หมอหญิงยอดมือสังหาร - ตอนที่ 241 พิธีแต่งงาน แขกผู้มาเยือนที่ไม่คาดคิด (3)
เว่ยจวินปั๋วถอนหายใจ เหลือบมองน้องชาย “รู้ตั้งแต่แรกแล้วมิใช่หรือ มีอันใดต้องโกรธอีกเล่า ต่อให้ท่านพ่อไม่ยอม แต่ก็ไม่อาจปล่อยให้พวกเราเกินหน้าเกินตาพี่ใหญ่อยู่ดี มิฉะนั้นจะอธิบายกับฝ่าบาทเช่นไร”
“เหอะ” เว่ยจวินเจ๋อเอ่ยขึ้นอย่างหงุดหงิด “เพียงลูกของบิดาอัปมงคล…ควร…”
“น้องสาม” เว่ยจวินปั๋วเอ่ยเสียงเข้ม “น้องสามเจ้าอยู่ข้างนอกห้ามเอ่ยวาจาเช่นนี้เด็ดขาด…”
เว่ยจวินเจ๋อหยิบถ้วยชาบนโต๊ะขึ้นมาดื่มเพื่อระงับความโกรธ ก่อนจะเอ่ยเสียงดัง “ข้ารู้ พี่รองท่านวางใจเถิด” เว่ยจวินปั๋วจึงพยักหน้า “รู้แล้วก็ดี ไม่ต้องร้อนใจหรอก ยังเร็วไป สุดท้ายกวางจะตายในมือใครยังไม่มีใครรู้ เอาล่ะ พวกเราเข้ามาสักพักแล้ว ควรออกไปได้แล้ว”
เว่ยจวินเจ๋อกลอกตา “ไม่อยากไป มีเยี่ยนอ๋องและฉีอ๋องอยู่ พวกเราจะไปทำไมกัน”
“เอ่ยเหลวใหลอันใด พวกเราต่างหากที่เป็นเจ้าบ้าน” เว่ยจวินปั๋วลุกขึ้นตบไหล่น้องชาย
ที่จวนฉู่กั๋วกง หนานกงมั่วมองชายหนุ่มทั้งสองด้วยรอยยิ้ม เอ่ยขึ้นด้วยความแปลกใจเล็กน้อย “พี่ใหญ่ พี่รอง มีเรื่องอันใดหรือเจ้าคะ” หลินซื่อและหนานกงซูพึ่งออกไป สองคนนี้ก็เข้ามา หนานกงมั่วเองก็ไม่รู้ว่าพวกเขามีเรื่องใด ทำได้เพียงเอ่ยปากถาม หนานกงฮุยมองหญิงสาวผู้งดงามอยู่ในอาภรณ์สีแดงราวกับไฟ เอ่ยเสียงเบา “มั่วเอ๋อร์ ไปอยู่จวนจิ้งเจียงจวิ้นอ๋อง หากมีเรื่องลำบากอันใด ต้องกลับมาบอกพี่รองนะ”
หนานกงมั่วยิ้มบาง แม้จะไม่ได้มีความรู้สึกลึกซึ้งใดๆ ต่อพี่ชายทั้งสอง แต่กลับไม่ได้รังเกียจหนานกงฮุยที่พยายามเป็นพี่ชายที่ดี พยักหน้าเบาๆ “ขอบคุณพี่รอง ข้ารู้แล้วเจ้าค่ะ” ดวงตาหนานกงฮุยไหววูบ เอ่ยด้วยท่าทางดีอกดีใจ “เจ้าวางใจ พี่รองจะไม่ให้ใครรังแกเจ้าได้อีกแล้ว” หนานกงมั่วพลันเข้าใจในทันใด ดูเหมือนจะรับรู้ถึงการกระทำของเจิ้งซื่อก่อนหน้านี้แล้วสินะ
หนานกงชวี่มองทั้งสองด้วยสายตาเรียบนิ่ง หันกลับมามองหนานกงฮุย “ฮุยเอ๋อร์ เจ้าออกไปก่อน ข้ามีเรื่องอยากคุยกับมั่วเอ๋อร์สักสองสามประโยค”
หนานกงฮุยมองหนานกงชวี่ด้วยแววตาสงสัย มีเรื่องอันใดที่คุยต่อหน้าเขาไม่ได้ หนานกงชวี่ขมวดคิ้ว “เจ้าออกไปก่อน ข้ามีเรื่องอยากคุยกับมั่วเอ๋อร์เป็นการส่วนตัว”
หนานกงฮุยคุ้นเคยกับการเชื่อฟังคำสั่งของหนานกงชวี่ อีกอย่างพี่ใหญ่ย่อมไม่มีทางทำร้ายมั่วเอ๋อร์ จึงหันไปยิ้มให้หนานกงมั่วก่อนจะหมุนตัวเดินออกไป
“พี่ใหญ่มีเรื่องอันใดหรือเจ้าคะ” หนานกงมั่วหันกลับไปเอ่ยถามหนานกงชวี่ที่ยืนอยู่ตรงหน้า
หนานกงชวี่เงียบอยู่นานจากนั้นจึงถอนหายใจ กล่าว “ข้าเองก็ไม่รู้ว่าจวนจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องนั้นดีหรือไม่ แต่ว่า…อย่างน้อยเว่ยจวินมั่วคนผู้นี้นั้นไม่เลว” ครั้งนี้เกิดเรื่องที่วัดต้ากวงหมิง หากเป็นบุรุษทั่วไปคงไม่มีทางจัดการปัญหาได้ดีอย่างเว่ยจวินมั่วเป็นแน่ คงเป็นเรื่องที่ถูกลือไปทั่วเมืองแล้ว ที่สำคัญก็คือในยามที่ไม่มั่นใจด้วยซ้ำว่าหนานกงมั่วจะกลับมาได้หรือไม่ เว่ยจวินมั่วกลับปฏิเสธการแต่งงานแทนที่หนานกงไหวเสนอขึ้น และไม่ได้โกรธเกรี้ยวจนขอยกเลิกพิธีแต่งงาน กลับเป็นเสนอให้เลื่อนงานแต่งออกไปแทน อย่างน้อยก็เห็นถึงความจริงใจที่เว่ยจวินมั่วมีต่อหนานกงมั่ว
หนานกงมั่วพยักหน้า ยิ้มบางๆ “พี่ใหญ่เอ่ยถูกต้องแล้วเจ้าค่ะ เขาดีมาก”
ใบหน้าเย็นชาของหนานกงชวี่อบอุ่นขึ้นมา มองไปยังหนานกงมั่ว “หลายปีมานี้…ข้าไม่ได้ดูแลเจ้า ต่อไปก็คงดูแลเจ้าไม่ได้มากนัก ระวังตัวด้วย เจ้าฉลาดกว่าฮุยเอ๋อร์ ข้าไม่กังวลเรื่องความปลอดภัยของเจ้า จวนฉู่กั๋วกงแห่งนี้…ต่อไปถ้าไม่มีเรื่องอันใดเจ้าอย่ากลับมาเสียจะดีกว่า คิดเสียว่า…” หนานกงชวี่ส่ายหน้าเบาๆ ไม่ได้เอ่ยต่อ ทำเพียงยื่นกล่องไม้ขนาดห้าถึงหกชุ่นไปตรงหน้าหนานกงมั่ว กล่าวว่า “นี่เป็นสินเจ้าสาวที่ข้าเพิ่มมาให้เจ้า เจ้ารับไปเถิด”
หนานกงมั่วเปิดออกดู พลันชะงักนิ่ง ในกล่องมิได้มีเครื่องประดับอัญมณีใดๆ แต่เป็นโฉนดที่ดินและตั๋วเงินปึกใหญ่ หนานกงมั่วนับคร่าวๆ รู้ว่าในนั้นมีกิจการร้านค้าเจ็ดแปดร้าน บ้านพักบนเขาหลายแห่ง รวมไปถึงตั๋วเงินกว่าสามแสนตำลึง นี่คล้ายว่าจะเป็นทรัพย์สินทั้งหมดที่เมิ่งซื่อเก็บเอาไว้ให้หนานกงชวี่ หนานกงมั่วปิดฝากล่องและผลักคืนกลับไป ส่ายหน้า เอ่ยตอบ “ขอบคุณพี่ใหญ่มากเจ้าค่ะ ข้าคงรับไว้ไม่ได้”
นึกแปลกใจว่าหนานกงชวี่เอาเงินมากมายเพียงนี้มาจากไหน เพราะรู้ว่าสมบัติที่เมิ่งซื่อเก็บไว้ให้ยังไม่ตกถึงมือหนานกงชวี่และหนานกงฮุยด้วยซ้ำ หนานกงชวี่เอ่ย “นี่เป็นมรดกที่มารดาเก็บไว้ให้ข้า ข้าไปถามเอามาจากท่านพ่อ ส่วนของฮุยเอ๋อร์แน่นอนว่าเก็บไว้ให้เขา พวกนี้มอบให้เจ้า เจ้าวางใจ ข้าเป็นบุตรชายคนโตจวนฉู่กั๋วกง อนาคตจะไม่มีเงินได้เยี่ยงไร”
นั่นก็ถูก หนานกงฮุยดูไม่ใช่คนที่จะดูแลจวนฉู่กั๋วกงได้ ต่อไปผู้ที่จะมารับหน้าที่สืบต่อจวนฉู่กั๋วกงอย่างไรก็ต้องเป็นหนานกงชวี่ จะว่าไป หนานกงไหวมีเงินทองทรัพย์สินมากเพียงใดหนานกงมั่วก็ยากจะคาดเดา เกรงว่าหากไม่นับสมบัติที่นำมาจากจิ่นโจว มรดกที่เมิ่งซื่อเก็บไว้ให้คงมีไม่มากเท่าสมบัติของหนานกงไหว เห็นท่าทางไม่ร้อนไม่หนาวต่อสมบัติของเมิ่งซื่อแล้วก็รู้ได้ว่าสมบัติที่หนานกงไหวซ่อนเอาไว้นั้นคงมีจำนวนไม่น้อย
หนานกงมั่วส่ายหน้า “นี่เป็นสิ่งที่ท่านแม่เก็บไว้ให้ท่าน ข้ารับไว้ไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้น ข้าเองก็มีมากพอแล้ว”
หนานกงชวี่ยังคงเอ่ย “ไม่มีใครรังเกียจเงินเยอะ อนาคตหากเจ้าใช้ชีวิตในจวนจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องไม่ราบรื่น หรือแยกตัวออกมาอยู่กับเว่ยจวินมั่ว จะรู้สึกว่ามันน้อย” หนานกงชวี่เอ่ยพลางลุกขึ้นยืน มองไปยังหนานกงมั่ว “มั่วเอ๋อร์ จำคำของข้าไว้ ต่อไปนี้ในเมื่อเป็นลูกสะใภ้ขององค์หญิงฉังผิงแล้ว เจ้าก็ใช้ชีวิตของเจ้าให้ดี เรื่องในจวนฉู่กั๋วกง…ลืมมันไปเสียเถิด”
“พี่ใหญ่ ท่านคิดจะทำอันใด” หนานกงมั่วมองชายหนุ่มใบหน้าเย็นชาตรงหน้า เอ่ยถามขึ้นเสียงเข้ม รู้สึกว่าหนานกงชวี่จะทำเรื่องบางอย่างที่ทำให้นางรู้สึกไม่วางใจ นี่เป็นความรู้สึกที่แปลกประหลาด ต่อให้หนานกงชวี่คิดจะทำอันใดที่เป็นอันตรายก็มิได้เกี่ยวข้องอันใดกับนาง นางไม่จำเป็นต้องเป็นห่วงเขา ทว่าเวลานี้กลับรู้สึกกังวลอยู่ในใจ
มุมปากของหนานกงชวี่ยกขึ้น เผยให้เห็นรอยยิ้มบางๆ มองไปยังหนานกงมั่ว เอ่ยตอบ “วางใจเถิด ไม่มีอันใด เจิ้งฮูหยิน…คงใกล้จะจบแล้ว”
“พี่ใหญ่…ไม่ดีใจหรือ” รู้สึกว่าน้ำเสียงของหนานกงชวี่ดูมีความหมายเมื่อเอ่ยว่าเจิ้งซื่อกำลังจะจบลง หนานกงชวี่กล่าว “แน่นอนว่าต้องดีใจ เจ้าเตรียมตัวเถิด พี่ใหญ่จะไปทำธุระต่อแล้ว”
สุดท้าย หนานกงชวี่ก็ไม่ได้หยิบเอากล่องที่วางอยู่บนโต๊ะกลับไปด้วย มองไปยังกล่องที่ภายนอกนั้นมิได้สะดุดตา คิ้วสวยของหนานกงมั่วพลันขมวดขึ้น ถอนหายใจออกมาเงียบๆ
“ใกล้ถึงเวลาแล้ว รีบเตรียมตัวเร็ว” ด้านนอกเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงแห่งความยินดี ผู้คนกรูเข้ามาด้านใน หนานกงมั่วจึงต้องเก็บกล่องที่วางอยู่บนโต๊ะส่งให้จือซู “ช่วยเก็บไว้ให้ข้าที” สิ่งของที่คุณหนูยื่นมาให้กับมือ แน่นอนจือซูรับรู้ถึงความสำคัญ พยักหน้าพลางยื่นสองมือมารับเอากล่องนั้นไป เซี่ยฮูหยินน้อยจูงมือหนานกงมั่วไปนั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งอีกครั้ง เอื้อมมือไปหยิบปิ่นระย้าสีทองรูปหงส์คู่กางปีกคาบไข่มุกมาประดับ จากนั้นก็ตามด้วยอัญมณีงดงามที่วางอยู่ในถาดด้านข้างประดับลงไปบนศีรษะของนาง
หนานกงมั่วรู้สึกว่าศีรษะหนักอึ้ง ปิ่นระย้าสีทองรูปหงส์คู่กางปีกชิ้นนี้ถูกทำขึ้นโดยช่างผู้มีความชำนาญและปราณีตที่สุดในจินหลิงโดยใช้ระยะเวลากว่าสองเดือน ทั้งหมดมีทับทิมเก้าเม็ดและพลอยสีม่วงเก้าเม็ด ที่ยากไปกว่านั้นก็คือเครื่องประดับชิ้นใหญ่และงดงามเช่นนี้กลับดูไม่เทอะทะเลย แม้แต่หางของหงส์ยังดูราวกับมีชีวิต เพียงขยับศีรษะเล็กน้อยก็มองเห็นหางยาวนั้นเคลื่อนไหวไปมา แม้หนานกงมั่วจะไม่ชอบเครื่องประดับชิ้นใหญ่ ทว่ากลับอดประหลาดใจไม่ได้เมื่อมองเห็นปิ่นระย้าชิ้นนี้ แต่แม้จะเป็นเช่นนี้ พลันมีของหนักๆ กดลงมาบนศีรษะ จึงรู้สึกไม่คุ้นเคยอยู่บ้าง