หมอผีแม่ลูกติด - บทที่ 276 แกล้งทำเป็นบาดเจ็บสาหัส
บทที่ 276 แกล้งทำเป็นบาดเจ็บสาหัส
หลินซีเหยียนกะพริบตาปริบ ๆ ด้วยคาดไม่ถึงว่าแม่ทัพเฒ่าจะพูดเช่นนี้ออกมา นางจึงตอบออกไปอย่างเสียไม่ได้ “ไม่มีใครที่รู้แน่นอนเกี่ยวกับอนาคตตัวเอง แม้ว่าท่านจะถามข้า แต่ในเวลานี้ข้าเองก็ไม่อาจตอบท่านได้”
เมื่อเห็นว่าหลานสาวของตัวเองดูมีลับลมคมในและไม่ยอมตอบคำถามมา แม่ทัพเฒ่าจึงได้กล่าวออกไปตรง ๆ “ถ้าเกิดว่ามีหนทางล่ะ ถ้าหากว่าเจ้าชอบเจียงหวายเย่แล้ว ข้าก็มีหนทางที่จะรื้อฟื้นการหมั้นหมายของเจ้าได้”
หลินซีเหยียนมีสีหน้าเย็นชาขึ้นมาทันทีทันใด พร้อมกับกล่าวปัดตกสิ่งที่อีกฝ่ายเสนอ “ถึงแม้ว่าข้าจะไม่รู้ว่าพวกท่านวางแผนอะไรกันอยู่ แต่ข้าไม่ขอร่วมด้วย” จากนั้นก็ผุดลุกขึ้น “ซีเหยียนยังมีธุระอื่นต้องจัดการ ข้าขอตัวก่อน”
เดิมทีหญิงสาวคิดว่าคนในบ้านตระกูลเยี่ยนั้นจะไม่เหมือนคนอื่นและไม่เจ้ากี้เจ้าการเรื่องของนาง แต่ดูเหมือนว่านางจะคิดผิดเสียแล้ว
แม่ทัพเฒ่าที่รู้สึกได้ว่าหลินซีเหยียนนั้นรู้สึกไม่พอใจจึงได้รีบอธิบายให้เข้าใจ “เดี๋ยวก่อนสิเจ้าหลานคนนี้ ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น ข้าก็แค่เห็นว่าในคืนนั้นองค์ชายได้ให้คำสาบานกับข้าไว้ ซึ่งฟังแล้วจริงใจมาก นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ข้าบอกว่ายังพอมีหนทาง”
เยี่ยจุนเจี๋ยเองก็พูดเสริมเช่นกัน “อีกไม่ช้าหรือเร็ว ตระกูลแม่ทัพเจิ้นกว๋อของเราก็จะเข้าร่วมกับองค์ชายเย่แล้ว พวกเราจึงได้คิดที่จะมองหาผลประโยชน์บางอย่างให้แก่เจ้าด้วย หากว่าน้องซีเหยียนไม่สนใจ ก็ขอให้คิดว่าพวกเราไม่ได้พูดเรื่องนี้ก็แล้วกัน”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ สีหน้าของหลินซีเหยียนก็ค่อย ๆ เปลี่ยนไปอย่างช้า ๆ “ท่านตากับท่านพี่จุนเจี๋ยไม่ต้องเป็นห่วงหรอกเจ้าค่ะ ข้าจะสู้เพื่อสิ่งที่ข้าต้องการเอง”
“ดี” แม่ทัพเฒ่า พลันตบโต๊ะเมื่อเขาได้ยินที่พูด “ต้องแน่วแน่แบบนี้สิ ถึงจะเป็นหลานสาวของข้า”
เมื่อเสร็จสิ้นธุระในจวนแล้ว หลินซีเหยียนกับเทียนเอ๋อก็อยู่ร่วมทานอาหารด้วยกันตามคำชักชวนของฮูหยินเฒ่าต่อ ในระหว่างมื้ออาหารที่ได้คุยสัพเพเหระไปด้วยนั้นเอง เจิ้นกว๋อก็ได้รู้ว่าเหลนของตนนั้นรู้วรยุทธ์อยู่บ้าง จึงได้รบเร้าหลินซีเหยียน ให้ฝากเทียนเอ๋อไว้ที่นี่สักวันสองวัน
เมื่อเจอกับสายตาที่ดูน่าสงสารของผู้เป็นปู่เช่นนั้น มีเหลือหลินซีเหยียนจะไม่ใจอ่อนได้ นางจึงจำใจต้องปล่อยเทียนเอ๋อไปและกลับบ้านอย่างมีความสุข….ไม่สิ อย่างเป็นทุกข์ต่างหาก
เทียนเอ๋อ เจ้าเด็กตัวแสบนั่น ได้ใช้ชีวิตที่สุขสบายอยู่ที่บ้านท่านแม่ทัพเจิ้นกว๋อแล้ว!
เมื่อหลินซีเหยียนกลับไปถึงเรือนเชียนเหยียนแล้ว นางก็พบว่าเจียงหวายเย่กับหลีเจี้ยนเฉินยังอยู่ที่นี่!!
หลินเจี้ยนเฉินอยู่ก็ยังพอทำเนา เพราะว่าฝ่ายนั้นแอบปีนกำแพงเข้ามา แต่เจียงหวายเย่น่ะต่างออกไป เพราะเขาเดินเข้ามาอย่างเปิดเผยท่ามกลางสายตาของคนไม่รู้ตั้งกี่คน
หากอยู่ในเหย้าเรือนของผู้หญิงจนกระทั่งถึงเวลาค่ำมืด คงได้มีข่าวซุบซิบนินทาเกิดขึ้นอย่างแน่นอนแบบไม่ต้องสงสัย
ถึงแม้ว่านางจะไม่ค่อยสนใจเรื่องพวกนี้ก็ตามที แต่ก็ไม่ได้หมายความว่านางจะยินดีที่ได้ยินมัน
“องค์ชาย เพื่อเห็นแก่ชื่อเสียงของลูกสาวของคนอื่นแล้ว ขอให้ท่านรีบกลับไปด้วยเถอะเพคะ”
เจียงหวายเย่พลันแกล้งทำเป็นเจ็บปวดใจอย่างแรง “ทำไมเสี่ยวเหยียนเอ๋อถึงปฏิบัติเช่นนี้กับเปิ่นหว่างคนเดียวด้วย?”
หลีเจี้ยนเฉินที่ได้ทีก็ยักคิ้วหลิ่วตาไปที่เจียงหวายเย่อย่างยียวน แล้วกล่าวอย่างภูมิใจ “แน่นอนว่า เป็นเพราะท่านหมอหลินสงสารข้ายังไงล่ะ ข้าน่ะเป็นผู้ป่วยอยู่นางจึงไม่อาจไล่ข้าออกไปได้”
เมื่อเห็นทั้งสองคนทะเลาะกัน หลินซีเหยียนก็อดรู้สึกปวดขมับขึ้นมาอย่างเสียไม่ได้
สุดท้ายนางจึงต้องไล่ตะเพิดทั้งสองคนออกจากเรือนไปพร้อมกัน แต่ทันทีที่นางเดินกลับเข้ามาในเรือน ทั้งสองคนก็เดินตามกลับมาด้วย
“พวกท่านต้องการจะทำอะไรกันแน่?” หลินซีเหยียนมองไปยังบุรุษสองคนเบื้องหน้าอย่างเหลือเชื่อ
เจียงหวายเย่รีบพูดอธิบายทันที “อย่าเพิ่งโกรธนะเสี่ยวเหยียนเอ๋อ เปิ่นหวางน่ะได้กลับไปที่พระราชวังนานแล้ว ดังนั้นที่ข้าแอบมาที่นี่จึงยังไม่มีใครรู้”
“ถึงไม่มีใครรู้ พวกท่านก็ยังต้องกลับออกไปอยู่ดี เพราะในเรือนนี้มีห้องรับแขกอยู่ไม่มากนัก” หลินซีเหยียนมองไปที่ทั้งสองคนอย่างหมดความอดทน ทว่าว่าเพียงครู่ต่อมาก็เหมือนจะนึกอะไรบางอย่างออกได้ หญิงสาวจึงงอนิ้วชี้เรียกให้ทั้งสองคนเข้ามาใกล้ ๆ “พรุ่งนี้พวกท่านช่วยข้าสักเรื่องทีสิ”
ถึงแม้ว่ารอยยิ้มของเสี่ยวเหยียนเอ๋อนั้นจะวิเศษและน่าหลงใหล แต่เจียงหวายเย่กลับรู้สึกหนาวขึ้นมาแปลก ๆ กระนั้นก็ยังเข้าไปใกล้ ๆ พร้อมกับหลีเจี้ยนเฉิน
“ถ้าเจ้าต้องการให้ช่วยอะไร ก็พูดมาได้เลย”
“พรุ่งนี้ พวกท่านช่วย…”
หลังจากที่หลินซีเหยียนบอกแผนการของตัวเองเสร็จ เจียงหวายเย่ก็พยักหน้าเข้าใจ แต่หลีเจี้ยนเฉินนั้นกลับถามอย่างสงสัย “ท่านหมอหลินมีความสัมพันธ์ที่ไม่ดีกับครอบครัวของท่านหมอเองอย่างนั้นหรือ?”
“ไม่ใช้แค่ไม่ดีหรอก แต่แย่ยิ่งกว่าไร้ความรู้สึกให้กันเสียอีก ส่วนเหตุผลนั้นข้ายังไม่คิดที่จะบอกท่านในเวลานี้” หลินซีเหยียนพูดดักทางก่อนที่หลีเจี้ยนเฉินจะถามอะไร
ในวันต่อมานั้นเอง หลินซีเหยียนนั้นได้ออกไปซื้อของพร้อมกับสาวใช้ แต่เมื่อเดินไปจนไปถึงตรอกแคบ ๆ นางก็โชคร้ายพบกับมือสังหารชุดดำสองคนเข้า พวกมันพุ่งเข้าไปหาหลินซีเหยียนพร้อมกับมีดในมือโดยไม่รั้งรอ
เมื่อเห็นดังนั้น หลินซีเหยียนกับจิ่งชุนก็พากันวิ่งกระหืดกระหอบไปยังถนนที่มีคนอยู่พลุกพล่าน จากนั้นก็อาศัยผู้คนหลบหนีไปยังร้านน้ำชาแห่งหนึ่งอย่างหวุดหวิด
ในขณะที่พวกนางกำลังถอนหายใจด้วยความโล่งอกอยู่นั้น ชายชุดดำสองคนก็ตามมาจนพบพวกนางอีกครั้ง
หลินซีเหยียนรีบหยิบยาพิษออกมาจากกระเป๋าแล้วโปรยออกไป ทว่าเมื่อนางพบว่าอีกคนหนึ่งกำลังแอบเข้าใกล้จิ่งชุน พร้อมกับมีดที่กำลังจะเชือดเฉือนไปยังลำคอ
“จิ่งชุนระวัง!” หลินซีเหยียนตะโกนเตือนดังลั่น พลางคว้าเอามือของจิ่งชุนดึงเข้ามา ก่อนจะเอาตัวเองมากันนางไว้
เหตุการณ์นี้ทำเอาทุกคนในร้านน้ำชาตกใจ
คุณหนูเอาตัวเองบังมีดให้สาวใช้ นี่มันอะไรกันเนี่ย?
มีดแหลมคมเสียบเข้าอกหลินซีเหยียน จากนั้นนางก็สลบเหมือดคาที่ เมื่อเห็นนางนิ่งไปเช่นนั้นชายชุดดำสองคนก็รีบหนีไปท่ามกลางความชุลมุน
ด้วยความช่วยเหลือของคนใจดี หลินซีเหยียนจึงถูกนำตัวพาไปส่งโรงหมอหุยชุน แล้วหมอจงที่เห็นว่าเป็นหลินซีเหยียนก็รีบจัดแจงให้คนพานางไปไว้ด้านใน
เมื่อลับสายตาของทุกคนไปแล้ว เจียงหวายเย่ก็เดินมาหาหลินซีเหยียนพร้อมรอยยิ้ม ก่อนจะกระซิบกับหญิงสาวว่า “เสี่ยวเหยียนเอ๋อ การแสดงของเราเป็นอย่างไรบ้าง?”
ในเวลานี้ หลินซีเหยียนที่ตัวชุ่มไปด้วยเลือดและน่าจะบาดเจ็บสาหัสจนหมดสติไปนั้น ก็ผุดลุกขึ้นมาและลืมตา นางพูดพลางเลิกคิ้ว “ก็ไม่เลว”
ในยามนี้นางช่างดูเจ้าเล่ห์มากแผนการยิ่งนัก
พลันนั้นหลีเจี้ยนเฉินก็เอนตัวมาข้างหน้าแล้วกล่าวพลางกระหยิ่มยิ้ม “ท่านหมอหลิน เจ้านี่ช่างเจ้าเล่ห์จริง ๆ ต้องขอบคุณเจ้าหน่อยแล้วกระมังที่ทำให้ฮ่องเต้อย่างข้ากลายมาเป็นมือสังหารได้”
จิ่งชุนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ด้วยสีหน้าอึ้งกิมกี่นั้น เมื่อได้มองดูนายหญิงของนางที่ไม่เป็นอะไร รวมทึ้งชายหนุ่มสูงศักดิ์ทั้งสองคนที่อยู่ตรงหน้านางแล้ว นางก็พอจะเข้าใจอะไรบางอย่างได้ในทันที
“ท่าน….พวกท่านทั้งสองคนคือชายชุดดำที่คิดจะฆ่าคุณหนู!”
จิ่งชุนพลันถอยออกมาด้วยความหวาดกลัว แต่เหมือนจะฉุกคิดได้ว่าตัวเองต้องทำตัวให้สมกับหน้าที่ จึงเปลี่ยนเป็นเดินมาข้างหน้าแล้วยืนขวางคุณหนูของตนเอาไว้ ถึงแม้ว่านางจะกลัวมากเพียงใด แต่ก็ยังกัดฟันโพล่งออกไปด้วยเสียงสั่น ๆ “พวกท่านจะทำร้ายจะ….จะทำร้ายคุณหนูไม่ได้นะ”
“จิ่งชุนข้าไม่เป็นอะไร ข้าไม่ได้บอกเจ้าเองแหละ ทั้งหมดนี้เป็นการแสดงละครที่ใช้ตบตาคนอื่นเท่านั้น” เมื่อชี้แจงคนของตนเสร็จแล้ว หลินซีเหยียนก็เบนสายตาออกไปมองข้างนอกหน้าต่าง แววตาที่เคยเห็นอกเห็นใจเปลี่ยนเป็นแข็งกร้าว น้ำเสียงกล่าวออกมาอย่างเย็นชา “ในตอนนี้ข่าวเรื่องที่ข้าบาดเจ็บสาหัสก็น่าจะรู้ไปถึงหูของฮูหยินอวี้แล้ว”
“ฮูหยินอวี้จะฆ่าคุณหนูหรือเจ้าคะ?”
…
ที่จวนมหาเสนาบดีหลินนั้นเอง ฮูหยินอวี้กำลังงับประตูห้องตนลงอย่างเงียบเชียบ จากนั้นก็หันไปถามคนมาส่งข่าวที่อยู่ข้างหลังอย่างตื่นเต้น “เจ้าหมายความว่านางนั่นถูกแทงเข้าที่หน้าอกอย่างนั้นหรือ?”
ชิวฉุ่ยรีบก้มหัวลงไปซ่อนแววตาดูถูกของตนเอาไว้ ขณะที่ตอบด้วยน้ำเสียงเคารพเชื่อฟัง “เจ้าค่ะ ข้าได้ยินมาว่ามีคนพานางไปส่งที่โรงหมอหุยชุนเจ้าค่ะ”
ฮูหยินอวี้พลันเลิกคิ้วขึ้นมา “ข้าไม่เคยได้ยินโรงหมอชื่อนี้มาก่อนเลย”
“ดูเหมือนว่าตอนที่หลินซีเหยียนถูกลอบสังหาร ที่นั่นจะเป็นโรงหมอที่อยู่ใกล้กับโรงน้ำชามากที่สุดเจ้าค่ะ เป็นสถานที่ที่ดูซอมซ่อมาก ถ้าฮูหยินจะไม่เคยได้ยินก็ไม่แปลกหรอกเจ้าค่ะ”