หมอผีแม่ลูกติด - บทที่ 282 ไปรัฐหลีตามลำพัง
บทที่ 282 ไปรัฐหลีตามลำพัง
หมอหลวงก็ไม่ได้แสดงสีหน้าอะไรต่อท่าทีของฮ่องเต้ เขาได้แต่รอเพื่อนร่วมงานของเขาอยู่อย่างเงียบๆ
หลังจากที่เหล่าหมอหลวงจากทั้งสำนักแพทย์หลวงมาทำการตรวจร่างกายทีละคน แต่คำตอบก็ล้วนเหมือนกันหมด
ในเวลานั้นฮ่องเต้เจียงนั้นทั้งยินดีและโมโหในเวลาเดียวกัน เขายินดีที่ตัวเกะกะอย่างเจียงหวายเย่จะได้หายไปเสียที แต่โมโหที่การที่เขาจะตายนั้นมันจะทำลายชื่อเสียงของเขา
“ข้าขอสั่งให้พวกเจ้าพยายามอย่างเต็มที่เพื่อรักษาชีวิตขององค์ชายเย่ไว้ให้ได้”
ฮ่องเต้เจียงนั้นไม่อาจปล่อยให้อีกฝ่ายมาตายในพระราชวังได้ เขามองไปรอบๆและพบว่าหัวหน้าสำนักแพทย์หลวงไม่ได้อยู่ที่นี่ เขาจึงได้ถามอย่างจริงจัง “เฉิงรุ่ยเหยียนอยู่ที่ไหน?”
“กราบเรียนฝ่าบาท หัวหน้าสำนักแพทย์หลวงลาหยุดวันนี้พ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้เจียงก็ได้หรี่สายตาลงแล้วกล่าว “ส่งราชโองการแจ้งให้ท่านหมอเฉิงไปอยู่ที่วังขององค์ชายเย่แล้วคอยรายงานอาการขององค์ชายเย่ให้ข้าทราบทุกวัน”
“ฝ่าบาททรงมีเมตตายิ่งนัก”
ด้วยเหตุนี้เจียงหวายเย่ก็ได้อยู่ภายใต้การคุ้มครองของราชองครักษ์ไปตลอดทางกลับวังรัตติกาล ในเวลานี้หลินซีเหยียนเป็นข้ารับใช้หนุ่มอยู่ จึงไม่อาจที่จะไปนั่งร่วมกับองค์ชายได้ จึงทำได้แค่เดินตามรถม้าไป
เดินไปได้ไม่ไกล นางก็รู้สึกได้ถึงสายตาที่จับจ้องมาที่ข้างหลังนาง นางจึงได้เดินให้ช้าลงและมาอยู่ท้ายขบวน
แล้วสุดท้ายก็ได้มีคนที่นางรู้จักดีปรากฏตัวออกมา
“เจ้าไม่บาดเจ็บอะไรใช่ไหม?” หลินหนานเฟิงแม้จะมีใบหน้าบึ้งตึง แต่ดวงตาของเขาก็เต็มไปด้วยความเป็นห่าง
หลินซีเหยียนก็ได้ส่ายหัวของนางแล้วกล่าว “เจียงหวายเย่ปกป้องข้าเอาไว้ แต่ว่าเขาถูกพิษสาหัส
“เจ้าช่วยเขาได้ไหม?”
ไม่เพียงแค่หลินหนานเฟิง แต่เจียงหวายเย่กับอันอี้เองก็เชื่อมั่นอย่างมากในวิชาแพทย์ของหลินซีเหยียน แต่วิชาแพทย์ของนางนั้นก็ไม่ได้ครอบจักรวาลขนาดนั้น และนางก็ไม่สามารถที่จะช่วยเหลือทุกคนได้
โดยเฉพาะคนที่อยู่ในสภาพใกล้ตายอย่างเจียงหวายเย่แล้ว
ถ้าเกิดว่าเป็นนางเมื่อก่อนนี้นางก็คงจะไม่สนใจไปแล้ว แต่เมื่อนางคิดว่าคนคนนั้นคือเจียงหวายเย่แล้วและตัวเขานั้นก็ได้ปกป้องนางเอาไว้ จึงทำให้นางไม่มีทางเลือก
หลังจากที่ถอนหายใจออกมา นางก็ได้กล่าวอย่างไม่จริงจัง “ข้าจะทำอย่างสุดความสามารถ”
หลังจากที่ส่งเจียงหวายเย่ที่วังรัตติกาลเสร็จ เหล่าองครักษ์ก็ได้กลับไปที่วังหลวง หลินหนานเฟิงนั้นอยากที่จะอยู่ด้วย แต่เขาก็ต้องกลับไปเพราะหน้าที่ของเขา
เฉิงรุ่ยเหยียนก็ได้รออยู่ที่วังขององค์ชายเย่อยู่ก่อนแล้ว ตามคำสั่งของฮ่องเต้
การที่ให้เฉิงรุ่ยเหยียนคอยรายงานอาการขององค์ชายเย่ทุกวันเช่นนี้ หาคนไม่รู้จะคิดว่าฮ่องเต้นั้นเป็นห่วงเจียงหวายเย่ แต่จริงๆแล้วคืออีกฝ่ายต้องการให้มีคนคอยจับตาดูอยู่ตลอด
แต่ในคราวนี้เกรงว่าคงจะทำให้อีกฝ่ายต้องผิดหวัง เพราะเฉิงรุ่ยเหยียนนั้นเป็นคนของเจียงหวายเย่ แน่นอนว่าเขาย่อมที่จะไม่ทำอะไรที่เป็นการผิดต่อองค์ชายเย่
เฉิงรุ่ยเหยียนก็ได้ทำการตรวจชีพจรของเจียงหวายเย่ แล้วจากนั้นสีหน้าของเขาก็ไม่ดีขึ้นมา “ในคราวนี้อาการขององค์ชายนั้นสาหัสมาก ไม่ทราบว่าแม่นางหลินจะทำเช่นไร?”
หลินซีเหยียนก็ได้ส่ายหัวของนาง “ในเวลานี้เราคงทำได้แค่รักษาม้าตายประหนึ่งม้าเป็นเท่านั้น”
ถึงแม้ว่าน้ำเสียงของนางนั้นจะดูนิ่งมาก แต่หัวใจของนางกลับกระวนกระวายมาก
นี่ไม่ใช่ภาพพจน์ที่ดีเลย การที่นางต้องมายอมรับความพ่ายแพ้ก่อนที่จะเริ่มเช่นนี้? นี่ไม่ใช่วิถีหมอผีของนางเลย นางต้องลุกขึ้นสู้สิ
แล้วหลินซีเหยียนก็ได้บอกเฉิงรุ่ยเหยียนในสิ่งที่นางนึกออกก่อนอื่นก็ฆ่าเชื้อที่ปากแผล แล้วจากนั้นก็ได้บีบเอาเลือดออกเพื่อเอาพิษบางส่วนออกเพื่อประวิงเวลาและยับยั้งพิษเอาไว้
จากนั้นก็ฝังเข็มทองเพื่อปิดผนึกพิษเอาไว้ก่อน เพื่อยื้อชีวิตเอาไว้
“นี่คือเท่าที่จะนึกออกได้แล้ว มีแต่ต้องลองทำดูเท่านั้น”
เฉิงรุ่ยเหยียนก็ได้แสดงสีหน้าสนับสนุนอย่างเต็มที่กับวิธีการเหล่านี้ แม้จะฟังดูเสี่ยงมากก็ตามที
แล้วทั้งสองคนก็ได้ยุ่งตลอดทั้งวันและคืนถึงจะเสร็จวิธีการทั้งหมดนี้ แล้วก็มองไปที่ใบหน้าของเจียงหวายเย่ที่ยังคงซีดเซียว ทำให้ดวงตาของหลินซีเหยียนนั้นต้องดำมืดขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
“เมื่อไรถึงองค์ชายจะฟื้น?”
เมื่อได้ยินที่ถาม หลินซีเหยียนก็คิ้วขมวดและพูดอย่างเบาๆ “ก็ขึ้นอยู่กับเจ้าตัวว่าต้องการมีชีวิตรอดมากแค่ไหนล่ะนะ”
เจียงหวายเย่นอนอยู่บนเตียงนิ่งๆไม่ขยับเขยื้อน ถึงแม้ว่าเขาจะหมดสติไป แต่ริมฝีปากบางๆของเขานั้นราวกับว่ากำลังกังวลอะไรบางอย่างอยู่
หลินซีเหยียนก็ได้มองไปที่อีกฝ่ายแล้วพูดออกมาอย่างเย็นชา “ถ้าท่านไม่รีบตื่นขึ้นมาตอนนี้ ข้าจะไม่ไปกับท่านแล้วนะ”
จากนั้นนางก็ได้จากไปด้วยสีหน้าที่เย็นชา นางคิดที่จะกลับไปที่จวนมหาเสนาบดีเพื่อเตรียมข้าวของบางอย่างก่อนที่จะเดินทางไปยังดินแดนศักดิ์สิทธิ์เพื่อไปเอาแมลงวิปลาสหมื่นปี หากว่าในครั้งนี้นางไม่สามารถกลับมาได้ นางก็คงทำได้แค่เอาเงินมาจากคนในจวนมหาเสนาบดีอย่างเดียวเท่านั้น
นางนั้นไม่อยากที่จะปล่อยให้คนที่ฆ่าฮูหยินเยี่ยนั้นรอดไปได้ แต่นางก็ไม่อาจปล่อยให้เจียงหวายเย่ต้องไม่ฟื้นอีกเลยเช่นกัน
เมื่อค่ำคืนมาถึง หลินซีเหยียนก็ได้สวมชุดสีดำแล้วแอบเข้าไปในจวนมหาเสนาบดี นางแวะไปที่ห้องของเทียนเอ๋อตามเส้นทางที่นางคุ้นเคย แล้วก็พบว่าอีกฝ่ายกำลังนอนหลับปุ๋ยอยู่ จากนั้นก็ได้แอบเข้าไปแล้วปลุกเขาเบาๆ
“เทียนเอ๋อ เทียนเอ๋อตื่นสิ!”
ไม่ว่าหลินซีเหยียนจะเรียกอย่างไร เทียนเอ๋อก็ยังไม่ยอมตื่น นางจึงได้เดินไปที่โต๊ะไม้ข้างๆเตียง แล้วหยิบเอาพู่กันมาเขียนจดหมายแล้ววางไว้ที่ข้างเตียงของเทียนเอ๋อ
หลังจากนั้นก็ได้มองไปที่เทียนเอ๋อ “เทียนเอ๋อเป็นเด็กฉลาด แม้ว่าจะไม่มีแม่ เทียนเอ๋อก็จะสามารถมีชีวิตอยู่ได้สบายๆ”
หลังจากนั้นหลินซีเหยียนก็ได้เตรียมออกจากเมืองหลวงพร้อมด้วยจี๋เฟิงและชิงอวี่ และมุ่งหน้าไปรัฐหลี
ระหว่างทางนางก็ได้เขียนจดหมายขึ้นมาฉบับหนึ่งแล้วเรียกนกน้อยเสี่ยวฮุยให้มาหา และขอให้มันส่งจดหมายไปให้หลงเยว่แห่งสำนักหมอพิษ เพื่อขอความช่วยเหลืออีกฝ่ายขณะที่เดินทางไปที่รัฐหลี
หลงเยว่ที่ได้รับจดหมายนี้ก็ลุกขึ้นยืนด้วยความตกใจ แล้วรีบส่งคนให้เตรียมรถม้าไปที่รัฐหลี แล้วในระหว่างนั้นก็ได้ส่งคนไปติดต่อคนในสำนักที่อยู่ในรัฐหลีให้เตรียมการให้พร้อม
“ดินแดนศักดิ์สิทธิ์นั่นอยู่ที่ไหนก็ยังไม่รู้ แล้วเสี่ยวเหยียนเอ๋อยังจะกล้าไปอีกนะ!”
หลงเยว่นั้นเป็นกังวลเกี่ยวกับหลินซีเหยียนอย่างมาก ก่อนที่พระอาทิตย์จะขึ้น นางก็ได้ส่งจดหมายออกไปในยามค่ำคืน
หลังจากที่ทราบข่าว ฮ่องเต้หลีก็ได้รีบส่งคนไปรอรับนางที่หน้าประตูเมือง ในเวลานี้เขานั้นกระวนกระวายอย่างมาก เขาไม่ต้องการให้หลินซีเหยียนนั้นต้องได้รับบาดเจ็บ
หลังจากที่เดินทางเป็นเวลาหลายวัน หลินซีเหยียนก็ได้มาถึงที่รัฐหลีอย่างรวดเร็วโดยอาศัยผู้คนที่หลงเยว่ส่งมาช่วยเหลือ และในขณะเดียวกันคนที่ฮ่องเต้หลีส่งมาก็จำหน้าของหลินซีเหยียนได้อย่างชัดเจน
หลินซีเหยียนก็ได้ตามคนเหล่านั้นมายังพระราชวังเพื่อพบหลีเจี้ยนเฉิน
ที่รัฐหลีนั้นสีที่แสดงถึงความยิ่งใหญ่ไม่ใช่สีเหลืองทอง แต่เป็นสีแดงที่ดูเหมือนกับเลือด
ชุดที่ดูเทอะทะสีแดงที่น่าเกรงขามนั้น เมื่อใส่โดยหลีเจี้ยนเฉินแล้วกลับไม่แสดงถึงความเทอะทะเลยแม้แต่น้อย แต่กลับดูเหมาะสมกับหลีเจี้ยนเฉินมาก
“ท่านหมอหลิน ท่านจำเป็นที่จะต้องอยู่กับข้าในช่วงหลายวันนี้ไปก่อนนะ”
ฮ่องเต้หลีนั้นรู้ถึงเป้าหมายของหลินซีเหยียนดี เขาจึงไม่อาจปล่อยให้หลินซีเหยียนไปยังที่ที่อันตรายเช่นนั้นเพียงลำพังแน่
“ข้ารู้ดีถึงความวุ่นวายในรัฐหลี ข้าจึงคิดที่จะไปในวันพรุ่งนี้” หลินซีเหยียนนั้นแสดงออกว่าไม่ต้องการรออย่างชัดเจน ไม่ว่าดินแดนศักดิ์สิทธิ์นั้นจะมีจริงหรือไม่ นางก็จะต้องไปให้ถึงให้ได้
“ถ้างั้นขอเวลาให้ข้า 5 วัน”
ก่อนหน้านี้ฮ่องเต้หลีนั้นไม่เคยขัดหลินซีเหยียนเลย แต่ในเวลานี้มันไม่เหมือนกัน เขาจะต้องหยุดนางให้ได้ แม้ว่าอีกฝ่ายต้องการจะไปที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ให้ได้ เขาจะต้องหาทางนำหน้านาง
และในขณะที่หลินซีเหยียนกำลังจะเปิดปากปฏิเสธอยู่นั้นเอง คำพูดล่อลวงของหลีเจี้ยนเฉินก็ได้เข้าหูนางมาเสียก่อน “อาจจะมีบันทึกของดินแดนศักดิ์สิทธิ์นั้นอยู่ในห้องสมุดในวังหลวงก็ได้”
“ก็ได้ ข้าจะรอ”
แล้วทั้งสองฝ่ายก็ได้ข้อตกลงร่วมกันทันที แล้วจากนั้นหลีซีเหยียนก็ได้ขลุกอยู่แต่ในห้องสมุดตลอดทั้งวัน ส่วนหลีเจี้ยนเฉินก็ได้จัดการกับปัญหาตลอดทั้งกลางวันและกลางคืน เขาออกมาสู้ด้วยตัวเอง จนในที่สุดก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสแต่ก็สามารถจบสงครามภายในรัฐหลีเอาไว้ได้
หลินซีเหยียนนั้นไม่ได้รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับสิ่งที่หลีเจี้ยนเฉินทำเลย นางรู้อยู่เพียงแค่ว่าพรุ่งนี้ก็เป็นวันที่ 5 แล้ว