สูตรลับแม่ครัวมือทองในยุค80 - บทที่ 28 ลู่เจี๋ยหรงถูกไล่ออก
บทที่ 28 ลู่เจี๋ยหรงถูกไล่ออก
บทที่ 28 ลู่เจี๋ยหรงถูกไล่ออก
ตลอดทางกลับบ้าน ฉินซือหันไปมองหน้าลู่ฉิวเยว่หลายครั้ง แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไร
เขาอยากจะถามว่าเธอมีคนที่ชอบอยู่แล้วใช่ไหม หมอนั่นเป็นใคร แต่ว่าเขาเป็นผู้ใหญ่แล้ว เขาจะทำตัวแบบนั้นไม่ได้
ลู่ฉิวเยว่ยังคงเรียกเขาว่าคุณฉิน ทำเหมือนเขาเป็นคนแปลกหน้า แต่เธอกลับเรียกเลขาของเขาว่าพี่หวัง!
เธอทำกับเขาไม่เหมือนที่ทำกับคนอื่น!
“งั้นฉันกลับก่อนนะคะ โชคดีค่ะ” ไม่ว่าชายหนุ่มจะมีสีหน้าเศร้าโศกอย่างไร แต่คืนนั้น ลู่ฉิวเยว่ก็นอนหลับสบายไร้สิ่งใดรบกวนใจ
คืนนั้นฉินซือนอนไม่หลับ เขาได้แต่นึกถึงสิ่งที่ลู่ฉิวเยว่พูดในร้านหนังสือ
เธอหมายความว่าอย่างไร?
เธอเอาคำพูดพวกนั้นมาจากผู้ชายที่เธอชอบใช่ไหม?
เมื่อคิดแบบนั้นฉินซือก็รู้สึกโมโหขึ้นมา
ตกลงว่าเธอมีคนที่ชอบอยู่แล้วใช่ไหม?
ฉินซือใช้ความคิดอย่างหนัก ไม่น่าจะใช่ ถ้าเธอมีคนที่ชอบอยู่แล้ว ก็ต้องปฏิเสธเขาไปแล้วสิ
แต่ลู่ฉิวเยว่หน้าตาดีขนาดนี้ ความสามารถก็มีรอบด้าน คงมีผู้ชายสนใจเธอไม่น้อย
ว่าแต่เธอชอบผู้ชายแบบไหนกันนะ?
ลู่ฉิวเยว่ยุ่งอยู่ตลอดทั้งวัน ไม่มีเวลานึกถึงฉินซือสักนิดเดียว แม้แต่ลู่เจี๋ยหรง เธอก็ไม่มีเวลานึกถึงเช่นกัน
หลังจากที่ไปโรงพักเมื่อครั้งที่แล้ว สวีต้าหลินก็ไม่ได้ให้เงินลู่เจี๋ยหรงใช้อีกเลย ก่อนหน้านี้เขาพอจะให้บ้าง แต่ตอนนี้ไม่ให้แล้ว
ลู่เจี๋ยหรงจึงต้องไปทำงานเป็นพนักงานในร้านอาหาร
“ลู่เจี๋ยหรง เธอมัวทำอะไรอยู่! เช็ดโต๊ะให้มันเร็ว ๆ หน่อยสิ! เธอมันขี้เกียจเกินไปแล้วนะ!”
เสียงตะโกนของเจ้านายทำให้ลู่เจี๋ยหรงต้องรีบเช็ดโต๊ะให้เร็วขึ้น
ไม่ว่าเธอจะทำงานเท่าไหร่ แต่เจ้านายและภรรยาของเขาก็หาทางตำหนิเธอได้อยู่ดี ลู่เจี๋ยหรงเคยคิดที่จะลาออกหลายครั้งแล้ว
แต่เธอก็ไม่กล้า ถ้าเธอลาออก เธอก็จะไม่มีเงินใช้ และเธอจะไม่สามารถหางานที่ดีกว่านี้ทำได้ในอนาคต
ตอนนี้เธอทำได้แค่อดทนไปก่อน
เจ้านายร้องสั่งก่อนจะออกไปซื้อของในตลาดด้วยความหงุดหงิด
“โร่วเจียโม๋ของคุณลู่อร่อยมาก เจ้านายผมกินได้ไม่เบื่อเลยครับ” ชายหนุ่มชื่นชม
ลู่ฉิวเยว่ยิ้ม “ผู้จัดการหลินชมเกินไปแล้ว”
หลินเซิงเป็นผู้จัดการโรงงานทอผ้าไป๋อวิ๋น เขาเป็นลูกจ้างคนสนิทของเจ้าของโรงงาน วันนี้พวกเขานัดทานอาหารกันเพื่อต่อสัญญาการส่งอาหารในรอบเดือนใหม่
พวกเขาอยากให้ลู่ฉิวเยว่ทำโร่วเจียโม๋ส่งโรงงานวันละ 200 ชิ้น
ลู่ฉิวเยว่ตอบตกลงโดยไม่ลังเล และรับปากไปว่าเธอสามารถขยายเป็นสัญญาระยะยาวได้เช่นกัน
ลู่ฉิวเยว่?
เมื่อได้ยินชื่อนี้ ลู่เจี๋ยหรงที่กำลังเช็ดโต๊ะอยู่แถวนั้นก็หันกลับไปมอง ลู่ฉิวเยว่ที่เธอรู้จักจริง ๆ ด้วย!
ลู่ฉิวเยว่หน้าตาสวยงามมากขึ้น เสื้อผ้าก็หรูหราดูดีมีระดับมากขึ้น เธอกำลังหัวเราะกับผู้ชายหน้าตาดี เธอเป็นผู้ชนะในทุกเรื่อง
ลู่เจี๋ยหรงย้อนกลับมาดูตัวเอง
ผ้ากันเปื้อนสีดำที่คาดอยู่บนตัวทำให้ลู่เจี๋ยหรงรู้สึกอยากจะทำลายชีวิตลู่ฉิวเยว่มากขึ้นไปอีก!
“โอ๊ย!”
ลู่ฉิวเยว่รู้สึกได้ว่ามีใครบางคนพุ่งเข้ามาหาตัวเอง
ลู่เจี๋ยหรงนั่นเอง
เล็บอันแหลมคมของเธอจิกลงไปบนลำคอของลู่ฉิวเยว่
หลินเซิงที่ตั้งสติได้อย่างรวดเร็วรีบพุ่งเข้าไปจับตัวลู่เจี๋ยหรงเอาไว้
“เพียะ!” ลู่ฉิวเยว่ลุกขึ้นแล้วหันกลับไปตบหน้าลู่เจี๋ยหรงอย่างแรง
“ลู่ฉิวเยว่ นี่แกกล้าตบฉันเหรอ?” ลู่เจี๋ยหรงดิ้นรนอย่างบ้าคลั่ง ก่อนจะพยายามพุ่งเข้าไปหาลู่ฉิวเยว่อีกครั้ง แต่ก็ถูกหลินเซิงจับตัวเอาไว้และโยนเธอลงไปนั่งอยู่บนพื้น
ในเมื่อทำอะไรไม่ได้แล้ว ลู่เจี๋ยหรงจึงหันไปพูดกับหลินเซิงว่า “ลู่ฉิวเยว่เป็นนังแพศยา! เธอมั่วกับอันธพาลในหมู่บ้าน เธอเป็นผู้หญิงสกปรก คุณมองไม่เห็นหรือไง ทำไมถึงได้ตกหลุมรักเธอ?”
หลินเซิงมีความรู้สึกดี ๆ ต่อลู่ฉิวเยว่อยู่แล้ว เขาจึงไม่เชื่อคำพูดของลู่เจี๋ยหรง ได้แต่เพิ่มแรงมือที่บีบแขนอีกฝ่ายอยู่พร้อมกับเตือนว่า “คุณลู่เป็นคนดี ไม่เคยทำอะไรเสียหาย เธอหุบปากไปจะดีกว่านะ!”
ลู่ฉิวเยว่หัวเราะออกมาเมื่อได้ยินเช่นนั้น ทุกคนในร้านต่างก็มองมาด้วยความตกใจ เจ้าของร้านและภรรยาก็ออกมาดูเหตุการณ์ด้วยเช่นกัน
“เธอไม่ต้องมาสนใจเรื่องภาพลักษณ์ของฉันหรอก เธอห่วงภาพลักษณ์ของตัวเองดีกว่านะ ครั้งสุดท้ายที่เธอพูดจาเหลวไหลแบบนี้ก็ถูกตำรวจจับตัวไปแล้วไม่ใช่หรอ? เธออยากให้ฉันแจ้งตำรวจอีกไหม?”
ลู่ฉิวเยว่หัวเราะเยาะต่อไปว่า “แต่เธอเคยไปโรงพักมาแล้วนี่ พวกเขาคงมีประวัติเธออยู่แล้ว ไปอีกรอบคงไม่เป็นอะไรแล้วมั้ง”
แล้วทุกคนก็นึกถึงเรื่องราวที่ลู่เจี๋ยหรงเคยก่อก่อนหน้านี้ ลู่เจี๋ยหรงมีสีหน้าร้อนรนขึ้นมาทันที
“พวกเราตั้งใจมากินข้าวแท้ ๆ ทำไมต้องมาเจอคนชั่วแบบนี้ด้วยนะ!”
“นั่นสิ! เห็นหน้าคนชั่วแบบนี้แล้วกินไม่ลงเลย”
ลูกค้าในร้านเริ่มบ่นเสียงดัง
เจ้าของร้านเพิ่งกลับจากตลาดพอดี เขาไม่ปล่อยให้เหตุการณ์บานปลายไปมากกว่านี้ เขารีบเข้ามาขอโทษลู่ฉิวเยว่และรับปากว่าจะไล่ลู่เจี๋ยหรงออกในวันพรุ่งนี้
ลู่ฉิวเยว่กลับไปด้วยความพอใจ
ลู่เจี๋ยหรงต้องสูญเสียทั้งงานและภาพลักษณ์ เธอจึงทนไม่ไหวที่จะได้แก้แค้นลู่ฉิวเยว่
แต่มีคนจ้องมองอยู่มากเกินไป อีกอย่าง มีผู้ชายอยู่กับลู่ฉิวเยว่ตลอด ลู่เจี๋ยหรงจึงไม่มีโอกาสลงมือ เพราะเธอไม่อยากจะไปสถานีตำรวจอีกแล้ว
หลังจากเซ็นสัญญากับหลินเซิงเรียบร้อย ลู่ฉิวเยว่ก็นำเสนอสินค้าใหม่ให้หลินเซิงได้ชิม เธอเลือกเปิดตัวสินค้าชิ้นนี้ตอนเที่ยงตรง ลูกค้าหลายคนอยากลองชิมบ้าง
อาหารที่หญิงสาวทำนั้นน่าอร่อยมาก เมื่อได้ยินว่าเธอจะเปิดตัวเมนูใหม่ ทุกคนก็ตื่นเต้น
ลู่ฉิวเยว่รู้ดีว่าอาหารซ้ำซากจำเจทำให้ลูกค้าเบื่อได้ในที่สุด เธอจึงต้องพยายามคิดค้นอาหารใหม่ ๆ ขึ้นมาเพื่อดึงดูดลูกค้าอยู่เสมอ
หลายวันผ่านไปอย่างราบรื่น จนกระทั่งลู่เจี๋ยหรงกับแม่ของเธอมาที่ร้าน
“ลู่ฉิวเยว่! ออกมาเดี๋ยวนี้เลยนะ!”
เมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคย ลู่ฉิวเยว่ก็ขมวดคิ้วและมองไปอย่างไม่พอใจ
แม่ของลู่เจี๋ยหรงเดินมาถึงหน้าประตูร้านและตะโกนว่า “ลู่ฉิวเยว่ นังตัวดี! แกทำลายครอบครัวของเรา แกทำให้สวีต้าหลินหย่ากับลู่เจี๋ยหรง! แกเป็นอะไรกับครอบครัวของฉันมากไหม!”
แม่ของลู่ฉิวเยว่กัดฟันและวิ่งออกไปเผชิญหน้า “พูดอะไรของคุณ? เยว่เยว่ของเราไประรานลูกสาวคุณตั้งแต่เมื่อไหร่? มีแต่ลูกสาวคุณนั่นแหละที่มาก่อกวนพวกเราครั้งแล้วครั้งเล่า จำไม่ได้แล้วหรือไงว่าลูกสาวคุณขึ้นโรงพักไปกี่รอบแล้ว!”
“ฉันไม่สน พวกแกต้องรับผิดชอบ! พวกเราไม่มีที่ไปแล้ว พวกแกต้องดูแลลูกสาวฉัน!”
ลู่ฉิวเยว่หัวเราะออกมาด้วยความขบขัน “หมายความว่ายังไงนะคะ?”
ยังจะเอาเรื่องนี้มาพูดได้อีกหรือ?
แม่ของลู่เจี๋ยหรงพูดออกมาอย่างมีความสุขกว่า “ถามขึ้นมาก็ดีแล้ว เธอต้องรับตัวลูกสาวฉันไปอยู่ด้วย แต่หรงหรงไม่ได้อยู่กับพวกเธอฟรี ๆ หรอกนะ หรงหรงจะทำหน้าที่เป็นนักบัญชีให้กับพวกเธอเอง ลูกสาวฉันเก็บเงินแล้วก็ทำบัญชีเก่งมาก”
หญิงวัยกลางคนรีบพูดเพราะกลัวอีกฝ่ายไม่รู้ว่าลูกสาวของตนเองมีความสามารถอย่างไร
ลู่ฉิวเยว่ขี้เกียจเถียงแล้ว เธอรู้สึกว่าแม่ลูกคู่นี้ช่างเป็นสองแม่ลูกที่น่าขันที่สุดในโลกจริง ๆ