ตอนที่ 66 : ความสําเร็จครั้งยิ่งใหญ่
โจวฉวนจเหยียบบนกลางอกของยอดกระบี่จาวฉง เขามองลงต่าก่อนจะพูด “การพ่ายแพ้ต่อข้าถือว่าเจ้าคู่ควรแล้วละ
ทันทีที่เขาพูดจบ เขาก็เตะยอดกระบี่จาวฉงด้วยเท้าขวาให้ร่วงตกลงไปจากหอคอย
ภาพที่เขาเห็นในตอนนี้นั้นเหมือนกับดาบอุดรวายุแห่งโจวก่อนหน้านี้ โจวฉวนจีเห็นเขาค่อย ๆ ตัวเล็กลงเรื่อย ๆ และเรื่อย ๆ
เมื่อเทียบกับดาบอุดรวายุแห่งโจวแล้ว ตอนนี้เขาหมดสภาพที่จะต่อสู้แล้ว
การโจมตีไม่ยั้งของโจวฉวนจีก่อนหน้านี้ตัดเส้นชีพจรทั่วร่างกายของเขาจนขาดหมดแล้ว ด้วยพลังวิญญาณที่ขาดสะบั้นของเขา ทําให้เขาไม่อาจจะทรงตัวกลางอากาศได้
เหล่าจอมกระบี่แต่ละคนเฝ้ามองยอดกระจาวฉงร่วงหล่นลงมา
ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้ดูยิ่งใหญ่อลังการณ์เหมือนตอนที่ดาบอุดรวายุแห่งโจวแพ้ แต่พวกเขาก็ยังตกใจอยู่ดีเมื่อเห็นว่ายอดกระบี่จาวฉงแพ้
ราวกับได้เห็นเทวาร่วงหล่นลงมายังพื้นโลก
3 กระบวนท่าไร้เทียมทาน ยอดกระบี่จาวฉง คู่ปรับแห่งองค์รัชทายาท!
แต่เขาก็ยังไม่อาจเทียบเคียงกับเทพกระบี่โจวที่ไร้ซึ่งผู้ใดเทียมได้
ยอดกระบี่จาวฉงกระแทกเข้ากับแผ่นเหล็กราวกับลูกบอลกระเด้งร่วงลงมาที่ละชั้น ๆ เรื่อย ๆ ก่อนจะทิ้งตัวลงมาเสียงดังบนเวทีหิน
เลือดไหลออกมาท่วมร่างกายของเขา ตอนที่เขานอนจมกองเลือดอยู่นั้นเอง เขาก็เงยหน้าขึ้นไปมอง สิ่งที่เขาเห็นมีเพียงดาบในต่านานของโจวจวนจีเท่านั้น
“ข้าแพ้แล้ว… แพ้อย่างหมดรูปเลย…”
ยอดกระบี่จาวฉงพ่ายแพ้แล้ว เปลือกตาของเขารู้สึกหนักอึ้ง ความง่วงเริ่มซัดสาดเข้ามาเหมือนคลื่นที่ถาโถม
แต่ก่อนที่เขาจะหมดสติไป ความทรงจําของเขาก็ย้อนกลับคืนมาอีกครั้ง
มันเป็นเหตุการณ์ตอนที่พ่อของเขาพูดกับตัวเขาเมื่อวัยเยาว์ที่บาดเจ็บและนอนซมอยู่บนเตียง
“จาวฉง ในโลกใบนี้น่ะ เหนือฟ้ายังมีฟ้า มันจะมีคนที่แกร่งกว่าเจ้าอยู่เสมอ และมี โลกที่เจ้าไม่เคยเห็นมาก่อนอยู่ ถึงแม้ว่าพรสวรรค์ของเจ้าจะหายากมากขนาดไหน เจ้าก็อย่าฝืนตัวเองจนเกินไปล่ะ เอาแต่พอควรก็พอ”
“ท่านพ่อ ถึงแม้ว่าข้าจะฝึกฝนวิชาจนแกร่งกล้า ข้าก็ยังไม่สามารถเป็น 1 ในใต้หล้า ได้อีกเหรอฮะ?”
“ก็อาจจะนะ แต่เจ้าต้องเป็นคนค้นหาคําตอบนั้นด้วยตนเอง หลังจากที่เจ้าสําเร็จ เป็นผู้อยู่บนจุดสูงสุดแห่งวิถีกระบี่ และกลายเป็นเทพกระบี่ได้แล้วล่ะนะ”
“มันมีเทพกระบี่อยู่บนโลกนี้จริง ๆ เหรอฮะ?”
“เจ้าจะได้พบกับเขาเอง และบางที เจ้าเองก็จะได้กลายเป็นหนึ่งในพวกเขาด้วย เช่นกัน”
ยอดกระจาวฉงยิ้มอย่างขมขื่น ก่อนที่จะสิ้นสติร่วงตกลงมาท่ามกลางเสียงกู่ร้อง ของคนดูนับล้าน
หลังจากดาบอุดรเทวะแห่งโจว 3 กระบวนท่าไร้เทียมทาน ยอดกระบี่จาวฉงก็พ่ายแพ้ตามมาด้วยเช่นกัน
แถมยังแพ้แบบหมดรูปอีกด้วย!
ไม่มีใครคิดจะหาข้ออ้างให้ยอดกระบี่จาวฉงซักนิด เขาพ่ายแพ้ยับเยินจริงๆ
“แข็งแกร่งเกินไปแล้ว! แกร่งเกินไปจริง ๆ! ในโลกเราตอนนี้ ยังจะมีใครที่ทัดเทียมกับเทพกระบี่โจวในด้านของวิถีกระบี่ได้นอกจากจักรพรรดิกระบี่อีกเหรอ?”
“เขาทําเช่นนั้นได้ยังไงกัน?”
“ถึงแม้ว่าดาบพวกนั้นจะถูกใช้เป็นเหมือนวัตถุวิเศษ แต่เขาก็ไม่น่าที่จะสามารถใช้หลายวิชาดาบได้พร้อม ๆ กันนะ… หรือว่าดาบพวกนั้นจะมีวิญญาณเป็นของตัวเองกัน?”
“สมแล้วที่เป็นท่านเทพกระบี่!”
“แม้แต่จักรพรรดิกระบี่เองยังไม่สามารถควบคุมดาบได้มากมายขนาดนั้นเลย อย่างมากสุดเขาก็ทําได้แค่ควบคุมดาบไปในทิศทางเดียวกันเท่านั้นแหละ”
“นับแต่นี้เป็นต้นไป เทพกระบี่โจวเนี่ยละคือเป้าหมายของข้าล่ะ!”
ผู้ชมต่างร้องระงมกันออกมาอย่างตื่นเต้น งานประชุมกระบี่พึ่งเริ่มมาได้ไม่นาน แต่ตัวเต็งที่โด่งดัง 2 คนกลับพ่ายแพ้หมดสภาพนอนหมดสติกันแล้ว ไม่มีใครรู้ด้วยซ้ําว่าพวกเขาตายรึยัง นี่ถือเป็นเรื่องที่เกินคาดจริงๆ
โจวฉวนจียังคงยืนอยู่ด้านบนสุด ก่อนจะมองลงมาแล้วถามอย่างหยิ่งผยอง “ยังจะมีใครกล้าขึ้นมาอีกมั้ย?”
เขาพึ่งชนะยอดกระบี่จาวฉงมาแบบขาดลอย ใครที่ไหนละจะมากล้าท้าทายเขา
ตอนนี้กัน?
จอมกระบี่แต่ละคนนั้นดึงสติของตนเองกลับมาก่อนที่จะเริ่มสู้กับคู่ต่อสู้ของตัวเองกันต่อ
ส่วนโจวฉวรจีก็ถอนหายใจออกมาเงียบ ๆ
การปะทะกับยอดกระบี่จาวฉงทําให้พลังวิญญาณของเขาแทบหมดเกลี้ยง
ถึงแม้ว่าเขาจะยังดูดีมีพลังอยู่ก็ตาม แต่เอาจริง ๆ แล้วตอนนี้เขาอ่อนแรงมาก
เขายังคงยืนอยู่ที่เดิม ล้อมรอบไปด้วยดาบในตํานาน แล้วเริ่มฟื้นฟูพลังวิญญาณของตัวเอง
เขาไม่กล้าที่จะใช้ยาเสริมปราณใด เพราะว่าตามกฏของงานประชุมกระบี ผู้ใดก็ตามที่ใช้ยาชูกาลังใด ๆ จะถูกตัดสิทธิ์ทันที
เขาไม่ได้ทําการบารุงปราณภายในด้วย เพราะว่าเขาไม่อยากป่าวประกาศให้ทุกคนรู้ว่าตัวเองพลังวิญญาณจะหมด
*ขอละ พวกเจ้าช่วยสู้กันช้าๆทีเถอะ*
โจวฉวนจีคิดกับตัวเอง ก่อนจะหันไปมองรอบๆแล้ว มองไปที่เจียงฉือน้อยที่ยืนอยู่ ข้างๆกับเวทีหินพอดี
ก่อนที่เขาจะกระพริบตาให้กับเจียงจือน้อย
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะอยู่ห่างไกลกันเกือบหลายร้อยเมตร แต่ด้วยระดับสร้างรากฐานของเจียงฉือน้อย ทําให้นางมีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลเพียงพอที่จะมองเห็น
เธอยิ้มหวานแล้วดูมีความสุขมาก
จางหรูหยที่ยืนอยู่ข้างๆ จอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจนั้นถอนหายใจขึ้นมา “สมแล้วที่เป็นท่านเทพกระบี่โจวจริงๆ เขาไม่พลาดโอกาสที่จะหยอดสายตาถึงแม้ว่าจะอยู่ท่ามกลางทุกคนก็ตาม เขาเนี่ยละคือต้นแบบที่เราควรทําตาม! ข้าละนับถือเขาจริง
ๆ !”
ทั้งกลุ่มพอได้ยินเขาพูดก็หัวเราะลั่นออกมา
เจียงฉือน้อยเองก็แก้มแดงก่า แต่เธอก็ไม่ละสายตาจากโจวจวนจีไปไหน
ทันใดนั้นเองที่เธอรู้สึกได้ว่าโจวฉวนจีนั้นโตขึ้นแล้ว
ถึงแม้ว่าเธอจะต้องพึ่งพาโจวฉวนตีมาตลอด แต่โจวฉวนจีในตอนนี้ กลับมอบความรู้สึกที่บอกไม่ถูกให้กับเธอ
ตอนที่เธอมองเจ้าเด็กชายตัวน้อยเติบโตมาตั้งแต่อายุ 2 ขวบ จนกลายมาเป็นหนุ่มน้อยที่น่าประทับใจ มันทําให้เธอทั้งดีใจและภูมิใจไปพร้อมๆกัน
ตั้งแต่แรก ก็เป็นเธอเองที่อุ้มโจวฉวนจีขึ้นจากแม่น้ํา
เป็นเธอที่คอยหุงหาอาหารทํากับข้าวให้เขากินทุกวัน
สาว ๆ หลายคนรอบตัวของเธอกรีดกราดเพราะว่าพวกนางคิดว่าโจวฉวนจีส่งสายตามาหาพวกนาง
เจียงฉือน้อยแค่เม้มปากแล้วถอนหายใจเบา ๆ พลางคิดกับตัวเอง เขาเป็นของข้าตั้งหากล่ะยะ พวกเจ้าน่ะฝันไปเถอะ!
ศิษย์สํานักเสี่ยลากตัวยอดกระบี่จาวฉงออกจากสนามประลองเพื่อปฐมพยาบาลให้กับเขา แต่ก็แน่นอนว่ามีเพียงเขาเท่านั้นที่ได้รับการรักษา
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว และเหล่าจอมกระบี่ทั้งหลายต่างก็ถูกคัดออกกันไปเรื่อยๆ
มีเพียงโจวฉวนที่ยืนอยู่ด้านบนหอคอยคนเดียว มองลงมาเบื้องล่างอย่างสงบนิ่ง เหมือนกับองค์ราชาที่เพลิดเพลินกับการสู้รบ
พลังวิญญาณของเขาเริ่มฟื้นฟูขึ้นมาอย่างช้า ๆ
พลังในการฟื้นฟูตัวเองของอาคมปราณกระบี่กายทองคํานั้นยอดเยี่ยมมาก อย่างน้อยก็ในช่วงที่อยู่ในงานประชุมกระบี่ ก็ไม่มีใครฟื้นฟูพลังวิญญาณได้เร็วเท่าเขาแล้ว
เขาเดาว่าอาคมปราณกระบี่กายทองคําของเขานั้น น่าจะอยู่ในวิชาปราณระดับปฐพี หรือไม่ก็ถึงขั้นอยู่ในระดับนภาด้วยมั้ง?
เขาเองก็ไม่มั่นใจเลยถามกับจิตวิญญาณแห่งดาบ แต่จิตวิญญาณแห่งดาบเองก็ตอบกลับมาว่า ไม่สามารถระบุได้
ส่วนใหญ่แล้ว จิตวิญญาณแห่งดาบเองก็ถือว่าพึ่งพาได้อยู่หรอก แต่ก็มีบางช่วงเหมือนกันที่พึ่งพาอะไรไม่ได้เลย
แน่นอนว่าเขาเองก็แอบสงสัยเหมือนกันว่าจิตวิญญาณแห่งดาบนั้นจะจงใจปิดบังจากเขา
มันก็เหมือนกับเวลาเล่นเกมที่เราจะปลดล็อกข้อมูลหรือฟังค์ชั่นต่างๆมากขึ้นเมื่อถึงเลเวลที่กําหนด
ถึงแม้ว่าเขาจะยืนอยู่นิ่ง ๆ แต่เขาก็ยังดึงดูดสายตาของคนส่วนมากอยู่ดี
การประลองของเขากับดาบอุดรวายุแห่งโจวและยอดกระบี่จาวฉงนั้นยอดเยี่ยมเกิน ไปมากเกินไปซะจนทําให้การต่อสู้คู่อื่นนั้นดูแห้งจืดชืดไปเลย
“เทพกระบี่โจว! ไปเลย! โค่นพวกมันเลย!”
ในตอนนั้นเองที่มีใครบางคนตะโกนดังลั่นเหมือนไก่ขัน เสียงนั้นดังแทรกเสียงทุกคนออกมาชัดเจน จนทําให้ฝูงชนต่างลุกฮือกันขึ้นมาด้วยความวุ่นวาย
หลังจากนั้น…
ผู้คนก็เริ่มตะโกนใส่โจวฉวนจีมากขึ้น และมากขึ้นเรื่อยๆ
หลังจากที่เอาชนะยอดกระบี่จาวฉงแล้ว ผลของงานประชุมมันก็รู้ผลกันแล้ว จะไปเสียเวลาต่อทําไมกันละ?
สีหน้าของโจวฉวนจียังคงนิ่งสงบ แต่ในใจของเขาตอนนี้รู้สึกขมขื่นไปหมด มีอะไรให้ดูเยอะ ๆ ไม่ดีรึไงกัน?
ยิ่งมีคนเรียกร้องมากเท่าไร เขาก็ยิ่งรู้สึกว่ามันรอไม่ได้มากเท่านั้น
ไม่งั้นชื่อเสียงของเทพกระบี่โจวจะถูกครหาเอาได้
เขาจึงหยิบเอาดาบชโลมโลหิตที่พัฒนาขึ้นในระดับทองแล้วออกมา และพุ่งลงไปยังเบื้องล่างทันที
ในสถานการณ์แบบนี้ เขาคงพึ่งได้แค่ดาบชโลมโลหิตอย่างเดียวแล้ว
ยิ่งมันดื่มเลือดมามากเท่าไร ผู้ที่ใช้มันก็ยิ่งเก่งขึ้นมากเท่านั้น
แถมดาบชโลมโลหิตของเขาก็พัฒนาเป็นระดับทองแล้วด้วย มันจึงบินไปด้วยความเร็วสูงมาก
จอมกระบี่คนแล้วคนเล่าถูกแทงซะก่อนที่จะรู้สึกตัวซะด้วยซ้ํา เลือดของพวกเขาโดนดาบดูดซับเข้าไปหมด
โจวฉวนจีพยายามบังคับตัวเองไม่ให้โจมตีในจุดตายของเหล่าจอมกระบี่ เขาแค่ต้องการทําให้บาดเจ็บเท่านั้น
หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็เอาชนะจอมกระบี่ไปทั้งหมด 8 คน ฝูงชนต่างตื่นเต้นกันไปหมด บรรยากาศโดยรอบเริ่มกลับมาดุเดือดอีกครั้ง
โจวฉวนจีเองก็รู้สึกได้ว่าปราณโลหิต, เรี่ยวแรง, และพลังวิญญาณของเขาเองก็เริ่มฟื้นตัวอย่างรวดเร็วเช่นกัน
ด้วยความเร็วระดับนี้…
มันรู้สึกดีสุด ๆ ไปเลย!
สมแล้วที่เป็นดาบในตํานานที่แข็งแกร่งที่สุดของเขา!
ในขณะเดียวกัน ณ บนเวทีหินนั่นเอง
ผู้อาวุโสตระกูลเสี่ยเดินเข้าไปหาเสี่ยหรูโหยวแล้วพึมพัมเบาๆ “ท่านเจ้าสํานักด้วย พรสวรรค์ระดับเขาแล้ว ถ้าเขาเข้าไปในหอสมุดกระบี่ได้ 3 วันละก็…”
ตอนที่เสี่ยหรูโหยวได้ยินแบบนั้น เขาก็สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างมาก
สีหน้าของผู้อาวุโสคนอื่นก็เช่นกัน
ก่อนหน้านี้ โจวฉวนที่ใช้เวลาเพียงแค่ครึ่งชั่วโมงในการเรียนรู้วิชาเพลงดาบหยก 36 วิถี ซึ่งเป็นวิชาดาบระดับทมิฬขั้นสูงสุด
ถ้าเกิดเขาได้เวลาไปทั้งหมด 3 วันเต็ม ๆ ละก็…
เขาไม่เรียนรู้วิชาดาบจนหมดหอสมุดเลยเหรอ?
MANGA DISCUSSION