หมอผีแม่ลูกติด - บทที่ 287 ยอดเยี่ยมจริงๆ
บทที่ 287
ยอดเยี่ยมจริงๆ
ไม่รู้ว่าผ่านไปกี่หนที่มีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้น อย่างไรก็ดีมหานักบวชนั้นไม่จำเป็นต้องหลอกหรือง้อให้ยากอะไร เพราะทุกครั้งที่เขาเอายามาให้ ฮ่องเต้หลีก็จะดื่มโดยเชื่อฟังแล้วจ้องมาที่มหานักบวชอย่างขุ่นเคือง
แต่ในวันนี้ต่างออกไปนิดหน่อย ก่อนหน้านี้มหานักบวชจะเอายามาให้แล้วจากไป แต่วันนี้เขากลับอยู่ในห้องและ เฝ้าฮ่องเต้หลีตั้งแต่เช้า
ไม่นานนักก็ได้มีแววตาประหลาดใจในดวงตาของ หลีเจี้ยนเฉิน เขาขยับได้แล้ววันนี้เป็นวันที่สองหลังจากที่ท่านหมอหลินจากไป บางทีถ้าเป็นตอนนี้เขายังอาจจะไล่ตามทัน
เขาลุกขึ้นยืนแล้วก็มองไปที่มหานักบวช เขาดึงชายเสื้อของอีกฝ่ายด้วยความโกรธ “1 วัน 2 คืน ที่เจ้าหลอกให้ข้าดื่มยาต้มขมๆนั่น!”
“ฝ่าบาท ยาทั้งหมดที่ท่านดื่มไปนั้นคือยาที่มีสรรพคุณในการฟื้นฟูร่างกายของท่าน” มหานับบวชตอบด้วยสีหน้านิ่งๆ “ผู้น้อยเองก็ทำเพื่อฝ่าบาท ท่านนึกสิหากท่านหมอหลินเป็นอันตราย แต่ท่านกลับช่วยสาวงามของท่านไม่ได้เพราะร่างกายของท่านย่ำแย่ แล้วท่านจะกุมหัวใจนางได้อย่างไร?”
“นั่นสินะ” หลีเจี้ยนเฉินลองครุ่นคิดดูและไม่คิดที่จะยุ่งกับเรื่องนี้ไปมากกว่านี้แล้วด้วย “เรื่องคราวนี้ข้าจะไว้ชีวิตเจ้าและฝากเจ้าคอยดูแลรัฐหลีให้ข้าด้วย”
“พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท”
แล้วมหานักบวชก็ได้มองไปที่หลีเจี้ยนเฉินที่กำลังเร่งรีบสวมเสื้อผ้าของเขา จึงได้สะกิดหลังของหงเหยียนให้เตรียมตัวให้พร้อม แล้วสีหน้าที่จริงจังก็ได้ปรากฏบนใบหน้าของเขา
เรื่องที่ฮ่องเต้หลีออกจากวังหลวงเพื่อไปที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์นั้นจะต้องถูกปิดเป็นความลับ ไม่อย่างนั้นพวกกบฏที่เหลือรอดอาจจะตามแกะรอยได้
เมื่อคิดเช่นนี้แล้วมหานักบวชก็ได้เรียกแม่ทัพเยียหลู่มาพบ “ฮ่องเต้ถูกลอบโจมตี ใครก็ตามที่คิดจะออกจากเมืองจะต้องถูกตรวจสอบให้ถี่ถ้วน”
เมื่อได้ยินว่าฮ่องเต้ถูกลอบโจมตี แม่ทัพเยียหลู่ก็ได้ถามอย่างเร่งรีบ “แล้วตอนนี้ฮ่องเต้เป็นอย่างไรบ้าง?”
มหานักบวชนั้นรู้อยู่แล้วว่าเขานั้นเป็นคนที่ตรงไปตรงมาเช่นนี้ เขาจึงได้ตบไหล่ของแม่ทัพแล้วกล่าว “ไม่ต้องกังวลไป พวกนั้นทำพลาดน่ะ”
“ถ้าเช่นนั้นก็ดีแล้ว ข้าจะรีบปิดทางเข้าออกเมืองเดี๋ยวนี้ และจะตามจับตัวคนร้ายนำมาลงโทษให้ได้”
ในเวลานี้หลีเจี้ยนเฉินได้ออกจากเมืองไปแล้วราวกับ ม้าพยศที่ไร้บังเหียน ด้วยความทะนงตนอย่างสุดๆ
และเพราะหลีเจี้ยนเฉินนั้นเคยมาที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์แล้วเขาจึงได้คุ้นเคยกับเส้นทางและมาถึงก่อนที่พระอาทิตย์จะตก เขากับหงเหยียนก็ได้ทิ้งม้าของพวกเขาไว้ที่นอกป่าแล้วเดินเข้ามา
ทันทีที่หลีเจี้ยนเฉินได้มาถึงดินแดนศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ได้เป็นที่สนใจของผู้คนทันที เพราะพวกเขานั้นอาศัยอยู่แต่ในป่าห่างไกลผู้คน จึงไม่เคยพบชายที่สวยงามเช่นนี้
ช่างหล่อเหมือนพานอันอะไรเช่นนี้ ภายใต้บรรยากาศน่ากลัวที่แผ่ออกมาจากตัวนั้น ช่างราวกับดอกกุหลาบที่มีหนามแหลมมาก ทั้งสวยงามและน่ากลัวแต่ก็น่าไขว่คว้า
เดินผ่านฝูงคนเข้ามา สายตาของเขาก็ได้จับจ้องไปที่ จี๋เฟิง เขาจึงได้วิ่งไปหาอย่างยินดี “ท่านหมอหลินอยู่ที่ไหน?”
ถึงแม้ว่าจี๋เฟิงนั้นจะไม่รู้ว่าทำไมฮ่องเต้หลีถึงได้มาที่นี่ได้ แต่เขาก็ยังพาไปหาหลินซีเหยียนอยู่ดี
ในเวลานี้ท่านหมอหลินนั้นกำลังอยู่ในวงล้อมของผู้คนอยู่ และมองไปที่สีหน้าของท่านหมอหลินแล้วดูเหมือนว่านางจะมีสีหน้าไม่ดีอยู่
“เดี๋ยวก่อน”
ด้วยเสียงตะโกนดังลั่น หลีเจี้ยนเฉินก็ได้ปรากฏตัวต่อหน้าฝูงชนด้วยใบหน้าที่แดงก่ำบนใบหน้าของเขา
“หลีเจี้ยนเฉิน?” อยู่ที่นี่หลินซีเหยียนไม่สามารถเรียกอีกฝ่ายว่าฮ่องเต้หลีได้ นางจึงทำได้แค่เรียกชื่อของเขาตรงๆ จากนั้นนางก็คิดว่ามหานักบวชคนนั้นไม่ใช่ว่าเขาเป็นคนที่จะไม่ปล่อยให้หลีเจี้ยนเฉินทำอะไรตามใจตัวเองหรอกเหรอ?”
ทำไมเขาถึงได้ปล่อยให้หลีเจี้ยนเฉินมาที่นี่ได้?
มหานักบวชที่อยู่ที่เมืองหลวงซึ่งห่างไกลออกไปจากที่นี่นั้น จู่ๆก็ได้จามขึ้นมา
“ท่านมหานักบวชขอรับ ท่านป่วยเป็นลมหวัดเหรอขอรับ?” ผู้ช่วยของเขาก็ได้ถามขึ้นมาด้วยสีหน้าเป็นกังวล
แล้วมหานักบวชก็ได้ส่ายหัวของเขาแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “คำนวณจากเวลาแล้ว ฝ่าบาทน่าจะได้พบท่านหมอหลินแล้ว ในเวลานี้นางคงจะสงสัยว่าทำไมข้าถึงได้ช่วยให้ฝ่าบาทหนีออกมาจากวังหลวงอยู่กระมัง?”
“ผู้น้อยเองก็สงสัยเช่นกันขอรับ ไม่ใช่ว่าให้ฝ่าบาทอยู่ในเมืองหลวงเช่นนี้จะเป็นการดีกว่าหรอกเหรอ?”
“ถูกต้องแล้ว แต่ทว่าหน้าที่ของมหานักบวชนั้นไม่ได้มีเพียงแค่ต้องคอยดูแลรัฐหลีกับองค์ฮ่องเต้หรอกนะ แต่จะต้องทำตามความประสงค์ของฮ่องเต้ด้วย” มหานักบวชก็ได้มองไปที่ดวงดาวบนท้องฟ้าแล้วก็พูดออกมาเบาๆ “จริงๆแล้ว ข้าเองก็ไม่รู้หรอกว่าการตัดสินใจครั้งนี้มันถูกต้องหรือไม่?”
“ท่านมหานักบวชขอรับ มีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นแล้วขอรับ” มีทหารในเมืองหลวงที่สวมชุดสีแดงได้วิ่งเข้ามาพร้อมกับสายลมเย็น เขาได้คุกเข่าลงต่อหน้ามหานักบวชแล้วกล่าวด้วยความเคารพ “พวกกบฏที่ยังเหลือรอดอยู่ได้ทำการฝ่าประตูเมืองหนีออกไปแล้วขอรับ”
“อะไรนะ?” แล้วมหานักบวชก็ได้มีสีหน้าซีดเผือดขึ้นมาทันที ทั้งๆที่มีการเพิ่มมาตรการป้องกันแล้วแท้ๆ แต่ก็ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะมีกำลังมากพอที่จะฝ่าการป้องกันของทหารในเมืองหลวงไปได้
“แล้วแม่ทัพเยียหลู่อยู่ที่ไหน?”
ในเวลานี้แม่ทัพเยียหลู่นั้นไม่ได้อยู่ในเมืองหลวงแล้ว เพราะเขานั้นไม่อาจปล่อยให้พวกกบฏหนีออกไปภายใต้การเฝ้าดูของเขาได้ เขาจึงได้นำคนออกไปไล่ตามแล้ว
แต่ไม่นานนัก แม่ทัพเยียหลู่ก็ได้เข้าพระราชวังอย่างหัวเสียแล้วคุกเข่าลงต่อหน้ามหานักบวชและกล่าว “เรียนท่านมหานักบวช พวกสารเลวพวกนั้นมันหนีรอดสายตาของข้าไปได้”
การหนีหายไปได้อย่างรวดเร็วเช่นนี้ แสดงให้เห็นว่าอีกฝ่ายนั้นได้เตรียมการเอาไว้เป็นอย่างดีแล้ว มหานักบวชก็ได้คิ้วขมวดขึ้นมา “ไม่ได้การ พวกเขาอาจจะรู้แล้วว่าฝ่าบาทนั้นได้ออกจากเมืองไปแล้ว”
เรื่องที่ฮ่องเต้ไม่อยู่ในเมืองนั้น น่าจะถูกปิดเป็นความลับแล้วนี่นา แล้วทำไมคนพวกนั้นถึงได้รู้เรื่องนี้ได้? หรือว่าจะมีคนที่ไม่ประสงค์ดีแอบแฝงอยู่ในพระราชวัง?
แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดตอนนี้คือความปลอดภัยของฮ่องเต้
แล้วมหานักบวชก็ได้มองไปที่แม่ทัพเยียหลู่ที่อยู่ตรงหน้าเขาแล้วถอนหายใจ เรื่องที่จำเป็นต้องเก็บเป็นความลับเช่นนี้คงต้องให้คนอื่นจัดการ!
“เจ้าช่วยส่งคนไปตามหูเข่ออิงมาให้ที”
หูเข่ออิงนั้นเป็นคนที่ถูกพาเข้ามาทำงานโดยตัวมหานักบวชเอง เขานั้นทั้งเก่งกาจและรอบคอบ เป็นคนที่เหมาะสมจะทำงานเช่นนี้ที่สุด แล้วมหานักบวชก็ได้แอบมอบหมายงานให้เขาไปทำ แล้วอีกฝ่ายก็สัญญาณว่าจะไปพาฝ่าบาทกลับเมืองหลวงให้ได้โดยปลอดภัย
ในขณะเดียวกันนั้นเอง การมาถึงของหลีเจี้ยนเฉินนั้นก็ได้สร้างปัญหาอย่างมาให้หลินซีเหยียน เพราะทั้งสองคนนั้นมีใบหน้าที่โดดเด่นมาก ทั้งคู่จึงได้เป็นที่ดึงดูดสายตาของทุกคน ด้วยเหตุนี้ทั้งคู่จึงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องโกหกไปว่าเป็นสามี-ภรรยากัน
แม้ว่าการโกหกนี้จะเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ แต่หลีเจี้ยนเฉินก็ยังมีรู้สึกยินดีเป็นอย่างมาก
แน่นอนว่าทุกคนที่นี่ไม่เชื่อที่พูด “ถ้าพวกเจ้าสองคนเป็นสามีภรรยากันจริงๆ ทำไมเขาถึงได้เรียกเจ้าว่าท่านหมอหลินล่ะ?”
หลังจากที่กระแอมออกไป หลินซีเหยียนก็ได้อธิบายโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า “เพราะว่าข้านั้นเป็นหมอและเคยช่วยชีวิตเขาเอาไว้น่ะ”
“เจ้าเลยตอบแทนนางด้วยร่างกายของเจ้างั้นเหรอ?”
ลู่หลีก็ได้บิดริมฝีปากของนางแล้วมองไปที่หลีเจี้ยนเฉินด้วยใบหน้าที่แดงก่ำของนาง ใครที่รู้จักเด็กคนนี้ต่างก็รู้ว่าเด็กคนนี้สงสัยจะตกหลุมรักอีกฝ่ายเข้าให้เสียแล้ว
ถึงแม้ว่าอีกฝ่ายนั้นจะเป็นชายที่แต่งงานแล้วก็ได้ตามที แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาอะไร เพราะคนในดินแดนศักดิ์สิทธิ์นั้นนอกจากจะไม่สนใจเรื่องของการมีเมียหลายคนแล้ว ที่นี่มีสามีหลายคนก็ไม่ใช่ปัญหา
หลีเจี้ยนเฉินก็ได้ผงกหัว แล้วมองไปที่ท่านหมอหลินด้วยตาทั้งสองข้างของเขา “เสี่ยวเหยียนเอ๋อนั้นเป็นคนในพรหมลิขิตของข้า ชีวิตนี้ข้าจะทำดีกับนางแค่คนเดียวเท่านั้น”
มันเป็นเรื่องง่ายที่จะพูดสัญญากับใครสักคนว่าจะเป็นคู่ไปตลอดชีวิตของเขา ในเวลานั้นเองก็ยังมีบางคนที่ไม่เชื่อและเสียดายใบหน้าที่หล่อเหลานั้น
ท่ามกลางเสียโวยวายของผู้คน หลีเจี้ยนเฉินก็ได้รวบรวมคว้ากล้าอย่างสุดๆในชีวิตของเขา แล้วก้มหัวลงไปแล้วค่อยๆเข้าไปหาริมฝีปากของหลินซีเหยียน
ในชั่วขณะนั้นเองเขาก็รู้สึกได้ถึงสายตาที่หนาวเย็นของอีกฝ่าย ทำให้มุมปากของเขาต้องกระตุกเล็กน้อย และแอบว่าตัวเขาในใจที่ทำอะไรแบบนี้ทั้งๆที่หัวของเขาร้อนผ่าวอยู่แท้ๆ
เขาจึงได้รีบเปลี่ยนที่จูบ
อีกฝ่ายนั้นไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างทั้งสองคนนั้น ที่พวกเขาเห็นมีเพียงหลีเจี้ยนเฉินที่กำลังจูบที่หน้าผากของอีกฝ่ายด้วยสีหน้าที่รักใคร่
แล้วก็มีเสียงที่อิจฉาของหญิงสาวรอบๆดังขึ้นมา “ถ้าหากว่าถูกรักโดยผู้ชายดีๆเช่นนี้แล้ว ก็ถือว่าชีวิตนี้คุ้มแล้ว”