หมอดูยอดอัจฉริยะ - ตอนที่ 293 ฉีกหน้า
ตั้งแต่เริ่มมีการผลิตปืนออกมาทั้งยังใช้ในการทำสงครามในสมัยใหม่แล้ว ยังเป็นสัญลักษณ์ว่ายุคแห่งการสู้รบ ด้วยหอกดาบจบลงแล้ว
ปลายราชวงศ์ชิง ชีวิตของนักมวยจีนไม่รู้ตั้งเท่าไหร่ที่ได้สังเวยให้กับอาวุธปืน เช่นจอมดาบหวังอู่ ที่ตายจากการถูกกราดยิง ดังนั้นผู้ที่ฝึกมวยทุกคนจึงมีความรู้สึกต่อต้านต่ออาวุธปืนอยู่ในใจ
ตอนที่นักพรตเฒ่าไปรบกับทหารญี่ปุ่น เคยใช้ปืนกลหลายกระบอก ปืนพวกนั้นตอนนี้ถูกฝังไว้ใต้ดินแถวหน้าอาราม ตามคำกล่าวของหลี่ซั่นหยวนว่าการใช้อาวุธปืนทำให้ศีลธรรมของคนเสื่อมลง
เยี่ยเทียนไม่ทราบว่าอาจารย์ไปเอาประโยคนี้มาจากไหน แต่เขาก็เหมือนกับอาจารย์ที่ไม่ได้รู้สึกดีกับปืนพวกนี้เลย
ตอนที่หวงซือจื้อ หยิบปืนออกมา เยี่ยเทียนยังอดขนหัวลุกไม่ได้ ในใจรู้สีกเหมือนกำลังถูกสัตว์ร้ายจ้องจะเอาชีวิต เขารู้ดีว่าต่อให้ตัวเองเยี่ยมยุทธแค่ไหน แต่ก็ไม่สามารถต้านทานต่อกระสุนลูกเล็กๆ ได้
ด้วยความรวดเร็วปานสายฟ้าแลบ เยี่ยเทียนแย่งปืนมาจากมือของฝ่ายตรงข้ามได้ทันควัน ถึงจะวางใจลงได้ เขาไม่ชอบการถูกข่มขู่เอาเสียเลย
เยี่ยเทียนตีหน้าขรึม ชี้ปลายกระบอกปืนไปที่กระโหลกของฝ่ายตรงข้าม พูดเสียงเหี้ยมว่า “จะเล่นปืนก็ต้องระวัง หน่อย ถ้าเกิดปืนลั่นโป้งป้างขึ้นมา แกจะรับผิดชอบไม่ไหว!”
“อย่า ลูกพี่ ผมแค่ล้อเล่นกับพี่เฉยๆ ในปืนนี้ไม่มีลูกกระสุน!”
พอเห็นฝีมือของเยี่ยเทียน หวงซือจื้อรู้ตัวแล้วว่ากำลังเล่นอยู่กับไฟ ถ้ายังดันทุรังต่อไปต้องเสียเปรียบแน่นอน
“ไม่มีกระสุน?”
เยี่ยเทียนส่งมือไปดึงรางกระสุนออกดู ไม่มีจริงๆด้วย โล่งใจขึ้นมาหน่อย แต่ยังคงชี้ปลายกระบอกปืนไปที่หวงซือจื้อ พูดว่า “ถึงยิงไม่ตาย แต่ปืนนี่ใช้ทุบคนตายได้ แกว่าฉันใช้ส่วนไหนทุบแกดี?”
“ลูกพี่ ทุบตรงไหนก็ไม่ดีทั้งนั้นแหละ ปืนนี่เป็นปืนสะสมของแท้ของบราวนิ่ง หัวของผมคงไม่คู่ควรโดนปืนนี้ทุบหรอก วันนี้ถือว่าผมยอมแพ้ พี่ว่าข้อตกลงมาเลย!”
หวงซือจื้อสามารถทำการขวางโลกอยู่ได้ในปักกิ่งก็เพราะคนอื่นยังไว้หน้าปู่ของเขาอยู่บ้าง อีกอย่างเขาเอง ก็รู้กาละเทศะ ไม่ค่อยยอมเสียเปรียบใครได้ง่ายๆ
“ให้ตายเถอะ เจอของแข็งตัวจริงเข้าแล้ว!”
ได้ยินที่หวงซือจื้อพูด เยี่ยเทียนก็ปวดหัวจี๊ดขึ้นมา พยายามข่มใจไม่ให้ฆ่าคนๆ นี้ต่อหน้าสาธารณชน? อีกอย่างการที่ฝ่ายนั้นกล้าชักปืนออกมาข่มขู่ตนได้ จะต้องมีผู้อยู่เบื้องหลังแน่
เยี่ยเทียนใช้วิชาจัดการกับเฟ่ยเฮ่อเหว่ยได้ เพราะว่าเขาสมควรตาย แต่คนที่อยู่ตรงหน้าถึงใช้อำนาจยิ่งใหญ่อย่างไร ก็โทษไม่ถึงตาย เยี่ยเทียนทำอะไรเขาไม่ได้
“หยุด”
เยี่ยเทียนไม่รู้จะทำอย่างไรต่อ ตอนนั้นเองก็มีเสียงคนดังขึ้น เยี่ยเทียนเงยศีรษะขึ้นมอง สบตากับผู้มาใหม่ ต่างฝ่ายต่างตะลึงไปทั้งคู่
“เยี่ยเทียน?”
“พี่หู?”
เห็นผู้ที่เพิ่งมาถึง เยี่ยเทียนรีบลุกขึ้นต้อนรับ ถามต่อว่า “พี่หู พี่มาทำอะไรที่นี่?”
คนผู้นี้คือหูจวิน ซึ่งเยี่ยเทียนเคยพบเพียงครั้งเดียว ตั้งแต่ตอนนั้นที่โรงแรม ทั้งสองติดต่อกันทางโทรศัพท์ เพียงไม่กี่ครั้ง และไม่ได้พบหน้ากันอีกเลย
“อะแฮ่ม ร้านนี้เป็นร้านของฉันเอง?”
หูจวินยิ้มแห้ง มองปืนในมือของเยี่ยเทียนแล้วถามต่อ “ถึงกับต้องใช้ปืนผาหน้าไม้กันเลยเหรอ? มีเรื่องอะไรค่อยๆ พูดค่อยจากันดีกว่า”
อาศัยจังหวะที่เยี่ยเทียนกับหูจวินคุยกัน หวงซือจื้อรีบลุกขึ้นมาจากพื้น สายตาปองร้ายมองไปที่เยี่ยเทียน แล้วพูดกับหูจวินว่า “เหล่าหู่นั่นเป็นปืนของฉัน ถูกเขาแย่งไป แกคงทนเห็นฉันถูกรังแกไม่ได้ใช่ไหม?”
หวงซือจื้อกับหูจวินรู้จักกันตั้งแต่เด็ก เขาคิดว่าหูจวินต้องมาช่วยเขาอย่างแน่นอน
หูจวินขมวดคิ้ว “ฉันว่านะหวงซื่อเอ๋อ ร้านนี้เป็นของฉันนะ แกจะมาชักมีดชักปืนในร้านฉันอย่างนี้ได้ยังไง?”
หวงซือจื้อยังมีพี่สาวอีกสามคน ซึ่งต่างก็คุ้นเคยกับหูจวินเป็นอย่างดี เขาจึงเรียกหวงซือจื้อตามพี่สาวทั้งสามว่าหวงซื่อเอ๋อ
แต่ไหนแต่ไรหูจวินกับหวงซือจื้อไม่ค่อยติดต่อกัน แค่รู้จักกันตอนเด็ก ตั้งแต่เขามาทำธุรกิจที่ปักกิ่ง หวงซือจื้อก็ตามติดเขามาตั้งแต่นั้น
ด้วยนิสัยเจ้าเอาแต่ใจของหวงซือจื้อ เวลามาที่ร้านก็ชอบมาจีบลูกค้าสาวๆ ในร้าน ถ้าไม่เห็นแก่ที่เขาจะซื้อรถแล้ว หูจวินคงจะไม่ให้มาที่ร้าน
เห็นฉากตรงหน้าหูจวินไม่ต้องถามก็รู้ได้ว่าหวงซือจื้อไปก่อเรื่องอะไรขึ้น
เมื่อเห็นว่าหูจวินไม่ได้ใส่ใจนัก หวงซือจื้อก็โกรธควันออกหู โวยวายขึ้นมา “เหล่าหู่ ทำไมนายเห็นคนอื่นดีกว่าฉันล่ะ? ปืนนั้นเป็นสมบัติของคุณปู่ วันนี้ฉันเอามันมาให้นายดูเปิดหูเปิดตา เรื่องนี้นายต้องจัดการให้ฉัน?”
ตั้งแต่คุณปู่เสียไป บ้านตระกูลหวงก็เสื่อมลงทุกวัน หวงซือจื้ออยากจะหาที่เกาะกินจึงมาติดต่อสานสัมพันธ์กับหูจวิน
ช่วงก่อนได้ยินว่าหูจวินชอบเล่นปืน จึงได้นำเอาปืนสั้นบราวนิ่งเก่าแก่ของคุณปู่ที่เคยใช้รบจริงออกมา เพื่ออยากโอ้อวดบ้าง
หูจวินโบกมือ “หวงซื่อเอ๋อ ทุกทีแกแค่เล่นสนุกไปวันๆ น่ะไม่เป็นไร แต่เยี่ยเทียนเป็นพี่น้องกับฉัน วันนี้แกต้องขอโทษ เขาแล้วเรื่องถึงจะจบ!”
“ให้ตายสิ คนแซ่หู เขาเป็นพี่น้องกับแก แล้วฉันไม่ใช่งั้นสิ? ให้ฉันขอโทษ? หัวแกโดนประตูหนีบมารึไง?” สิ่งที่หวงซือจื้อคิดไม่ถึงคือหูจวินจะให้เขาเป็นฝ่ายขอโทษ จึงโกรธไม่ญาติดีด้วย
หูจวินหน้าขรึมขึ้นทันที “หวงซื่อ นี่ฉันไว้หน้าแกมากแล้วนะ อย่าให้มากเกินไป?”
เมื่อก่อนตำแหน่งคุณปู่ของหูจวินในกองทัพไม่ได้ด้อยไปกว่าคุณปู่ของหวงซือจื้อเลย ตอนนี้คุณพ่อของเขาเองก็กำลัง อยู่ระหว่างเลื่อนยศ บ้านตระกูลหวงยิ่งเทียบไม่ติด เขาจึงไม่ค่อยเห็นหวงซือจื้ออยู่ในสายตา
หูจวินถึงจะได้สัมผัสกับเยี่ยเทียนไม่มาก แต่อาศัยที่เยี่ยเทียนสามารถเรียกถังเหวินหยวนว่าเหล่าถังได้นี่ไม่ธรรมดา เขาจึงวางหมากไว้บนตัวเยี่ยเทียนแล้ว
ผู้เฒ่าถังท่านนั้นมีอำนาจล้นฟ้า ถ้าหากท่านแค่ไม่ชอบใครขยับปากทีเดียว อย่าว่าแต่คนตายแล้วอย่างปู่ของ หวงซือจื้อเลย คนเป็นก็ยังอยู่ในประเทศต่อยาก
“ได้ ได้ คนแซ่หู ฉันจะจำไว้ เอาปืนมา รถน่ะฉันไม่เอาแล้ว ตั้งแต่วันนี้ไปในปักกิ่ง ที่ไหนมีแกที่นั่นต้องไม่มีฉัน!”
หนุ่มเจ้าสำราญในปักกิ่ง ให้ความสำคัญกับหน้าตามากที่สุด หูจวินฉีกหน้าเขาต่อหน้าธารกำนัล
หูจวินยื่นมือไปให้เยี่ยเทียน “เยี่ยเทียน ส่งปืนให้ฉันได้ไหม?”
เยี่ยเทียนพยักหน้า ส่งปืนให้หูจวิน เขาไม่รู้ว่าจะทำยังไงกับปืนนี้ดี
หูจวินหยิบปืนส่งให้หวงซือจื้อ “ซื่อเอ๋อ แกอายุไม่น้อยแล้ว เชื่อฉันเถอะ ต่อไปทำอะไรให้รอบคอบหน่อย อย่าเอาแต่หาเรื่องใส่ตัว!”
“ฉันจะทำไรมันก็เรื่องของฉัน แกไม่ต้องยุ่ง!”
หวงซือจื้อยิ้มขมขื่น หันไปหาเยี่ยเทียน “แกชื่อเยี่ยเทียนใช่ไหม? ฉันจะจำเอาไว้ อย่าให้ได้เจออีกนะ มีเรื่องแน่!”
พูดจบ หวงซือจื้อเดินนำผู้คุ้มกันอีกสองคนออกไป ถ้าขืนอยู่ต่อคงได้เสียหน้ามากกว่านี้
“ให้ตายสิ คนอะไรเนี่ย?”
เห็นหลังของหวงซือจื้อจากไป เยี่ยเทียนก็ยิ้มไม่ออก แค่จะออกมาซื้อรถเกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ขึ้นจนได้ ต่อไปก่อนออกจากบ้านคงต้องดูดวงให้ตัวเองบ้างแล้ว?
“เยี่ยเทียน อย่าได้เก็บมาใส่ใจ ไป เราไปนั่งพักที่สำนักงานกัน!”
หูจวินส่ายศีรษะ หันกลับไปเห็นถังเสวียเสวี่ย ได้แต่ตะลึง “เอ๋ คุณหนูบ้านตะกูลถังก็อยู่ด้วย สีหน้าของเธอดีกว่าเมื่อก่อนมากเลย”
หูจวินเคยพบถังเสวียเสวี่ยที่โรงแรมรอบหนึ่ง ตอนนี้มาเจอเธออยู่กับเยี่ยเทียน ก็เดาได้ว่าความสัมพันธ์ของเยี่ยเทียนกับตระกูลถังต้องดีระดับไหน
แต่ถังเสวียเสวี่ยไม่ได้ตอบอะไร เพียงแต่พยักหน้าและเดินตามหลังเยี่ยเทียนไป
เยี่ยเทียนส่ายศีรษะ “พี่หู ช่างเถอะ ตอนแรกอยากมาซื้อรถ แต่ถูกหมาบ้าทำให้เสียเรื่องหมด เอาไว้วันหลังค่อยมาใหม่แล้วกัน”
“พูดอะไรน่ะเยี่ยเทียน เดี๋ยวฉันไปส่งนายที่บ้าน ดูซิว่าเจ้าหวงซือจื้อยังจะกล้าเล่นตุกติกอะไรอีก?” หูจวินคิดว่าเยี่ยเทียนกลัวหวงซือจื้อจะมาเอาคืน จึงพยายามลากเยี่ยเทียนไปที่สำนักงานของตัวเองจนได้
“เยี่ยเทียน ต่อไปถ้าหวงซือจื้อกล้ามาหาเรื่องนายอีก นายก็อย่าไปถือสา แค่มาบอกฉัน ฉันจะไปหักขามันเอง!” พอเข้ามานั่งในสำนักงานแล้ว หูจวินให้คำรับรองแก่เยี่ยเทียนเป็นมั่นเป็นเหมาะ
ที่หูจวินพูดแบบนี้ก็เพราะว่าหวงซือจื้อถึงแม้อยู่ในวงการสีเทาแบบไม่เต็มภาคภูมินัก แต่ก็ยังมีผู้ใหญ่หลายคน ที่ยังคงเอ็นดูเขาอยู่
ถ้าคนกันเองทะเลาะกัน พวกผู้ใหญ่จะไม่สืบสาวราวเรื่องอะไรมาก แต่ถ้าถูกคนภายนอกทำร้ายมาละก็ ต้องเป็นเรื่องใหญ่ หูจวินกำลังเตือนเยี่ยเทียนทางอ้อม
“ผมรู้แล้วล่ะพี่หู ถ้าไม่อยากมีปัญหาก็อยู่ให้ห่างไว้”
เยี่ยเทียนยิ้มพลางส่ายหัว แต่ไหนแต่ไรมา พวกชาวยุทธมักจะไม่ชอบมีเรื่องกับทางการ ต่อให้ความสามารถเก่งกาจแค่ไหนก็ไม่อาจต่อกรกับอำนาจรัฐได้
เยี่ยเทียนยังมีครอบครัวอยู่เบื้องหลัง ถ้าลำพังแค่เขาคนเดียวเดือดร้อนถึงชีวิตคงไม่เป็นไร แต่ถ้าครอบครัวของเขาต้องมารับเคราะห์ไปด้วยเขาคงทนไม่ได้ จึงไม่ได้คิดจะตอบโต้หวงซือจื้อแต่อย่างใด
“เอาเถอะ ไว้ฉันค่อยเตือนเขาทีหลัง น้องเยี่ยเทียน นายมาซื้อรถเหรอ?” หูจวินเปลี่ยนเรื่องคุย
“ใช่ มาซื้อรถ ใครจะไปรู้ว่จะเกิดเรื่องขนาดนี้!”
เยี่ยเทียนพยักหน้า แล้วถามด้วยความสงสัย “พี่หู พี่ไม่ได้ทำงานเกี่ยวกับการติดต่อสื่อสารเหรอ? ทำไมอยู่ดีๆมาเปิดโชว์รูมขายรถล่ะ?”
หูจวินตอบว่า “มีเงินเย็นอยู่ในมือก้อนหนึ่ง บวกกับรู้จักคุ้นเคยดีกับบริษัทรถบีเอ็ม เลยติดต่อนำเข้าเปิดสาขา ร้าน 4S ขึ้นมา เยี่ยเทียน นายถูกใจรถคันไหน? พี่ยกให้ฟรีเลย ถือเป็นการขอโทษต่อเรื่องที่เกิดขึ้น!”
“ไม่ต้องหรอก”
เยี่ยเทียนสั่นหัวปฏิเสธ “พี่หู ผมอยากจองรถแลนด์โรฟเวอร์ ไม่รู้ว่าต้องรอนานมากไหม?”
“แลนด์โรฟเวอร์?” ฟังเยี่ยเทียนจบ สีหน้าของหูจวินก็แปลกไป “วันนี้นายไม่ได้ตั้งใจจะกำราบเจ้าหวงซือจื้อนั่นใช่ไหม?”
……