หมอหญิงยอดมือสังหาร - ตอนที่ 1137 ราชวงศ์ใหม่ (2)
ตอนที่ 1137 ราชวงศ์ใหม่ (2)
ดื่มสุราดีจนหมดจอก หนิงอ๋องจึงส่งอานอานให้เว่ยจวินมั่ว ก่อนจะโบกมือเดินจากไปด้วยรอยยิ้ม
งานเลี้ยงด้านหน้ายังคงดำเนินต่อไป เสียงร้องรำทำเพลง เสียงพูดคุยดังทะลุกำแพงเข้ามาในอุทยานที่เงียบสงบ
ดวงจันทร์ลอยสูงบนท้องฟ้าสว่างไสวราวกับแผ่นหยก แสงจันทร์จางๆ สาดส่องมายังร่างกายของคนทั้งสี่ ยิ่งทำให้เงียบสงบอบอุ่นขึ้น
หนานกงมั่วอิงอยู่ในอ้อมแขนของเว่ยจวินมั่ว มือข้างหนึ่งของเว่ยจวินมั่วยื่นไปอุ้มบุตรชาย มืออีกข้างโอบประคองภรรยาและบุตรสาว เงยหน้าขึ้นไปมองดวงจันทร์ที่สว่างไสวอยู่บนท้องฟ้า รู้สึกว่าตนเองนั้นสมบูรณ์ยิ่งกว่าดวงจันทร์
“จวินมั่ว พวกเราอยู่ด้วยกันมานานเพียงใดแล้ว” หนานกงมั่วเอ่ยถามเสียงเบา
เว่ยจวินมั่วเอ่ย “ห้าปีห้าเดือนสิบเอ็ดวัน”
ได้ยินเช่นนั้น หนานกงมั่วหลันยิ้มหวานขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว “ท่านช่างจดจำได้ดีนัก”
“ไม่มีทางลืม”
หนานกงมั่วหลุบตาลงกว่าครึ่ง อิงแอบอยู่ในอ้อมแขนของเขาที่ทำให้รู้สึกปลอดภัย เอ่ยเสียงเบา “อืม ข้าเองก็ไม่ลืม เรื่องราวที่ผ่านมาตลอดหลายปีมานี้…และหลังจากนี้ไม่ว่าจะเกิดสิ่งใดขึ้น ขอแค่ครอบครัวเราอยู่ด้วยกัน อยู่ด้วยกันตลอดไป”
เว่ยจวินมั่วกอดนางและบุตรชายเอาไว้แน่นขึ้น “แน่นอน พวกเราจะอยู่ด้วยกันตลอดไป”
เยาเยาเบิกตาโต มองพ่อแม่ด้วยความสนอกสนใจ ยื่นมือเล็กไปจับมือพี่ชาย มืออีกข้างจับมือมารดา เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เยาเยาก็จะอยู่กับท่านพ่อ พี่ชายตลอดไป”
อานอานสายตาเรียบนิ่ง มองและพยักหน้าให้น้องสาว “อืม”
เห็นเช่นนั้น หนานกงมั่วจึงหัวเราะขึ้นมาโดยไม่อาจควบคุมได้ ก้มลงไปจูบที่หน้าผากของบุตรชายบุตรสาวเบาๆ “ได้ พวกเราจะอยู่ด้วยกันตลอดไป”
ในอุทยานที่เงียบสงบ ครอบครัวทั้งสี่โอบกอดกัน ใบหน้าสงบสุขทว่าประดับด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข แสงจันทร์ที่เงียบสงบสาดส่องแสงสีเงินจางๆ มายังพวกเขา ราวกับหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว และดูราวกับหลอมรวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับอุทยาน
กลางดึกที่เงียบสงบ วันเวลาที่เงียบสงบ ราวกับบทกวีเป็นภาพที่งดงาม
งานเลี้ยงฉลองในวังหลวงยามค่ำคืนดำเนินไปจนดึกดื่น แต่วันต่อมาท้องฟ้ายังไม่ทันสว่างเว่ยจวินมั่วก็ต้องตื่นแล้ว แน่นอนว่าหนานกงมั่วเองก็รู้สึกตัวตื่นตามด้วย
“ทำให้เจ้าตื่นหรือ” เว่ยจวินมั่วโน้มตัวลงไป จูบเบาๆ ลงกลางหว่างคิ้วของนาง หนานกงมั่วส่ายศีรษะ ก่อนจะลุกตามขึ้นมา “ยามใดแล้ว”
“ปลายยามเหม่า[1]แล้ว วันนี้ต้องเข้าราชสำนักวันแรก” เว่ยจวินมั่วเอ่ย
หนานกงมั่วเลิกคิ้ว เอ่ยด้วยรอยยิ้มอย่างอดไม่ได้ “หลังจากนี้คงไม่อิสระเหมือนแต่ก่อนแล้ว” เหล่าขุนนางในราชสำนักนั้นไม่ใช่คนจริงๆ เมื่อครั้งอดีตฮ่องเต้ปกครอง มีกฎให้ว่าราชการตั้งแต่เช้า คนที่อาศัยอยู่ใกล้วังยังดี แต่คนที่อาศัยอยู่ห่างไกล โดยเฉพาะขุนนางราวๆ ขั้นสามเหล่านั้นไม่ได้มีพื้นฐานที่ดี ต้องตื่นตั้งแต่ยามอิ๋น[2]เตรียมตัวเดินทางกว่าครึ่งเมืองมุ่งหน้าเข้าจินหลิงเพื่อร่วมว่าราชการในราชสำนัก หลังจากเซียวเชียนเยี่ยขึ้นสืบทอดบัลลังก์ก็ไม่ได้เปลี่ยนกฎของเสด็จปู่ที่วางเอาไว้ ยังคงทำงานหนักนอนดึกตื่นเช้าในทุกๆ วัน
เว่ยจวินมั่วเอ่ย “เพียงช่วงนี้เท่านั้น เสด็จ…เสด็จพ่อคงไม่ชอบการว่าราชการแต่เช้าทุกวัน”
ฮ่องเต้พระองค์ใหม่ไม่ได้อารมณ์ดีนัก ให้เขามานั่งฟังเหล่าขุนนางในราชสำนักขบเขี้ยวเคี้ยวฟันทุกวัน ไม่รู้จะมีคนต้องตายเพราะเอ่ยเหลวไหลมากเพียงใด
“เช่นนั้นคงดีที่สุด” หนานกงมั่วพยักหน้าพลางลุกขึ้นมา “ข้าเองก็คิดว่า สามวันห้าวันว่าราชการหนึ่งครั้งก็พอแล้ว หากต้องไปยืนฟังคนเหล่านั้นคุยกันทุกวัน ต่อให้เป็นคนดีเพียงใดก็คงโมโหได้กระมัง”
เว่ยจวินมั่วพยักหน้า เอ่ย “อู๋สยาเอ่ยไม่ผิด” เขาก็ไม่ชอบการว่าเข้าร่วมว่าราชการยามเช้าในราชสำนักในทุกๆ วันเช่นกัน ไม่รู้ว่าอดีตฮ่องเต้อดทนทำเช่นนี้ทุกวันได้อย่างไร เช่นนั้นต้องบอกว่าเขาเองก็ไม่ใช่คนอารมณ์ดีอันใดนัก เพียงแต่เมื่อคิดดูว่าอดีตฮ่องเต้สังหารผู้คนไปมากเพียงใดก็คงเข้าใจขึ้นมาบ้าง
ระหว่างที่ทั้งสองกำลังพูดคุย สาวใช้ด้านนอกก็นำน้ำเข้ามาให้ล้างหน้าล้างตา
หนานกงมั่วเอนตัวพิงหัวเตียงมองเว่ยจวินมั่วที่สั่งบ่าวรับใช้ออกไปและล้างหน้าล้างตาด้วยตนเอง พร้อมเอ่ยว่า “วันนี้คงมีราชโองการแต่งตั้งลงมา ก่อนหน้านี้เสด็จพ่อเคยเอ่ยกับข้า จวนของเราอยู่ที่จวนฉู่กั๋วกงเดิม บ้านสองหลังด้านข้างจวนฉู่กั๋วกงก็มอบให้พวกเรา เช่นนี้เรือนจี้ชั่งก็อยู่ในจวนอ๋องแล้ว” จวนฉู่กั๋วกงอยู่ในกฎของกั๋วกง แม้หนานกงชวี่จะมีความดีความชอบมากมาย เกรงว่าก็คงยังไม่ถึงตำแหน่งกั๋วกงได้ และหนานกงชวี่เองก็แสดงท่าทีชัดเจนว่าเขาไม่ต้องการอยู่ที่จวนฉู่กั๋วกง เดิมทีเยี่ยนอ๋องอยากยกจวนเยี่ยนอ๋องเดิมให้เว่ยจวินมั่ว ซึ่งพอดีอยู่ข้างกันกับองค์หญิงฉังผิง แต่ความคิดนี้ถูกต่อต้านจากทุกคนรวมไปถึงองค์หญิงฉังผิง เยี่ยนอ๋องขึ้นครองบัลลังก์ จวนเยี่ยนอ๋องนี้ก็กลายเป็นสถานที่พำนักเดิมของฮ่องเต้แล้ว ให้ผู้ใดอยู่ต่างก็มีปัญหา ทางที่ดีต้องว่างเอาไว้เช่นนี้
หนานกงมั่วพยักหน้า พึงพอใจกับเรื่องนี้ จวนฉู่กั๋วกงเป็นที่พึงพอใจหรือไม่เดี๋ยวค่อยว่ากัน หากไม่ชอบค่อยพังลงแล้วสร้างขึ้นมาใหม่ก็ได้ อย่างไรนั่นก็เป็นระดับกั๋วกงต้องปรับปรุงใหม่ แต่เรือนจี้ชั่งนั้นหนานกงมั่วอยู่สบายเป็นที่สุดแล้ว ทั่วทั้งเมืองจินหลิง ต่อให้เป็นจวนของเชื้อพระวงศ์ หนานกงมั่วก็ยังคิดว่าเรือนจี้ชั่งนั้นดีที่สุด
เว่ยจวินมั่วหันกลับมามองนาง เอ่ย “ดังนั้นอู๋สยา พวกเราจะได้ย้ายบ้านอีกแล้ว”
หนานกงมั่วหัวเราะขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ “ก็ใช่น่ะสิ ต้องย้ายบ้านอีกแล้ว ครั้งนี้…คงจะมั่นคงแล้วจริงๆ” นอกเสียจากเยี่ยนอ๋องจะต้องการให้เว่ยจวินมั่วย้ายออกไปปกครองหัวเมืองต่างๆ มิเช่นนั้นก็เห็นได้ว่าพวกเขาจะได้อยู่ในจวนใหม่นี้ไปอีกหลายปี
“เดี๋ยวข้าจะให้คนนำผังร่างของจวนมาให้ เจ้าลองดูว่าส่วนใดไม่เหมาะก็ปรับแก้เถิด”
หนานกงมั่วพยักหน้าตอบรับ
เว่ยจวินมั่วไม่ได้นับว่าตื่นเช้านัก เอ่ยเพียงไม่กี่ประโยคก็เตรียมพร้อมออกไปร่วมว่าราชการในราชสำนักครั้งแรกแล้ว
“หลายวันมานี้เหนื่อยไม่น้อย เจ้าพักผ่อนอีกสักหน่อยเถิด วันนี้คงมีคนมาเยือนไม่น้อย ไม่ต้องไปสนใจพวกเขา” เว่ยจวินมั่วเอ่ยเสียงเบา
หนานกงมั่ยิ้มร่า ยื่นมือไปผลักไหล่ของเขาส่งสัญญาณให้รีบไป “ข้ารู้แล้ว องค์ชายใหญ่ วันนี้ท่านช่างมากความนัก”
เว่ยจวินมั่วไม่มีทางเลือก จำต้องเดินออกไป
หนานกงมั่วนอนกลับไปบนเตียงอีกเพียงชั่วครู่ สุดท้ายจึงถอนหายใจลุกขึ้นมา รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาแล้วเว่ยจวินมั่วก็ไปแล้วแน่นอนว่านางนอนไม่หลับ ในเมื่อนอนไม่หลับเช่นนั้นก็ลุกเถิด นอนตื่นสายไม่ใช่นิสัยที่ดี มองดูข้างนอกฟ้ายังไม่สว่าง หนานกงมั่วรู้สึกสงสารขุนนางที่ต้องตื่นแต่เช้ามาร่วมว่าราชการในราชสำนักไม่น้อย
“จวิ้นจู่” สาวใช้สองคนเดินเข้ามา เอ่ยอย่างนอบน้อม หมิงฉินหายไปไร้ร่องรอย จือซูอายุมากใกล้ถึงยามต้องแต่งงานออกเรือนส่วนใหญ่จึงไปเป็นผู้ดูแลไม่ได้มาเป็นสาวใช้ข้างกายหนานกงมั่วอีกแล้ว โชคดีที่หนานกงมั่วเองไม่ต้องการสาวใช้ข้างกายมากมาย สาวใช้ที่คอยปรนนิบัติดูแลในยามนี้มาจากในวังหลวงทั้งนั้น แม้ไม่อาจเทียบเหล่าจือซูได้ แต่ก็รู้ความ ไม่ต้องคอยสั่งสอน
“เสด็จอาตื่นแล้วหรือ” หนานกงมั่วเอ่ยถาม
สาวใช้เอ่ยตอบอย่างนอบน้อม “ตอบจวิ้นจู่ ผู้ดูแลของจั่งกงจู่มาบอกว่า เมื่อคืนจั่งกงจู่เข้านอนดึก เกรงว่าวันนี้คงจะตื่นสายสักหน่อย องค์หญิงสั่งไว้ว่า ช่วงนี้เกรงว่าคงมีเรื่องไม่น้อย จวิ้นจู่ไม่ต้องไปถวายพระพร ส่วนคุณชายน้อยและคุณหนูน้อยองค์หญิงจะดูแลให้ดีเองเจ้าค่ะ”
หนานกงมั่วพยักหน้า “ข้ารู้แล้ว”
[1] ยามเหม่า ช่วงเวลาตีห้าถึงเจ็ดโมง
[2] ยามอิ๋น ช่วงเวลาตีสามถึงตีห้า