หลงรักเมียเจ้าเล่ห์ - ตอนที่ 646 ความมีอำนาจของไปรยา
ตอนที่ 646 ความมีอำนาจของไปรยา
“ดึกมากแล้ว คุณกลับไปพักผ่อนเถอะ”
“แต่ว่าคุณ……”
“ผมไม่เป็นไรหรอก อยากอยู่คนเดียวเงียบสักครู่ !” สงชัยพูด
เบเบ้มองไปที่เขาแล้วขมวดคิ้วขึ้น
ในที่สุดก็ลุกขึ้นแล้วเดินออกไปอย่างช้าๆ
เมื่อถึงประตูก็มองไปที่เขาอย่างไม่ไว้วางใจ แล้วจึงเดินออกไป
เมื่อได้ยินเธอออกไปแล้ว สงชัยจึงลืมตาขึ้นแล้วมองไปที่เบเบ้แล้วจึงขมวดคิ้วขึ้น……
อีกด้านหนึ่ง
เดิมทีควรจะเป็นเปรมศักดิ์ที่ส่ง กชกรกลับไป แต่เขาเมาเละ จึงกลายเป็นกชกรที่พยุงเขากลับ
มองไปที่เปรมศักดิ์ การันต์กำลังจะเอ่ยปากตำหนิ กชกรก็เอ่ยปากปกป้อง จากนั้นการันต์จึงไม่ได้พูดอะไร
แต่เมื่อมองไปที่ กชกร สำหรับลูกสะใภ้คนนี้ การันต์ก็พอใจอย่างมาก ไม่ใช่คนที่มีความละโมบเข้าครอบงำจิตใจ นี่ก็เหมาะสมกับประเพณีของครอบครัวของพวกเขา
ชั้นบน
กชกรกับคนขับรถช่วยกันเอาเปรมศักดิ์วางไปบนเตียง ขณะนั้นคนขับรถก็เอ่ยปากพูดขึ้น “คุณกชกร ผมออกไปก่อนนะครับ !” กชกรพยักหน้า “รบกวนคุณแล้วสิคะ !” “ไม่รบกวนหรอกครับ เป็นสิ่งที่สมควรทำ !” เมื่อพูดจบ คนขับรถก็ออกไป กชกรมองไปยังคนที่ล้มนอนอยู่บนเตียง หายใจหอบและเหนื่อยอยู่บ้าง แต่เมื่อเห็นว่าเขานอนยังไม่ค่อยสบาย จึงเข้าไปช่วยจัดการให้เขา ใช้เวลาตั้งนานกว่าจะถอดเสื้อโค้ตและรองเท้าออกได้ เมื่อจัดการเรียบร้อย กชกรก็ตรงไปอาบน้ำที่ห้องอาบน้ำ เมื่อเธอออกมาก็ถือผ้าเช็ดหน้าผืนหนึ่ง แล้วจะช่วยเช็ดให้เปรมศักดิ์ เห็นเขานอนอยู่ตรงนั้น เสื้อเชิ้ตที่คอถูกเขาฉีกเปิดออกแล้ว ดวงตาทั้งคู่ก็ปิดแน่นเหมือนเด็ก…… กชกรยิ้มขึ้นแล้วช่วยเช็ดให้เขา “ไม่รู้เลยว่าเวลาคุณเมาแบบนี้มันเหมือนเด็กเลยนะ……” ขณะนั้นเปรมศักดิ์ก็พลิกตัว “จิ…..” เขาพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา กชกรตกตะลึงเล็กน้อย จากนั้นก็มองไปที่เปรมศักดิ์ ในตอนนั้นฟังไม่ค่อยชัด “คุณพูดอะไรนะ ?” เธอถาม “จิ……” เขาเอ่ยปากพูดอีกครั้ง กชกรขมวดคิ้วขึ้น “คุณเรียกจิเหรอ ?” “เธอกลับไปกับพี่พันเดชแล้วล่ะ !” แต่เปรมศักดิ์ไม่ได้เอ่ยปากพูดอีก นอนอยู่ตรงนั้น เมาจนหลับไปแล้ว มองไปที่เขา ในตอนนั้นกชกรก็ไม่ได้คิดอะไรมาก จึงช่วยเช็ดให้เขาต่อไป มุมปากยกขึ้นด้วยรอยยิ้ม ราวกับว่ายังดื่มด่ำอยู่กับความสุขในคืนนี้……. หลังจากงานเลี้ยงเสร็จสิ้นไป ไปรยาก็ขับรถกลับไปแล้ว ในตอนกลางคืนบนถนนไม่ค่อยมีคน ในสมองของไปรยาก็สับสนวุ่นวาย มองไปที่แสงไฟด้านนอก ที่ถนนมีใครสักคน เมื่อเงียบลงมาก็รู้สึกหดหู่อยู่บ้าง ในขณะเดียวกันเธอก็เห็นเงาร่างที่คุ้นเคยร่างหนึ่ง ไปรยาจึงตกตะลึง คิดว่าตัวเองมองผิดไปแล้ว แต่ก็ยังคงตามไปอย่างไม่รู้ตัว ไม่ได้ตรงไปทันที ทว่าตามอยู่ข้างหลัง แต่สถานที่ที่ไปมันแปลกมาก ไปรยาไม่ค่อยไปมาแถวๆ นี้ หลังจากเห็นเอลิสต์เดินเข้าไปแล้ว เธอก็จอดรถแล้วเดินเข้าไป ขณะนั้น มีรถที่เจ๋งเป้งไม่น้อยจอดอยู่ด้านนอก ไปรยาไม่ค่อยได้มาจึงไม่รู้ว่าที่นี่เป็นที่ไหน แต่เห็นเอลิสต์เดินเข้าไป ความอยากรู้อยากเห็นได้ต้อนเธอเดินตามเข้าไปแล้ว “คุณผู้หญิงครับ คุณไม่สามารถเข้าไปได้นะครับ !” เพิ่งถึงประตูก็มีคนขวางเธอไว้ ไปรยาขมวดคิ้วขึ้น “ทำไมล่ะ ? เมื่อกี้ฉันเห็นคนนั้นเข้าไปแล้วนี่ !” ไปรยาพูด สีหน้าของเธอกังวลเล็กน้อย เมื่อเห็นการแต่งตัวของไปรยา คนนั้นจึงเอ่ยปากพูดขึ้น “คุณผู้หญิง คุณรู้ไหมว่าสถานที่นี่เป็นสถานที่อะไร ?” ไปรยาส่ายหัว “นี่เป็นสนามมวย ข้างในเต็มไปด้วยผู้ชายนะ การที่พวกเขามาที่ไม่ใช่เพื่อร่วมการแข่งขัน ก็คือมาดูการแข่งขัน แล้วคุณจะเข้าไปทำไม ?” คนที่เฝ้าประตูพูด คำพูดของเขาเพิ่งจบไป พลันได้ยินเสียงเครื่องยนต์ จึงหันหัวมองย้อนกลับไป ผู้หญิงสองคนลงมาจากรถ เสื้อหนังกับกางเกงขาสั้นสีดำ ซ้ำยังแต่งหน้าจัด นี่ทำให้ไปรยาจินตนาการถึงสาวนักเลงเสเพลขึ้นมาทันที หลังจากพวกเขามาถึงประตูแล้ว ก่อนอื่นก็ใช้สายตาแปลกๆ ประเมินไปรยา จากนั้นก็ทั้งทายกับคนเฝ้าประตูแล้วเดินเข้าไป “งั้นทำไมพวกเขาถึงเข้าไปได้ล่ะ ?” “คุณผู้หญิง ในสนามมวยถ้าไม่ใช่ผู้ชายก็จะมีแต่ผู้หญิงแบบนี้ คุณว่าคุณใส่ชุดเดรส……” คนเฝ้าประตูพูดอย่างลำบากใจ ในความเป็นจริงเป็นเพราะสิ่งนี้ เมื่อนึกถึงตรงนี้ไปรยาก็มองไปที่ตัวเอง คิดอยู่ชั่วขณะจึงยกกระโปรงขึ้นมา แล้วได้ยินเสียงเสื้อ “แคร่ก” เสื้อได้ถูกไปรยาฉีกเป็นสองท่อนไปแล้ว เมื่อกี้ยังเป็นกระโปรงสั้นถึงเข่า ตอนนี้ก็เลยหัวเข่าไปแล้ว ขาที่เรียวยาวก็ปรากฏออกมา ตราบใดที่เธอขยับก็จะทำให้ผู้คนคิดไปไกล “แบบนี้ได้หรือยัง ?” ไปรยาถาม คนเฝ้าประตูเห็นแล้วก็ทนไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลาย “โอเค โอเค คุณเข้าไปเลย !” คนเฝ้าประตูปล่อยให้เธอเดินเข้าไปอย่างจนปัญญา “ขอบคุณนะ !” หลังจากไปรยาขอบคุณเสร็จก็เดินตรงเข้าไป เพิ่งจะเดินเข้าไป ก็มีสายตาที่ไม่น้อยจับจ้องมาที่ตัวของเธอ แม้ว่าจะเป็นกระโปรงยาวกลับกลายเปลี่ยนเป็นกระโปรงสั้น แต่ก็ไม่สามารถเปลี่ยนบุคลิกที่บริสุทธิ์แบบเดิมของเธอได้