หมอผีแม่ลูกติด - บทที่ 248 เล่นอะไรเป็นเด็กๆ
บทที่ 248
เล่นอะไรเป็นเด็กๆ
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว สองวันก็ได้ผ่านไปในชั่วพริบตาเดียว เจียงหวายเย่ก็ได้เริ่มเข้ามาที่พระราชสำนักตามคำสั่งโดยดี แต่ไม่เหมือนกับเมื่อก่อนในเวลานี้ไม่มีขุนนางคนไหนในพระราชสำนักที่กล้าดูถูกองค์ชายรัตติกาลอีก
เมื่อพวกเขาพบองค์ชายรัตติกาล ต่างก็ทำการคารวะด้วยความเคารพยิ่ง
จนสิ้นสุดตอนเช้า ฮ่องเต้เจียงก็ได้มองไปที่เจียงหวายเย่แล้วจากนั้นก็กล่าว “องค์ชายเย่ช่วยมาที่ห้องทำงานของข้าที ข้ามีเรื่องที่จะหารือกับเจ้า”
เจียงหวายเย่ก็ได้ทำท่าคารวะ ด้วยสีหน้าที่ดูธรรมดามาก “หม่อมฉันยินดีน้อมรับบัญชา”
ที่หน้าห้องทำงาน เจียงหวายเย่ก็ได้ให้คนไปแจ้งเขา แต่ขันทีกลับบอกกับเขาว่า “เรียนองค์ชาย ฝ่าบาทกำลังคุยธุระสำคัญอยู่กับฮ่องเต้หลีอยู่ ข้าหวังให้ท่านช่วยรออยู่ที่นี่ก่อน”
เจียงหวายเย่ก็ได้ผงกหัวโดยไม่เปลี่ยนสีหน้าแล้วนั่งรออยู่กับที่อยู่เช่นนั้น จนกระทั่งผ่านไป 1 ก้านธูป เขาก็ได้ยกมุมปากขึ้นมาอย่างช้าๆแล้วจากนั้นก็ได้กล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย็นยะเยือก “ฮ่องเต้คงมีธุระอื่นอยู่ เอาไว้ข้าจะมาใหม่ทีหลังก็แล้วกัน”
ในห้องทำงานหลีเจี้ยนเฉินนั้นกำลังเล่นหมากรุกอยู่กับฮ่องเต้เจียงโดยมีหมากสีดำอยู่ในมือของเขา ซึ่งเห็นได้อย่างชัดเจนว่าทั้งคู่นั้นไม่ได้หารือเรื่องสำคัญเลยแม้แต่น้อย ในเวลานี้ทั้งคู่ก็ได้ยินเสียงของเจียงหวายเย่ดังมาจากข้างนอกห้อง
หลีเจี้ยนเฉินก็ได้คิ้วขมวดขึ้นมาแล้วกล่าวอย่างหยอกล้อ “ดูเหมือนว่าฮ่องเต้เจียงจะใจดีกับผู้ใต้บังคับบัญชาของท่านเกินไปหน่อยนะ ถึงได้มาทำเสียงเอะอะที่หน้าห้องทำงานในพระราชวังหลวงเช่นนี้ได้”
“ฮ่องเต้หลีหมายความเช่นไร?” ฮ่องเต้เจียงก็ได้คิ้วขมวด และปรากฏแววตาที่แหลมคมในดวงตาของเขาแล้วจากนั้นก็ได้วางหมากสีขาวในมือของเขาลงไป “เขาเป็นถึงน้องชายของข้าแล้วยังเป็นเทพสงครามที่มากด้วยผลงาน ถ้าหากข้าลงโทษเขาจะทำให้คนอื่นๆขุ่นเคืองได้”
หลีเจี้ยนเฉินก็ได้ยิ้ม “ข้ามีวิธีที่ไม่เพียงแต่จะทำให้ ฮ่องเต้เจียงสามารถสั่งสอนเจียงหวายเย่ได้แล้ว แต่ยังทำให้คนอื่นๆไม่กล้าพูดอะไรออกมาด้วย”
เมื่อได้ยินที่พูดดวงตาของฮ่องเต้เจียงก็ได้เป็นประกายขึ้นมา แต่ก็ได้รีบเก็บซ่อนในทันที “ไม่ทราบว่าฮ่องเต้หลีมีปัญหาอะไรกับองค์ชายเย่หรือเปล่า?”
“ข้ามีปัญหาอะไรองค์ชายเย่งั้นเหรอ? เปล่าหรอกข้าก็แค่อยากจะช่วยท่านทวงคืนบารมีของท่านคืนมาเท่านั้น อย่างที่รู้ถ้ามีคนมาทำอย่างองค์ชายเย่ในรัฐหลีล่ะก็ เขาคงถูกสั่งประหารสับเป็นพันชิ้นหมื่นชิ้นไปแล้ว
ประโยคนี้เหมือนกับดูถูกฮ่องเต้เจียงอย่างมาก ซึ่งฮ่องเต้เจียงก็ได้โทษเรื่องนี้ไปที่เจียงหวายแย่แล้วจากนั้นก็ได้กล่าว “ฮ่องเต้หลีช่างพูดจาเก่งเสียจริงๆ แล้วแผนที่ท่านว่ามาเมื่อสักครู่ว่ายังไงขอข้าฟังหน่อยสิ”
หลีเจี้ยนเฉินก็ได้กระซิบกระซาบอยู่ข้างหูของฮ่องเต้เจียง แล้วจากนั้นฮ่องเต้เจียงก็ได้ปรากฏรอยยิ้มขึ้นมาในดวงตาของเขาอย่างชัดเจน “เรามาทำตามอย่างที่ฮ่องเต้หลีว่ามากันเถอะ!”
เจียงหวายเย่ที่อยู่นอกห้องก็ไม่ได้รู้ถึงอันตรายที่กำลังมาเยือนเลย ภายใต้การนำของขันทีฉางฝู เขาก็ได้ถูกพามารอยังห้องข้างๆ
“เรียนองค์ชาย ขอให้ท่านรออยู่ที่นี่สักเดี๋ยว ฮ่องเต้จะเรียกท่านทันทีหลังจากที่จัดการกับธุระเสร็จสิ้นแล้ว” ขันทีฉางฝูกล่าวด้วยท่าทางที่เคารพมาก การที่เขาสามารถมายังตำแหน่งนี้ได้ ก็แสดงให้เห็นว่าเขานั้นมีคนที่มีสายตากว้างไกลนัก
เมื่อเห็นว่าริมฝีปากบางๆของเจียงหวายเย่นั้นดูแห้งแล้ว เขาจึงได้รีบให้คนไปนำชามาเสิร์ฟ
เจียงหวายเย่ก็ได้มองดูโดยไม่พูดอะไร แต่กลับมีสีหน้าที่ครุ่นคิดมากขึ้นเรื่อยๆ เขานั้นอยากที่จะรู้ว่าฮ่องเต้เจียงกับฮ่องเต้หลีนั้นคิดที่จะทำอะไรกันแน่?
ฉางฝูที่ยืนอยู่ห่างๆก็พบว่าเจียงหวายเย่นั้นไม่ได้แตะต้องชาเลยแม้แต่น้อย ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะกังวล ถ้าเขาไม่อาจทำตามที่ฮ่องเต้สั่งได้ ชีวิตเขาคงได้จบสิ้นแน่
เขาจึงได้เดินไปหาด้วยสีหน้าที่แข็งทื่อ “องค์ชาย ไม่ทราบว่าชานี้ไม่ถูกปากของท่านอย่างนั้นหรือ?”
เจียงหวายเย่ก็ได้ส่ายหัวของเขา แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็นเช่นเคย “เปิ่นหวางยังไม่กระหายน้ำน่ะ”
ในห้องทำงานเมื่อฮ่องเต้เจียงได้ทราบจากการรายงานของลูกน้องของเขาแล้ว ทำให้เขาต้องก่นด่าออกมาอย่างช่วยไม่ได้ “เจ้าพวกคนเลี้ยงเสียข้าวสุก กะอีแค่ชาถ้วยเดียวก็ทำให้เขาดื่มไม่ได้”
มองไปที่สีหน้าที่บิดเบี้ยวของฮ่องเต้เจียงแล้ว ทำให้ หลีเจี้ยนเฉินอดไม่ได้ที่จะดูถูกเขาในใจ ว่ากันตามตรงเลยทั้งเรื่องของความอดทน, ความเฉลียวฉลาด, บารมีและความสามารถของเจียงหวายเย่นั้นล้วนแล้วแต่มีมากกว่าฮ่องเต้เจียงถึงหลายสิบเท่า แต่เมื่อนึกถึงวัตถุประสงค์ของเขาแล้ว เขาจำต้องอดทนและกล่าวปลอบเขา “ฮ่องเต้เจียงอย่าเพิ่มโมโหเลย”
“ถ้าองค์ชายเย่ไม่ยอมดื่มชาแล้ว แผนการที่พวกเราเตรียมเอาไว้จะสำเร็จได้อย่างไร?” ฮ่องเต้เจียงในเวลานี้นั้นคิดแต่จะสั่งสอนเจียงหวายเย่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น
พรจากสวรรค์อะไรกัน ยาวิเศษอะไรกัน ทั้งหมดนั้นมันก็แค่ข้ออ้างที่ใช้หลอกพวกชนชั้นต่ำที่ไม่รู้เรื่องอะไรเท่านั้น เมื่อคิดเช่นนี้แล้วก็จะรู้ว่าพิษนั้นน่าจะยังถูกเก็บซ่อนเอาไว้อยู่ตัวของเจียงหวายเย่ ตับของเขานั้นน่าจะทำงานหนักและสภาพไม่ดีอยู่แน่ๆ
หลีเจี้ยนเฉินก็ได้คิ้วขมวด ผู้ชายตรงหน้าเขานี้เป็นคนที่ช่างไม่มีแผนการอะไรเสียเลยจริงๆ เขาจึงได้กล่าวออกไปอย่างขวานผ่าซาก “ถ้าเขาไม่ยอมดื่ม ท่านก็หาเหตุผลให้เขาดื่มมันให้ได้สิ”
เมื่อฮ่องเต้เจียงได้ยินที่พูดแล้ว เขาก็พลันนึกออกขึ้นมาได้ จากนั้นเขาก็ได้เรียกกาวกงกงมาและสั่งให้เขาทำชาโสมไปให้เจียงหวายเย่
กาวกงกงที่เป็นเหมือนมือขวาของฮ่องเต้เจียงก็เข้าใจได้ทันทีโดยที่ไม่ต้องพูดอะไร แล้วเขาก็ได้ผงกหัวแล้วถอยออกไป หลังจากนั้นสักพักเขาก็ได้เข้ามาในห้องข้างๆพร้อมด้วยชาโสมถ้วยหนึ่งในมือของเขา
“องค์ชาย ฝ่าบาทรู้ว่าท่านเพิ่งจะหายจากอาการป่วยหนักไม่นาน ฝ่าบาทจึงได้เร่งให้ข้านำชาโสมนี้มาให้ท่าน” ทันทีกาวกงกงเข้ามาในห้อง สีหน้าของเขานั้นก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม แล้วนำชาโสมในมือมาวางไว้ใกล้ๆเจียงหวายเย่แล้วจากนั้นก็กล่าวต่อ “ฮ่องเต้นั้นทรงกังวลเกี่ยวกับสุขภาพของท่านมาก จึงได้มีรับสั่งให้ข้าคอยเฝ้าดูท่านดื่มชาถ้วยนี้ให้หมดแล้วท่านถึงจะวางพระทัย”
เจียงหวายเย่ก็ได้ยิ้มขึ้นมาอย่างเยือกเย็นในใจของเขา ฮ่องเต้นะเหรอจะเป็นห่วงเขา และตอนนี้เขาก็ไม่สามารถที่จะเลือกได้ว่าจะดื่มหรือไม่ดื่มได้แล้วด้วย!
หน้ากากหยกขาวบนใบหน้าของเขานั้นได้ปิดบังอารมณ์ของเขาเอาไว้และกล่าวออกมาอย่างอ่อนโยน “ในเมื่อฝ่าบาททรงประทานมาให้ เราก็ขอไม่เกรงใจล่ะนะ”
หยิบชานั้นขึ้นมาดื่ม ท่ามกลางความคาดหวังของฉางฝูและกาวกงกง ชาโสมนั้นได้ไหลผ่านริมฝีปากบางๆของเจียงหวายเย่ไปอย่างช้าๆ หลังจากที่เจียงหวายเย่ได้ทำเป็นดื่มไปแค่จิบหนึ่ง ชาถ้วยนั้นก็ได้หล่นลงไปที่พื้นแตกกระจาย
“องค์ชายรัตติกาล ท่าน.…” กาวกงกงก็ได้สายตาเบิกกว้างขึ้นมาทันที “ทำไมถึงได้ทำเสียมารยาทเช่นนี้!”
เจียงหวายเย่ก็ได้จับไปที่หน้าอกของตัวเองอย่างเงียบๆราวกับว่าเขาไม่ได้ยินที่พูด เหมือนว่าเขานั้นกำลังอดทนต่อความเจ็บปวดอย่างมากที่คนคนหนึ่งจะรับได้อยู่
กาวกงกงจึงได้รีบหันไปมองฉางฝู “รีบไปแจ้งฝ่าบาทเร็วเข้า แล้วจากนั้นก็รีบให้คนไปตามหมอหลวงมาเร็วเข้า”
“ในขณะที่พวกเขาไม่ได้สนใจ เจียงหวายเย่ก็ได้กดจุดบนร่างกายของตัวเองเบาๆ แล้วจากนั้นก็ได้เริ่มไอออกมาอย่างรุนแรง เลือดสีแดงก็ได้ไหลออกมาอย่างช้าๆที่ปากของเขา แล้วสีหน้าของเขาก็ได้เริ่มไม่ดีขึ้นมา สถานการณ์ในตอนนี้ดูอันตรายมาก
แล้วเขาก็ได้พยายามจ้องไปที่กาวกงกง แล้วจากนั้นก็ได้กล่าวอย่างเจ็บปวด “ในชานี้มีพิษ!! เจ้าคิดที่ฆ่าเปิ่นหวางหรืออย่างไร?”
“องค์ชาย อย่าได้พูดอะไรไร้สาระ!”
การวางยาพิษองค์ชายนั้นมีโทษร้ายแรงถึงขั้นตัดหัว ขาของเขาก็ได้อ่อนแรงขึ้นมาแล้วลงไปนั่งอยู่ที่พื้น จากนั้นภายใต้การนำของฉางฝูหมอหลวงก็ได้มาถึง
กาวกงกงก็ได้รีบลุกขึ้นยืนแล้วมาต้อนรับเขา “ท่านหมอเฉิงท่านจะต้องรักษาองค์ชายให้ได้นะ จะปล่อยให้องค์ชายเป็นอะไรไปไม่ได้!”
เฉิงรุ่ยเหยียนกับเจียงหวายเย่นั้นสนิทเป็นการส่วนตัวอยู่แล้ว เมื่อเขาเห็นสภาพของเจียงหวายเย่ในเวลานี้แล้ว หัวใจของเขาก็ได้กระวนกระวายยิ่งไปกว่ากาวกงกงเสียอีก
เฉิงรุ่ยเหยียนจึงได้เข้าไปหาอย่างรวดเร็วแล้วจับชีพจรของเจียงหวายเย่แล้วก็คิ้วขมวด ในขณะที่เขากำลังจะพูดอะไรออกมานั้น ก็มีเสียงของขันทีดังขึ้นมาเสียก่อน “ถวายบังคมฝ่าบาท และฮ่องเต้หลี”
ฮ่องเต้เจียงก็ได้สะบัดมือของเขาแล้วเดินเข้าไปในห้องข้างๆ หลังจากที่ได้กลิ่นคาวเลือดออกมาจากข้างใน สีหน้าของเขาไม่ดีขึ้นมาอย่างมาก