หลงรักเมียเจ้าเล่ห์ - ตอนที่ 752 ตั้งชื่อให้เบบี๋
ตอนที่ 752 ตั้งชื่อให้เบบี๋
หลังจากออกจากบริษัท ทั้งสองคนก็ตรงไปยังโรงพยาบาล
เจมน่าได้ตื่นมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่อาจเป็นเพราะร่างกายอ่อน จึงหลับลงไปอีก
ในห้องผู้ป่วย พันเดชมองไปที่เธอแล้วขมวดคิ้วขึ้น แม้ว่าจะไม่มีความรักเชิงชู้สาวกับเจมน่าสักนิดเดียว แต่ทั้งสองคนก็เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เล็กจนโต อีกอย่างเขาก็เป็นคนทำให้เธอต้องเป็นแบบนี้ในตอนนี้ แล้วเขาจะไม่เป็นห่วงได้ยังไงล่ะ
เพียงแค่กลัวว่าจิดาภาจะคิดมาก เขาจึงไม่ได้แสดงออกมา
ตอนนี้เมื่อมองไปที่เจมน่า ในหัวใจของเขาก็มีความรู้สึกที่พูดไม่ออก
บางทีเขายังที่อยากที่จะให้คนที่นอนอยู่ด้านบนเป็นเขาซะอีก
ความละอายใจนี้มันไม่สามารถชดใช้ในสิ่งที่เธอต้องการได้ ต่อให้ทั้งชีวิตก็ไม่สามารถชดใช้ได้
จิดาภามองไปที่พันเดช ไม่รู้ว่าควรจะปลอบโยนเขายังไง
คิดไปถึงมุมมองของเขา ตอนที่เธออยู่ต่างประเทศ สงชัยเองก็ดูแลเธอเป็นอย่างดี เธอไม่อาจลืมน้ำใจนี้ลงไปได้ ไม่ต้องพูดถึงเจมน่าที่เกือบจะจ่ายด้วยชีวิตของเธอ
เมื่อมองเจมน่าที่นอนอยู่บนเตียง
“เธอจะไม่เป็นอะไรหรอก” จิดาภาพูด
พันเดชพยักหน้า
หาผู้ดูแลอาวุโสมาดูแลตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง หลังจากคุณหญิงภารดีรู้เรื่องนี้แล้ว ก็มาเยี่ยมทุกวัน แต่ถึงจะอย่างนั้นก็เถอะ พันเดชก็ยังเป็นห่วงอยู่มาก
ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเจมน่าจริงๆ พันเดชก็อาจจะยากที่จะให้อภัยตัวเองไปตลอดชีวิต
ในโรงพยาบาล อยู่มาตั้งนานก็ไม่เห็นว่าเจมน่าจะตื่นมาสักที พันเดชกับจิดาภาจึงออกไป
เมื่อกลับมาบนรถ จิดาภาก็ยื่นมือออกมาแล้วจับไปที่มือของพันเดช “เจมน่ายังสาวขนาดนี้ แล้วก็เข้มแข็งขนาดนี้ จะต้องไม่เป็นอะไรแน่นอน !”
เมื่อฟังคำปลอบโยนของจิดาภา พันเดชก็หันไปมองที่เธอ แล้วก็ยกมุมปากขึ้นแล้วพยักหน้า “อืม !”
รถกำลังวิ่งไปข้างหน้า ส่วนจิดาภาก็ไม่รู้ว่าจะพูดปลอบโยนพันเดชอย่างไร จึงไม่ได้พูดอะไร
หลังจากมาถึงบ้านแล้ว พันเดชว่าจะทำอาหาร ทว่าที่บ้านไม่มีกับข้าวแล้ว พันเดชจึงจะไปซื้อของที่ห้างสรรพสินค้า แต่นึกขึ้นได้ว่าเขาเป็นผู้ชายแล้วไปห้างสรรพสินค้าจะต้องสำรวม สิ่งที่สำคัญมากไปกว่านั้นคือเขาไม่รู้จักเลือกซื้อของ จิดาภาจึงตัดสินใจไปเป็นเพื่อนเขา
ในห้างสรรพสินค้า
พันเดชสวมกางเกงขายาวสีดำ เสื้อเชิ้ตสีฟ้า หุ่นดีเป็นธรรมชาติ ทำให้เขาดูเรียวยาวและอกผายไหล่ผึ่ง
ส่วนจิดาภาก็สวมชุดลำลองสีเทาทั้งตัว ผมที่ดำยาวก็ถูกเธอมัดไว้ด้านหลัง สง่าผ่าเผยและไร้เดียงสา
ทั้งสองคนเดินไปด้วยกัน พันเดชดันรถเข็นคันเล็ก ส่วนจิดาภาก็รับผิดในการเลือกซื้อของ ดึงดูดสายตาเป็นอย่างมาก
คนหนึ่งดูหล่อ อีกคนดูสวย จะไม่ดึงดูดคนได้ยังไงล่ะ
พันเดชซื้อของยังไงน่ะเหรอ ดูบรรจุภัณฑ์ ดูยี่ห้อ แล้วโยนเข้าไปในรถ
ถ้าอันไหนต้องการก็โยนไปในรถ เห็นอะไรที่หน้าตาดูดีก็โยนไปในรถ
เห็นเป็นสิ่งที่จิดาภาชอบกินก็โยนไปในรถ
ตอนที่จิดาภาจะหันหัวกลับมา รถเข็นคันเล็กก็เต็มแล้วครึ่งหนึ่ง จิดาภาจึงตกใจขึ้นมา “นี่คุณซื้ออะไรกันเนี่ย ?”พันเดชมองไปยังสิ่งของเหล่านั้น “ผมก็ไม่รู้ กลับไปแล้วแกะออกก็จะรู้แล้วไม่ใช่เหรอ ?”จิดาภา “……”เมื่อหยิบสิ่งของเหล่านั้นขึ้นมาดู จิดาภาจึงพูดไม่ออกเลยจริงๆ มันเป็นสิ่งของที่ไร้ประโยชน์ จากนั้นจิดาภาจึงเอาไปวางไว้ที่เดิม“คุณพันเดชคะ คุณรับผิดชอบแค่เข็นรถและตามฉันไปจ่ายเงินก็พอ อย่างอื่นๆ ปล่อยให้ฉันทำเองเถอะน่า !”นึกไม่ถึงเลยว่าแค่เดินบนห้างสรรพสินค้าก็ถูกตะเพิดซะแล้ว โอเค พันเดชเพิ่งจะเห็นว่ามีเยลลี่ เหมือนว่าเขาจะไม่รู้เลือกจริงๆ จึงไม่ได้เถียง แล้วผลักลดตามหลังจิดาภาไปหลังจากซื้อของที่ชอบกินไปแล้ว ต่อมาจึงไปซื้อวัตถุดิบพันเดชที่ตามหลังมา เห็นจิดาภาดูเหมือนจะมีประสบการณ์มาก จึงเดินเข้าไป “ก็แค่ซื้อกับข้าวไม่ใช่เหรอ จะไปเลือกอะไรขนาดนั้นล่ะ ?” เขามองผักพวกนั้นมันก็รูปแบบเดียวกันนี่นา“ไม่เหมือนกันแน่นอน ตอนซื้อกับข้าวต้องดูด้วยว่าเขาสดหรือไม่สด จะไปซื้อสุ่มสี่สุ่มห้าได้ยังไง !”“งั้นจะรู้ได้ยังไงล่ะว่าสดหรือไม่สด ?” เห็นเขาอ่อนน้อมถ่อมตนขนาดนี้ จิดาภาจึงสอนเขาอย่างเต็มใจ “จริงๆ แล้วมันง่ายมากเลยล่ะ ถ้าจะซื้อผักอย่าไปเลือกสีที่มันเพี้ยน ต้องเลือกอันที่ดูสดมากๆ อย่าไปเลือกซื้ออันที่มีรูปร่างแปลกๆ บางคนเขาก็ใช้ฮอร์โมนเร่งโตในผักทำให้รูปร่างผิดปกติไป อีกอย่าง บางทีก็มีกลิ่นชอบกลในผัก สรุปแล้วก็คือดูสี ดมกลิ่น ถ้าไม่รังเกียจที่มันยังไม่สะอาดก็ชิมดูหน่อย สุดท้ายค่อยไปดูรูปร่างยังไงล่ะ !” จิดาภาพูดฟังเธอพูดมาตั้งมากมาย พันเดชก็สรุปมาหนึ่งประโยคว่า “ก็เหมือนเลือกคนสินะ !”จิดาภายิ้มอ่อน “BINGO แบบนั้นแหละ !”“คุณรู้ได้ยังไง ?”“สำหรับคนที่ใช้ชีวิตอยู่คนเดียวมานานก็ต้องรู้เป็นธรรมดา !” จิดาภาพูด“แล้วทำไมผมไม่รู้ล่ะ ?”“เพราะคุณเป็นคนที่รวยฟ้าผ่าที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดไงล่ะ !”คนที่รวยฟ้าผ่า……พันเดชก็ส่งสายตาขวางให้จิดาภา ส่วนจิดาภาก็ยิ้มหวานแล้วเลือกของไปต่อจากนั้นก็ซื้อเนื้อมาอีกเล็กน้อย สุดท้ายจิดาภาก็ตั้งใจไปซื้อตำราอาหารให้พันเดชไปเรียนรู้ในที่สุด หลังจากซื้อกองนั้นเสร็จแล้ว พันเดชก็เอาบัตรออกมารูดอย่างหล่อเหลาเป็นพิเศษ หญิงสาวที่แคชเชียร์ก็มองอย่างหลงใหล แล้วทำสีหน้าอิจฉาริษยาให้กับจิดาภาด้วยส่วนจิดาภาก็ยินดีปรีดามาก พาหนุ่มหล่อออกจากประตูไป ชอบการที่พวกเขาแสดงความอิจฉาและหึงหวงเพราะจิดาภาตั้งท้อง ดังนั้นของทุกๆ อย่างพันเดชก็ต้องเป็นคนถือด้วยตัวเอง จิดาภาเดินมือเปล่าอยู่ข้างๆ เขา ยิ่งดึงดูดสายตาที่อิจฉา……จิดาภารู้สึกว่าการที่พาพันเดชมาห้างสรรพสินค้ามันเหมือนกับการไปสนามรบ มีผู้คนมากมายมองมาที่เธอ ทว่าคุณจิก็ได้แต่ยิ้มแฉ่ง ความรู้สึกที่คนอื่นดูชังแถมยังทำอะไรไม่ได้ มันเป็นความรู้สึกที่ดีมากเมื่อเดินออกจากห้างสรรพสินค้าแล้ว ทั้งสองคนก็ตรงขึ้นไปบนรถสปอร์ต ขับรถที่ราคาแพงขนาดนี้มาห้างสรรพสินค้า บนโลกใบนี้อาจจะมีเพียงแค่พันเดชจอมโอ้อวดขนาดนี้จิดาภาถอนหายใจอย่างสุดซึ้ง ค่าน้ำมันที่มาที่นี่ก็เกือบเท่ากับที่จ่ายในห้างสรรพสินค้าในครั้งนี้หลังจากขึ้นไปบนรถแล้ว ทั้งสองคนก็ตรงกลับไปทันทีเมื่อมาถึงบ้าน พันเดชก็เอาของไปเก็บไว้ที่ห้องครัว จิดาภาก็หยิบตำราอาหารออกมาหนึ่งเล่ม แล้วพูดอย่างจริงจัง “คุณพันเดช เนื่องจากช่วงนี้ฉันอยู่ในช่วงเวลาพิเศษ ดังนั้นงานที่หนักในครัวของบ้านนี้ก็ยกให้คุณเลยละกันนะ เป็นกำลังใจให้นะ สู้ๆ !”เมื่อมองไปยังตำราอาหาร พันเดชก็รู้ว่าจิดาภาวางแผนไว้แล้ว แต่จะเป็นอะไรไปล่ะ เขาก็ยินดีที่จะทำ ตราบใดที่เธอชอบ ที่เธอสบายใจและมีความสุข……พันเดชรับมันมาจากมือของเธอ จากนั้นก็มองไปที่เธอ “คนที่ยอดเยี่ยม แม้ว่าจะอยู่ให้ห้องกลัวเฉิดฉายออกมาได้ คุณจิดาภา หลังจากนี้คุณจะได้ลาภปากละนะ ผมชายที่ดีแบบผมขนาดนี้ คุณต้องจับให้แน่นๆ นะ !”จิดาภาก็ยิ้มแฉ่งให้เขา “ฉันจะขังคุณไว้ในห้องครัวตลอดชีวิตเลยล่ะ !”ใครจะไปรู้ว่าพันเดชเองก็ยิ้มอย่างมีเลศนัย ทั้งยังกระดิกนิ้วเบาๆ บนกระดานแข็งของห้องครัว “ผมก็ชอบอยู่ห้องครัวนะ มากไปกว่านั้นคืออุ้มคุณอยู่ข้างบน !” คำพูดมีเลศนัย จิดาภาจึงตอบไปสองคำในทันที “คนพาล !”“ผมยังเป็นคนพาลได้มากไปกว่านี้อีก คุณเชื่อไหม ?”“คุณพันเดช ถ้าคุณไม่กลัวคุณย่าลงโทษก็เข้ามาเลย ส่วนฉันจะไปฟ้องแน่นอน !” จิดาภาพูดด้วยรอยยิ้มความจริงแล้ว แม้ว่าจะไม่บอกคุณย่า พันเดชก็ไม่กล้าไปยุ่งเธอ เป็นช่วงที่พิเศษขนาดนี้เขาจะกล้าไปแตะต้องซะที่ไหนกันล่ะทว่าเขาหรี่ตาขึ้นแล้วเดินไปที่จิดาภา มือจับคางเธอไว้ การหายใจที่อบอุ่นก็อยู่ตรงหน้าเธอ “ที่ผมพูดมันไม่ใช่ตอนนี้ รอให้เขาออกมาก่อนเถอะ จากนั้น คุณจิดาภา ผมจะทำให้คุณอ้อนวอนผมอยู่ตรงนี้……”คำพูดของเขามักทำให้คนหน้าดำหน้าแดงขึ้นมาง่ายๆ อยู่เสมอจิดาภากำลังจะเอ่ยปากพูด พันเดชก็พูดเพิ่มเติมขึ้นมากะทันหัน “ไม่สิ พูดให้ถูกคือ ไม่ต้องรอให้เขาออกมาก็ได้ ตราบใดที่ผ่านช่วงสามเดือนไปก็โอเคแล้ว !”ใบหน้าของจิดาภาแดงไปหมด “นี่คุณพูดอะไรเนี่ย !”“งั้นถ้าตอนนี้คุณจะมาอ้อนวอน ผมก็ยังพอยกโทษให้คุณได้…..”ส่วนจิดาภาก็ยิ้มขึ้น “กว่าจะถึงสามเดือนยังเหลืออีกตั้งสองเดือน ค่อยๆ ก้าวไปทีละก้าวแล้วค่อยว่ากัน !” อยากให้เธอยอมแพ้ มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอกนะพันเดชกำลังจะขึ้นไปจูบเธอ เธอก็หลีกหนีอย่างชำนาญ “ทำกับข้าวดีๆ ล่ะ ฉันจะรอคุณอยู่ที่ห้องนั่งเล่นนะ” พูดจบก็เดินไปยังห้องนั่งเล่นพันเดชยืนอยู่ในห้องครัว แล้วมองไปยังเงาหลังของจิดาภา สุดท้ายก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาจิดาภานั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น แล้วยืดเท้าออกมาวางที่โต๊ะน้ำชา แล้วหยิบไอแพดออกมาดูเรื่อยเปื่อยส่วนพันเดชที่อยู่ในห้องครัวก็เอาของที่ซื้อมาเก็บไว้ในตู้เย็น บางครั้งบางคราวก็มองไปที่หญิงสาวตัวเล็กที่อยู่ในห้องนั่งเล่น เธอยังคงนั่งดื่มของ กินผลไม้ และดูไอแพดอยู่ตรงนั้น ดูสบายมากเขาแอบบ่นอยู่ในใจ พันเดชเอ๊ยพันเดช นายตกมาทำกับข้าวให้ผู้หญิงคนหนึ่งตั้งแต่ตอนไหนกันเนี่ย แต่คิดอยู่ชั่วขณะ เขาก็ยินดีที่จะทำแบบนี้ถือว่าเขาจบแล้วสินะ จบอยู่ในน้ำมือของผู้หญิงคนนี้แล้วสิดังนั้นห้องนี้ก็มีฉากอย่างหนึ่งเกิดขึ้นมา พันเดชอยู่ในห้องครัว จิดาภาอยู่ในห้องนั่งเล่น เป็นเพราะมันเชื่อมกัน ดังนั้นจึงสามารถมองเห็นกันได้“จิดาภา อันไหนคือเกลือ อันไหนคือน้ำตาล ?”“ด้านซ้ายเป็นเกลือ ด้านขวาเป็นน้ำตาล !”“จิดาภา อันไหนคือผงชูรส !”“อยู่ในกล่องสีฟ้า !”“จิดาภา หุงข้าวต้องใส่น้ำเท่าไหร่ !”“น้ำต้องเกินกว่าข้าวสองนิ้ว !”“จิดาภา……”ในห้องครัวมีเสียงที่เขาเรียกและเสียงที่เขาถามออกมารัวๆ จิดาภาก็ตอบไปอดทนมาก ใครจะไปรู้ว่าเขาจะมาถามอีกหนึ่งประโยคว่า “จิดาภา เกลือต้องใส่เท่าไหร่……”ในที่สุดจิดาภาก็ทนนั่งไม่ไหว จึงลุกขึ้นแล้วเดินไปยังห้องครัว“คุณพันเดช ไม่ใช่มันมีสูตรอยู่เหรอ ?”“แต่เขาบอกว่าใส่ในปริมาณพอควร ผมจะรู้ได้ยังไงว่าขนาดมันถึงจะพอควรล่ะ !?” พันเดชพูดด้วยสีหน้าไร้เดียงสา“ปริมาณพอควร……” จิดาภาเดินไป เห็นว่ามีกับข้าวอยู่มากมาย “ปริมาณพอควร ก็คือ……ปริมาณพอควร !” พันเดช “……”จิดาภาไม่สามารถอธิบายได้ จึงได้แต่เดินไปช่วยเขาใส่ “นี่เรียกว่าปริมาณพอควร !”พันเดชยื่นมือออกมาแล้วทำท่าทางโอเค จิดาภามองไปที่เขา “ไม่มีอะไรแล้วเนอะ ?”“ไม่มีแล้ว !”“งั้นฉันออกไปแล้วนะ !”“ครับ !” จากนั้นจิดาภาก็เดินกลับมาที่ห้องนั่งเล่นอีกครั้ง หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมงจิดาภาก็รู้สึกหิวจริงๆ ขึ้นมาเล็กน้อย “พันเดช นี่คุณทำเสร็จหรือยังเนี่ย ?”ในห้องครัว “……”จิดาภารู้สึกแปลกจึงเรียกไปอีกครั้ง “ข้ากำลังจะหิวตายแล้วนะ !”ในห้องครัว “……”ยังคงไม่มีเสียงเช่นเดิม ขณะนั้นจิดาภาก็รู้สึกแปลกขึ้นมา จึงลุกขึ้นแล้วเดินไปอีกครั้ง เมื่อเดินไปถึงประตูห้องครัว พันเดชก็มองเธออย่างออดอ้อน “ไม่รู้ว่าทำไมข้าวยังไม่สุกเลย……”“ไม่สุก ?” จิดาภาสงสัยจึงเดินไปเปิดฝาดู ตอนแรกเป็นแบบไหน ตอนนี้ก็ยังเป็นแบบนั้นขณะนั้นจิดาภาก็สังเกตเห็นว่าเขาไม่ได้กดปุ่มสวิตช์ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกว่าเป็นความผิดพลาดที่ไว้ใจยกห้องครัวให้เขา !!“คุณพันเดช ไม่กดสวิตช์มันจะสุกได้ยังไง !” จิดาภาพูดพันเดชมองไปแล้วพูดออกมาลอยๆ ว่า “ต้องกดสวิตช์ด้วยเหรอ……”จิดาภาเกาหัว อ๊าาาาาา !!เธอไม่ควรไว้ใจไอคิวของพันเดชมากเกินไป !!ดีแล้วสินะตอนนี้ !! ยังต้องรออีกยี่สิบนาทีถึงจะได้กินข้าวเมื่อมองไปยังอาหารที่พันเดชผัด มีสีสันหลากหลาย สีก็ยังพอได้ แต่รูปร่างหน้าตานี่สิ……ยากที่จะให้คนชื่นชมจิดาภาคิดอยู่ว่ามันจะกินได้ไหม ขณะนั้นก็มองไปเห็นอาหารจานหนึ่ง จิดาภาจึงถามขึ้น “อันนี้คืออะไร ?”