สูตรโกงฉบับเด็กเรียน - บทที่ 337 ไป๋เยี่ยมาแล้ว!
บทที่ 337 ไป๋เยี่ยมาแล้ว!
Ink Stone_Fantasy
หลังจากที่มอริสได้รับคำเชิญ เขาก็ตีตั๋วไปฮอลลีวูดทันที
มอริสยังคงมีชื่อเสียงในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านกระดูกและข้อชั้นนำในยุโรปและสหรัฐอเมริกา ผนวกเข้ากับเรื่องราวฮือฮาในช่วงนี้ก็ยิ่งทำให้ชื่อเสียงของเขาโด่งดังเข้าไปใหญ่
เขาใช้เวลาไตร่ตรองเกี่ยวกับเรื่องที่ฮอลลีวูดไม่นาน ก็คิดว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร
ทำไมถึงพูดแบบนั้น
สำหรับเรื่องนี้แล้ว ไม่ว่าเขาจะช่วยคนได้หรือไม่ ขอแค่ไปที่นั่นก็พอจะเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความกล้าหาญและความมีศักยภาพแล้ว
ถ้าเขาไม่ไป จะต้องมีคนว่าร้ายเขาอย่างแน่อน ซึ่งมีแต่จะทำให้สิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้แย่ลงและทำให้คนอื่นๆ เข้ามาวิพากษ์วิจารณ์มากขึ้น
แต่ถ้าเขาไปที่นั่น สถานการณ์จะแตกต่างไปโดยสิ้นเชิง สถานะของเขาต่อนานาชาติและในวีชาชีพจะ ไม่ถูกตั้งคำถามอีกต่อไป เพราะว่าคนอื่นๆ ช่วยไม่ได้ แต่เขากลับเป็นคนที่ช่วยได้!
ถ้ารักษาไม่หายก็ไม่เป็นไร เพราะคนอื่นๆ ก็รักษาไม่หาย ต่อให้เขาจะรักษาไม่หายก็ไม่มีผลกระทบอะไร
แล้วไป๋เยี่ยล่ะ
มอริสลอบยิ้ม เขาคิดว่าไป๋เยี่ยคงไม่กล้าไปแน่นอน แต่ถึงไปก็ดี เขามีวิธีมากมายที่จะขัดขาเด็กหนุ่มคนนี้ไม่ให้ได้เฉิดฉาย
ข่าวอุบัติเหตุที่ฮอลลีวูดโด่งดังไปทั่วโลก รวมถึงที่ประเทศจีน
ระหว่างที่ข่าวกำลังแพร่สะพัด ครอบครัวไป๋และอีกหนึ่งสมาชิกก็กำลังติดซีรีส์อยู่
อีกสองวันทุกคนก็ต้องกลับไปที่อเมริกาแล้ว ไป๋เยี่ยจึงไม่ค่อยมีความสุขนัก เขาล้างผลไม้แล้วนำมาวางไว้บนโต๊ะกาแฟพลางดูโทรทัศน์ไปกับครอบครัว
ระหว่างช่วงพักโฆษณา ไป๋หลิงก็คว้าโทรศัพท์ของเธอขึ้นมาดู เธอเบิกตากว้างก่อนจะเอ่ยขึ้น “พ่อ ทอม ครูซเกิดอุบัติเหตุตอนถ่ายหนัง ตอนนี้อาการเขาสาหัสมากเลย”
“แถมตอนนี้ยังมีการตีเงินรางวัลด้วย มาร์เวลจะมอบค่าวินิจฉัยให้คนที่มารักษาหนึ่งหมื่นดอลลาร์ ส่วนใครที่รักษาสำเร็จก็จะได้เงินรางวัลหนึ่งล้านดอลลาร์”
ถึงแม้ว่าไป๋หลิงจะไม่ใช่แฟนตัวยงของครูซแต่เธอก็ชื่นชอบข่าวซุบซิบ “เฮ้อ! ตอนนั้นพระเอกเรื่อง ‘ฟาสต์แอนด์ฟีเรียส’ ก็ตายเพราะอุบัติเหตุรถยนต์ เสียดายหนังมากจริงๆ ไม่คิดเลยว่าจะเกิดเรื่องกับครูซด้วย หนังดีๆ ก็ถูกเลื่อนออกไปอีกน่ะสิ…”
อย่างไรเสียครูซก็เป็นดาราดัง ทุกคนย่อมเคยได้ยินชื่อของเขามาก่อน โดยเฉพาะครอบครัวไป๋ที่ไปปักหลักอยู่สหรัฐอเมริกามาเป็นเวลานาน พวกเขาจึงค่อนข้างคุ้นเคยกับซูเปอร์สตาร์ท้องถิ่นเหล่านั้น
ระหว่างช่วงพักโฆษณา ไป๋หลิงก็หยิบรีโมตขึ้นมาเปลี่ยนช่อง บังเอิญที่ช่องข่าวบันเทิงก็กำลังฉายข่าวนี้อยู่ ทุกคนจึงหยุดดูข่าวก่อน
“เมื่อวานนี้มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นกับ ‘ทอม ครูซ‘ ซุปเปอร์สตาร์ภาพยนตร์ชื่อดังระดับนานาชาติ แหล่งข่าวที่เชื่อถือได้รายงานว่าระหว่างที่กำลังถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง ‘อเวนเจอร์ส’ นั้น สตูดิโอถ่ายทำได้พังถล่มลงมา…ซึ่งตอนนี้ครูซมีอาการบาดเจ็บสาหัส กระดูกซี่โครงหักหลายจุด…ยังไม่พ้นขีดอันตราย นักข่าวภาคสนามรายงานว่าขณะนี้ทีมงานมาร์เวลกำลังส่งคำเชิญให้กับผู้เชี่ยวชาญด้านกระดูกและข้อจากทั่วโลกมาให้การรักษา หากรักษาสำเร็จจะได้รับเงินรางวัลจำนวนหนึ่งล้านดอลลาร์สหรัฐฯ”
“นอกจากทอม ครูซแล้ว ยังมีผู้บาดเจ็บอีกราวๆ เจ็ดถึงแปดคนที่ยังไม่พ้นขีดอันตราย…หวังว่าจะมีผู้เชี่ยวชาญมากศักยภาพเข้ามาให้ความช่วยเหลือ…”
สิ่งที่ข่าวรายงานนั้นเหมือนกับภาพยนตร์ไม่มีผิด สิ่งที่แตกต่างคือคนเราไม่มีพลังวิเศษเหมือนซุปเปอร์ฮีโร่ ไม่ว่าจะเป็นซุปเปอร์สตาร์ดังแค่ไหนก็ไม่มีทางเป็นอมตะ
จู่ๆ ไป๋หลิงก็ถามขึ้นอย่างสงสัย “พี่รักษาหายไหม”
ไป๋เยี่ยยิ้ม “อเมริกาก้าวหน้ากว่าเราตั้งหลายปียังรักษาให้หายไม่ได้เลย คิดว่าพี่เป็นเทพเซียนหรือไง”
ไป๋หลิงหัวเราะเบาๆ “ไม่ พี่ไม่ใช่เทพเซียนหรอก พี่เป็นซุปเปอร์แมน!”
ทั้งครอบครัวถึงกับหลุดขำกับสิ่งที่ไป๋หลิงพูด
ทันใดนั้นก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น
“สวัสดีครับ นี่ใช่คุณไป๋เยี่ยหรือเปล่า ผมนิคสันนะครับ โอ้ ขอโทษที คือว่าผมเป็นเพื่อนของคาโป เป็นหมอที่เมโยคลินิกน่ะ ให้ตายเถอะ ผมเกร็งมากเลย”
ทันทีที่ไป๋เยี่ยรับโทรศัพท์ เสียงของอีกฝ่ายก็ดังเข้ามาในโสตประสาทของเขาทันที ทว่ามันกลับฟังดูยุ่งเหยิงเสียจนจับใจความไม่ได้
ไป๋เยี่ยตอบรับ “อ้อ! สวัสดีครับ ผมไป๋เยี่ย”
นิคสันกล่าวด้วยน้ำเสียงเบิกบานใจ “ขอโทษที่รบกวนนะครับ พอดีมันมีเรื่องด่วนนิดหน่อย ก็เลยโทรมาหาคุณ คือผม…”
หลังจากแนะนำตนเองแล้ว ไป๋เยี่ยก็เข้าใจได้ว่านิคสันเป็นหัวหน้าแผนกศัลยกรรมกระดูกที่เมโยคลินิก และเป็นเพื่อนของคาโป หัวหน้ากองบรรณาธิการของไทม์แมกกาซีน
ครั้งนี้เขาเข้าร่วมในการช่วยเหลือครูซ ซึ่งเขานั้นหวังว่าไป๋เยี่ยจะได้ไปวินิจฉัยและรักษาในที่เกิดเหตุ
ไป๋เยี่ยไม่ได้รีบร้อนปฏิเสธ แต่กลับเอ่ยถามอีกฝ่าย “อาการเป็นยังไงบ้างครับ คุณได้เจอกับผู้บาดเจ็บมาแล้วน่าจะพอเข้าใจสถานการณ์บ้าง”
เมื่อนิคสันได้ยินคำถามของไป๋เยี่ย เขาก็รู้ว่ามันต้องได้ผลจึงรีบอธิบาย “ผู้บาดเจ็บมีกระดูกซี่โครงหักหลายซี่ มีรอยฟกช้ำและรอยแตกหักบนซี่โครงซี่ที่สามและสี่…ตอนนี้จะต้องเคลื่อนย้ายผู้บาดเจ็บไปรักษาที่โรงพยาบาล ไม่อย่างนั้นอาการก็จะไม่ทรงตัว แต่ก่อนอื่นเราจะต้องพิจารณาว่าเคสกระดูกหักแบบนี้เคลื่อนย้ายได้หรือไม่ ซึ่งตอนนี้ดูจะเป็นไปได้ยากมากครับ”
นิคสันใช้เวลากว่าสิบนาทีในการเล่าสภาพการณ์ ส่วนไป๋เยี่ยก็ถามคำถามเพิ่มเติมหลายข้อจนเข้าใจถึงอาการของผู้บาดเจ็บ
หลังจากทำความเข้าใจแล้วไป๋เยี่ยก็เริ่มครุ่นคิด
ต้องมีศัลยแพทย์กระดูกและข้อมาประเมินอาการของทอม ครูซ เพื่อดูว่าเขาจะทนต่อการรักษาได้หรือไม่
หากเขาทนไม่ไหว ก็ต้องทำการผ่าตัดนอกสถานที่เท่านั้น
แต่ถึการผ่าตัดก็ต้องอาศัยเครื่องมือหลายอย่าง ไม่อย่างนั้นจะประเมินสถานการณ์ไม่ได้ ซึ่งขั้นตอนนี้ต้องพิจารณาถึงหลายปัจจัยเลยทีเดียว
นิคสันเห็นว่าไป๋เยี่ยเงียบไปก็ยังคงอดใจรอ ไม่กี่นาทีต่อมาเขาก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงกังวล “คุณไป๋เยี่ย มีแค่คุณเท่านั้นที่ช่วยเขาได้!”
หลังจากวางสาย ทั้งไป๋ตงหลินและหูไฉ่อวิ๋นก็มองไปที่ไป๋เยี่ย “เกิดอะไรขึ้นเหรอ”
ไป๋เยี่ยชี้ไปยังโทรทัศน์ “เขามาขอให้ผมไปช่วยทอม ครูซ”
ไป๋ตงหลินถึงกับตกตะลึงไปครู่หนึ่ง ส่วนไป๋หลิงก็เบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ “ว้าว พี่ ดูสิพี่พูดอะไรออกมาเนี่ย! พี่ต้องไปขอลายเซ็นจากเขาให้หนูนะ”
ไป๋ตงหลินยิ้มและหันไปดุไป๋หลิง “อย่าเพิ่งวุ่นวาย เขาให้ไปนานเท่าไหร่ล่ะ”
ไป๋เยี่ยโบกมือ “รอดูก่อน”
หูไฉ่อวิ๋นเอ่ยด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล “ลูกต้องระวังนะ ช่วยได้ถึงค่อยช่วย พวกฝรั่งน่ะมีสักกี่คนที่เป็นคนดี พอถึงเวลาเกิดปัญหาก็โยนมาให้เราทั้งนั้น!”
หลีจื่อเหยียนเองก็เหลือบมองไป๋เยี่ยด้วยความกังวล ปัญหาการสื่อสารระหว่างแพทย์และผู้ป่วยเกิดขึ้นได้บ่อย เธอจึงเตือนเขาไปด้วย
เพราะฉะนั้นสิ่งที่หูไฉ่อวิ๋นกังวลจึงเป็นเรื่องที่เข้าใจได้
ระหว่างที่ไป๋เยี่ยกำลังรับโทรศัพท์ เขาก็ครุ่นคิดเรื่องนี้อยู่สักพัก และตัดสินใจจะไปที่นั่น ท้ายที่สุดตอนนี้เขาก็คิดถึงแต่ตนเองไม่ได้อีกต่อไป
เขาก่อตั้งสถาบันวิจัยกระดูกขึ้นมากับมือ ถ้าเขาต้องการชื่อเสียงเขาจะต้องมองหาโอกาส
หูไฉ่อวิ๋นพูดจบก็ไปเตรียมกระเป๋าให้ไป๋เยี่ยทันที
ส่วนไป๋เยี่ยก็โทรหาโมลโดให้ไปกับเขาด้วย อย่างไรเสียนี่ก็เป็นโอกาสหายาก
วางสายไปได้ไม่นาน เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง “สวัสดี คุณไป๋เยี่ย ผมคือ XXX ตอนนี้เครื่องบินส่วนตัวของคุณพร้อมแล้ว โปรดไปที่…”
หลังจากวางสายแล้ว ไป๋เยี่ยก็พูดขึ้น “อะแฮ่ม รวยจริงๆ เลยนะ ถึงกับมีเครื่องบินส่วนตัวมารับ”
ไป๋ตงหลินยิ้ม “ก็ไม่เท่าไหร่หรอกน่า รอให้พ่อคิดบัญชีบริษัทหัวหมอพวกนั้นเสร็จก่อน จะซื้อมาไว้เล่นๆ สักลำยังได้”
ระหว่างที่ไป๋ตงหลินกำลังคุยโว หูไฉ่อวิ๋นก็จ้องเขาตาเขม็ง “กล้าเหรอ!”