สูตรลับแม่ครัวมือทองในยุค80 - บทที่ 41 กลับมาขอเงินอีกครั้ง
บทที่ 41 กลับมาขอเงินอีกครั้ง
บทที่ 41 กลับมาขอเงินอีกครั้ง
ถึงแม้ว่าที่ผ่านมาลู่เจี๋ยหรงจะทำตัวร้ายกาจ แต่เธอก็เป็นลูกหลานในตระกูล พ่อของลู่ฉิวเยว่ทนไม่ไหวอยากจะเข้าไปช่วยเหลือ แต่ก็ถูกลูกสาวห้ามปรามเอาไว้ก่อน
เขาขาไม่ดี ถ้าเกิดเข้าไปจะไม่ถูกอีกฝ่ายต่อยกระเด็นกลับออกมาหรือ?
เมื่อลู่ฉิวเยว่กำลังจะพูดอะไรบางอย่าง เธอก็หันไปเห็นเถาหลินเซินที่ยืนอยู่ไม่ไกล ชายหนุ่มกำลังจ้องมองเหตุการณ์ทั้งหมด เขาเห็นว่าลู่เจี๋ยหรงกำลังถูกทุบตี แต่เขาก็ไม่เข้ามาช่วย จิตใจเย็นชามาก
กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นหวนคืนสนอง
ลู่ฉิวเยว่ถอนหายใจออกมา เธอกลัวว่าสวีต้าหลินจะทุบตีลู่เจี๋ยหรงจนตายขึ้นมาจริง ๆ เธอจึงบอกให้แม่ไปที่สถานีตำรวจเพื่อตามคนมาช่วย
เถาหลินเซินยืนดูเหตุการณ์อยู่ที่นอกร้าน แต่เมื่อเขาเห็นว่ามีตำรวจวิ่งมาแต่ไกล เขาก็หมุนตัวเดินจากไปทันที
เขาเคยเข้าใจว่าลู่เจี๋ยหรงเป็นหญิงสาวผู้บริสุทธิ์และมีครอบครัวที่ร่ำรวย แต่ปรากฏว่าเธอเป็นเพียงหญิงแพศยาจากครอบครัวที่ยากจน เขาไม่ต้องการผู้หญิงคนนี้อีกต่อไปแล้ว
ในที่สุด กลุ่มคนก็ถูกพาตัวไปที่สถานีตำรวจ แล้วร้านอาหารก็กลับมาอยู่ในความสงบสุขอีกครั้ง
ในช่วงเทศกาลตรุษจีน คนส่วนใหญ่มักจะจัดงานรวมญาติกันที่บ้าน มีคนมารับประทานอาหารที่ร้านไม่มาก และลู่ฉิวเยว่ยังไม่พอใจกับกิจการที่เป็นอยู่ เธอต้องการจะเพิ่มรายได้ในช่วงเทศกาลตรุษจีน
ในช่วงเทศกาลนี้ ทุกคนจะรับประทานอาหารกันที่บ้านและร้านอาหารจะได้รับผลกระทบมากที่สุด ลู่ฉิวเยว่เริ่มวิตกกังวลขึ้นมาบ้างแล้ว หากร้านอาหารของเธอยังคงเงียบเหงาอยู่เช่นนี้ การเงินของทางร้านก็คงติดลบในไม่กี่วัน
“คุณฉินมาทานอาหารค่ำแล้ว”เสียงเรียกของผู้เป็นแม่ทำลายความคิดของลู่ฉิวเยว่ลง
ลู่ฉิวเยว่พยักหน้าและลุกขึ้นยืน นับตั้งแต่ที่ฉินซือย้ายเข้ามาอยู่ในตัวอำเภอ เขาก็มารับประทานอาหารที่ร้านของเธอเกือบทุกวัน
ตอนแรกฉินซือยืนยันว่าจะจ่ายเงิน แต่พ่อแม่ของลู่ฉิวเยว่ปฏิเสธ ฉินซือจึงลงเอยด้วยการมาทานมื้อค่ำพร้อมกับครอบครัวของลู่ฉิวเยว่ในทุกวัน
“เนื้อตุ๋นวันนี้อร่อยกว่าครั้งที่แล้วอีกนะครับ ฝีมือการทำอาหารของเชฟลู่พัฒนาขึ้นไม่หยุดเลยจริง ๆ” เมื่อรับประทานอาหารเสร็จ เลขาหวังก็ยกนิ้วโป้งชื่นชมจากใจจริง และทุกคนก็เห็นด้วย
ตอนที่รับประทานอาหารกันเมื่อสักครู่ ตะเกียบของทุกคนก็พุ่งไปที่เนื้อตุ๋นราวกับกลัวว่าถ้าชักช้ามากเกินไปจะอดกิน เพียงแค่ 3 นาทีเท่านั้น เนื้อตุ๋นก็หมดลงอย่างรวดเร็ว
ลู่ฉิวเยว่แอบหัวเราะ นี่คือสูตรอาหารที่เธอคิดค้นขึ้นมาจากค่าความสุข ซึ่งทำให้ฝีมือการทำอาหารจากชาติที่แล้วของเธอพัฒนามากขึ้น
เมื่อได้ยินเลขาหวังกล่าวชมเชย แม่ของลู่ฉิวเยว่ก็ถอนหายใจออกมาด้วยความเศร้า “อร่อยไปก็เท่านั้น ช่วงตรุษจีนอย่างนี้ไม่มีลูกค้ามาเข้าร้านเลยค่ะ ร้านเราเงียบเหงาเหลือเกิน”
“ผ่านตรุษจีนไปก็ไม่มีอะไรแล้วครับ อาหารร้านนี้อร่อยขนาดนี้ ผมกลัวว่าจะรับลูกค้าไม่ไหวมากกว่า” ฉินซือพยายามปลอบใจ “คุณป้าพิมพ์นามบัตรเพิ่มสิครับ เดี๋ยวผมจะช่วยแจกให้”
“ต้องขอบคุณคุณฉินมากจริง ๆ นะคะ”
ลู่ฉิวเยว่ได้สติขึ้นมาทันที การพิมพ์นามบัตรเพื่อนำไปแจกจ่ายรอบ ๆ ตลาดคือหนึ่งในวิธีการโปรโมตร้านที่ดีมากที่สุด
วันต่อมา ลู่ฉิวเยว่เดินทางไปที่ร้านพิมพ์นามบัตร
เมื่อเธอกลับมา เธอก็เห็นป้าลู่มายืนเท้าเอวตะโกนด่าแม่ของเธออยู่หน้าร้าน
ชาวบ้านในบริเวณนั้นต่างก็มารวมตัวกันเพื่อเฝ้าดูเหตุการณ์ด้วยความสนอกสนใจ ทุกคนคุ้นเคยกับเหตุการณ์ทำนองนี้ในร้านของลู่ฉิวเยว่เป็นอย่างดี ครั้งนี้พวกเขาก็อยากรู้ว่าจะมีอะไรใหม่ ๆ เกิดขึ้นบ้าง
ในขณะนี้ พวกเขาเห็นว่าป้าลู่มาหาเรื่องอีกแล้วจึงตั้งใจกางหูรับฟังและรอคอยข่าวใหญ่
“เธอไม่จำเป็นต้องยอมรับก็ได้! แต่ถ้าลู่ฉิวเยว่ไม่ไปตามตัวสวีต้าหลินมาในวันนั้น หรงหรงของฉันจะโดนแบบนั้นได้ยังไง? ตอนนี้หรงหรงถูกซ้อมแทบปางตาย เธอนอนอยู่ในโรงพยาบาลมาหลายวันแล้ว แต่พวกแกกลับไม่คิดไปดูดำดูดีเลยสักนิด! พวกแกยังเป็นมนุษย์อยู่อีกหรือเปล่า?”
ป้าลู่ร้องไห้คร่ำครวญน้ำตาไหลพราก เธอสวมบทบาทผู้ถูกกระทำต่อหน้าสายตาของชาวบ้านที่กำลังมองมา
ลู่ฉิวเยว่เดินเข้าไปวางปึกนามบัตรลงบนโต๊ะอย่างแรง “ไม่จบไม่สิ้นสักทีนะคะ บอกหนูมาเถอะว่าครั้งนี้ป้าต้องการอะไรอีก?”
ป้าลู่เป็นคนหน้าด้านไร้ยางอาย ป้าลู่ต้องการสูบเลือดสูบเนื้อผู้อื่นไม่เคยหยุด ถ้าเธอไม่รีบจัดการปัญหานี้โดยเร็วและยังปล่อยให้ป้าลู่มาก่อกวนที่ร้านอาหารทุก ๆ 3 วัน อีกหน่อยจะมีลูกค้ามารับประทานอาหารในร้านได้อย่างไร?
ป้าลู่เองก็รู้เช่นกัน เธอจึงไม่ยอมลุกขึ้นและขอให้ลู่ฉิวเยว่ช่วยจ่ายค่ารักษาพยาบาลอย่างหน้าไม่อาย
มาขอเงินอีกแล้วสินะ?
ลู่ฉิวเยว่หัวเราะเยาะ “คุณป้าคะ ป้าเองก็มีงานทำอยู่ในตลาดนะ ตอนแรกหนูก็อยากจะไว้หน้าป้าอยู่หรอก แต่ในเมื่อป้ามาก่อกวนหนูไม่เลิกราอย่างนี้ อย่าโทษว่าหนูใจร้ายเกินไปก็แล้วกัน”
เมื่อเห็นว่าชาวบ้านในบริเวณนั้นยังคงรับฟังด้วยความอยากรู้อยากเห็นต่อไป ลู่ฉิวเยว่ก็ยิ่งพูดต่อไปว่า “ลู่เจี๋ยหรงโดนแบบนั้นก็สมควรแล้วไหมคะ? เธอยังไม่หย่า แต่กลับไปข้องเกี่ยวกับผู้ชายคนอื่น แถมยังพาผู้ชายคนใหม่มากินข้าวที่ร้านอาหารของหนูอีก ป้าเห็นร้านของหนูเป็นอะไร? ต่อให้ผัวเก่าของเธอไม่ตีเธอ ก็คงต้องเป็นหนูนี่แหละที่ตีเธอเอง”
เกิดเสียงอุทานดังขึ้นรอบตัว ทุกคนไม่คิดเลยว่าเรื่องราวของป้าลู่กับลูกสาวจะมีความน่าตื่นเต้นขนาดนี้
แต่ป้าลู่ไม่สนใจมานานแล้วว่าชาวบ้านจะพูดถึงตัวเองอย่างไร เธอตัดสินใจแล้วว่าที่ลู่เจี๋ยหรงต้องเจ็บตัวก็เพราะลู่ฉิวเยว่ เพราะฉะนั้นลู่ฉิวเยว่ต้องเป็นคนจ่ายค่ารักษาพยาบาลทั้งหมด
ทันใดนั้นป้าลู่ยกมือปาดน้ำตาและพุ่งเข้าไปหาโต๊ะอาหารที่มีแขกอยู่เพียงคนเดียวในร้าน ก่อนจะตบโต๊ะด้วยความเจ็บแค้นใจ
“เธอจะไม่ให้เงินใช่ไหม? งั้นวันนี้ก็อย่าเปิดร้านมันเลย!”
ป้าลู่กำลังจะอาละวาดพังร้าน ลู่ฉิวเยว่โกรธจนหน้าเขียว เธอกำลังจะพุ่งเข้าไปหาป้าลู่ แต่เห็นร่างสูงใหญ่ของใครคนหนึ่งเดินเข้ามาพอดี “ลู่ฉิวเยว่ เมื่อไหร่เธอจะจ่ายหนี้ฉัน?”
ฉินซือ!
ก่อนที่เขาจะเดินเข้าไปในร้าน ชายหนุ่มได้หันไปสบตามองเลขาหวัง เลขาหวังเข้าใจได้ทันที เขารีบถอยออกไปเพื่อโทรหาใครบางคน
วันนี้ไม่มีทางเปิดร้านได้ต่อไปอีกแล้ว ดังนั้นลู่ฉิวเยว่จึงไม่มีทางเลือกนอกจากปิดร้าน อาหารที่เธอทำเอาไว้ในวันนี้กลายเป็นของเหลือทิ้ง
หน้าร้านปิดลงอย่างช้า ๆ
ฉินซือหัวเราะเยาะ เขาพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “ลู่ฉิวเยว่! เดือนที่แล้วเธอยืมเงินฉันไป 3,000 หยวน เมื่อไหร่จะใช้คืน?”
ลู่ฉิวเยว่เข้าใจความหมายของเขาโดยทันที เธอแกล้งก้มหน้าลงอย่างรู้สึกผิดและพูดเสียงอ่อยว่า “คุณฉินคะ ถึงคุณจะดุด่าฉันยังไง แต่ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะไปหาเงินมาคืนคุณยังไงดี”
“อ้าว! ไม่มีเงินใช่ไหม? ในเมื่อไม่มีเงิน เธอก็ลองขอยืมญาติดูบ้างสิ เธอคงไม่อยากติดคุกเพราะเงิน 3,000 หยวนหรอกใช่ไหม?” เสียงของฉินซือเย็นชาปานน้ำแข็ง “ถึงเราจะร่วมมือกันมาด้วยดีโดยตลอด แต่ธุรกิจก็คือธุรกิจ นี่เลยกำหนดการใช้คืนมาแล้ว แต่เธอก็ยังไม่จ่ายหนี้ฉัน ฉันก็ต้องหาทางเอาเงินคืนให้ได้”
หลังจากพูดจบแล้ว เขาก็ชักมีดเล่มเล็กออกมาจากกระเป๋าและจ้องมองไปทางกลุ่มคนด้วยสายตาเย็นชา ก่อนจะหันไปหาป้าลู่ “ผู้หญิงคนนี้เป็นใคร? ญาติเธอใช่ไหม?”
เขาพูดต่อไปทันที “เธอเลือกมาว่าจะจ่ายเงินฉันหรือจะจ่ายด้วยชีวิตของผู้หญิงคนนี้?”
ป้าลู่ถึงกับหยุดชะงัก ลู่ฉิวเยว่เป็นหนี้มากมายถึงเพียงนี้เชียวหรือ? มิน่าล่ะ ลู่ฉิวเยว่ถึงได้มาเปิดร้านอาหารใหญ่โตขนาดนี้ได้!
ป้าลู่ก็หายสงสัยแล้วเช่นกัน ที่ผู้คนในหมู่บ้านมักจะบอกว่าอย่าไปมีปัญหากับผู้ชายที่ชื่อฉินซือเด็ดขาด ไม่งั้นอาจจะถึงตายได้ ป้าลู่ได้เห็นด้วยตาตัวเองในวันนี้แล้ว
เธอส่ายหน้า “ไม่ใช่นะคะ ฉันแค่มาทานอาหาร… ฉันไม่ได้เป็นญาติใครทั้งนั้น…”
“คุณป้า ทำไมถึงพูดแบบนี้ล่ะคะ?” ลู่ฉิวเยว่มีสีหน้าเศร้าสลด “คุณป้า พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกันนะ ป้าจะปล่อยให้หนูติดคุกจริง ๆ เหรอ? ป้าให้หนูยืมเงินก่อนนะ เมื่อหนูเอาเงินคืนให้คุณฉินไปแล้ว หนูจะใช้คืนป้าในอนาคตอย่างแน่นอน”