สูตรลับแม่ครัวมือทองในยุค80 - บทที่ 81 ช่วยชาวบ้านหางาน
บทที่ 81 ช่วยชาวบ้านหางาน
บทที่ 81 ช่วยชาวบ้านหางาน
และเพื่อไม่ให้หวังเซวียนเซวียนพบเห็นความผิดปกติ ทั้งครอบครัวจึงทำตัวตามปกติต่อไป
คุณลุงกับคุณป้าพาหวังเซวียนเซวียนไปปลูกต้นไม้ในที่ดินของตนเอง ลู่ฉิวเยว่รู้สึกเบื่อหน่าย เธอจึงจ้องมองไปที่ภูเขาในหมู่บ้านและพาฉินซือขึ้นไปขุดสมุนไพร
“เจอแล้วเหรอ?” เมื่อเห็นลู่ฉิวเยว่หยุดชะงักอยู่ข้างพงหญ้า ชายหนุ่มก็ถามขึ้นด้วยความสงสัย
ลู่ฉิวเยว่ยิ้มออกมา เธอนั่งยอง ๆ และเริ่มต้นขุดสมุนไพรอย่างระมัดระวัง “นี่คือโสมซานซี นิยมใช้รักษารอยฟกช้ำและใช้ในการช่วยหยุดเลือดได้อย่างมีประสิทธิภาพ”
ฉินซือพยักหน้าและนั่งยอง ๆ ลงข้างเธอ เมื่อเห็นหญิงสาวยังคงขุดสมุนไพรต่อไปด้วยความตั้งอกตั้งใจ ชายหนุ่มก็นึกสงสัยขึ้นมาทันทีว่าเธอดูจะมีความเข้าใจในเรื่องสมุนไพรมากพอสมควร แล้วเธอก็ยังเข้าใจการทำงานของเครื่องจักรกลอีก มีเรื่องอะไรที่เธอไม่รู้บ้างไหม?
ขนตางอนยาวของลู่ฉิวเยว่สั่นไหวไปมา ยิ่งขับเน้นให้เห็นถึงความสวยงามของเธอมากขึ้น
ฉินซือยิ้มมุมปาก เขาช่วยเธอถือกล่องใส่สมุนไพรและคอยถามลู่ฉิวเยว่เกี่ยวกับความรู้เรื่องสมุนไพรเบื้องต้น นี่คือช่วงเวลาแห่งความสวยงามที่ได้อยู่กับเธอ
ตอนนี้เป็นตอนบ่ายแล้ว
“เอาล่ะ พวกเรากลับกันดีกว่า ยิ่งเข้าป่าลึกมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งอันตรายมากเท่านั้น” เมื่อเห็นว่าหญิงสาวอยากจะเข้าไปขุดหาสมุนไพรต่อ ฉินซือก็ต้องพูดออกมาทันที
ลู่ฉิวเยว่เงยหน้ามองรอบตัว ถึงได้รู้ว่าตอนนี้พวกเขาเข้ามาอยู่ในเขตป่าลึกพอสมควรแล้ว มันดูไม่ปลอดภัยจริง ๆ
เธอพยักหน้าและเดินกลับมาจากภูเขาพร้อมกับฉินซือ
พวกเขาทั้งสองคนกลับไปถึงบ้านตอนเวลาอาหารกลางวันพอดี ป้าสะใภ้เตรียมอาหารเอาไว้ให้เรียบร้อยแล้ว
การขึ้นภูเขาวันนี้ใช้พละกำลังมากเกินไป ดังนั้นลู่ฉิวเยว่จึงไปล้างตัวหลังจากรับประทานอาหารเสร็จ เธอเตรียมตัวที่จะนอนพักกลางวันสักหน่อย
แล้วเธอก็ตื่นขึ้นมาช่วงประมาณบ่าย 4 ถึง 5 โมงเย็น หญิงสาวบิดขี้เกียจก่อนจะลุกขึ้นจากเตียง
นานมากแล้วที่เธอไม่ได้พักผ่อนแบบนี้
ลู่ฉิวเยว่เปิดประตูเดินออกไปจากห้อง แล้วก็พบกับฉินซือที่เพิ่งจะกลับเข้าบ้านมาพอดี เธอจึงถามด้วยความสงสัย “อ้าว? คุณออกไปไหนมาคะ?”
ฉินซือยิ้มมุมปาก เขานำหนังสือที่ซ่อนอยู่ด้านหลังออกมา เขาขอยืมหนังสือหลายเล่มมาจากเพื่อนในเมืองหลวง วันนี้เขามีเวลาพอดี ก็เลยเข้าไปรับหนังสือพวกนี้ที่ตัวอำเภอ
“ตอนนี้การสอบเข้ามหาวิทยาลัยยังไม่เริ่ม ในเมื่อคุณอยากสอบเข้าให้ได้ด้วยตัวเอง คุณก็ต้องอ่านหนังสือพวกนี้ให้ได้ก่อน ผมกลัวว่าจะหาซื้อไม่ได้ ก็เลยขอยืมหนังสือพวกนี้มาจากเพื่อน ๆ ยังไงเตรียมตัวไว้ก่อนก็ดีที่สุด”
เมื่อได้ยินคำพูดของชายหนุ่ม ลู่ฉิวเยว่ก็รู้สึกตื้นตันใจขึ้นมาทันที เธอย่อมรู้ดีว่าหนังสือพวกนี้เป็นของหายากขนาดไหน
การสอบเข้ามหาวิทยาลัยถูกยกเลิกมาหลายปี คนส่วนมากทิ้งหนังสือพวกนี้ไปหมดแล้ว ลู่ฉิวเยว่พยายามหาซื้อมานานมากแต่ก็หาไม่ได้ เธอเข้าไปถามในร้านหนังสือทุกร้านที่ตัวอำเภอ แต่พวกเขาก็ไม่มีหนังสือพวกนี้ขายเลย
หญิงสาวจึงไม่คิดเลยว่าฉินซือจะใส่ใจเธอขนาดนี้ เขาจะคอยช่วยเหลือเวลาเธอลำบากเสมอและยังไม่บอกให้เธอรู้ล่วงหน้าอีกด้วย
“ขอบคุณมากนะ ฉินซือ” ลู่ฉิวเยว่จ้องมองไปที่ชายหนุ่มซึ่งอยู่ตรงหน้าด้วยความจริงจัง ดวงตาเป็นประกายระยิบระยับ
ฉินซือรู้สึกแค่ว่าหัวใจเต้นเร็ว ริมฝีปากกลีบกุหลาบสวยงามของหญิงสาวปรากฏขึ้นตรงหน้าเขา ชายหนุ่มอดกลืนน้ำลายไม่ได้ เขาค่อย ๆ ขยับเข้าไปใกล้อย่างประหม่า
แล้วริมฝีปากเย็น ๆ ของชายหนุ่มก็ประกบลงไปบนปากของเธออย่างอ่อนโยน ลู่ฉิวเยว่จับชายเสื้อของเขาด้วยความตกใจ หัวสมองว่างเปล่าไปหมด
ฉินซือเป็นสุภาพบุรุษ ถึงเธอกับเขาจะเป็นแฟนกันแล้ว แต่เขาก็ไม่เคยทำอะไรรุ่มร่าม อย่างมากสุดก็แค่จับมือ แต่ไม่เคยจูบปากอย่างนี้เลย
มันทำให้หญิงสาวรู้สึกอบอุ่นหัวใจ เธอกุมมือเขาด้วยความรัก
“ฉันไปทำกับข้าวก่อนนะ”
สายตาของฉินซือจ้องมองมาที่เธอด้วยความลึกซึ้ง ลู่ฉิวเยว่หน้าแดง ก่อนจะรีบหันหน้าหนีริมฝีปากของเขาตอนที่เขาทำท่าจะจูบเธออีก
ถ้าเขาจูบเธออีก เธอคงหายใจไม่ออกกันพอดี!
เมื่อเห็นว่าหญิงสาวกำลังวิ่งหนีไป ฉินซือก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ เขารู้สึกผิดหวังที่ไม่ได้จูบอีกครั้ง แต่เขาก็ไม่ได้รั้งเธอไว้อีกแล้ว
ตอนที่ลู่ฉิวเยว่กำลังทำอาหาร เธอก็เอาแต่คิดถึงจูบนั้น แก้มของเธอร้อนผ่าว หัวใจเต้นเร็วอย่างบ้าคลั่ง
ลู่ฉิวเยว่เพิ่งจะรับประทานอาหารเสร็จพอดี มีชาวบ้านหลายคนมาหา
ลู่ฉิวเยว่รู้สึกประหลาดใจ แต่ก็เชิญชาวบ้านทุกคนเข้ามา ชาวบ้านกลุ่มนี้ล้วนเคยเห็นหน้าค่าตากันอยู่แล้ว
“คุณลุง คุณป้า มีอะไรกันเหรอคะ?” ลู่ฉิวเยว่ถามพร้อมกับยิ้มกว้าง เมื่อเห็นว่ากลุ่มชาวบ้านกระดากอายไม่กล้าพูด
“มีสิ” คุณลุงร่างอ้วนคนหนึ่งเห็นว่าชาวบ้านที่มาด้วยกันไม่ยอมพูดสักที เขาจึงยิ้มออกมาด้วยความอึดอัดใจ “พวกเราแค่อยากมาถามว่าร้านอาหารของเธอยังรับพนักงานเพิ่มไหม คนแก่ในหมู่บ้านอย่างเราไม่มีทักษะพิเศษอะไรเลย แต่รับรองว่าขยันขันแข็ง สู้งานหนัก ไม่ทราบว่าเธอสนใจอยากจ้างงานพวกเราบ้างไหม?”
จ้างงานอย่างนั้นเหรอ?
ลู่ฉิวเยว่ขมวดคิ้วและส่ายหน้า “ร้านของหนูไม่ได้รับพนักงานเพิ่มมานานแล้วค่ะ แต่ว่า…”
เธอหันหน้าไปมองฉินซือที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก่อนหน้านี้เขาบอกว่าจะสร้างโรงงานผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป แต่ไม่รู้ว่าจะไปหาคนงานมาจากไหน
ฉินซือพยักหน้า เขาเอนตัวเข้ามากระซิบข้างหูเธอ “ได้เวลาจ้างงานแล้วสินะ”
ลู่ฉิวเยว่พยักหน้า แต่เธอไม่ได้ตอบตกลงกับกลุ่มชาวบ้านโดยทันที เธอเพียงพูดว่า “หนูจะดูให้นะคะว่าพอจะหางานอื่นให้ได้หรือเปล่า ตอนนี้ทุกคนกลับไปก่อนเถอะค่ะ ถ้าได้ข่าวแล้วหนูจะไปบอก”
“ขอบคุณมากนะ ฉิวเยว่” รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของกลุ่มชาวบ้าน ก่อนที่พวกเขาจะเดินทางกลับไปหลังจากกล่าวขอบคุณเสร็จ
ลู่ฉิวเยว่ส่ายหัวและยิ้มให้แก่พวกเขา “ด้วยความยินดีค่ะ”
ตอนกลางคืน หลังจากรับประทานอาหารค่ำเสร็จเรียบร้อย ทั้งครอบครัวก็มานั่งพูดคุยและกินขนมกันที่ลานหน้าบ้าน ลู่ฉิวเยว่นึกขึ้นมาได้ว่าวันนี้เกิดอะไรขึ้น เธอจึงยิ้มและหันไปพูดกับคุณลุงว่า
“คุณลุงคะ วันนี้มีชาวบ้านกลุ่มหนึ่งมาช่วยให้หนูหางานให้ พอดีว่าฉินซือมีโรงงานผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่กำลังหาคนงาน หนูก็เลยอยากถามคุณลุงว่าชาวบ้านพวกนั้นนิสัยเป็นยังไงบ้าง”
ในหมู่บ้านย่อมมีคนดีและคนไม่ดีปะปนกัน การทำงานในโรงงานบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปไม่จำเป็นต้องใช้ความรู้ความสามารถอะไร แต่คนงานก็จะมีประวัติแย่ ๆ ไม่ได้ มิฉะนั้นโรงงานอาจจะเสียชื่อเสียง
แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการสู้งานหนัก คนงานที่ขี้เกียจจะก่อให้เกิดปัญหา ในเมื่อพวกเขาเป็นชาวบ้านจากหมู่บ้านเดียวกับเธอ ถ้ามีปัญหาขึ้นมาจริง ๆ ก็จะเจรจากันได้ยาก
คุณลุงไม่ประหลาดใจเลย ชาวบ้านกลุ่มนั้นก็มาถามเขาเหมือนกัน แต่ตอนนี้ร้านอาหารของลู่ฉิวเยว่ไม่ได้เปิดรับคนงานใหม่ เขาจึงปฏิเสธไปตามตรง
“เธออยากรู้เกี่ยวกับคนไหนบ้างล่ะ บอกลุงมาสิ” ชายวัยกลางคนยิ้ม
ลู่ฉิวเยว่พยักหน้า
ในที่สุด หลังได้รับคำยืนยันจากคุณลุงและป้าสะใภ้ ลู่ฉิวเยว่ก็ได้ชาวบ้านกลุ่มหนึ่งที่มั่นใจว่าเป็นคนสู้งานหนักและมีประวัติขาวสะอาดมาทำงาน
เช้าวันต่อมา เธอก็ไปแจ้งข่าวเรื่องการสมัครงานที่บ้านของชาวบ้านเหล่านั้น ทุกคนต่างก็มีความสุขและตื่นเต้นที่ตัวเองจะได้ไปทำงานในโรงงาน
ลู่ฉิวเยว่ไม่ทราบเลยว่าเรื่องนี้รู้ไปถึงหูคุณย่าของเธอแล้ว
และในเวลาเดียวกันนี้ คุณย่าใหญ่ก็ได้ประกาศบอกทุกคนว่าจะหางานให้พวกเขาทำในโรงงานของลู่ฉิวเยว่และเป็นงานที่ไม่ต้องทำงาน มีหน้าที่แค่รอรับเงินเดือนอย่างเดียวอีกด้วย
“พวกแกกำลังหมายถึงลู่ฉิวเยว่น่ะหรอ?”
หญิงชรายิ้มให้กับกลุ่มคนที่อยู่ตรงหน้า ก่อนหน้านี้ ชาวบ้านกลุ่มนี้ต่างก็ดูถูกดูแคลนเธอ แต่วันนี้พวกเขากลับมาหาเธอถึงบ้านเพื่อขอร้องอ้อนวอน นั่นทำให้คุณย่าใหญ่พอใจเป็นอย่างยิ่ง
“พวกแกอยากได้งานใช่ไหมล่ะ? ลู่ฉิวเยว่เป็นหลานสาวของฉันเอง ฉันจะสั่งให้เธอหางานง่าย ๆ ให้พวกแกทำ แค่พวกแกนั่งเฉย ๆ ก็รอนับเงินได้แล้ว” หญิงชราเชิดหน้าขึ้นพูดด้วยความภาคภูมิใจ
ชาวบ้านกลุ่มนั้นต่างก็โห่ร้องออกมาด้วยความดีใจและชื่นชมหญิงชราเป็นการใหญ่
“คุณย่าช่างมีความสามารถจริง ๆ จากบรรดาผู้อาวุโสในหมู่บ้านของเรา ไม่มีใครโชคดีเท่ากับคุณย่าอีกแล้ว ฉันได้ข่าวว่าลู่ฉิวเยว่เปิดร้านอาหารใหญ่โต แต่ละวันทำเงินได้มากมาย จะมีใครมีวาสนาดีแบบนี้บ้าง”
“เมื่อไม่กี่วันก่อน ฉันได้ยินคนในหมู่บ้านบ่นว่าอิจฉาคุณย่ามากเลยล่ะ…”
“คุณย่าช่างโชคดีจริง ๆ คุณย่าสั่งสอนหลานสาวอย่างลู่ฉิวเยว่จนเติบโตมาได้ดี วันข้างหน้าคุณย่าช่วยสั่งสอนเสี่ยวซิ่วให้กับพวกเราบ้างสิ มานี่เร็ว ซิ่วซิ่ว มาเรียกคุณย่าใหญ่เร็วเข้า” หญิงสาวคนหนึ่งดันหลังเด็กหญิงให้ไปยืนอยู่ข้างกายหญิงชรา