หมอหญิงยอดมือสังหาร - ตอนที่ 775 โง่เอง โทษผู้ใดได้เล่า (1)
ตอนที่ 775 โง่เอง โทษผู้ใดได้เล่า (1)
สาวใช้ลังเลเล็กน้อย เอ่ย “คงจะไม่หรอกเจ้าค่ะ ได้ยินว่าฝ่าบาทมีเมตตา ตระกูลเฉินซื่อสัตย์ภักดีต่อฝ่าบาท…”
เฉินซื่อตาตื่นขึ้นมา “ถูกแล้ว…ตระกูลเฉินของพวกเราซื่อสัตย์ภักดีต่อฝ่าบาท จะไม่เป็นไรอย่างแน่นอน…แต่ว่า ตอนนี้พวกเราจะทำเช่นไร” นอกเมืองมีทหารนับแสนล้อมรอบ ในเมืองโยวโจว องครักษ์ในจวนเยี่ยนอ๋องนับอย่างไรก็ไม่เกินสองพันคน สองหมัดหรือจะสู้ศัตรูสี่มือ ถึงตอนนั้น…จวนเยี่ยนอ๋องอาศัยอำนาจผู้ปกครองเมืองจะสู้รบกับราชสำนัก จะเอาชนะได้เยี่ยงไร ถึงตอนนั้น…พวกเขาก็คงกลายเป็นโจรกบฏแล้วน่ะสิ
“ไม่ได้ ข้าจะไปพบซื่อจื่อ” คิดมาถึงตรงนี้ เฉินซื่อไม่สนใจโจ๊กตรงหน้ารีบลุกขึ้นมุ่งหน้าไปยังประตู สาวใช้ตกใจ รีบตามออกไป “พระชายาซื่อจื่อ ท่านจะไปที่ใดเจ้าคะ”
เฉินซื่อเอ่ย “ข้าจะไปพบซื่อจื่อ ข้าจะเกลี้ยกล่อมซื่อจื่อ พวกเราเป็นราษฎรไม่อาจทรยศราชสำนักได้ พวกเราจะเป็นโจรกบฏไม่ได้”
“พระชายาซื่อจื่อระวังวาจาด้วยเจ้าค่ะ” สาวใช้ตื่นตกใจจนหน้าซีด รีบยื่นมือไปปิดปากเฉินซื่อ “พระชายาซื่อจื่อ วาจานี้อย่าได้เอ่ยออกมานะเจ้าคะ”
เฉินซื่อผลักสาวใช้ของตนเองออก “ข้าเอ่ยไม่ผิด เป็นเสด็จพ่อและซื่อจื่อที่ทำผิด”
สาวใช้ตกใจจนแทบร้องไห้ออกมาอยู่รอมร่อ ตอนนี้พวกนางอยู่ในจวนเยี่ยนอ๋อง เจ้านายกลายเป็นพระชายาซื่อจื่อจวนเยี่ยนอ๋องไปแล้ว จวนเยี่ยนอ๋องเกิดเรื่อง พวกนางจะยังดีได้อยู่หรือ
เฉินซื่อไม่สนใจนาง รีบมุ่งหน้าตรงไปยังห้องหนังสือของเซียวเชียนชื่อ
ในห้องหนังสือ เซียวเชียนชื่อและเซียวเชียนจย่งกำลังพูดคุยสนทนากันอยู่ ก่อนหน้านี้ความสัมพันธ์ของพวกเขาพี่น้องไม่ดีนัก ทว่าหลายวันมานี้ถูกปิดล้อมอยู่ในเมืองโยวโจว เซียวเชียนจย่งเห็นว่าพี่ใหญ่ของตนยุ่งวุ่นวาย อคติที่มีต่อเขาจึงลดลงไปมาก แม้รู้สึกว่านิสัยของพี่ใหญ่จะไม่เข้มแข็งและอดทนนัก ความสามารถในการนำทัพออกรบยิ่งไม่ได้ แต่ว่าทุกๆ วันนี้พี่ใหญ่ต้องจัดการเรื่องน้อยใหญ่ในบ้าน ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย หลายครั้งเห็นพี่ใหญ่เหน็ดเหนื่อยจนต้องฟุบหลับอยู่ในห้องหนังสือ อย่างไรเซียวเชียนจย่งก็ยังรู้สึกละอายใจอยู่บ้าง
ทั้งสองกำลังพูดคุยกันถึงเรื่องข่าวที่เพิ่งได้รับมา เสด็จพ่อเคลื่อนทัพแล้วพวกเขาฝั่งนี้เองก็ต้องเริ่มเคลื่อนไหวแล้ว หลายวันมานี้พวกเขาได้ติดต่อแบบลับๆ กับตระกูลของคนสนิทเยี่ยนอ๋อง ให้พวกเขาลอบเตรียมตัวเอาไว้อย่างลับๆ แม้ไม่เพียงพอต่อการปะทะกันกับกองทัพทหารด้านนอก แต่หากจะจับกุมทหารจำนวนน้อยที่เฝ้าประจำอยู่ในเมืองและฉีซั่วนั่นไม่ใช่ปัญหา หากจะโทษก็ต้องโทษฉีซั่วที่ไม่ให้กองทัพนับแสนคนเข้ามาอยู่ในโยวโจวเพราะชื่อเสียงของฝ่าบาท นายทหารที่เฝ้าอยู่ในเมืองโยวโจวก็ยังเป็นคนเดิม ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่อาจปิดบังจากสายตาเยี่ยนอ๋องผู้เป็นเจ้าของเมืองได้
เมื่อพูดคุยก็คุยจนดึกดื่น อย่างไรก็รู้สึกว่าคิดไตร่ตรองเอาไว้ไม่เลวแล้ว เซียวเชียนจย่งกำลังจะลุกขึ้นขอตัวลา ทว่าได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาจากประตูด้านนอก
“ซื่อจื่อ” เฉินซื่อปรากฏตัวอยู่หน้าประตูห้องหนังสือ มองเห็นเซียวเชียนจย่งแล้วจึงเพียงเอ่ยเรียกเสียงเบา “เชียนจย่งก็อยู่หรือ” เซียวเชียนจย่งลุกขึ้น “พี่สะใภ้ใหญ่ ข้ากำลังจะกลับแล้ว พี่สะใภ้มาหาพี่ใหญ่หรือ” สำหรับเฉินซื่อพี่สะใภ้ผู้นี้ เซียวเชียนจย่งไม่เห็นอยู่ในสายตานัก คุณชายเซียวสามสูงส่ง แม้แต่เซียวเชียนชื่อพี่ใหญ่ยังไม่อยู่ในสายตายิ่งไปกว่านั้นพี่สะใภ้เล่า เพียงแต่ควรมีมารยาทอย่างไรก็ยังต้องมี
เฉินซื่อรีบพยักหน้า เอ่ย “ข้ามีเรื่องเร่งด่วนต้องหารือกับซื่อจื่อ น้องสามกลับไปก่อนเถิด”
เซียวเชียนจย่งไหวไหล่ขอตัวลา เดิมทีเขาก็กำลังจะกลับอยู่แล้ว
เซียวเชียนชื่อขมวดคิ้วเพราะเฉินซื่อเสียมารยาท เขาอารมณ์ดีจึงไม่ได้โกรธ รอเซียวเชียนจย่งออกไปแล้วจึงเอ่ยถาม “พระชายาซื่อจื่อมีเรื่องเร่งด่วนอันใด”
เฉินซื่อรีบคว้ามือเซียวเชียนชื่อเอาไว้ เอ่ย “ซื่อจื่อ ผู้ปกครองเมืองยกทัพต่อต้านราชสำนักกับการก่อกบฏ นี่เป็นโทษเสียชื่อไปหมื่นปีเลยนะเจ้าคะ ซื่อจื่อ ท่านเกลี้ยกล่อมเสด็จพ่อเถิด ให้พระองค์รีบถอนทัพ พวกเราขอพระราชทานอภัยโทษจากฝ่าบาท ฝ่าบาทมีเมตตา จะต้องผ่อนปรนให้อย่างแน่นอน”
เซียวเชียนชื่อชะงัก ไม่คิดว่าเฉินซื่อจะมาหาเขากลางดึกเพราะเรื่องนี้ ใบหน้าทะมึน เอ่ยเสียงเข้ม “เจ้าไปฟังเหลวใหลมาจากที่ใด เสด็จพ่อเพียงต้องการกำจัดขุนนางประจบสอพลอเท่านั้น รอขุนนางร้ายกาจข้างกายฝ่าบาทไม่เหลือแล้ว ทุกอย่างก็จะไม่เป็นไร นี่เป็นกฎของประเทศที่เสด็จปู่ตั้งไว้ใช้หมื่นปี เสด็จพ่อเองก็ทำเพื่อประเทศ” เมื่อครั้งอดีตฮ่องเต้ยังอยู่เคยมีรับสั่ง หากราชสำนักมีขุนนางร้ายก่อความวุ่นวายให้ประเทศ จูอ๋องสามารถนำกองกำลังเข้าเมืองหลวงเพื่อตรวจสอบได้ เซียวเชียนชื่อเดิมมีนิสัยรักสงบ แน่นอนว่าไม่ได้เห็นด้วยกับการยกทัพของเสด็จพ่อทั้งหมด แต่ในเมื่อเสด็จพ่อทำไปแล้ว คนเป็นลูกไม่ว่าจะผิดหรือถูกก็ต้องสนับสนุนอย่างสุดกำลัง เพราะจวนเยี่ยนอ๋องไม่มีทางให้ถอยแล้ว
“ไม่ใช่” เฉินซื่อจับเซียวเชียนชื่อเอาไว้แน่น เอ่ย “พวกเราเอาชนะราชสำนักไม่ได้ ซื่อจื่อ ท่านพี่…พวกเราจะตายเอาได้ เช่นนี้ท่าน…เกลี้ยกล่อมเสด็จพ่อเถิด เสด็จพ่อเชื่อฟังท่านอย่างแน่นอน…ท่านศึกษาเล่าเรียนมาแต่เด็ก หรือว่าอยากเป็นโจรกบฏ…”
เพี๊ยะ! ฝ่ามือหนักๆ ตบลงไปบนใบหน้าของเฉินซื่อ
เซียวเชียนชื่อสีหน้าทะมึน “พอแล้ว เจ้าบ้าไปแล้วใช่หรือไม่ เอ่ยเหลวใหลอันใด”
เฉินซื่อยกมือขึ้นกุมแก้ม มองเซียวเชียนชื่อนิ่งงัน แต่งงานมาหลายปี แม้ทั้งสองจะไม่เหมือนเว่ยจวินมั่วและหนานกงมั่วที่มีเพียงอีกฝ่าย ทว่าเซียวเชียนชื่อนั้นให้เกียรติเฉินซื่ออย่างยิ่ง ต่อให้นางทำผิด ทำให้พระชายาเยี่ยนอ๋องโกรธ เซียวเชียนชื่อก็ยังเอ่ยขอร้องแทนนางต่อหน้าเสด็จแม่ เฉินซื่อถูกพระชายาเยี่ยนอ๋องเมินเฉย เซียวเชียนชื่อก็ไม่ได้ละเลยนางเพียงเพราะเรื่องนี้ ยังคงให้เกียรตินางมากเช่นเดิม อย่างน้อยก็ไว้หน้านางที่เป็นภรรยาเอกเมื่ออยู่ในเรือนของตน การตบหน้าโดยไร้ซึ่งความปรานีเช่นนี้ ย่อมไม่เคยมีเรื่องเช่นนี้มาก่อน
“ท่านพี่…”
เซียวเชียนชื่อเอ่ยเสียงเข้ม “พระชายาซื่อจื่อไม่สบาย ก็รีบกลับไปพักเถิด ต่อไปนี้ดูแลจูเอ๋อร์ให้ดี เรื่องภายนอกก็ไม่ต้องสนใจแล้ว”
“ท่านพี่ ข้าทำเพื่อจวนเยี่ยนอ๋องนะเจ้าคะ” เฉินซื่อเอ่ยเสียงดังด้วยความเจ็บปวด “ข้าทำเพื่อจวนเยี่ยนอ๋อง เพื่อท่าน ท่านกลับมาตบข้า…”
“พอแล้ว” เซียวเชียนชื่อเอ่ย “การตัดสินใจของเสด็จพ่อไม่ว่าจะถูกหรือผิด มิใช่เรื่องที่สะใภ้เช่นเจ้าจะมาตั้งข้อสงสัยได้ ยิ่งไปกว่านั้น มาถึงขั้นนี้แล้ว เจ้าคิดว่ายังมีทางให้ถอยอย่างนั้นหรือ เจ้าไม่ได้กำลังทำเพื่อจวนเยี่ยนอ๋องหรือข้า เจ้าอยากให้คนทั้งจวนเยี่ยนอ๋องตายไปพร้อมกับเจ้าหรือ”
เฉินซื่อรู้สึกเหน็บหนาวอยู่ในใจ มองเซียวเชียนชื่อด้วยสายตาคับแค้นใจ หมุนตัวปิดหน้าร้องไห้แล้ววิ่งออกไป
ด้านหลัง เซียวเชียนชื่อนวดหัวคิ้วด้วยความเหนื่อยล้า ถอนหายใจเบาๆ นั่งลงไป หยิบม้วนหนังสือตรงหน้าขึ้นมาอ่านภายใต้แสงเทียนอีกครั้ง ภายใต้แสงเทียน เงาจางๆ สะท้อนยาวไปถึงหน้าต่าง เป็นเพียงเงาผอมเรียวยาวเท่านั้น
เฉินซื่อกลับมาถึงห้องของตนเอง นอนร้องห่มร้องไห้อยู่บนเตียง เพียงแต่ไม่รู้ว่าเพราะสามีที่ไร้ความปรานีหรือเพราะสถานการณ์ของตนเองในเวลานี้
“คุณหนูเฉิน” เสียงไม่คุ้นหูดังขึ้นอยู่ในห้อง เฉินซื่อสะดุ้งรีบลุกขึ้นนั่ง ดวงตาบวมแดงจากการร้องไห้มองไปยังสาวใช้ที่คุ้นหน้าและแปลกหน้าอยู่บ้าง คล้ายกับเป็นสาวใช้ขั้นสามในเรือนคนหนึ่ง เคยเห็นเพียงไม่กี่ครั้งทว่าจดจำไม่ได้ ยิ่งจำไม่ได้ว่านางชื่อว่าอันใด เพียงแต่สาวใช้ผู้นี้เรียกนางว่า…คุณหนูเฉินอย่างนั้นหรือ