลังจากได้ยินคำพูดของพันเดช สีหน้าของเปรมศักดิ์ก็เปลี่ยนไปทันที บรรยากาศ มีบางอย่างที่ผิดปกติเล็กน้อย ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้พูดอะไรอย่างชัดเจน แต่ว่าการันต์กลับมองออกว่าระหว่างพวกเขามีบางอย่างที่ผิดปกติ และตอนนี้เอง โทรศัพท์ของพันเดชก็ดังขึ้น เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วไปรับสายด้านข้าง ไม่ถึงครึ่งนาที เขาก็เดินกลับมา “พ่อครับ ที่บริษัทผมมีเรื่องนิดหน่อย น่าจะต้องกลับก่อนนะครับ! ” การันต์พยักหน้า “ได้ ในเมื่อมีธุระ งั้นก็กลับไปก่อนเถอะ! ” พันเดชพยักหน้า ในตอนนี้เอง จิดาภามองเขา “เดี๋ยวฉันกลับไปพร้อมนาย! ” พันเดชพยักหน้า จิดาภาก็ลุกขึ้น มองการันต์ “พ่อ พี่ใหญ่ พวกเรากลับก่อนนะคะ! ” “โอเค เดินทางระวังๆ ล่ะ! ” “อืม! ” จิดาภาพยักหน้า แล้วก็เดินออกไปกับพันเดช บนรถ จิดาภาก็เลยถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก เธอดูมีความสุขขึ้นเยอะ พันเดชเหลือบมองเธอ เห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของเธอ ปากเขาก็โค้งขึ้นโดยอัตโนมัติเหมือนกัน“อารมณ์ดีล่ะสิ? ” “ก็เหมือนกับที่พ่อพูด ได้ยกภูเขาที่อยู่ในอกมาหลายปีออกไป ความรู้สึกนี้มันช่างเกินบรรยายจริงๆ! ”เธอหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดออกมา มองไปที่รอยยิ้มที่มุมปากของเธอ พันเดชเองก็ยิ้มออกมาเหมือนกัน สายตาเต็มไปด้วยความรักและทะนุถนอมที่ไม่มีสิ้นสุด หวังเป็นอย่างมากว่า เธอจะยิ้มแบบนี้ต่อไปได้เรื่อยๆ …… นั่งอยู่หน้าทีวี เห็นข่าวนี้ อารมณ์ของกชกรไม่รู้ว่าควรจะใช้คำอธิบายว่าดีหรือว่าไม่ดีกันแน่ จิดาภาต้องเข้าโรงพยาบาลเพราะว่าข่าวนี้ เธอก็เป็นกังวลมาก แต่ว่าตอนนี้เห็นว่าไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นเลยแม้แต่นิดเดียว แถมยังจบอย่างราบรื่น เธอกลับมาความรู้สึกผิดหวังอย่างที่อธิบายไม่ได้…… แต่ว่า ไม่ว่าจะเป็นเวลาไหน ยังไงก็ต้องมีคนคอยช่วยเหลือเธออยู่ข้างๆ …… กชกรที่กำลังดูทีวีอยู่นั้น มีความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้ แล้วในตอนนี้เอง โทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้น เห็นเบอร์ที่โทรเข้ามา เธอขมวดคิ้วแล้วก็รับสาย “ฮัลโหล……” “มีเวลาไหม? ” สีหน้าของกชกรไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก เพราะว่าปลายสาย ก็คือเปรมศักดิ์ คนที่ทำให้เธอรู้สึกทั้งรักทั้งเกลียด “มีเรื่องอะไรรึเปล่า?? ”กชกรถามออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา ดวงตาที่สวยงามของเธอปรากฏความเย็นชาออกมา “ออกมา พวกเรามาคุยกันหน่อย! ” “คุยอะไร? มีอะไรให้คุยอีก?! ” กรกชถาม “ไม่ว่าจะคบกันต่อ หรือว่าไม่คบกัน ก็ต้องพูดให้ชัดเจน หรือว่าจะต่างฝ่ายต่างไม่ยอมอ่อนข้อให้กันต่อไปเรื่อยๆ? ”เปรมศักดิ์ถาม ดังนั้น เขาก็เลยนัดให้เธอออกไป เพื่อที่จะให้เคลียร์ให้ชัดเจน เพื่อ หย่าเหรอ……? ตอนที่คิดถึงเรื่องนี้นั้น กชกรก็รู้สึกเจ็บปวดรวดร้าวที่หัวใจ แต่ว่าไม่ว่าจะยังไง เธอก็จะจะสูญเสียศักดิ์ศรีตัวเองไปไม่ได้ เธอยิ้มแล้วพูด “ได้สิ ตอนไหน? ที่ไหน?! ” “ตอนนี้ ที่blue sky! ” กชกรกำโทรศัพท์อยู่ ข้อมือของเธอซีดเล็กน้อย “ได้! ” หลังจากพูดจบ เธอก็ตัดสายทันที มองดูตัวเองในกระจก เธอก็ได้แต่บอกตัวเองว่า กชกร ทั้งๆ ที่รู้ว่าผู้ชายคนนี้ไม่รักเธอ ถ้ายังงั้นก็ไม่ต้องตกอยู่ในฐานะต่ำต้อยอีกต่อไปแล้ว เพราะว่าต่อให้เป็นแบบนั้น เขาก็ไม่มีวันรักเธอหรอก…… พอคิดแบบนี้ กชกรก็เปลี่ยนเสื้อผ้า แต่งหน้า แม้ว่าเขาจะไม่รู้สึกอะไรก็ตาม แต่ว่าก็อยากให้ตัวเองปรากฏตัวในด้านที่ดีที่สุด ต่อให้ไม่รักเธอ ก็ควรจะรู้ว่า บนโลกใบนี้กชกรไม่เป็นที่สองรองใคร……หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง ก็มองตัวเองในกระจก ใบหน้าที่งดงามและละเอียดอ่อน ดูแปลกตาไปหน่อย ไม่มีรอยยิ้มที่สดใสเหมือนในวันปกติ แม้แต่ตัวเองก็ยังจำไม่ค่อยได้…… พอคิดแบบนี้ เธอก็หยิบกระเป๋า แล้วก็ออกจากบ้านไป ที่blue sky ตอนที่รถของเธอมาถึงด้านนอกของร้านกาแฟ จากหน้าต่างสไตล์ฝรั่งเศสที่ไกลออกไปนั้น ก็ได้เห็นผู้ชายที่นั่งอยู่ด้านในแล้ว เสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินเข้มสะท้อนให้เห็นการตกแต่งของร้าน ช่างดูสูงส่ง โดดเด่น ตอนที่เห็นเขานั้น ใจก็รู้สึกเจ็บปวดอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แม้จะบอกว่าไม่แคร์ แต่ว่าใจมันก็ไม่สามารถทำให้มันหายไปได้ภายในไม่นานหรอก เธอหรี่ตาลง เก็บสายตาที่ดูคลุมเครือ ถือกระเป๋า จอดรถแล้วก็เดินลงไป เธอก้าวเดินบนรองเท้าส้นสูงสามนิ้ว ตอนที่เดินเข้าไปนั้น ทั้งร้านกาแฟ เปรมศักดิ์คือคนที่เด่นที่สุด ความโดดเด่นนั้น ทำให้สามารถมองเห็นเขาได้เป็นคนแรกท่ามกลางผู้คน กชกร สู้ๆ ไม่ว่าจะยังไง ก็จะไม่ให้ผู้ชายคนนี้ เหยียบย่ำศักดิ์ศรีของตัวเองอีกแล้ว! พอคิดแบบนี้ เธอก็เดินเข้าไป ใบหน้าที่งดงามและละเอียดอ่อน เต็มไปด้วยความเย่อหยิ่ง แต่ว่า ใครจะไปรู้ได้ว่า ภายใต้ความเย่อหยิ่งนั้นมีความเศร้าโศกอยู่…… เธอไม่ได้มีสไตล์เป็นนักธุรกิจหญิง เธอแค่อยากเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ อยากจะได้ความรักที่เป็นของเธอ แต่ว่าความรักอะไรพวกนี้ ถึงมันจะมีอยู่อย่างฟุ่มเฟือย แต่ว่าก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถได้รับมัน เธอ ไม่ใช่คนที่โชคดีคนนั้น