สูตรลับแม่ครัวมือทองในยุค80 - บทที่ 36 แม่ของฉินซือรู้แล้วว่าลูกชายมีคนที่ชอบ
บทที่ 36 แม่ของฉินซือรู้แล้วว่าลูกชายมีคนที่ชอบ
บทที่ 36 แม่ของฉินซือรู้แล้วว่าลูกชายมีคนที่ชอบ
“งั้นก็คอยดูให้ดีก็แล้วกัน!”
แม่ของจ้าวซูซินหัวเราะด้วยความโกรธแค้น เธอมีสีหน้าเหยียดหยามราวกับว่ากำลังมองสุนัขข้างถนน แล้วเธอก็ถือกระเป๋าหมุนตัวเดินจากไป
ลู่ฉิวเยว่รู้ดีว่าปัญหานี้คงไม่จบลงง่าย ๆ แน่
แต่ชีวิตในชาติที่แล้วของเธอมีปัญหาชนิดใดบ้างที่ลู่ฉิวเยว่ไม่เคยพบเจอ? หญิงสาวจึงรู้ดีว่าทุกปัญหามีทางแก้ไขเสมอ
แต่แน่นอนว่าวันต่อมาปัญหาก็มาถึงบ้าน
คนจากกระทรวงสาธารณสุขมาบอกว่าต้องการจะตรวจสอบอาหารของเธอ หลังจากแกล้งเดินกดดันอยู่พักใหญ่ สุดท้ายพวกเขาก็บังคับให้เธอปิดร้าน
ลู่ฉิวเยว่รู้ดีว่าพ่อค้าแม่ค้าไม่มีทางสู้กับเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลได้อยู่แล้ว นี่ไม่ใช่เรื่องดีสำหรับร้านของเธอเลย
เพราะฉะนั้น เธอจึงไม่ได้ต่อต้าน
ในเมื่อนี่เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นจากฝั่งของฉินซือ เธอก็ควรส่งให้เขาจัดการ
ลู่ฉิวเยว่รีบออกไปที่ตู้โทรศัพท์ข้างนอกอย่างรวดเร็วและโทรหาฉินซือ
“ฉิวเยว่เหรอ?” เมื่อมีคนรับสาย เธอก็ได้ยินว่าเสียงของชายหนุ่มที่เต็มไปด้วยความดีใจ
เขาไม่ได้เจอลู่ฉิวเยว่มาหลายวันแล้ว ก่อนหน้านี้เขาอาจจะไปแอบดูเธอบ้าง แต่ช่วงหลังเขายุ่งมากจนไม่มีเวลา
ลู่ฉิวเยว่ได้ยินเสียงดีอกดีใจของเขาก็ไม่อยากเสียเวลาให้มาก เธอตรงเข้าประเด็นทันที “เมื่อวานนี้แม่ของเพื่อนคุณมาหาฉัน เธอบอกให้ฉันรับเงินค่าชดเชยเอาไว้ แต่ฉันไม่ยอม ตอนนี้ร้านของฉันก็เลยถูกสั่งปิด คุณฉิน เราจะจัดการเรื่องนี้ยังไงดีคะ?”
เสียงของเธอเต็มไปด้วยความเหนื่อยใจ ฉินซือรู้แล้วว่าเธอไม่มีความสุข จึงรีบพูดโดยเร็ว “โทษทีนะ ผมไม่ทันได้คิดถึงเรื่องนี้ เดี๋ยวผมจะรีบจัดการให้ คุณมีอะไรก็ไปทำก่อนเถอะ ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องนี้”
ลู่ฉิวเยว่ไม่พูดอะไรอีก ได้แต่วางโทรศัพท์ไปเงียบ ๆ
ฉินซืออ้าปากค้าง นึกว่าหญิงสาวจะทำให้บรรยากาศผ่อนคลายขึ้น แต่ที่ไหนได้ สิ่งที่เขาได้ยินก็คือเสียงสัญญาณที่ขาดหายไปเท่านั้น
ฉินซือขมวดคิ้ว ดูเหมือนเขาจะเตือนตระกูลจ้าวไม่แรงพอ ฝ่ายนั้นถึงยังได้กล้ามาทำเช่นนี้
และในบ่ายวันเดียวกันนั้น ก็ได้เกิดเรื่องขึ้นกับจ้าวซูซิน ร้านตัดชุดแต่งงานของเธอถูกสั่งปิด แม้แต่ใบอนุญาตการเปิดร้านก็ถูกเพิกถอน
ร้านเหล้าของตระกูลจ้าวถูกบังคับให้ปิด สร้างความเสียหายใหญ่หลวง
แม่ของเธอต้องวิ่งวุ่นแก้ปัญหา
ในเมื่อแม่ของจ้าวซูซินเป็นคนอยู่เบื้องหลังการปิดร้านของลู่ฉิวเยว่ ร้านตัดชุดแต่งงานของเธอจึงถูกสั่งปิดเหมือนกัน แล้วจ้าวซูซินจะไม่เข้าใจเรื่องราวเหล่านี้ได้อย่างไร?
เพราะอะไรกันนะ?
ทำไมฉินซือถึงปกป้องผู้หญิงคนนั้นขนาดนี้? เขาไม่กลัวที่จะมีปัญหากับครอบครัวของเธอเลย!
ผู้หญิงคนนั้นต้องเป็นคนบงการเขาแน่ ๆ!
“ฉินซือ เจ้าเด็กคนนี้!”
เมื่อได้ยินภรรยารายงาน จ้าวหลินก็กัดฟันด้วยความโกรธแค้น
ความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลจ้าวกับตระกูลฉินดำเนินมาได้หลายทศวรรษแล้ว แต่ฉินซือกลับเลือกที่จะสร้างปัญหาขึ้นเพราะผู้หญิงเพียงคนเดียว!
แม้ว่าปัญหาเรื่องฝิ่นนั้นจะน่ารำคาญนิดหน่อย แต่เขาก็หวังว่าพ่อแม่ของฉินซือจะช่วยตักเตือนลูกชายบ้าง
ผู้หญิงอย่างนั้นหรือ?
แม่ของฉินซือเบิกตาโตด้วยความไม่อยากเชื่อ ฉินซือไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงคนอื่นนอกจากจ้าวซูซินมาหลายปี เธอเคยเข้าใจว่าจ้าวซูซินเป็นแฟนของลูกชายด้วยซ้ำ
แม้แต่คนเป็นแม่อย่างเธอก็ไม่รู้เช่นกันว่าฉินซือมีคนอื่นอยู่ในหัวใจที่ไม่ใช่จ้าวซูซิน
ฉินซือไม่ชอบจ้าวซูซิน เขาแค่คิดกับเธอแบบพี่น้องในครอบครัวคนหนึ่ง
แต่เมื่อเห็นว่าเขาไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงคนไหน คนเป็นแม่จึงรู้สึกเป็นห่วง แต่ฉินซือมักจะเบี่ยงประเด็นออกไปเสมอเมื่อพูดถึงเรื่องนี้ สุดท้ายหญิงวัยกลางคนก็ทำใจแล้วว่าลูกชายของเธออาจจะต้องอยู่ตัวคนเดียวไปตลอดชีวิต
ด้วยเหตุนี้ แม่ของฉินซือจึงไม่คิดเลยว่าลูกชายจะมีคนที่ชอบอยู่แล้ว เธอจึงยิ้มกว้างปากแทบฉีกถึงรูหู
แต่หลังจากนั้น เมื่อได้ยินการรายงานจากจ้าวหลินว่า ผู้หญิงคนนั้นดูเหมือนจะไม่ใช่คนดี แม่ของฉินซือก็ยิ้มไม่ออกอีกต่อไป
ส่วนพ่อของเขาก็ได้แต่ออกคำสั่งว่า “รีบตามตัวฉินซือกลับมาเดี๋ยวนี้”
ตระกูลจ้าวกับตระกูลฉินเป็นเพื่อนกันมาช้านาน แล้วเขาจะปล่อยให้มิตรภาพถูกทำลายลงด้วยเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่นนี้ได้อย่างไร? ฉินซือไม่ใช่เด็กเล็ก ๆ แล้ว เกรงว่าตอนนี้คงลุ่มหลงผู้หญิงคนนั้นจนโงหัวไม่ขึ้น
วีรบุรุษจำนวนมากมักจะตกม้าตายเพราะเรื่องผู้หญิงเสมอ ยังไม่ต้องพูดถึงว่าฉินซือไม่เคยรักใครมาก่อน
หลังจากส่งตระกูลจ้าวกลับไปแล้ว พ่อแม่ของฉินซือก็รีบโทรตามเขากลับบ้านทันที
ไม่ว่าฉินซือกำลังยุ่งอยู่แค่ไหน เขาก็สามารถหาเวลากลับบ้านได้เสมอ และเขาก็รีบกลับบ้านในคืนนั้นเอง
ทันทีที่เห็นหน้าลูกชาย แม่ของเขาก็รีบออกไปรับหน้า “เรื่องมันเป็นยังไงกันแน่ ลูกรัก แม่ได้ยินที่ลุงจ้าวพูดหมดแล้ว…”
หลังจากได้ยินคำพูดของผู้เป็นแม่ ฉินซือก็ขมวดคิ้ว จ้าวหลินไม่พูดถึงประเด็นที่พวกของตนเองนำฝิ่นไปใส่ร้ายลู่ฉิวเยว่เลย
ลู่ฉิวเยว่จึงกลายเป็นผู้หญิงร้ายกาจในสายตาพ่อแม่ของเขาไปแล้ว
และด้วยความที่กลัวว่าพ่อแม่จะเข้าใจลู่ฉิวเยว่ผิด ชายหนุ่มจึงอธิบายเรื่องราวทั้งหมดโดยละเอียด
“จ้าวซูซินคนนี้ร้ายกาจมากเลยนะเนี่ย” แม่ของเขาขมวดคิ้ว เธอไม่คิดเลยว่าหญิงสาวที่อ่อนหวานและนุ่มนวลมาโดยตลอดอย่างจ้าวซูซินจะกลายเป็นคนเช่นนี้
ถึงกับเอายาเสพติดไปใส่ความคนอื่น เธอกล้าดียังไง!
พ่อของชายหนุ่มถอนหายใจ “เรื่องนั้นไม่สำคัญหรอก ถึงยังไงเราก็ต้องรักษาหน้าตระกูลจ้าว เรื่องทั้งหมดยุติแต่เพียงเท่านี้เถอะ”
ฉินซือมีสีหน้าไม่เห็นด้วยขึ้นมาทันที “ทำไมต้องทำแบบนั้นด้วยครับ? มีแต่พวกเขาที่สามารถรังแกคนอื่นได้หรือไง? ที่ลู่ฉิวเยว่ต้องมาเดือดร้อนก็เพราะผม เรื่องนี้พ่อไม่ต้องมายุ่ง เดี๋ยวผมจัดการเอง”
พ่อของฉินซือไม่ได้พูดอะไรอีก เรื่องนี้เป็นความผิดของตระกูลจ้าว ใครใช้ให้พวกนั้นใช้อำนาจที่ตัวเองมีมารังแกคนอื่นเล่า
แบบนี้มันมากเกินไปแล้ว
ฉินซือเป็นคนที่มีความคิดเป็นของตัวเองตั้งแต่เด็ก ถ้าเขาตัดสินใจทำสิ่งใดแล้ว ต่อให้เอาช้างมาฉุดก็หยุดไม่อยู่ ดังนั้นคนเป็นพ่อจึงได้แต่ทำใจ
พ่อของเขาถอนหายใจออกมา “อย่าให้มันมากเกินไปก็แล้วกัน”
ฉินซือพยักหน้า “ทราบแล้วครับ”
ตราบใดที่พวกเขาไม่มายุ่งกับลู่ฉิวเยว่อีก ฉินซือก็จะไม่ไปยุ่งกับตระกูลจ้าวเช่นกัน
แต่แม่ของเขาไม่สนใจเรื่องนี้เลย เธอสนใจเพียงแต่ว่าลูกชายของตัวเองกำลังมีความรัก!
“ลูกจ๋า ผู้หญิงคนนั้นหน้าตาเป็นยังไง? ขอแม่ดูหน่อยได้ไหม”
คนเป็นแม่มองเขาด้วยความกระตือรือร้น ฉินซือหันไปมองหน้าด้วยความหมดหวัง “จีบติดเมื่อไหร่ เดี๋ยวผมจะเอารูปมาให้ดูนะ”
ว่าไงนะ? ผู้หญิงคนนั้นยังไม่ยอมรับรักลูกชายของเธออีกเหรอ?
เมื่อแม่ของเขาได้ยินเช่นนั้น เธอก็ขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ “ทำไมถึงเป็นอย่างนั้นล่ะลูก?”
หลังจากตามจีบมานาน ทำไมถึงยังจีบไม่ติดอีกนะ
ฉินซือถูกถามคำถามนี้ เขาก็ไม่รู้จะตอบอย่างไร เขาเองก็ถามกับตัวเองเช่นนั้นเหมือนกัน ทำไมเขาถึงยังจีบลู่ฉิวเยว่ไม่ติด? นั่นเป็นเพราะว่าเธอไม่ยอมตกหลุมรักใครง่าย ๆ ไงล่ะ!
แม่ของเขาพูดต่อไปว่า “ไม่เป็นไร คืนนี้แกค้างที่นี่ก่อน แล้วพรุ่งนี้ค่อยกลับไป อย่าปล่อยให้ครอบครัวของพวกเธอต้องรอนาน”
ฉินซือเดินทางกลับไปในตอนรุ่งเช้า ลู่ฉิวเยว่สามารถจำเขาได้ทันทีตั้งแต่เห็นเขาปรากฏตัวขึ้นระยะไกล ทั้งที่เขายังเดินไปไม่ใกล้ร้านของเธอเลยด้วยซ้ำ
ฉินซือตัวสูงและขายาว ต่อให้จะมีท่าทางเหนื่อยล้าเพียงใด ก็ยังมีเสน่ห์ดึงดูดใจอยู่ดี
“ทำไมถึงมาตั้งแต่เช้าเลยคะ?” ลู่ฉิวเยว่เดินออกไปต้อนรับ
ฉินซือมองดวงตาที่สวยงามของเธอและยิ้มกว้าง “ผมซื้อตั๋วมาตั้งแต่เมื่อคืน ผมคิดถึงคุณ”
ลู่ฉิวเยว่ย่อมรู้ดีว่าเขากลับมาทำไม ตระกูลจ้าวกับตระกูลฉินเป็นเพื่อนกันมานาน ฉินซือคงไม่อยากมีเรื่องกับครอบครัวของตัวเองเพราะผู้หญิงแปลกหน้าคนหนึ่ง
พ่อแม่ของเขาคงบังคับให้เขามาอธิบายถึงความสัมพันธ์ระหว่างสองตระกูลให้เธอฟัง
ม่านหมอกในตอนเช้าหนาจัด อากาศเย็น ผู้คนหนาวสั่น ฉินซือยืนอยู่ตรงนั้นนานแล้ว ปลายจมูกของเขาเป็นสีแดงจากความเย็น
ลู่ฉิวเยว่มองเขาด้วยความสงสาร จึงเรียกเข้าไปในร้านและต้มบะหมี่ให้กิน
ผักสีเขียวมรกตลอยอยู่บนชามบะหมี่ ดูรับประทานยิ่งนัก และในบะหมี่ก็ยังมีการตอกไข่ใส่ลงไป ส่งกลิ่นหอมชวนรับประทาน
กลิ่นบะหมี่ตลบไปทั่วร้านเล็ก ๆ
ฉินซือชิมน้ำซุป เขารู้สึกมีความสุข ทุกอย่างคุ้มค่าแล้ว
ลู่ฉิวเยว่รู้ดีว่าเรื่องนี้จะต้องทำให้ฉินซือมีปัญหา แต่เธอก็คิดไม่ถึงว่ามันจะทำให้เขามีปัญหาถึงขนาดนี้