หมอผีแม่ลูกติด - ตอนที่ 51 ผู้หญิงสามคนในเวทีเดียวกัน
บทที่ 51
ผู้หญิงสามคนในเวทีเดียวกัน
“หุบปากเลยนะ พวกเจ้าทุกคน” สีหน้าของเหลียนเอ๋อนั้นเย็นชามาก และแม้แต่สายตาของนางก็ยังดุดัน “ถ้าพวกเจ้าคิดว่าพวกเจ้าได้เปรียบกว่าก็เชิญเลย เมื่อนังหลินซีเหยียนเข้ามาในพระราชวังแล้วกลายมาเป็นพระชายาเต็มตัวเมื่อไร ต่อให้พวกเจ้าเป็นผู้หญิงขององค์ชาย แต่พวกเจ้าก็จะถูกทิ้งให้โดดเดี่ยวอยู่ในห้องว่างๆตลอดไปและตายลงอย่างช้าๆ”
หงเสวี่ยกับเหลียนเซียงพูดอะไรไม่ออก เพราะที่แม่นางเหลียนว่าไว้นั้นถูกต้อง เพราะมันเห็นกันอยู่แล้วว่าองค์ชายนั้นปฏิบัติกับพระชายาต่างจากพวกนางอย่างชัดเจน พวกนางจะทำได้แค่นั่งอยู่เฉยๆรอความตายจริงๆเหรอ?
ไม่นานนักพวกนางก็ได้มีคำตอบอยู่ในใจของนาง พวกนางนั้นไม่อยากที่จะตายอย่างอ้างว้าง พวกนางจึงจำเป็นต้องเสี่ยง แม้ว่าผลที่ออกมาอาจจะไม่สมหวังก็ตาม
เหลียนเอ๋อเองก็พอจะเดาคำตอบได้ นางจึงได้บอกแผนการของนางให้หงเสวี่ยกับเหลียนเซียงฟัง แล้วหลังจากที่ทั้งสองคนตกลงเห็นด้วยกับแผนการ นางก็ได้ยิ้มออกมา
เมื่อหงเสวี่ยกับเหลียนเซียงนั้นออกมาจากตำหนักเหลียนเอ๋อ ก็เป็นเวลาเย็นแล้ว
“พวกเราจะต้องฟังแม่นางเหลียนจริงๆเหรอ?” เหลียนเซียงกล่าวขณะที่ตัวนางนั้นกำลังตกอยู่ในความสับสน แม่นางเหลียนนั้นคือศัตรูของพวกนางแท้ๆ การต้องมาร่วมแผนของศัตรูเช่นนี้มันเป็นการขอหนังเสือจากเสือชัดๆ
“เหลียนเซียง ข้ารู้ว่าเจ้ากำลังกังวลอะไรอยู่ แต่เจ้าคิดหรือว่าจะมีหนทางที่ดีกว่านั้นสำหรับพวกเรานอกเหนือจากแผนการนั้นอีก?” หงเสวี่ยมองไปที่พระอาทิตย์ที่กำลังตกจากไกลๆ แต่ความอ้างว้างกลับโผล่ขึ้นมาในใจของนาง
ส่วนหลินซีเหยียนที่เป็นที่เป้าหมายของพวกนางนั้น ในเวลานี้กำลังคุยกับเทียนเอ๋อถึงแผนการทำเงินกันอยู่
“ท่านแม่ เรามาเปิดโรงเตี๊ยมกันเถอะขอรับ!” เทียนเอ๋อ กล่าวด้วยแววตาที่สดใส
หลินซีเหยียนก็คิ้วขมวดแล้วกล่าว “เปิดโรงเตี๊ยมมันวุ่นวายมากไป อีกอย่างแม่ของเจ้านั้นก็รู้แต่วิชาการรักษา เปิดโรงหมอไม่ดีกว่าเหรอ?”
“ข้าไม่อยากทำแบบนั้น ข้าอยากที่จะเปิดโรงเตี๊ยม ข้าอยากทำการค้า” เทียนเอ๋อยังคงยืนยัน
หลินซีเหยียนก็ได้ส่ายหัวของนางอย่างช่วยไม่ได้แล้วกล่าว “จริงด้วยสิ มหาเสนาบดีหลินได้ให้ใบจำนองร้านรวงต่างๆให้กับแม่ไว้มากมาย งั้นแม่จะให้เจ้าหลังหนึ่ง ให้เจ้าเอาไปเปิดโรงเตี๊ยม ส่วนแม่ก็จะเปิดโรงหมอเป็นไง?”
แล้วแววตาของเทียนเอ๋อก็ประกายขึ้นมาแล้วรีบผงกหัว “ตกลงขอรับ”
หลินซีเหยียนที่คิดอยู่สักพักหนึ่งแล้วก็รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา ถ้าหากนางปล่อยให้เทียนเอ๋อไปง่ายๆแบบนี้ เกรงว่าเทียนเอ๋อจะใช้เงินทุนกลบหลุมหมดแน่ นางควรที่จะหาใครสักคนมาดูแลเขา
“เทียนเอ๋อ แม่อนุญาตให้เจ้าเปิดโรงเตี๊ยมเองก็จริง แต่จะต้องมีข้อแม้” หลินซีเหยียนมองไปที่เทียนเอ๋อด้วยสีหน้าที่จริงจัง
เทียนเอ๋อก็ได้บิดปากและมองไปที่แม่ของเขาอย่างไม่พอใจ ตัวเขาที่กำลังวาดฝันไปถึงจุดสุดยอดของชีวิตเมื่อสักครู่ แต่น่าเสียดายที่ตัวเขานั้นกลับถูกขัดเสียก่อน จึงได้กล่าวอย่างไม่ค่อยพอใจ “ท่านแม่มีข้อแม้อะไรอย่างนั้นเหรอขอรับ?”
หลินซีเหยียนจึงได้เม้มปากแล้วกล่าว “เทียนเอ๋อ เจ้ายังเด็กเกินไปแม่จึงไม่ค่อยรู้สึกสบายใจนัก ดังนั้นเจ้าจะต้องพาอันเอ้อกับป้าจ้าวไปกับเจ้าด้วย”
ทั้งสองคนนี้ หนึ่งในนั้นเป็นคนที่สอนการใช้ชีวิตให้เทียนเอ๋อ ส่วนอีกคนก็สามารถเอาชนะเทียนเอ๋อด้านวรยุทธ์ได้ ยิ่ง หลินซีเหยียนคิดถึงเรื่องนี้แล้วนางก็ยิ่งรู้สึกดีใจ ที่ในที่สุดนางจะไม่ต้องเจอหน้าเจ้าเด็กตัวแสบนี่ทุกวันแล้ว
ส่วนอันเอ้อที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืดนั้น ก็ได้มีสีหน้าอยากจะร้องไห้ปราศจากน้ำตา เขารู้ดีว่าในอนาคตของเขานั้นคงจะไม่ง่ายเสียแล้ว
เทียนเอ๋อก็ลังเลขึ้นมา แต่เพื่อไปให้ถึงจุดสุดยอดของชีวิตของเขาแล้ว เขาจึงตัดสินใจยอมแพ้ “ก็ได้ขอรับท่านแม่ เทียนเอ๋อจะเชื่อฟัง แต่เทียนเอ๋อก็มีข้อแม้เช่นกัน”
หลินซีเหยียนจึงได้ยักคิ้วขึ้นมา เจ้าเด็กตัวแสบนี่รู้จักต่อรองแล้ว แล้วจากนั้นนางก็ได้ถามอย่างประหลาดใจ “ว่ามา!”
เทียนเอ๋อก็ได้เข้ามาหาหลินซีเหยียนอย่างประจบประแจงแล้วกล่าว “ท่านแม่ ข้าเก็บเงินที่ข้าได้ไว้เองได้ไหม?”
หลินซีเหยียนก็ได้มองไปที่เทียนเอ๋อด้วยสีหน้าแปลกๆ และด้วยสายตานึกสนุกของนาง นางจึงได้ทำเป็นเศร้าสร้อยแล้วกล่าว “เจ้าไม่ต้องกังวลเรื่องเอาเงินให้แม่ก็ได้”
“ม….ไม่ใช่ขอรับแม่” เมื่อเห็นสีหน้าเศร้าของนางแล้ว เทียนเอ๋อก็ถอนหายใจและรีบอธิบาย
หลินซีเหยียนก็ได้จ้องไปที่เทียนเอ๋อแล้วถอนหายใจออกมายาวๆ “แม่รู้ดีว่าลูกของแม่โตมากกว่าแม่แล้ว”
เทียนเอ๋อที่กระวนกระวายไม่รู้จะทำอย่างไรดี ก็ได้กัดฟันของเขาแล้วกล่าว “ถ้าอย่างงั้น 7 ต่อ 3 ล่ะขอรับ?”
หลินซีเหยียนก็ทำเป็นเศร้าโศกมากยิ่งขึ้นไปอีกเมื่อนางได้ยินเช่นนั้น เมื่อเทียนเอ๋อเห็นเช่นนี้ก็ได้กัดฟันจนแทบร้องไห้ออกมา “ถ้าอย่างนั้นข้าให้เต็มที่แบ่งกันครึ่งๆเลยขอรับ”
หลินซีเหยียนรู้ดีว่านี่เป็นขีดจำกัดของจอมโลภเทียนเอ๋อแล้ว นางจึงได้ตอบตกลง
ด้วยเหตุนี้ทั้งสองคนจึงได้ตกลงทำสัญญากัน
แล้วเวลาก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว 5 วันผ่านในชั่วพริบตา โรงหมอของหลินซีเหยียนก็ได้พร้อมเปิดทำการและตั้งชื่อว่า หุยชุน แต่โรงเตี๊ยมที่อยู่ฝั่งตรงข้ามนั้นยังไม่พร้อมที่จะเปิดเลย
หลินซีเหยียนที่อยู่หน้าประตูโรงหมอก็ได้ส่ายหัวของนาง จริงๆแล้วนางก็ไม่ได้หวังอะไรมากับเด็ก 5 ขวบที่จะสามารถทำเงินได้ ถึงนางจะคิดว่าเทียนเอ๋อนั้นมีความสามารถในการทำเงินมากก็ตามที แต่ก็ได้แต่หวังว่าร้านคงจะไม่ออกมาเลวร้าย……
หรือว่านางควรจะไปช่วยสอนเขาด้วยตัวเองดี? เมื่อ หลินซีเหยียนลองคิดเรื่องนี้ดูแล้วก็ปัดตกความคิดนั้นไป เพราะว่ามีทั้งป้าจ้าว, อันเอ้อและพ่อบ้านจากพระราชวังรัตติกาลคอยช่วยอยู่ และเขาคงไม่ชอบให้ใครมาสอนเขาในการต่อสู้ครั้งนี้แน่
ในขณะที่หลินซีเหลียนกำลังกระวนกระวายใจอยู่นั้น จู่ๆก็มีเสียงดังออกมาจากด้านในของโรงเตี๊ยม
“นายน้อย ได้โปรดช่วยฟังที่ชายชราคนนี้พูดหน่อยเถอะขอรับ!” พ่อบ้านเฒ่าตะโกนให้คำแนะนำออกมา
เทียนเอ๋อยังคงดึงดันที่จะทำตามความคิดของเขา “ปู่จาง ความคิดของท่านมันเก่าเกินไปแล้ว ข้าต้องการที่ทานอาหาร, อ่านหนังสือ, ดื่มชาและพักอาศัยทุกอย่างรวมกัน”
“มันไม่ดีหรอกขอรับที่จะทำหลายๆอย่างพร้อมกัน” พ่อบ้านก็ได้กล่าวอย่างอึ้งๆ
“พักเรื่องนั้นเอาไว้ก่อนดีกว่าขอรับ พ่อครัวของข้าคุณปู่หามาให้ข้าหรือยังขอรับ?” เทียนเอ๋อมองไปที่พ่อบ้านแล้วแสยะยิ้ม
พ่อบ้านก็รู้สึกหนาวขึ้นมาเมื่อเห็นเขายิ้ม เขาจึงได้ผงกหัวแล้วกล่าว “ข้าพบแล้วขอรับ”
“พวกท่านวางใจได้เลยข้ามีของวิเศษที่จะทำให้พวกเราเอาชนะได้แน่” เทียนเอ๋อยิ้มอย่างมีเลศนัย และทำให้ผู้คนสงสัยว่าเขานั้นคิดจะทำอะไร
ไม่นานนักก็ถึงวันที่โรงเตี๊ยมของเทียนเอ๋อเปิด ซึ่งเทียนเอ๋อก็ได้เชิญหลินซีเหยียนอย่างสุภาพมาก ซึ่งท่าทีเช่นนี้ของเขาทำให้หลินซีเหยียนถึงกับพูดอะไรไม่ออก แต่อย่างไรเสียพวกเขาก็อยู่ห่างกันแค่ฝั่งตรงข้ามถนน
ในวันเปิดร้านเทียนเอ๋อก็ได้เริ่มแผนการลดราคาและโปรโมชั่นต่างๆ ซึ่งแผนการที่เหมือนฝันเช่นนี้ได้ดึงดูดผู้คนจำนวนมาก แต่เรื่องนี้กลับทำให้หลินซีเหยียนตกใจมาก
หลินซีเหยียนจึงได้แอบเข้าไปในห้องของเทียนเอ๋อ แล้วก็ดึงหูของเทียนเอ๋อแล้วกล่าว “เจ้าเด็กตัวแสบ แม่บอกเจ้าแล้วใช่ไหมว่าอย่าเอาเรื่องพวกนี้ไปบอกคนอื่นน่ะ!”
เทียนเอ๋อก็ได้บิดปากด้วยความเจ็บ “เทียนเอ๋อไม่ได้บอกใครทั้งนั้นขอรับ ก็แค่ยืมระบบพวกนั้นมาใช้นิดหน่อยแค่นั้นเอง”
หลินซีเหยียนเชื่อในคำพูดของเขาแล้วปล่อยหูของ เทียนเอ๋อและกล่าว “ไม่ว่าเจ้าจะใช้วิธีการไหนแม่ก็ไม่ว่าหรอก แต่ความฝันของแม่กับเจ้าที่เคยพูดกันเอาไว้นั้น แม่ไม่อนุญาตให้เจ้าเอาไปบอกคนอื่นเด็ดขาด”
เทียนเอ๋อก็รู้ถึงนิสัยของแม่ของเขาดี เขาจึงได้กล่าวอย่างมั่นใจ “เทียนเอ๋อจะไม่บอกใครแน่นอนขอรับ”
พอพูดออกมาเช่นนี้หลินซีเหยียนก็รู้สึกโล่งอกและกลับไปที่โรงหมอที่ไร้คนของนาง นางคิดว่านางควรจะยืมแผนของเทียนเอ๋อมาใช้บ้างดีไหม แต่แล้วก็มีคนมาที่โรงหมอของนางโดยไม่คาดคิด
“ท่านหมอช่วยรีบออกมาดูหญิงสาวคนนี้หน่อยขอรับ นางหมดสติไปแล้ว”
เสียงพูดที่ดังขึ้นมานั้นช่างคุ้นหูของนางยิ่งนัก แล้ว หลินซีเหยียนก็พบว่าเป็นองค์ชายสิบสี่เจียงซิงชู นางจึงได้ถามขึ้นมา “องค์ชายสิบสี่มาทำอะไรที่นี่?”
องค์ชายสิบสี่ก็ได้เงยหน้าขึ้นมามองหลินซีเหยียนด้วยสายตาราวกับพระมาโปรด แล้วเขาก็จับแขนเสื้อของ หลินซีเหยียนแล้วกล่าว “พี่สะใภ้ขอรับ ช่วยรักษานางด้วยขอรับ นางถูกม้าของข้าเตะใส่”