หลงรักเมียเจ้าเล่ห์ - ตอนที่ 807 จะไม่ได้อยู่เป็นสุข
ตอนที่ 807 จะไม่ได้อยู่เป็นสุข
พันเดชนั่งอยู่ในตำแหน่งของตัวเอง เมื่อเห็นกชกร แววตาก็ไม่ได้มีความประหลาดใจใดๆ แต่ยิ้มและเอ่ยปากว่า “กชกร ทำไมอยู่ดีๆก็คิดอยากจะมาหาผมได้ล่ะ”
กชกรเดินเข้ามา เมื่อเห็นพันเดช เธอก็ยกยิ้มมุมปาก “ที่ฉันมาที่นี่ โดยธรรมชาติแล้วก็เพราะว่ามีเรื่องอยากบอกกับคุณ!”
“หืม งั้นเหรอ เรื่องอะไรล่ะ” พันเดชเลิกคิ้ว เพียงไม่กี่วันก็มองออก พลังความมั่นใจของกชกรแตกต่างจากเมื่อก่อนโดยสิ้นเชิง
แล้วกชกรก็เดินเข้ามาเอง นั่งลงตรงข้ามกับพันเดชและมองไปที่เขา “เรื่องที่ฉันต้องการจะบอก เกรงว่าคุณจะไม่เชื่อ!”
“งั้นเหรอ” พันเดชเลิกคิ้วอย่างเฉื่อยชา แต่สายตากลับมองไปที่กชกรเหมือนเครื่องตรวจจับ
“แน่นอน!”
“เรื่องอะไร บอกมาให้ฟังหน่อยสิ!”
ขณะนี้ กชกรหยิบแฟลชไดรฟ์USBขนาดเล็กออกมาวางไว้บนโต๊ะ “ฉันคิดว่าคุณดูสิ่งนี้แล้วก็จะเข้าใจ!”
มองไปที่สิ่งของเล็กๆบนโต๊ะ พันเดชไม่มีความรีบร้อนที่จะหยิบมันมา แต่มองไปที่เธอ “คุณอยากจะบอกอะไรกันแน่”
“คุณดูสิ่งนี้แล้วก็จะเข้าใจเอง!”
พันเดชไม่พูดอะไรมากอีก หยิบแฟลชไดรฟ์USBขึ้นมาแทน แล้วก็เสียบเข้าไปในคอมพิวเตอร์
“ฉันเชื่อว่ามันจะทำให้คุณได้รับสิ่งที่คาดไม่ถึงแน่นอน!” กชกรนั่งเอนไปฝั่งหนึ่งอย่างผ่อนคลายสบายๆราวกับว่าประสบความสำเร็จอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม หลังจากเปิดมันก็ได้เห็นภาพในนั้น มันเป็นภาพของเปรมศักดิ์ที่เกิดขึ้นในโรงแรม ซึ่งถูกกชกรถ่ายบันทึกไว้
เมื่อดูแล้วพันเดชก็ไม่มีการเปลี่ยนสีหน้าใดๆ
ปฏิกิริยาของเขาเกินความคาดหมายของกชกร
“นี่คือคุณจงใจจัดการบันทึกมันมางั้นเหรอ”
“ถึงแม้ว่าฉันจะจัดการและก็จงใจบันทึกมันมา แต่เรื่องที่อยู่ในนั้นมันเป็นความจริงแท้แน่นอน!” กชกรบอก
“จุดประสงค์ที่คุณให้ผมดูล่ะ มันคืออะไร” พันเดชมองเธอและถามไปตามที่ใจคิด ราวกับว่าสิ่งที่อยู่ในนั้นไม่สามารถทำให้เขาสั่นคลอนได้เลย
“หรือว่าคุณมองอะไรไม่ออกเลยงั้นเหรอ”
“มันก็ปกติทั่วไป ไม่เห็นจะมีอะไร!” พันเดชพูด
รูม่านตาของกชกรหดยับย่น “พี่เดช คุณกำลังแกล้งโง่หรือว่าโง่จริง”
พันเดชมองเธอด้วยดวงตาเข้มลึกที่ราวกับซ่อนข้อความเดียวกันเอาไว้ “คุณอยากจะบอกอะไรกันแน่”
“หรือว่าคุณไม่รู้สึกอะไรเลยงั้นเหรอ”
พันเดชไม่พูดอะไร แค่มองไปที่เธอ
“อารมณ์ความรู้สึกของเปรมศักดิ์กับจิดาภา คุณคงจะไม่ได้มองไม่ออกหรอกนะ!”
“กชกร บางอย่างมันดีกว่าที่จะไม่เอามาพูดไร้สาระ!”
“พูดไร้สาระเหรอ คุณคิดว่าฉันจะพูดเรื่องไร้สาระงั้นเหรอ” กชกรถามด้วยลักษณะที่ดูใส่อารมณ์ขึ้นเล็กน้อย
“ฉันคิดไม่ถึงจริงๆ ไม่น่าเชื่อว่าพวกเขาจะเป็นคนแบบนี้!” เมื่อคิดถึงตอนที่เปรมศักดิ์อยู่กับจิดาภา มันก็ยากที่จะทำให้อารมณ์ของเธอสงบลง
“กชกร ระวังการพูดด้วย!” พันเดชเอ่ยปากอย่างไม่พอใจ
ตอนนี้กชกรมองพันเดช “พี่เดช ตอนนี้ฉันกำลังบอกความจริงกับคุณ จิดาภาเป็นคนหลอกลวง…”
“กชกร!” พันเดชลุกขึ้นยืนทันที มองเธอด้วยสายตาเจือความโหดเหี้ยม “คุณอย่าพูดแบบนั้นกับเธอ!”
“ฉันพูดความจริงนะ!”
“คุณควรจะมองให้ชัดเจนก่อนจะพูดมันออกมา อย่ามาบังคับให้เธอต้องมีข้อผิดพลาดเหมือนเปรมศักดิ์!” พันเดชตะคอก
หลังจากคำพูดประโยคนี้ออกมา กชกรก็ชะงักไป มองเขาอยู่เป็นเวลานาน “หมายถึงอะไร”
“พูดอย่างนี้แสดงว่าคุณก็รู้ตั้งนานแล้วเหรอ”
พันเดชไม่ได้พูดอะไร ประกายในตาได้ยอมรับเรื่องนี้แล้ว
แล้วจู่ๆกชกรก็หัวเราะออกมา “ถ้าอย่างนั้นคุณก็รู้อยู่แล้ว เปรมศักดิ์ก็รู้ จิดาภาก็รู้ แต่ฉันไม่รู้งั้นเหรอ”
“กชกร ผมต้องบอกคุณนะ มันเป็นเพียงความปรารถนาของเปรมศักดิ์ฝ่ายเดียวไม่เกี่ยวกับจิ!” พันเดชพูดเน้นทีละคำ
“ใช่เหรอ คุณแน่ใจเหรอ” กชกรมองเขาด้วยรอยยิ้มเยาะ
“ไม่มีใครรู้ดีไปกว่าผม!”
กชกรมองเขา หลังจากมองอยู่นานด้วยคิดไม่ถึงเลยว่าเรื่องมันจะออกมาเป็นแบบนี้ จนท้ายที่สุดก็หยิบกระเป๋าแล้ววิ่งออกไป
มองตามหลังของกชกรไป ใบหน้าที่สมบูรณ์แบบของพันเดชค่อยๆเพิ่มความเย็นชาลง ดวงตาดิ่งลึกราวกับหลุมดำไร้จุดสิ้นสุด มองเข้าไปมันคือหายนะ
หลังจากที่กชกรออกจากCAก็ยืนอยู่บนถนน
มองผู้คนเดินผ่านไปผ่านมา ผู้คนหลั่งไหลไม่ขาดสาย พลันรู้สึกว่าตัวเองโดดเดี่ยวขึ้นมาทันใด ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี
ตั้งแต่เล็กจนโต เธอไม่มีเพื่อนแท้สักคน
แม้ว่าจะมีเพื่อนอยู่บ้างก็ตาม ทั้งหมดเป็นเพราะตัวตนของเธอ ในวันปกติจะแข่งขันกัน ถ้าพวกเธอคิดจะร้องเรียนก็กลัวที่จะพูดต่อหน้า ลับหลังจึงเอาไปพูดเหมือนเป็นเรื่องตลกขบขัน
ดังนั้นจนถึงตอนนี้ เธอไม่รู้เลยว่าควรจะทำอย่างไร หัวใจเต็มไปด้วยความขมขื่น แต่กลับไม่มีใครที่สามารถระบายด้วยได้
มองไปบนท้องถนน จู่ๆเธอก็รู้สึกเหงาขึ้นมาทันที
บางครั้งเธอก็อิจฉาจิดาภาจริงๆ ที่ได้มีเพื่อนสนิทที่รู้ใจอยู่ข้างกายเหมือนไปรยา เหมือนแก้ว….เธอก็ยอมรับว่าเมื่อตอนที่เห็นจิดาภา เธอรู้สึกริษยา และก็อิจฉามาก เพราะเธอคิดว่าบนโลกใบนี้มีผู้หญิงแบบนี้ด้วยเหรอ นุ่มนวลอ่อนโยนเหลือเกิน แต่กลับมีบรรยากาศของความกดดันที่ไม่สามารถต้านทานได้แต่กับเรื่องที่เธอรับรู้นั้นสามารถยอมรับได้หรือไม่มันเป็นอีกเรื่องนี้!ระหกระเหเร่ร่อนอยู่เป็นเวลานานจนตกค่ำ เธอมาถึงประตูบาร์ เธอก็เพิ่งนึกขึ้นมาได้ กี่ปีมาแล้วที่เธอไม่ได้ไปบาร์เลยยืนอยู่ที่ประตูและมองอยู่เป็นเวลานาน จนท้ายที่สุดเธอก็ตัดสินใจเดินเข้าไป….ไวน์แดงไฟเขียว เพลงจังหวะดุดันสั่นสะเทือนโสตประสาท กชกรนั่งอยู่ตรงโซนบาร์ ยกแก้วดื่มช็อตต่อช็อตเต็มไปด้วยความคับแค้นใจและความไม่เต็มใจอยู่ในก้นบึ้งของหัวใจยิ่งคิดยิ่งรู้สึกคับข้องใจภาพที่อยู่กับเปรมศักดิ์ ภาพที่พูดคุยกับจิดาภาเธอเหมือนเป็นตัวตลก พยายามเอาใจเปรมศักดิ์ให้พอใจ ถึงขนาดไม่ลังเลที่จะวางท่าทางของผู้หญิงลงเพื่อติดตามจิดาภา แต่ไม่น่าเชื่อว่าผลมันจะกลับกลายมาเป็นแบบนี้!เป็นใครไม่เป็น ทำไมต้องเป็นจิดาภา!!!เมื่อคิดอย่างนั้นแล้วเธอก็ยกแก้วขึ้นดื่มแล้วดื่มอีกด้วยน้ำตาคลอหน่วยการปรากฏตัวของเธอ ทำให้หลายคนกระตือรือร้นที่จะไปลอง แต่พอเห็นน้ำตาของเธอ ก็มีคนไม่น้อยที่รู้สึกหมดสนุก จนสุดท้ายก็ยอมแพ้ไปจนกระทั่งดึกมาก กชกรก็กลับไปทางฝั่งตระกูลสวันนีย์ กชกรไม่เคยกลับบ้านดึกขนาดนี้ และโทรศัพท์มือถือก็ไม่สามารถติดต่อได้ สิ่งนี้จึงทำให้การันต์กับจันทนีเป็นห่วง และก็ให้คนออกไปตามหาด้วย“หนูกชไม่เคยกลับมาในเวลานี้ จะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า” จันทนีสอบถาม เดินไปเดินมารอบห้องนั่งเล่นด้วยความกังวลอย่างมากการันต์ที่นั่งอยู่ไม่ได้พูดอะไรเลยเปรมศักดิ์ที่ยืนอยู่ด้วยสีหน้าจริงจังก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรอันที่จริงกชกรแต่งงานเข้ามาตั้งนานแล้ว ไม่เคยทำอะไรที่ทำให้พวกเขากังวลเลยสักครั้ง แค่ตอนนี้…แตกต่างจากวันเก่าๆจันทนีเพิ่งพูดจบ ตอนนี้ก็ได้ยินเสียงตึงตัง เป็นกชกรเดินโซซัดโซเซกลับมาและตอนนี้มันก็เกินเที่ยงคืนแล้ว“หนูกช?” เมื่อเห็นกชกร จันทนีก็เดินเข้าไปหาทันที “ทำไมกลับบ้านดึกขนาดนี้” ได้กลิ่นเหล้าคลุ้งออกมาจากตัวเธอแล้วเธอจึงเอ่ยปากว่า “เธอไปดื่มมาเหรอ”กชกรมองจันทนีแล้วก็ยิ้ม “ใช่ค่ะ ฉันไปดื่มมา!”“แล้วทำไมถึงได้กลับมาดึกขนาดนี้ โทรศัพท์มือถือก็ไม่ได้ยิน พวกเราเป็นห่วงเธอมากนะ!” จันทนีพูด“จริงเหรอคะ” เธอพูดแล้วก็ยิ้ม “ยังจะมีใครเป็นห่วงฉันด้วยเหรอคะ”จันทนีฟังแล้วรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติกับในคำพูดของเธอ “เจ้าเปรม มาช่วยพาหนูกชเข้าไปพักผ่อนข้างบนไป เธอดื่มมากไปแล้ว!”“ฮ่าๆๆๆ…” เสียงหัวเราะก้องกังวานดังออกมาจากปากของกชกร เธอยืนด้วยร่างกายไม่มั่นคง โชคดีที่จันทนีช่วยไว้ทันเปรมศักดิ์เดินเข้าไปช่วยกชกร แต่กลับถูกเธอพูดใส่อย่างเย็นชา “อย่ามาแตะต้องตัวฉัน!”เปรมศักดิ์ชะงักไป และก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยแม้แต่จันทนีกับการันต์เองก็ยังอึ้งไป การันต์ที่นั่งอยู่มองกชกรกับเปรมศักดิ์ด้วยสายตาแปลกใจเป็นเรื่องยากที่กชกรจะดูท่าทีโกรธจัดขนาดนี้ พูดกันตามจริงมันก็นานมาแล้วที่ไม่เคยเห็นเธอมีท่าทีเหมือนอย่างในตอนนี้ ตอนนี้กชกรมองเปรมศักดิ์ด้วยสายตาแข็งกร้าวและยังเจือด้วยความเกลียดชังกวาดสายตามองเปรมศักดิ์แล้วกชกรก็เดินขึ้นไปข้างบนด้วยตัวเอง ถึงแม้ว่าจะเดินไม่มั่นคง แต่ก็ยังคงเดินขึ้นไปเพียงคนเดียวเธอไม่อยากจะพูดอะไรอีกแล้ว!แค่กลัวว่าตัวเองจะยิ่งดูแย่ลง!หลังจากมองดูเธอเดินไปแล้ว จันทนีก็หันมามองเปรมศักดิ์ด้วยสายตาที่ค่อนข้างมีความกังวล “เกิดเรื่องอะไรขึ้น พวกแกทะเลาะกันเหรอ”“ก็ไม่ได้มีเรื่องอะไรนะครับคุณแม่ มันดึกแล้ว พวกคุณไปพักผ่อนก่อนเถอะครับ ผมเองก็ขอตัวขึ้นไปข้างบนก่อน” เปรมศักดิ์พูดปลอบให้คลายกังวล“ผู้หญิงทุกคนต้องใช้การง้อ แกก็ง้อๆเธอให้มากๆหน่อยเดี๋ยวก็ดีเอง”เปรมศักดิ์พยักหน้า ไม่พูดอะไรมากอีก เพียงแต่มองตามหลังของกชกรไป และก็ตามขึ้นไปข้างบนด้วยจันทนีมองดูอยู่ที่ชั้นล่างพร้อมกับถอนหายใจแผ่วเบาเธอคิดว่าบ้านหลังนี้จะสงบสุขตลอดไป แต่ที่แท้แล้วมันก็ไม่ใช่ สุดท้ายแล้วมันก็มีการทะเลาะเบาะแว้งกันอยู่ดีขณะนี้การันต์เดินเข้ามามองดูเธอ “เอาล่ะ หยุดถอนหายใจได้แล้ว เด็กสองคนทะเลาะกันมันก็เป็นเรื่องปกติ อย่าเป็นห่วงไปเลย”“หนูกชไม่ใช่คนที่ไม่มีเหตุผล เจ้าเปรมปกติก็ยุ่งๆ ฉันไม่เคยเห็นหนูกชโกรธมากขนาดนี้ มันต้องมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นแน่นอน!”“ต่อให้จะมีเรื่องราวอะไรเกิดขึ้น มันก็ไม่ใช่เรื่องของคุณ ไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอก พวกเด็กๆน่ะโตๆกันแล้ว เรื่องของพวกเขาก็ให้พวกเขาจัดการกันเอาเอง มันดึกมากแล้ว พวกเราไปพักผ่อนกันเถอะ” การันต์เอ่ยปลอบ ผู้ชายน่ะในแง่นี้มักจะมองออกง่าย ไม่เหมือนผู้หญิงที่อ่อนไหว จันทนีรู้สึกอยู่บางเบาว่ามีบางอย่างผิดปกติระหว่างพวกเขาการันต์พูดอย่างนั้นเธอก็ทำได้เพียงพยักหน้ารับ แล้วก็กลับไปพักผ่อนที่ห้องและที่ชั้นบนกชกรเดินเข้าไปในห้อง เพราะดื่มมากไปจึงเดินสะดุดจนเกือบล้มลงพื้น เปรมศักดิ์เห็นเข้าจึงรีบเข้าไปช่วยทันทีเมื่อเห็นเขา กชกรก็โมโหขึ้นมาอีกครั้ง “ปล่อยฉัน!” เธอออกแรงผลักเปรมศักดิ์ออกไปเปรมศักดิ์ยืนอยู่ข้างๆ มองเธอพร้อมกับคิ้วที่ขมวดแน่นกชกรนั่งอยู่บนพื้น มองเขาด้วยสายตาเย็นชาพร้อมกับส่งน้ำเสียงเหน็บแนม “ทำไม ตำหนิตัวเองเหรอ คุณคิดว่าฉันน่าสมเพชใช่ไหม”“คุณดื่มมากไป!”กชกรยิ้มเยาะ ค่อยๆลุกขึ้นจากพื้น แล้วเดินไปตรงหน้าเปรมศักดิ์ ร่างกายเซไปเซมา “ใช่ ฉันดื่มมากไป แล้วยังไงล่ะ”“เปรมศักดิ์ เรื่องพวกนี้มันเป็นเพราะคุณ ทั้งหมดมันเพราะคุณเป็นต้นเหตุ!” กชกรมองเขาพร้อมกับตะโกน และน้ำตาก็ไหลรินอย่างไม่อาจควบคุมได้ดูเธอตะโกนแล้วเปรมศักดิ์ก็ขมวดคิ้ว “การปิดบังคุณน่ะเป็นความผิดของผมเอง แต่เรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว!”“ผ่านไปแล้วงั้นเหรอ อะไรที่เรียกว่าผ่านไปแล้ว คุณวางมันลงได้เหรอ ลืมได้งั้นเหรอ หรือมันเป็นยังไง” กชกรมองเขาพลางเอ่ยถาม“ใช่!” เปรมศักดิ์พูดถึงแม้ว่าจะไม่อยากยอมรับ แต่มันก็เป็นความจริง จิดาภาแต่งงานกับพันเดชไปแล้ว พวกเขาอยู่ด้วยกันแล้ว และเธอก็ท้องแล้ว นั่นคือความจริงที่ไม่สามารถเปลี่ยนได้ เขาบอกตัวเองหลายครั้งแล้วว่ามันควรจบได้แล้ว!เขาพยายามมาตลอด!แค่มันยังไม่ประสบความสำเร็จ หรือจะพูดว่ามันยังไม่ทันถึงฝั่งของความสำเร็จก็กลับถูกกชกรรู้เรื่องเข้าเสียก่อนมันเหมือนต้นกล้า ที่เหมือนกับว่าเธอขุดมันขึ้นมาจากพื้นดิน เมื่อดวงอาทิตย์สาดแสง ก็ยังอดไม่ได้ที่จะตื่นเต้นกวัดแกว่งไปมา!ได้ยินอย่างนั้น กชกรก็ยิ้มอย่างเย็นชา “เปรมศักดิ์ งั้นสิ่งที่คุณทำในวันนี้ล่ะนับว่าอะไร ตั้งใจแสดงให้ฉันดูงั้นเหรอ!”“คุณพูดเบาๆหน่อย คุณพ่อคุณแม่หลับไปแล้ว!” เปรมศักดิ์พูด“ทำไมล่ะ กลัวพวกท่านรู้งั้นเหรอ เปรมศักดิ์ คุณกล้าทำ แล้วทำไมถึงกลัวว่าคนอื่นจะรู้ล่ะ!”“ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ใช่น้องสาวแท้ๆของคุณ แต่คุณไม่คิดว่ามันน่ารังเกียจหรือไง!” กชกรตะโกนใส่เขา ตอนนี้เธอกำลังคิดว่ารู้สึกอึดอัดใจไม่สบายอย่างมากสีหน้าของเปรมศักดิ์ดูแย่มาก “คุณรู้แล้วงั้นเหรอ”“ใช่ ฉันรู้แล้ว และฉันก็รู้ตั้งนานแล้วด้วย!”“แต่ว่าฉันก็ยังโง่อยู่ที่นี่ ทั้งทั้งที่รู้ว่าพวกคุณไม่ใช่พี่น้องกันแท้ๆ แต่ฉันก็ยังไม่ได้คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เปรมศักดิ์ ฉันเชื่อใจคุณมากนะ คุณทำเรื่องน่ารังเกียจแบบนี้ได้ยังไง ทำไม เพราะอะไร!” เธอตะโกนพร้อมกับตบเขาอย่างแรงเปรมศักดิ์ปล่อยให้เธอตบระบายอารมณ์ แต่เขาก็อยากรู้นิดหน่อยจึงยื่นมือออกไปจับมือของเธอไว้ “คุณรู้ตั้งแต่เมื่อไหร่”“ทำไม ฉันรู้ไม่ได้เหรอ” กชกรเอ่ยถามด้วยใบหน้าเหยเกบางส่วนเปรมศักดิ์ขมวดคิ้วกชกรผลักเขาออกไป “เปรมศักดิ์ คุณไม่ได้อยู่เป็นสุขแน่ ฉันจะไม่ปล่อยให้คุณได้อยู่เป็นสุขแน่นอน!” โดยฉับพลันนั้น บนใบหน้าของเธอหยุดร้องไห้ และกลายเป็นความโหดร้ายเด็ดขาดเปรมศักดิ์มองเธออย่างไม่รู้ว่าควรจะพูดยังไง“ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป คุณนอนในห้องหนังสือ ฉันอยู่ที่นี่!” กชกรพูดพร้อมกับหันหลังให้เขาเปรมศักดิ์ยืนอยู่ข้างหลัง มองด้านหลังของเธอ ไม่มีการเปิดปากพูดอะไร แค่มองเธอแบบนั้น“ออกไป ฉันไม่อยากเห็นคุณ!” กชกรพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาเปรมศักดิ์ยังคงไม่ขยับเขยื้อน กชกรจึงร้องตะโกนด้วยความโกรธจัด “ออกไปซะ!!!”ด้วยเหตุนี้ เปรมศักดิ์ถึงมีการเคลื่อนไหว มองเธอสักพัก จากนั้นก็หันหลังเดินออกไปได้ยินเสียงประตูถูกปิดลงแล้ว น้ำตาของกชกรก็ไหลลงมาอย่างสุดจะกลั้น นอนฟุบลงบนเตียง ตอนแรกไม่อยากร้องไห้ แต่น้ำตานั้นไหลออกมาอย่างมิอาจทานทนทำไม!ทำไมถึงเป็นแบบนี้!ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้!ถ้าเป็นคนอื่น เธอยังมีความมั่นใจ แต่นี่คือจิดาภา!มันไม่มีความเป็นไปได้เลยที่เธอจะไปเปรียบเทียบ!!!ความอัปยศของการถูกหลอกลวง และความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนนี้ ทั้งหมดนี้ทำให้จิตใจของกชกรยุ่งเหยิงกระเจิดกระเจิงอย่างถึงที่สุดจนร้องไห้ตลอดไม่หยุดถึงขนาดที่ว่าไม่ได้อาบน้ำด้วยซ้ำ นอนอยู่ตรงไหนก็ร้องไห้จนหลับไปทั้งอย่างนั้น…ส่วนเปรมศักดิ์อยู่ในห้องหนังสือ นั่งอยู่ตรงนั้น มองไปที่คอมพิวเตอร์ที่ไม่ได้เปิด เป็นครั้งแรกที่รู้สึกว้าวุ่นใจ…และอีกด้านพันเดชยังคงกลับไปตามเวลาจิดาภานั่งอยู่บนเก้าอี้โยกที่ระเบียงและมองออกไปข้างนอก ในตอนนี้พันเดชเดินเข้าไปกอดเธอจากทางด้านหลัง กดจูบที่ผมของเธอ “คิดอะไรอยู่”ฟังเสียงฝีเท้าที่คุ้นเคยของเขา และกลิ่นอายที่เป็นเอกลักษณ์ จิดาภาก็รู้ว่าเขากลับมาแล้ว เธอเงยหน้าขึ้นมองเขา “กลับมาแล้วเหรอคะ”พันเดชพยักหน้า“เป็นยังไงบ้างคะ เหนื่อยไหม” จิดาภาเอ่ยถามพันเดชพยักหน้า อ้อมไปนั่งข้างๆเธอ “เหนื่อยครับ”“คุณกับลูกชายวิ่งผ่านความคิดของผมทั้งวัน จะไม่เหนื่อยได้ยังไง” เขาพูดได้ยินอย่างนั้นจิดาภาก็อดหัวเราะไม่ได้ “คุณชายเดช นี่มันคือคำรักในศตวรรษที่แล้วนะคะ คุณช่วยเปลี่ยนคำพูดเป็นประโยคใหม่ๆได้ไหม”“คำพูดไม่ใหม่ แต่ใช้งานได้ก็พอ”“งั้นคุณหมายความว่า แค่ทำลวกๆกับฉันไม่ต้องพิถีพิถันก็ได้งั้นเหรอคะ”“ด้วยความสัตย์จริง ที่ผมพูดล้วนเป็นความจริง!” พันเดชสาบานและโน้มตัวเข้าไปจูบจิดาภาจิดาภายิ้มพันเดชมองเธอ “จิดาภา ทำยังไงดีล่ะ”“อะไรเหรอคะ”“มันไม่ใช่ทั้งหมด ผู้ชายที่แต่งงานแล้วยิ่งชอบผู้หญิงข้างนอกไม่ใช่เหรอ แต่ในสายตาของผม หัวใจดวงนี้ไม่มีห้องว่างเหลือสำหรับคนอื่น ทั้งความคิดและจิตใจมีเพียงคุณเพียงคนเดียว ให้ความรู้สึกเหมือนถูกคุณกลืนกิน!” เขาพูดอย่างหมดหนทางจิดาภามองเขาพลางพยักหน้าอย่างเคร่งขรึมจริงจัง “คุณชายเดช ยินดีด้วยนะคะ นี่แสดงให้เห็นว่าคุณได้ปรับปรุงตัวดีขึ้นแล้ว”“พูดแบบนี้หมายความว่ายังไง”“ผู้ชายที่มีความสามารถจะรู้จักรักภรรยา รู้ถึงความรับผิดชอบ รู้ว่าหัวใจของเขาอยู่ที่ไหน มีแต่คนที่ไม่มีความสามารถ คนที่ไม่มีความรับผิดชอบถึงได้ไปมองผู้หญิงอื่นค่ะ!” จิดาภาพูด……“ตามที่คุณพูด หากในอนาคตผมอยากมองผู้หญิงอื่น ก็จะกลายเป็นคนไม่มีความสามารถ ไม่มีความรับผิดชอบเหรอ” พันเดชมองเธอพลางเอ่ยถาม“บิงโก ถูกต้องค่ะ!”พันเดช “…….”สาวน้อยคนนี้ อยู่บ้านมานานมากเกินไปแล้ว อะไรก็ไม่ได้เรียนรู้ แต่ปากคอยิ่งเราะร้ายขึ้นมากเขาโน้มตัวเข้ามาบีบหน้าของเธอ “คุณวางใจเถอะ ตลอดชีวิตนี้ ในสายตาของผมจะมีเพียงคุณ!”หลังจากแต่งงาน คำบอกรักของพันเดชก็ยิ่งมีมากขึ้นเรื่อยๆประการแรกคืออดทนไม่ได้ ประการที่สองก็เพราะชีวิตเป็นสิ่งสำคัญจิดาภายิ้ม ยื่นมือออกไปจับมือของเขา “คุณเดชคะ มีเรื่องบางอย่างที่ฉันอยากบอกกับคุณค่ะ”“อะไรเหรอ” พันเดชมองเธอจิดาภาครุ่นคิดก่อนจะเปิดปากว่า “ฉันอยากกลับไปทำงานที่บริษัทค่ะ!”“หืม” พันเดชมองเธอด้วยความประหลาดใจ“สาเหตุที่ขอลาในตอนนั้นเป็นเพราะระบบในครรภ์มีปัญหา แต่ตอนนี้ไม่มีอะไรแล้ว ฉันจึงอยากกลับไปทำงานค่ะ!”พันเดชพยักหน้า “ผมเห็นด้วย แต่คุณย่าท่าน…อนุมัติแล้วเหรอ” ใครๆก็รู้ว่าจิดาภาในตอนนี้เป็นสมบัติล้ำค่าของตระกูลของตระกูลฐิตานันท์ หญิงชราแทบอยากจะโอบอุ้มเอาไว้ในอุ้งมือ แล้วจะอนุญาตให้เธอไปทำงานได้อย่างไร“เอ่อ…” จิดาภามองเขา “ฉันยังไม่ได้บอก…”“โอเค คุณเกลี้ยกล่อมคุณย่าได้เมื่อไหร่ผมก็ตกลง” พันเดชเอ่ยบอกจิดาภาครุ่นคิดแล้วก็พยักหน้าดังนั้น ในห้องอาหารหญิงชรามองเธอ “เธอจะไปทำงานที่บริษัทเหรอจ๊ะ” หญิงชราถามด้วยความประหลาดใจจิดาภาพยักหน้า “ใช่ค่ะ ตอนนี้ฉันไม่เป็นอะไรแล้ว และอีกอย่าง ท้องก็ยังไม่ชัดมาก เพราะงั้นฉันจึงอยากกลับไปทำงานที่บริษัทค่ะ”“ไปลำบากมากขนาดนั้น ย่าจะทนได้ยังไง ไม่ได้ ไม่เห็นด้วย!” หญิงชราปฏิเสธตรงๆพันเดช “……..”จิดาภา “……..”ทั้งสองคนมองหน้ากัน โดยที่สายตาของพันเดชนั้นบอกว่า ‘เห็นไหม ผมบอกแล้ว คุณย่าต้องไม่เห็นด้วย!’จิดาภามองเขา ดูถูก!“คุณย่าคะ!” จิดาภาเปิดปาก“ขอร้องไปก็ไม่มีประโยชน์หรอกจ้ะ ย่าไม่เห็นด้วย!” หญิงชราปฏิเสธทันทีจิดาภา “……..”“คุณย่าคะ คุณวางใจเถอะค่ะ ฉันจะไม่เป็นไร ถ้าเกิดความรู้สึกไม่สบายแม้เพียงเล็กน้อย ฉันจะยุติมันทันที จะไม่มีการล้อเล่นกับชีวิตเด็กแน่นอนค่ะ!” จิดาภาพูดเธอระมัดระวังตัวมาโดยตลอด ที่เธอสามารถพูดออกมาได้ก็คือต้องคิดดีแล้วหญิงชราก็ตระหนักถึงจุดที่เธอมีวิธีคิดและความใส่ใจเป็นของตัวเองอย่างมาก หญิงชราที่ยังไม่ได้พูดอะไร ในตอนนี้คุณหญิงภารดีเอ่ยปากออกมาว่า “เธอคิดดีแล้วเหรอจ๊ะ”จิดาภาพยักหน้ารับ กลัวว่าพวกเขาจะไม่เห็นด้วย จึงรีบพูดอย่างอลหม่าน “ฉันเชื่อค่ะว่าคุณเดชที่รักฉันมากขนาดนี้จะต้องไม่ให้ฉันทำงานหนักแน่นอน เพราะงั้นพวกคุณวางใจได้เลยนะคะ ฉันไปที่นั่นจะนั่งให้มากที่สุด จะไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นอีกแน่ๆค่ะ!” จิดาภาพูดเป็นเช่นนี้“ในเมื่อเธอตัดสินใจแล้ว ฉันก็คงจะพูดอะไรไม่ได้อีก แต่ไม่ว่ายังไงก็ตาม ห้ามเหนื่อยมากไป เด็ดขาด ไม่งั้นย่าจะปวดใจ!” หญิงชราผ่อนคลาย ถึงแม้ว่าจะพูดหนักแน่นมาก แต่ก็แค่เป็นห่วงจิดาภาเท่านั้น ตอนนี้เมื่อได้ฟังสิ่งที่สมเหตุสมผลแล้วก็รู้สึกโล่งใจจิดาภาพยักหน้ารับทันที ดูเหมือนเป็นการรับประกัน “ฉันจะทำตามนั้นค่ะ!”“เฮ้อ อุตส่าห์มีวันที่ดีแต่ก็ต้องไปทำงานที่บริษัท…” หญิงชราทานไปด้วยพูดไปด้วย แต่หลังจากพูดจบเธอก็เงยหน้าขึ้น “ด้วยลักษณะของพวกเราตระกูลฐิตานันท์ ลองคิดดูแล้วในคราแรกเมื่อตอนที่ฉันท้องกับปู่ของเขา ก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน!”พูดถึงวันเก่าๆเหล่านั้น หญิงชรายังคงจำได้พูดขึ้นมาแล้วก็มีชีวิตชีวาจิดาภามองและฟัง จู่ๆเธอก็รู้สึกสุขใจ แต่งงานกับครอบครัวแบบนี้ มันทั้งรู้สึกอบอุ่นและกลมเกลียวแม้ว่าโลกภายนอกจะมีเรื่องที่ไม่เป็นสุขก็ตาม แต่ตราบใดที่อยู่ที่นี่ เธอก็จะรู้สึกผ่อนคลายมากเหลือเกิน