หมอหญิงยอดมือสังหาร - ตอนที่ 1031 คนชั่วใหญ่ (2)
ตอนที่ 1031 คนชั่วใหญ่ (2)
องครักษ์เงาที่หลบซ่อนอยู่ในความมืดเคลื่อนตัวลงมาประจำอยู่ทุกทิศทางในห้อง รอเพียงคำสั่งของฮ่องเต้เพื่อจัดการศัตรูให้สิ้นซาก
“ใครปล่อยเจ้าเข้ามา ข้าจะสังหารมันเก้าชั่วโคตร” เซียวเชียนเยี่ยเกรี้ยวกราด
กงอวี้เฉินกลับไม่กังวลกับการเข้าวังมาตามลำพังแม้เพียงนิด เอ่ยเสียงเรียบ “ไยฝ่าบาทต้องโกรธเพียงนี้ พระองค์กับกระหม่อมก็เป็นคนที่ลงเรือลำเดียวกันแล้วมิใช่หรือ”
เซียวเชียนเยี่ยโกรธจนตัวสั่น “หากเจ้าไม่เอาหนานกงไหวไป…”
กงอวี้เฉินไม่ได้มีท่าทีรู้สึกผิด เพียงยักไหล่ เอ่ย “หนานกงไหวหรือ ต่อให้หนานกงไหวอยู่ อวิ๋นตูที่จะแตกอย่างไรก็ต้องแตก เพียงยืดเวลาไปไม่กี่วันเท่านั้น ดังนั้น สถานการณ์ตอนนี้ฝ่าบาทจะมาโทษกระหม่อมมิได้ ยิ่งไปกว่านั้น แม้ว่ากระหม่อมจะเอาตัวหนานกงไหวไป แต่ผลลัพธ์ก็เป็นที่น่าพอใจ”
เซียวเชียนเยี่ยยิ้มเย็น ไม่เชื่อคำพูดของเขาแม้เพียงนิด กงอวี้เฉินเองก็ไม่สนใจ เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “หากข้าบอกว่า ข้าจับตัวบุตรีเว่ยจวินมั่วและหนานกงมั่ว ฝ่าบาทยังไม่เชื่อข้าอีกหรือ”
“เช่นนั้นจะหมายถึงอันใดได้” เซียวเชียนเยี่ยยิ้มเย็น “หรือเจ้าจะบอกข้าว่า อาศัยเด็กผู้หญิงคนเดียวจะทำให้เยี่ยนอ๋องถอนกำลังได้อย่างนั้นหรือ”
กงอวี้เฉินยักไหล่ด้วยความเสียดาย “เกรงว่าคงจะทำไม่ได้” มาถึงขั้นนี้แล้ว เกรงว่าแม้แต่เยี่ยนอ๋องเองก็ไม่มีทางให้ถอยได้แล้ว เซียวเชียนเยี่ยมองเขาอย่างเย็นชา กงอวี้เฉินกลับหัวเราะอย่างมีความสุข “เด็กคนนี้แม้จะไม่อาจทำให้เยี่ยนอ๋องถอนทัพได้ แต่ก็ควบคุมหนานกงมั่วและเว่ยจวินมั่วเอาไว้ได้มิใช่หรือ”
“เช่นนั้นแล้วอย่างไร”
กงอวี้เฉินเอ่ย “ฝ่าบาทถูกบีบมาจนถึงขั้นนี้แล้ว หรือว่า…ไม่อยากเอาคืนเยี่ยนอ๋องบ้างหรือ กระหม่อมช่วยพระองค์ได้นะ”
“เจ้าคิดว่าข้ายังจะเชื่อเจ้าอยู่หรือ” เซียวเชียนเยี่ยยังไม่ได้โง่ถึงเพียงนั้น นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาถูกกงอวี้เฉินหลอก หากเชื่อกงอวี้เฉินอีกครั้ง เขาคงไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตนเองตายอย่างไร กงอวี้เฉินถอนหายใจ “ฝ่าบาทหวาดระแวงเกินไปแล้ว ยามนี้ขวัญกำลังใจทหารของเยี่ยนอ๋องกำลังฮึกเหิม พระองค์กับหม่อมฉันนอกจากร่วมมือกันแล้วยังมีวิธีอื่นอีกหรือ องค์หญิงหลิงอี๋กลับมาจากค่ายกองทัพโยวโจว เกรงว่าคงมีอีกเรื่องที่ยังไม่ได้รายงานต่อฝ่าบาทกระมัง”
“เรื่องอันใด” เซียวเชียนเยี่ยขมวดคิ้วพลางเอ่ยถาม สถานการณ์ในตอนนี้ เซียวเชียนเยี่ยกลัวที่สุดคือถูกหลอก
กงอวี้เฉินเอ่ย “เยี่ยนอ๋องบาดเจ็บหนัก นอนป่วยอยู่บนเตียง ฝ่าบาทรู้หรือไม่”
“…ฝีมือเจ้าหรือ” เซียวเชียนเยี่ยเอ่ยถาม
กงอวี้เฉินพยักหน้า “ถูกแล้ว เพื่อสิ่งนี้ กระหม่อมยอมเสียน้องสาวไป เปิดเผยลูกน้องที่มีความสามารถที่สุด ฝ่าบาทยังมีเวลาคิดทบทวน จะร่วมมือกับกระหม่อมหรือรอให้เยี่ยนอ๋องบุกโจมตีจินหลิงก่อนแล้วฝ่าบาทค่อยรอคุกเข่าอ้อนวอนให้เยี่ยนอ๋องไว้ชีวิตพระองค์”
น้ำเสียงของกงอวี้เฉินราวกับกำลังมัวเมาจิตใจคน “จริงสิ ยังมีเว่ยจวินมั่ว ฝ่าบาทอยากเหยียบเว่ยจวินมั่วเอาไว้แทบเท้า น่าเสียดาย…ต่อไปฝ่าบาทจะอยู่อย่างมีความสุขหรือไม่ เกรงว่าคงต้องรอดูอารมณ์ของคุณชายเว่ยแล้ว พระองค์ว่าก่อนหน้านี้มีเรื่องมากมายเกิดขึ้น คุณชายเว่ยจะเอาคืนอย่างไร”
ความเงียบเข้าปกคลุมห้องทรงอักษรอีกครั้ง ไม่รู้ผ่านไปนานเพียงใด ก่อนจะได้ยินเสียงแหบแห้งของเซียวเชียนเยี่ยดังขึ้นมาในห้องทรงอักษร “เจ้าคิดจะทำอันใด”
ในห้องที่ถูกตกแต่งให้กว้างขวางสะดวกสบาย เยาเยานั่งอยู่บนเตียงนุ่มหันหน้าเข้าหากำแพงหันหลังออกมาด้านนอก ไม่ไกลออกไป สตรีชุดดำถือถาดอาหารมองนางอยู่ ก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆ การดูแลเด็กเป็นเรื่องที่ลำบากที่สุด โดยเฉพาะตอนที่เด็กน้อยไม่รู้สึกเป็นมิตรกับเจ้า หากเป็นคนทั่วไปยังสามารถใช้เหตุผลพูดคุยได้ สามารถข่มขู่ได้ มีความหวาดกลัว แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเด็กอายุสามขวบ บางทีเจ้าพูดไปมากมายเด็กก็ไม่อาจเข้าใจว่าเจ้ากำลังเอ่ยสิ่งใด ยิ่งไม่สามารถตีนางดุนางได้ หากทำให้ร้องไห้ เด็กน้อยเมื่อร้องไห้ขึ้นมา หากต้องมาอยู่กับนางวันละหนึ่งชั่วยามทุกวัน สตรีชุดดำคิดว่าตนเองคงต้องเป็นบ้าเพราะเสียงร้องไห้นั่นก็เป็นได้
กงอวี้เฉินเปิดประตูเข้ามาพลันมองเห็นภาพนั้น เลิกคิ้ว เอ่ย “นี่มันอันใดกันหรือ”
“เจ้าสำนัก” สตรีชุดดำหันมาแสดงความเคารพ มองไปยังแผ่นหลังเยาเยาอย่างจนปัญญา “คุณหนูน้อยไม่ยอมกินข้าวเจ้าค่ะ”
กงอวี้เฉินยื่นมือไปรับถาดอาหารในมือของนาง โบกมือพลางเอ่ย “เจ้าออกไปก่อน เดี๋ยวข้าจัดการเอง”
สตรีชุดดำมองกงอวี้เฉินด้วยความสงสัย ไม่ใช่ว่านางสงสัยเจ้าสำนักที่ไม่มีสิ่งใดที่ทำไม่ได้ แต่ว่า…ป้อนข้าวเด็กด้วยความอ่อนโยนเช่นนี้ เหมาะกับเจ้าสำนักจริงๆ น่ะหรือ
แม้จะบ่นอยู่ในใจ สตรีชุดดำก็ต้องก้าวถอยกลับไปตามคำสั่ง
กงอวี้เฉินเดินมานั่งลงบนเตียง วางอาหารในมือลงบนโต๊ะอีกฝั่ง เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เด็กน้อย เป็นอันใดอีกเล่า ไยจึงไม่กินข้าว”
เยาเยาไม่สนใจเอาแต่หันหลังให้เขา
กงอวี้เฉินเลิกคิ้ว ยื่นมือไปหมุนตัวเด็กหญิงให้หันหน้ามาหาตนเอง พลันมองเห็นดวงตากลมโตที่แดงระเรื่อจ้องมาที่เขาเขม็ง “เฮ้ยๆ เป็นอันใดอีกเล่า กงจิ่วรังแกเจ้าหรือ ดวงตาสวยร้องไห้เป็นรอยเช่นนี้ไม่สวยเลย”
“คนชั่วใหญ่ ข้าจะเอาท่านแม่” เยาเยาร้องไห้เสียงดังขึ้นมา
กงอวี้เฉินขมวดคิ้ว ทำอันใดไม่ถูก “เด็กน้อย มารดาของเจ้าไม่ได้จับตัวได้ง่ายๆ อย่างเจ้า เรื่องนี้คงจะยากแล้ว”
“แง คนชั่วใหญ่ ข้าจะเอาท่านแม่ ท่านแม่” ไม่ได้เจอมารดามานาน แม้แต่พี่อาเจี้ยวคนเดียวที่อยู่กับตนยังไม่เจอหน้า หลายวันผ่านไป เยาเยาเพื่อนตัวน้อยจึงร้องไห้ออกมา กงอวี้เฉินยกมือขึ้นนวดขมับที่เริ่มปวดขึ้นมา “ชู่ว เด็กน้อย เจ้าช่างร้องเก่งจริงๆ ระวังจะร้องไห้จนเป็นใบ้นะ”
ไหนเลยเยาเยาจะสนใจเขา พุ่งเข้าไปทั้งทุบตีเตะต่อยใส่หน้าอกของกงอวี้เฉิน กงอวี้เฉินจนปัญญา ทำได้เพียงยื่นมือไปกำมือเล็กนั่นไว้ แต่หากมือเล็กนี้ขย้ำเข้ามาที่ใบหน้าของเขา เขาคงต้องสวมหน้ากากออกไปข้างนอกแล้ว
เยาเยาเห็นว่าไม่อาจตีคนชั่วได้แล้ว ยิ่งร้องไห้หนักขึ้น เจ็บใจขึ้นไปอีก
กงอวี้เฉินกอดเด็กน้อยในอ้อมแขนเอาไว้ถอนหายใจออกมาต่อเนื่อง “หากรู้ว่าเจ้าจะวุ่นวายเพียงนี้ คงจับพี่ชายเจ้ามาก็ดี”
ได้ยินเช่นนั้น เสียงร้องไห้จึงเบาลง ดวงตากลมโตที่เอ่อคลอไปด้วยน้ำตาจ้องมองเขา กงอวี้เฉินยิ้มตาหยี เอ่ย “เอาเถิด ไม่จับพี่ชายเจ้า เยาเยาน่ารักกว่าอีก หากเจ้าเชื่อฟัง อีกไม่กี่วันข้าจะพาเจ้าไปเจอท่านพ่อท่านแม่ของเจ้าเป็นอย่างไร” เยาเยาส่งเสียงหึออกมา “คนชั่วใหญ่ โกหก”
กงอวี้เฉินเลิกคิ้ว “หากเจ้ายังโวยวายข้าจะขังเจ้าไว้ที่นี่คนเดียว ไม่ให้เจ้าได้เห็นมารดาของเจ้าอีก อีกทั้งพี่อาเจี้ยวนั่นด้วย ตอนนี้เขายังไม่ได้กินข้าวเลยนะ”
เยาเยากะพริบตา “พี่อาเจี้ยวไม่กินข้าวหรือ”
กงอวี้เฉินส่งเสียงหึเบาๆ เอ่ย “ทุกวันข้าให้เจ้ากินก่อนค่อยให้คนเอาข้าวไปให้เขา หากเจ้าไม่กินหนึ่งมื้อ เขาก็ต้องอดด้วยหนึ่งมื้อ น่าสงสาร เขายังบาดเจ็บอีกด้วย ไม่รู้จะหิวตายหรือไม่…”
ดวงตากลมโตของเยาเยาขยับไปมา ผ่านไปเนิ่นนานก่อนปากเล็กจะยู่เข้าหากันอย่างน่าสงสาร เอ่ย “กินข้าว”
กงอวี้เฉินเลิกคิ้ว ยิ้มร่ามองไปที่นาง “โอ้ ต่อไปจะกินข้าวดีๆ แล้วหรือ”
“กินข้าว”
“ต่อไปจะกินข้าวทุกวันหรือไม่”
“กินข้าว” เยาเยาเอ่ยด้วยความโกรธ
กงอวี้เฉินพยักหน้า จับปิ่นปักผมเล็กๆ ของนางเบาๆ เอ่ย “นี่สิถึงจะเป็นเด็กดี มา เรามากินข้าวกัน”
เอ่ยพร้อมกับอุ้มเยาเยาเอาไว้ในอ้อมแขน ยกถ้วยข้าวเข้ามาใกล้กำลังจะป้อนอาหาร
ภาพที่สตรีในชุดสีดำเป็นกังวลกลับไม่ได้เกิดขึ้น ท่าทางการป้อนข้าวของกงอวี้เฉินแม้ไม่เรียกว่าเชี่ยวชาญแต่ก็ถูกต้องและคล่องแคล่ว เยาเยาถูกเขาป้อนคำแล้วคำเล่า ไม่นานก็กินอิ่มแล้ว
“พี่อาเจี้ยว ข้าว” เพิ่งกินอิ่ม เยาเยาก็รีบเร่งขึ้นมาโดยไม่รีรอ
กงอวี้เฉินจนปัญญา “ช่างเป็นเด็กที่ไม่มีใจเมตตาเสียจริง ข้ายังไม่ได้กินข้าวเลยนะ” แม้จะเอ่ยเช่นนี้ แต่ก็ยังเรียกคนเข้ามาสั่งการให้นำอาหารไปให้ซังเจี้ยว สตรีชุดดำเหลือบตามองอาหารที่ถูกกินไปไม่น้อยด้านข้าง จากนั้นหันกลับไปมองเด็กหญิงดวงตากลมโตในอ้อมแขนของกงอวี้เฉิน ดวงตาฉายแววประหลาดใจ เอ่ยตอบรับอย่างนอบน้อ
เพิ่งถูกป้อนข้าวจนอิ่ม เยาเยาก็ไม่งอแงอีกแล้ว หรืออาจเรียกได้ว่า…งอแงจนเหนื่อยแล้ว หันไปมองกงอวี้เฉินที่นั่งเงียบอยู่อีกฝั่งไม่รู้กำลังคิดอันใดอยู่ เยาเยาสะกิดเขาเบาๆ อย่างเบื่อหน่าย กงอวี้เฉินหันมามองนาง คิ้วคมเลิกขึ้น
เยาเยาเงยหน้าเล็กขึ้น “คนชั่วใหญ่ เจ้าไม่ทำเรื่องไม่ดีแล้วได้หรือไม่”
ได้ยินเช่นนั้น กงอวี้เฉินจึงบีบแก้มเล็กด้วยความสนอกสนใจ เอ่ย “อ้อ ไยข้าจึงต้องไม่ทำเรื่องไม่ดีแล้วเล่า”
เยาเยาเอ่ย “พวกเราไปหาท่านแม่ บอกกับท่านแม่ว่าเจ้าจะไม่ทำเรื่องไม่ดีแล้ว ท่านแม่และท่านพ่อก็จะไม่ตีเจ้าแล้ว”
กงอวี้เฉินยิ้มเย็น บีบแก้มชมพูของนางแล้วดึงไปมา เอ่ย “ตอนนี้เจ้ายังอยู่ในกำมือข้า ก่อนที่พ่อเจ้าจะตีข้าข้าจะตีเจ้าก่อนก็ได้”
เยาเยาถูกบีบแก้มจนพูดไม่เป็นคำ กงอวี้เฉินจึงต้องปล่อย เยาเยาเอ่ยเสียงดัง “ท่านพ่อของข้าเก่งที่สุด”
กงอวี้เฉินเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เอาอย่างนี้ดีหรือไม่ เจ้าไม่ต้องกลับไปแล้ว มาเป็นคนชั่วน้อยกับข้าดีหรือไม่”
เยาเยากลอกตาให้เขา “เยาเยาเป็นเด็กดี เยาเยาไม่ใช่คนชั่วน้อย”
กงอวี้เฉินเอ่ย “ไม่เป็นไร ข้าไม่รังเกียจเจ้า รอเจ้าอยู่กับข้านานไปแล้ว พวกเราก็จะเป็นคนชั่วใหญ่คนชั่วน้อยด้วยกันแล้ว”
“เยาเยาเป็นเด็กดี” เยาเยาเอ่ยหนักแน่น
กงอวี้เฉินลูบผมนางเบาๆ มุมปากยกยิ้มเจ้าเล่ห์ “ช่างเป็นเด็กโง่เสียจริง บนโลกใบนี้…ไหนเลยจะมีคนชั่วใหญ่ที่เป็นคนชั่วมาแต่ต้นเล่า” เยาเยากะพริบตา ทั้งเข้าใจและไม่เข้าใจ “เจ้าเองก็เคยเป็นเด็กดีหรือ”
กงอวี้เฉินยิ้มพลางเอ่ย “แน่นอนว่าข้าก็เคยเป็นเด็กดี”
“เมื่อไหร่กันหรือ” เยาเยาอยากรู้อยากเห็น คนชั่วใหญ่ก็ดูเหมือนคนชั่วนี่นา
กงอวี้เฉินยื่นมือออกมาเทียบส่วนสูงของนาง เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ก็คงจะตอนที่ตัวโตเท่าเจ้า”
เยาเยาครุ่นคิด ยื่นมือไปลูบเขาเบาๆ เอ่ย “น่าสงสารจัง ไยเจ้าจึงเป็นคนไม่ดีเล่า ข้าจะได้ไม่โตเป็นคนไม่ดี”
กงอวี้เฉินยิ้มเย็น “โอ้ เจ้าจะไม่โตเป็นคนไม่ดีหรือ เช่นนั้นเรามาลองดูหรือไม่ นับจากวันนี้ เจ้าก็มาเรียนเป็นคนชั่วน้อยกับข้าเถิด”
“ไม่เอาหรอก”
“ไม่เอาข้าก็จะบีบพี่อาเจี้ยวของเจ้าให้ตาย”
“คนชั่ว” เยาเยาโมโห พุ่งเข้าหากงอวี้เฉิน กัดหลังมือของเขาแรงๆ กงอวี้เฉินกลัวว่านางจะตกลงจากเตียงเตี้ย จึงต้องยื่นมืออีกข้างไปรับร่างเล็กที่พุ่งเข้ามาหา ฟันซี่เล็กชนเข้ากับหลังมือกงอวี้เฉิน คนยังไม่ทันได้กัด ฟันก็ชนจนเจ็บ ยกมือขึ้นปิดปากร้องร้องฮือขึ้นมา
เยาเยาที่เสียหลักล้มอยู่ในอ้อมแขนของกงอวี้เฉิน จี้หยกเล็กไหลออกมาจากคอของเยาเยา ดวงตาของกงอวี้เฉินไหววูบ ยื่นมือออกไปรับเอาไว้ในมือ