สูตรลับแม่ครัวมือทองในยุค80 - บทที่ 193 บ้านใหม่
บทที่ 193 บ้านใหม่
“300,000 หยวน เดี๋ยวฉันจะรีบจ่ายคืนในไม่กี่เดือนแน่นอน” ลู่ฉิวเยว่ใช้เวลาคิดเพียงไม่นาน
ฉินซือยิ้มออกมาอย่างมีความสุข “ไม่ต้องใช้คืนหรอก ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของเงินค่าสินสอดก็ได้”
ลู่ฉิวเยว่ทำหน้าบึ้ง “ไม่ได้ ฉันบอกว่ายืมก็คือยืมสิ เรื่องเงินสินสอดค่อยไว้คุยกันทีหลัง” แม้เขาจะคัดค้านอย่างไร แต่สุดท้ายเธอก็นำเอกสารสัญญาการกู้ยืมเงินมาให้เขาลงชื่ออยู่ดี
ฉินซือเซ็นชื่อในเอกสารการกู้ยืมเงินที่เธอเขียนอย่างช่วยไม่ได้ เธอไม่เคยเอาเปรียบเขาเลยจริง ๆ แม้ว่าเขาจะยินดีช่วยเหลือเธอก็ตาม
แต่เมื่อนึกว่าพวกเขากำลังจะได้แต่งงานในอนาคต ชายหนุ่มก็ดึงเธอเข้ามากอดและหอมแก้มเธอโดยที่อีกฝ่ายไม่รู้ตัว
ลู่ฉิวเยว่รีบหันไปมองรอบตัวด้วยความตกใจ แน่นอนว่าทุกคนกำลังจ้องมองมาที่พวกเธอพร้อมกับหัวเราะหยอกเย้า
ลู่ฉิวเยว่หยิกเอวของฉินซือด้วยความโกรธ แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเอวของเขาจะไม่มีไขมันเลยแม้แต่น้อย เธอจึงไม่สามารถหยิกได้ นั่นทำให้ลู่ฉิวเยว่หงุดหงิดมากขึ้นและจ้องมองเขาอย่างคาดโทษ
แต่สายตาอันดุร้ายของเธอก็ไม่ส่งผลใด ๆ วันนี้ฉินซือกำลังมีความสุข ต่อให้เธอตบหน้าเขา เขาก็จะไม่ร้องไห้แม้แต่น้อย
“อิ่มหรือยัง? พวกเราออกไปดูบ้านกันเถอะ” เขาจับมือเธอแน่น
ลู่ฉิวเยว่หัวเราะในลำคออย่างเย็นชาก่อนจะเดินออกไปจากร้านอาหารอย่างรวดเร็ว
พอเห็นแบบนั้น ฉินซือก็รีบเดินตามไป
ลู่ฉิวเยว่เริ่มให้ความสนใจเกี่ยวกับการซื้อบ้านมาได้พักใหญ่แล้ว ดังนั้นการเลือกบ้านในครั้งนี้จึงไม่ใช่เรื่องที่ยากลำบาก เธอมีบ้านอยู่ในใจเรียบร้อยแล้ว เพียงแค่ต้องเข้าไปสำรวจดูก่อนเท่านั้นก็ตัดสินใจได้โดยทันที
บ้านที่เธอต้องการมีขนาดใหญ่ อย่าว่าแต่จะให้พ่อแม่ของเธอมาอยู่ด้วยเลย ต่อให้มีคุณลุงกับป้าสะใภ้มาอยู่ด้วย รวมถึงให้ฉินซือมาฉลองเทศกาลตรุษจีนด้วยกัน ก็ยังมีขนาดกว้างขวางเหลือเฟือ
สนามหญ้าหน้าบ้านไม่เล็กเกินไป มีพื้นที่มากพอที่จะให้แม่ของเธอได้ทำแปลงผักสวนครัวแก้เบื่อ
“พวกเรากลับกันเถอะ” หลังจากพูดคุยราคากับเจ้าของบ้านและตกลงกำหนดการโอนบ้านกันเป็นที่เรียบร้อย ลู่ฉิวเยว่ก็ลากฉินซือออกไปข้างนอก
เมื่อการซื้อบ้านใหม่เสร็จสิ้นลง ลู่ฉิวเยว่ก็มีความสุขเป็นอย่างยิ่ง รอยยิ้มยังคงอยู่บนใบหน้าของเธอแม้แต่ตอนที่ลงมาจากรถยนต์
“ยิ้มหวานกลับมาเชียวนะ ไปเดตกันมาใช่ไหม?” เมื่อกลับมาถึงบ้าน คุณลุงและป้าสะใภ้ก็กำลังช่วยกันทำอาหารค่ำ เมื่อหันมาเห็นว่าพวกของลู่ฉิวเยว่กับฉินซือเดินเข้ามาภายในบ้านจึงอดหยอกเย้าไม่ได้
ลู่ฉิวเยว่ส่ายหน้า “เปล่าค่ะ หนูไปดูบ้านใหม่ ตอนนี้ตกลงกันได้เรียบร้อย วันพรุ่งนี้หนูจะไปทำเรื่องโอนบ้านค่ะ”
ไม่ได้มีเพียงลู่ฉิวเยว่เท่านั้นที่มีความสุข ตอนนี้ใบหน้าทุกคนก็มีรอยยิ้มแจ่มใสเช่นกัน
“บ้านหลังใหม่หนูใช้ชื่อพ่อแม่เป็นเจ้าของบ้านนะคะ” ลู่ฉิวเยว่มองไปที่พวกท่านด้วยสายตาจริงจัง
ดวงตาของพ่อแม่เธอเป็นประกายด้วยความตื้นตันใจ แต่พวกท่านก็ยังปฏิเสธว่า “พ่อกับแม่ซึ้งใจมากเลยนะ แต่ลูกไม่ต้องใส่ชื่อพ่อกับแม่เข้าไปหรอก ใช้แค่ชื่อของลูกคนเดียวก็พอ เพราะของที่เป็นของพ่อแม่ก็ต้องเป็นของลูกในอนาคตอยู่แล้ว”
ลู่ฉิวเยว่ใช้ความคิดอยู่อีกครู่หนึ่ง แต่ก็ไม่ได้โน้มน้าวพวกท่านต่อ เพราะบ้านหลังนั้นก็จะเป็นของพวกเธออยู่ดี มันจะเป็นชื่อของใครก็ไม่สำคัญหรอก
คุณแม่ลู่บอกให้เธอและชายหนุ่มนั่งลงรับประทานอาหารด้วยกัน
วันต่อมา ขั้นตอนการโอนบ้านดำเนินไปอย่างรวดเร็วและราบรื่น เรื่องราวต่อไปที่ต้องจัดการก็คือการซื้อเฟอร์นิเจอร์และตกแต่งบ้านใหม่อีกครั้ง
หลังจากปรึกษาหารือกันได้เรียบร้อยแล้ว พวกเขาก็ตกลงกันว่าผู้อาวุโสจะรับหน้าที่ทำความสะอาดบ้านและติดวอลเปเปอร์ ส่วนคนหนุ่มคนสาวก็ออกไปหาซื้อเฟอร์นิเจอร์และข้าวของเครื่องใช้ประจำวัน
ฉินซือโอบแขนไปที่หัวไหล่ของลู่ฉิวเยว่ “ไปดูเฟอร์นิเจอร์ที่โรงงานของผมไหม? ครั้งนี้คุณปฏิเสธไม่ได้แล้วนะ”
ตอนที่พวกเขาอยู่ในเมืองหัวอ้าย ตอนนั้นเขากับเธอยังไม่สนิทสนมกันสักเท่าไหร่ จึงเป็นเรื่องเข้าใจได้ที่เธอจะไม่รับเฟอร์นิเจอร์จากเขาไปฟรี ๆ แต่ตอนนี้เมื่อพวกเขาวางแผนที่จะแต่งงานกัน ถ้าเธอยังไม่ยอมรับเฟอร์นิเจอร์ไปจากเขาอีก เขาก็คงต้องหัวใจสลายแล้วจริง ๆ
โชคดีที่ครั้งนี้ลู่ฉิวเยว่ไม่ได้ดื้อรั้น เธอเห็นด้วยอย่างว่าง่าย “ก็ได้ค่ะ ไปดูเฟอร์นิเจอร์ที่โรงงานของคุณกัน”
…
“ยินดีต้อนรับว่าที่คุณนายภรรยาเจ้าของโรงงานครับ” ฉินซือยิ้มอย่างมีความสุขขณะเปิดประตูรถยนต์
ที่ตั้งโรงงานผลิตเฟอร์นิเจอร์ของเขาไม่ได้อยู่ใจกลางเมืองจึงต้องใช้เวลาขับรถนานถึงครึ่งชั่วโมง
“เป็นไงบ้าง?” ฉินซือช่วยเปิดประตูรถให้ลู่ฉิวเยว่พลางยิ้มกว้าง
ลู่ฉิวเยว่พยักหน้า “ดีเลยค่ะ” แม้ว่าเธอจะยังไม่ได้เข้าไปดูด้านใน แต่เห็นสภาพของโรงงานจากด้านนอก เธอก็รู้แล้วว่ามันเป็นโรงงานที่ใหญ่โตมากทีเดียว
ฉินซือเดินโอบไหล่เธอเข้าไปข้างใน
ในตอนเช้า เขาได้บอกทางโรงงานแล้วว่าวันนี้จะแวะมา ผู้จัดการโรงงานจึงรีบออกมาต้อนรับอย่างรวดเร็ว
ฉินซือโบกมือพูดว่า “พาพวกผมไปดูของหน่อย”
ผู้จัดการพยักหน้าด้วยความเคารพและเดินนำพวกเขาเข้าไปด้านใน
“ดูของพวกนี้สิครับ เป็นของใหม่ล่าสุดในปีนี้เลยนะครับ” ผู้จัดการแนะนำเฟอร์นิเจอร์ใหม่หลายชิ้นให้พวกเขาได้ดู
ฉินซือค่อนข้างพอใจมาก แต่ลู่ฉิวเยว่ไม่พอใจเลย สายตาของเธอไม่ได้สนใจที่เฟอร์นิเจอร์ใหม่เอี่ยม แต่เธอให้ความสนใจเฟอร์นิเจอร์ไม้แข็งเก่าแก่ที่ตั้งอยู่ห่างออกไปมากกว่า “ขอไปดูเฟอร์นิเจอร์เก่าพวกนั้นได้ไหมคะ?”
ฉินซือเลิกคิ้วขึ้นสูงด้วยความประหลาดใจ เฟอร์นิเจอร์รุ่นใหม่เหล่านี้เป็นสินค้าขายดีมาก เขานึกว่าลู่ฉิวเยว่จะชอบเสียอีก คิดไม่ถึงเลยว่าเธอจะชอบเฟอร์นิเจอร์สไตล์เก่าแก่โบราณพวกนั้น
แต่แล้วเขาก็นึกขึ้นมาได้ว่าตอนที่อยู่ในเมืองหัวอ้าย เธอก็ชื่นชอบพวกเฟอร์นิเจอร์ไม้เก่าแก่เป็นพิเศษเช่นกัน
“ช่วยแนะนำเฟอร์นิเจอร์เก่าพวกนั้นด้วยครับ” ฉินซือพูดกับผู้จัดการโรงงาน ถึงอย่างไรเฟอร์นิเจอร์เหล่านี้ก็จะไปตั้งอยู่ในบ้านเธออยู่แล้ว ขอแค่เธอชอบก็พอ
ในที่สุดลู่ฉิวเยว่ก็ได้เฟอร์นิเจอร์ไม้มาหลายชุด ไม่ใช่เพราะเธอคิดว่าเฟอร์นิเจอร์รุ่นเก่าดีกว่าเฟอร์นิเจอร์รุ่นใหม่ แต่เป็นเพราะเฟอร์นิเจอร์เก่าในโรงงานของเขาต่างก็ผลิตมาจากไม้แข็ง ซึ่งเป็นสิ่งที่เธอหลงใหลเป็นพิเศษ
“ช่วยส่งเฟอร์นิเจอร์พวกนี้ไปในวันที่ 13 เดือนนี้ได้ไหมคะ?” ลู่ฉิวเยว่ถามผู้จัดการโรงงาน
ผู้จัดการพยักหน้าครั้งแล้วครั้งเล่า “แจ้งที่อยู่ไว้ได้เลยครับ เดี๋ยวผมจะให้คนขับรถไปส่งให้ตามวันเวลาที่กำหนดเองครับ”
ลู่ฉิวเยว่พยักหน้าด้วยความพอใจ เขียนที่อยู่บ้านใหม่ให้กับเขา ก่อนจะเดินกลับออกมาจากโรงงานเฟอร์นิเจอร์อย่างรวดเร็ว
…
เมื่อถึงวันส่งมอบเฟอร์นิเจอร์ ลู่ฉิวเยว่ก็ไปที่บ้านใหม่ด้วยตัวเอง เธอตั้งใจจะเป็นคนควบคุมการจัดวางตำแหน่งเฟอร์นิเจอร์ เพื่อที่จะได้ไม่ต้องมาเสียเวลาเคลื่อนย้ายกันอีกในภายหลัง
เฟอร์นิเจอร์ถูกขนย้ายมาด้วยรถสามล้อปั่นจำนวนหลายคันจากโรงงานและรถสามล้อปั่นคันแรกก็มาถึงอย่างรวดเร็ว
“คุณลู่ใช่ไหมครับ? พวกเรามาส่งเฟอร์นิเจอร์ครับ” คนที่เป็นหัวหน้ายืนยันด้วยสมุดจด
ลู่ฉิวเยว่รับสมุดมาเซ็นชื่อ “ใช่แล้วค่ะ ฉันคือลู่ฉิวเยว่ ช่วยยกเข้าไปข้างในให้ด้วยนะคะ”
ผู้ชายคนนั้นโบกไม้โบกมือ “นั่นเป็นหน้าที่ของเราอยู่แล้วครับ คุณผู้หญิงไม่ต้องเป็นห่วง” พวกเขาเป็นคนงานขนส่งเฟอร์นิเจอร์ในโรงงานโดยเฉพาะ และคุณผู้หญิงคนนี้ก็สุภาพมาก
ลู่ฉิวเยว่ยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนเดินนำพวกเขาเข้าไปในบ้านและคอยจัดแจงให้พวกเขาวางเฟอร์นิเจอร์ในตำแหน่งที่กำหนด
ชายผู้เป็นหัวหน้านำสมุดจดขึ้นมาเขียนรายละเอียดด้วยความจริงจัง
หน้าประตู ม่อป๋อซงแอบยืนมองหญิงสาวเจ้าของบ้านหลังใหม่อยู่ไกล ๆ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความอิจฉาริษยาและโกรธแค้น
นับตั้งแต่ที่เขาถูกไล่ออก ม่อป๋อซงก็ยังหางานที่เหมาะสมทำไม่ได้เลย ไม่ว่าเขาจะไปขอร้องพ่อแม่ของฉินเซียวสักเท่าไหร่ แต่พวกท่านก็ไม่ยอมช่วยหางานใหม่ให้เขาเลย
แต่คนเราก็ต้องกินต้องใช้ เพื่อความอยู่รอดของปากท้อง เขาจึงต้องมาทำงานใช้แรงงานอยู่ในโรงงานผลิตเฟอร์นิเจอร์
ม่อป๋อซงกลายเป็นคนงานขนส่งเฟอร์นิเจอร์
คิดไม่ถึงเลยว่าการขนส่งเฟอร์นิเจอร์ในวันนี้จะเป็นของลู่ฉิวเยว่
เมื่อเห็นบ้านหลังใหญ่ที่ตั้งอยู่เบื้องหน้าและนึกย้อนไปถึงตนเองที่ต้องอยู่ในบ้านเช่าขนาดเล็กคับแคบ ม่อป๋อซงก็ยิ่งรู้สึกโกรธแค้นมากกว่าเดิมหลายเท่า
“ม่อป๋อซง แกมายืนอู้อะไรอยู่ตรงนี้? รีบไปขนของได้แล้ว!” ชายผู้เป็นหัวหน้าเดินออกมาจากบ้านแล้วคำรามใส่เขาด้วยความเกรี้ยวกราด