สูตรลับแม่ครัวมือทองในยุค80 - บทที่ 70 เรื่องการโต้เถียงฉันไม่แพ้ใครแน่
บทที่ 70 เรื่องการโต้เถียงฉันไม่แพ้ใครแน่
บทที่ 70 เรื่องการโต้เถียงฉันไม่แพ้ใครแน่
รอยยิ้มบนใบหน้าของหญิงสาวเหยียดหยามมากขึ้น “ถ้าอย่างนั้นคุณก็คงเกิดมาจากก้อนหินสินะคะ? คุณไม่ได้เกิดมาจากท้องแม่หรือไง? แม่คุณถึงไม่ได้สั่งสอนให้เคารพผู้หญิงซะบ้าง? คุณนึกจะพูดจาดูถูกผู้หญิงยังไงก็ได้งั้นเหรอ? ถ้าแม่คุณรู้ว่าคุณทำตัวแบบนี้ ท่านคงต้องเสียใจที่ให้กำเนิดคุณออกมาแน่ ๆ”
ลู่ฉิวเยว่พูดออกมาอย่างรวดเร็ว ซูหลินไม่ทันได้ตั้งตัว กว่าจะรู้ตัวว่าตนเองถูกด่าไปเต็ม ๆ ลู่ฉิวเยว่ก็ลากตัวฉินซือเดินออกไปแล้ว
เมื่อได้ยินเสียงล้มข้าวของดังโครมครามดังมาจากทางด้านหลัง ลู่ฉิวเยว่ก็ยิ้มขึ้นมาอย่างมีความสุข
ถ้าจะพูดเรื่องการโต้เถียง เธอไม่เคยแพ้ใครอยู่แล้ว!
ฉินซือเลิกคิ้วขึ้นสูง นี่คือครั้งแรกที่เขาเห็นเธอต่อว่าใครด้วยวาจาร้ายกาจถึงขนาดนี้ ทำให้ฉินซือได้รู้ว่าก่อนหน้านี้ที่เธอปฏิเสธเขา ลู่ฉิวเยว่ได้ถนอมน้ำใจเขามากเพียงใด
หรือว่าเธอจะมีใจให้เขาตั้งแต่แรกอยู่แล้วนะ? เมื่อคิดได้ดังนี้ ฉินซือก็มีความสุขจนอยากจะอุ้มเธอให้ตัวลอย
“ฉัน…ฉันดุเกินไปเหรอเนี่ย?” ลู่ฉิวเยว่รู้สึกเขินอายเมื่อเห็นสายตาที่คนรอบตัวมองตนเอง เธอเผลอทำตัวดุร้ายออกไปขนาดนั้น จะทำให้ฉินซือกลัวหรือเปล่านะ?
“ดุอะไรกัน? แบบนี้สิยิ่งดี!” ฉินซือชมเชยออกมา ไม่ว่าเธอจะเป็นคนแบบไหน เขาก็ชอบทั้งนั้น
ลู่ฉิวเยว่มีความคิดเป็นของตัวเอง มีความกล้าได้กล้าเสียกล้าตัดสินใจ และด้วยนิสัยเช่นนี้เอง เธอถึงสะดุดตาเขาตั้งแต่แรก
เมื่อเห็นสีหน้าชื่นชมของฉินซือ หญิงสาวก็หน้าแดงระเรื่อขึ้นมา สุดท้าย เธอก็ต้องหันหน้าหนีไปทางอื่นด้วยความเขินอาย
“ว่าแต่ซูหลินคนนี้ยิ่งใหญ่มาจากไหนกันนะ ทำไมถึงได้ทำตัวอวดดีถึงขนาดนี้?” หลังจากนั้นลู่ฉิวเยว่ก็ส่งเสียงถามขึ้นมา นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นใครบางคนเมินเฉยต่อฉินซือถึงขนาดนี้
ฉินซือขมวดคิ้วโดยไม่พูดอะไร เขาอาศัยจังหวะนี้ช่วยหญิงสาวคาดเข็มขัดนิรภัยให้เร็วมากขึ้น
ปรากฏว่าซูหลินไม่ใช่แค่ผู้จัดการโรงงานนี้เท่านั้น แต่เขายังเป็นเจ้าของโรงงานผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปอีกด้วย
ลู่ฉิวเยว่เคยได้ยินชื่อยี่ห้อบะหมี่ที่ซูหลินทำ ตอนนี้มันติดตลาดไปทั่วประเทศ เธอเคยลองซื้อมากินดูแล้ว แต่รสชาติไม่ดีสักเท่าไหร่ เธอไม่เข้าใจเลยว่าคนที่ซื้อไปกินแล้วชื่นชมความอร่อยนั้นมันอร่อยตรงไหนกันแน่
เพราะว่าโรงงานผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปกำลังไปได้ดีนี้เอง ซูหลินจึงกล้าที่จะเมินเฉยต่อฉินซือ เพราะมั่นใจว่าอีกไม่นานตนเองคงมีความยิ่งใหญ่มากกว่าฉินซือ แต่เขาไม่รู้เลยว่าฉินซือก็ไม่ได้เห็นเขาอยู่ในสายตาเหมือนกัน ถ้าครั้งนี้ไม่ต้องมาคุยธุรกิจเพื่อลู่ฉิวเยว่ ฉินซือคงไม่คิดมาปรากฏตัวขึ้นที่นี่ด้วยซ้ำ
ลู่ฉิวเยว่คิดแผนการขึ้นมาได้ในทันใด เธอหัวเราะออกมา ถ้าเจ้าหมอนั่นภูมิใจในโรงงานผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปของตัวเองนักหนา เธอก็จะทำลายความภาคภูมิใจของเขาลงไปเอง!
เธอหันหน้าไปพูดกับฉินซือว่า “คุณอยากสร้างโรงงานทำบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปบ้างไหม? ฉันมีสูตรทำบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปอยู่นะ รับรองว่าอร่อยมากกว่าของเจ้าหมอนั่นหลายร้อยเท่าแน่นอน”
ฉินซือเลิกคิ้วขึ้นสูงด้วยความประหลาดใจ ถ้าเขาสามารถเข้าสู่ตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปได้จริง ๆ เขาก็จะแย่งฐานลูกค้าของซูหลินมาให้หมด และนั่นก็จะเป็นการสั่งสอนซูหลินได้เป็นอย่างดี
ยิ่งเห็นสายตาที่ซูหลินใช้มองลู่ฉิวเยว่ ฉินซือก็ยิ่งรู้สึกโกรธแค้นจนต้องกัดฟันกรอด ถ้ามีโอกาสได้สั่งสอนเจ้าหมอนั่นบ้าง เขาก็จะคว้าโอกาสนั้นไว้ทันที ยังไม่ต้องพูดถึงว่าฉินซือมีความมั่นใจในการทำธุรกิจเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว และเขาก็มีวิสัยทัศน์กว้างไกลไม่แพ้ใคร
“งั้นเราไปหาร้านอาหารนั่งคุยกันดีไหม?” ชายหนุ่มขับรถไปบนถนน ตอนนี้พวกเขายังไม่ได้ทานอาหารกลางวันเลย ฉินซือรู้สึกหิวมาก เขาคิดว่าลู่ฉิวเยว่ก็ต้องหิวเหมือนกัน
เขาละเลยเธอถึงขนาดนี้ได้อย่างไร ฉินซือโทษตัวเองจนอยากจะยกมือขึ้นมาตบหน้าตนเองยิ่งนัก
ลู่ฉิวเยว่เห็นด้วยกับเขา เธอยกมือชี้ไปที่ร้านอาหารข้างทางและพูดว่า “เราแวะไปกินที่ร้านนี้ก็ได้ค่ะ”
เธอไม่เคยรับประทานอาหารหม้อไฟในยุคนี้มาก่อน จึงอยากจะชิมดูว่ามันจะมีรสชาติเหมือนในอนาคตหรือไม่
ฉินซือพยักหน้า เขาขับรถไปหาที่ว่างในลานจอด ซึ่งมีรถยนต์จอดอยู่เพียงไม่กี่คัน ลานจอดรถไม่ได้แน่นขนัดเหมือนในยุคสมัยหลังจากนี้
การตกแต่งของร้านอาหารดูดีมาก ผนังสีขาว โต๊ะสีส้ม พื้นที่กว้างขวาง ลู่ฉิวเยว่รู้สึกว่าบรรยากาศสะดวกสบาย มีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้าของเธอ
เมื่อรู้ว่าฉินซือสามารถรับประทานอาหารเผ็ดได้ เธอก็สั่งหม้อไฟรสเผ็ดมาโดยทันที แต่ฉินซือก็หยุดเอาไว้และสั่งเป็ดปักกิ่งมาเพิ่มพร้อมกับน้ำซุปใส
ถ้าลู่ฉิวเยว่ไม่ยืนยันว่าการรับประทานอาหารหม้อไฟต้องมีรสชาติที่เผ็ดจัดจ้านถึงจะเป็นจิตวิญญาณของอาหารชนิดนี้ เขาก็จะสั่งมาแค่น้ำซุปใสรสจืดเท่านั้น
ลู่ฉิวเยว่ทนหิวมาตลอดทั้งวันแล้ว เขาไม่อยากให้เธอรับประทานอาหารรสเผ็ดมากเกินไป เพราะมันจะทำให้เธอปวดท้องได้ง่าย ๆ
ร้านอาหารร้านนี้มีลูกค้าแน่นมาก มีลูกค้าเต็มทุกโต๊ะ ถ้าไม่มีใครลุกออกไปก่อน ฉินซือกับลู่ฉิวเยว่ก็คงไม่มีที่ว่างให้นั่งอย่างแน่นอน
ใช้เวลาประมาณ 10 นาที อาหารที่พวกเขาสั่งก็ถูกนำมาเสิร์ฟที่โต๊ะ ลู่ฉิวเยว่สั่งน้ำผลไม้ เมื่อเธอดื่มเข้าไป รสเปรี้ยวหวานก็ไหลลงไปในลำคอ ดวงตาของเธอเป็นประกายอย่างมีความสุข ปัญหาที่เกิดขึ้นในวันนี้ไม่ได้อยู่ในหัวของเธออีกแล้ว
“รสชาติไม่เลวเลย” ฉินซือชิมน้ำซุปแล้วก็พูดออกมา
ลู่ฉิวเยว่อดประหลาดใจกับคำพูดของเขาไม่ได้ เธอรู้ดีว่าแฟนของตนเองนั้นเลือกกินขนาดไหน และถ้าเขาบอกว่าอาหารร้านนี้มีรสชาติไม่เลว นั่นก็หมายความว่าอาหารของร้านนี้ต้องอร่อยจริงๆ
ลู่ฉิวเยว่ใช้ตะเกียบคีบเนื้อแกะมารับประทาน เนื้อแกะสดใหม่ ไม่มีกลิ่น รสชาติของน้ำซุปก็ใช้ได้
ลู่ฉิวเยว่อยากจะลองรับประทานน้ำซุปรสชาติเผ็ดจัดจ้าน แต่ฉินซือก็ห้ามเอาไว้อีกครั้ง “เผ็ดเกินไป คุณต้องกินน้ำซุปรสจืดรองท้องก่อน แล้วค่อยไปกินอาหารรสเผ็ด”
“ก็ได้ค่ะ” เธอทำปากยื่นอย่างไม่พอใจ ก่อนจะรับประทานน้ำซุปรสจืดตามที่เขาบอก
“แต่ผมว่าอาหารร้านนี้ยังอร่อยสู้ร้านของคุณไม่ได้”
ฉินซือพูดออกมาโดยทันที ลู่ฉิวเยว่พยักหน้าเห็นด้วย เธอเองก็รู้สึกว่าร้านอาหารของตนเองนั้นอร่อยมากกว่ากันพอสมควร แน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องของวัตถุดิบ แต่เป็นการปรุงรสชาติที่ยอดเยี่ยมมากกว่าร้านนี้
แต่ถ้าพูดถึงเรื่องความใหญ่โตของร้าน ร้านของเธอก็คงสู้ร้านนี้ไม่ได้ สำหรับร้านของลู่ฉิวเยว่ ถ้าขายเมนูหม้อไฟหม้อละ 3 หยวน ลูกค้าก็จะบ่นว่าแพงมากเกินไป แต่ร้านอาหารร้านนี้ตั้งอยู่ใจกลางเมือง มีแต่คนรวยมากินมากมาย ลูกค้าส่วนใหญ่จึงไม่สนใจเรื่องราคาเลย
นั่นหมายความว่าร้านอาหารของลู่ฉิวเยว่ไปตั้งอยู่ผิดทำเลมากไปหน่อย
เธอวางแผนที่จะเก็บเงินเพิ่มเพื่อมาเปิดร้านอาหารหม้อไฟในตัวเมืองอย่างนี้บ้าง และเธอเชื่อว่ามันจะต้องโด่งดังอย่างแน่นอน
“คุณบอกว่าจะช่วยผมเปิดโรงงานผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป คุณมีแผนยังไงบ้าง?”
ในที่สุดฉินซือก็ดึงลู่ฉิวเยว่กลับมาเข้าประเด็นสำคัญอีกครั้ง เธอยิ้มแล้วตอบว่า “ฉันมีสูตรผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปหลายสูตรเลยค่ะ แต่ละสูตรมีคุณภาพสูงทั้งนั้น เมื่อเราวางขาย เราจะขายให้ถูกกว่าของพวกเขา 10 เหมา แล้วเราก็จะแจกของแถมชิ้นเล็ก ๆ เพื่อดึงดูดลูกค้าด้วย เมื่อลูกค้าเริ่มติดใจแล้ว สินค้าของเราก็จะติดตลาด แล้วเราค่อยขึ้นราคาทีหลังก็ได้”
ฉินซือเลิกคิ้วขึ้นสูง นี่คือวิธีการที่ฉลาดมาก แม้จะได้กำไรน้อยในตอนแรก แต่ก็จะสามารถดึงดูดลูกค้าได้เพราะราคาถูกกว่าเจ้าอื่น หลังจากนั้น ถ้าบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปของเขามีรสชาติอร่อย กลุ่มลูกค้าก็จะติดใจไปโดยปริยาย
“คุณคิดว่ายังไงคะ?” ลู่ฉิวเยว่เคี้ยวผักที่อยู่ในปากและถามออกมาหลังจากจิบน้ำ
“แฟนของผมเก่งที่สุดในโลก ผมนี่ตาถึงจริง ๆ!” ฉินซือตอบไม่ตรงคำถาม ทำให้เธอหน้าแดง
ฉินซือนึกจะพูดอะไรก็พูด ทำไมเขาถึงได้ปากหวานแบบนี้เนี่ย? เธอไม่คิดมาก่อนเลยว่าฉินซือผู้เย็นชาจะเป็นคนปากหวานถึงขนาดนี้