สูตรลับแม่ครัวมือทองในยุค80 - บทที่ 181 พ่อแม่ของฉินซือเข้าเมืองหลวง
บทที่ 181 พ่อแม่ของฉินซือเข้าเมืองหลวง
ในไม่ช้า เจ้าหน้าที่จากกรมอุตสาหกรรมและการค้ารวมไปถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจก็แอบไปสืบข้อมูลที่ร้านขายยาของคุณนายจาง รวมถึงส่งสายสืบคอยตามสะกดรอยอีกด้วย
อีกไม่กี่วันต่อมา พ่อแม่ของฉินซือทนไม่ไหว สุดท้ายก็ต้องจองตั๋วรถไฟเดินทางเข้าสู่เมืองหลวง
ถึงแม้ในเหตุการณ์นี้ ฉินเซียวจะถูกตำรวจจับเพราะทำความผิดจริง ๆ แต่เธอก็เป็นลูกสาวของพวกเขา แล้วคนเป็นพ่อแม่จะไม่ดูดำดูดีได้อย่างไร
หลังจากคุยกับตำรวจอยู่พักใหญ่ ในที่สุดผู้อาวุโสทั้งสองท่านก็ได้พบกับลูกสาวของตนเอง
ฉินเซียวถูกคุมขังอยู่บนสถานีตำรวจสองวัน ทั้งรู้สึกผิดและรู้สึกอับอาย เมื่อได้เห็นหน้าพ่อแม่ เธอจึงร้องไห้น้ำตาไหลออกมาในทันที
คนเป็นแม่จ้องมองลูกสาวด้วยแววตาเวทนา
“ฉินซือทำเกินไปแล้วนะคะ แม่ เขาถึงกับช่วยลู่ฉิวเยว่เล่นงานหนู หนูไม่รู้เลยว่าลู่ฉิวเยว่ใส่ยาอะไรให้เขากินหรือเปล่า” ฉินเซียวโทษน้องชายของตนเองและโทษลู่ฉิวเยว่ที่ทำให้เธอต้องถูกตำรวจจับ ถ้าไม่ใช่เพราะพวกเขา เธอจะต้องมาถูกขังอยู่แบบนี้เหรอ “พ่อแม่รีบช่วยหนูออกไปจากที่นี่เร็ว ๆ หน่อยเถอะ”
คำพูดของฉินเซียวทำให้สีหน้าของคุณแม่ฉินเย็นชาขึ้นมาในทันใด ความสงสารเวทนาลูกสาวเมื่อสักครู่นี้หายวับไปทันที เธอยิ่งรู้สึกผิดหวังมากขึ้นและมากขึ้น
เรื่องราวบานปลายมาถึงขั้นนี้ ฉินเซียวยังไม่สำนึกผิดเลยสักนิด
คุณพ่อฉินไม่พูดอะไรเลยสักคำ เขาดึงตัวภรรยาเดินออกไปด้านนอกโดยทันที
เมื่อเห็นว่าพ่อแม่กำลังจะกลับออกไปแล้ว ฉินเซียวก็รีบร้องขอให้พวกท่านอยู่ต่อด้วยความตื่นตกใจ พยายามขอร้องให้พวกท่านช่วยเหลือเธอ
คุณแม่ฉินอยากจะหันหลังกลับ แต่ก็ถูกสามีดึงตัวเอาไว้ “ลูกเราสมควรอยู่ที่นี่แล้ว เผื่อจะสำนึกอะไรขึ้นมาได้บ้าง!”
เมื่อได้ยินคำพูดของคุณพ่อฉิน คุณแม่ฉินก็ถอนหายใจและไม่มีทางเลือกนอกจากเดินตามเขาออกไปข้างนอก เมื่อเธอออกมาจากสถานีตำรวจ เธอก็ได้พบเข้ากับม่อป๋อซง
“คุณลุงคุณป้าครับ” เขารีบเดินเข้ามา เขารีบมาที่นี่โดยเร็วที่สุดทันทีที่ได้รับทราบข่าวว่าผู้อาวุโสทั้งสองท่านอยู่ในเมืองหลวง
“ป๋อซงกำลังจะเข้าไปเยี่ยมฉินเซียวใช่ไหม?” คุณแม่ฉินพูดด้วยความหมดหวัง “ช่วยโน้มน้าวใจลูกสาวฉันหน่อยเถอะ”
คุณพ่อฉินมองลูกเขยของตนเองตาขวางแต่ไม่พูดอะไร เขาไม่เชื่อว่าม่อป๋อซงจะไม่รู้เรื่องกับเหตุการณ์นี้
“คุณลุงคุณป้าครับ เซียวเซียวต้องอยู่ในนั้นมาสองวันแล้ว ตอนนี้อากาศหนาว อยู่ในนั้นเธอคงไม่สบายแน่ เธอเป็นลูกสาวของพวกคุณนะครับ ใจคอพวกคุณจะปล่อยให้เธอทรมานอยู่ในนั้นเหรอครับ?” ม่อป๋อซงพูดถึงความทุกข์ทรมานของฉินเซียวด้วยความเป็นกังวล
คุณแม่ฉินส่ายหน้า พูดออกมาด้วยความเกลียดชัง “ถ้าทำผิดก็สมควรถูกลงโทษ พวกเราพ่อแม่จะทำอะไรได้”
“แต่เรื่องทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเพราะแผ่นแปะแก้ปวดของลู่ฉิวเยว่นะครับ คุณป้าครับ คุณป้าช่วยไปเกลี้ยกล่อมผู้หญิงคนนั้นให้พวกเราหน่อยเถอะ บอกให้เธอยอมรับผิดแทนพวกเราซะ” ม่อป๋อซงพูด “เธอเป็นเจ้าของร้าน เต็มที่ก็คงถูกกรมอุตสาหกรรมและการค้าปรับเงินเล็กน้อยเท่านั้น แต่ผมเป็นข้าราชการ ถ้าเรื่องนี้รู้ไปถึงหน่วยงานของผม ผมถูกไล่ออกแน่”
คุณแม่ฉินจ้องมองลูกเขยของตนเองด้วยความตกตะลึง เขาไม่ได้กำลังขอร้องเพราะเห็นแก่ฉินเซียว แต่เขากำลังขอร้องเพื่อตนเองต่างหาก เขาไม่อยากจะถูกไล่ออกจากงาน
“ป๋อซง งานของเธอสำคัญขนาดนี้ แล้วภาพลักษณ์ร้านขายยาของฉิวเยว่ไม่สำคัญเลยหรือไง? เธอเป็นฝ่ายทำผิดก่อน เธอก็สมควรต้องชดใช้กรรม” คุณแม่ฉินพูดหน้าตาบึ้งตึง
คุณพ่อฉินจ้องมองม่อป๋อซงด้วยสายตาเย็นชามากกว่าเดิม ก่อนจะหันหน้ากลับมาพูดอะไรบางอย่างกับภรรยา หลังจากนั้น พวกท่านก็เดินจากไป ไม่สนใจลูกเขยใจดำผู้นี้อีก
ม่อป๋อซงเห็นการตอบรับของพ่อแม่ภรรยาก็รู้แล้วว่าพวกท่านคงไม่ช่วยเหลือแน่ แต่เมื่อนึกถึงหน้าที่การงานของตนเอง เขาก็กัดฟันและเดินทางไปที่บ้านพักของฉินซือ
“คุณมาทำอะไรที่นี่?” ฉินซือขมวดคิ้วทันทีเมื่อเห็นคนที่ยืนอยู่หน้าประตู
ม่อป๋อซงลังเลเล็กน้อยก่อนพูดว่า “ฉินซือ เซียวเซียวเป็นพี่สาวแท้ ๆ ของนายนะ นายจะใจดำปล่อยให้พี่ต้องติดคุกอยู่แบบนั้นหรือไง? นายไปบอกให้ลู่ฉิวเยว่ยอมรับผิดซะเถอะ แค่ถูกปรับเงินเล็กน้อยจะเป็นอะไรไป”
ฉินซือหัวเราะเยาะ เขามองออกอย่างทะลุปรุโปร่งว่าม่อป๋อซงต้องการอะไร “ม่อป๋อซง คุณห่วงตัวเองก่อนดีกว่า ไม่งั้นอาจจะโดนไล่ออกจากงานเอาได้นะ”
เมื่อถูกน้องเขยหัวเราะเยาะใส่ ม่อป๋อซงก็โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขาอยู่ที่นี่ไม่ได้อีกต่อไปแล้ว เขามองฉินซือด้วยความอาฆาต ก่อนจะเดินกลับออกไปจากประตู
หลังจากใช้ความคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาก็เดินตรงไปที่ร้านอาหารของลู่ฉิวเยว่ เขาอุตส่าห์ไต่เต้าขึ้นมาถึงตำแหน่งนี้ได้สำเร็จ จะยอมแพ้ง่าย ๆ ได้อย่างไร
“ลู่ฉิวเยว่ พวกเรามาคุยกันเถอะ”
ลู่ฉิวเยว่เลิกคิ้วขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นหู ก่อนจะหันหน้ากลับไป “คุณว่าอะไรนะ?”
“ลู่ฉิวเยว่ ตราบใดที่เธอยอมรับผิดว่าเธอเป็นคนทำแผ่นแปะพวกนั้นเอง ฉันจะจ่ายเงินให้เธออย่างงาม แล้วเราจะไม่ขัดขวางเธอจากการแต่งงานเข้าตระกูลฉินด้วย”
ลู่ฉิวเยว่ยกมือกอดอกและไม่ขยับเขยื้อนเคลื่อนไหว
ม่อป๋อซงกัดฟันพูดต่อไป “สิ่งที่เธอต้องทำก็แค่ยอมจ่ายค่าปรับ…”
โครม!
แต่เขายังพูดไม่ทันจบ รู้ตัวอีกทีก็ถูกเหวี่ยงลงมานอนกองอยู่บนพื้นแล้ว
ถ้าลู่ฉิวเยว่ไม่รีบเข้ามาห้ามเอาไว้ ฉินซือก็คงพุ่งเข้าไปต่อยเขาอีกหลายหมัด ฉินซือนึกสังหรณ์ใจอะไรบางอย่าง ปรากฏว่าไอ้เวรนี่มาหาลู่ฉิวเยว่จริง ๆ ด้วย!
“ฉันจะแต่งงานกับเธอแล้วมันเกี่ยวอะไรกับแก? แกคิดว่าตัวเองเป็นใคร? แกไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกแล้วใช่ไหม?”
จังหวะนั้น พ่อแม่ของฉินซือก็เดินทางมาถึงร้านอาหารของลู่ฉิวเยว่พอดี พวกท่านตั้งใจจะมาขอโทษหญิงสาวที่นี่ด้วยตนเอง แต่ก็ต้องกัดฟันกรอดเมื่อได้ยินคำพูดทั้งหมดของผู้เป็นลูกเขย
ม่อป๋อซงคนนี้ช่างไร้ยางอายจริง ๆ!
ม่อป๋อซงไม่สามารถตอบโต้ได้เลย เขาทั้งโกรธและอายคน เมื่อคิดว่าตนเองอาจจะต้องถูกไล่ออกจากงานจริง ๆ จิตใจของเขาก็ยิ่งร้อนรุ่มมากขึ้น ม่อป๋อซงตะโกนออกมาเสียงดังว่า “ถ้าฉินเซียวต้องติดคุกจริง ๆ ผมจะหย่ากับเธอ!”
เธอจะได้ไม่ทำลายอนาคตของเขาได้อีก!
“ไอ้เลวนี่!”
ฉินซือพุ่งตรงเข้าไปกระชากตัวพี่เขยขึ้นมาด้วยความโกรธแค้น หลังจากนั้นก็ได้ยินเสียงกำปั้นปะทะตัวคนดังขึ้นพร้อมกับเสียงร้องโหยหวนของม่อป๋อซง
ลูกค้าที่ยืนมองอยู่ไกล ๆ ไม่มีใครเข้ามาช่วยห้ามปรามเลย พวกเขาได้ยินสิ่งที่ผู้ชายคนนี้พูดหมดแล้ว นี่จึงเป็นสิ่งที่เขาสมควรโดนที่สุด
เมื่อคุณแม่ฉินได้ยินคำพูดที่แสนใจดำของลูกเขย เธอก็อดตัวสั่นไม่ได้
ลู่ฉิวเยว่สังเกตเห็น จึงเดินเข้ามาลูบแผ่นหลังคุณแม่ฉินพลางปลอบใจ “อย่าไปสนใจคนแบบนี้เลยค่ะ”
คุณแม่ฉินหันมามองหน้าหญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้าตนเอง และเธอก็ยิ่งรู้สึกผิดมากขึ้น
“ฉิวเยว่ ไม่ต้องเป็นห่วงนะ ไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น เธอจะได้เป็นลูกสะใภ้ของพวกเราแน่นอน”
คุณพ่อฉินก็พยักหน้าเช่นกัน “ถือเป็นโชคดีของฉินซือที่จะได้แต่งงานกับผู้หญิงดี ๆ แบบนี้แล้ว”
ลู่ฉิวเยว่คิดไม่ถึงเลยว่าผู้อาวุโสทั้งสองท่านจะพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาในเวลานี้ ใบหน้าของเธอร้อนผ่าวขึ้นมาในทันใด เธอต้องไอออกมาเล็กน้อยเพื่อกลบเกลื่อนอาการเขินอาย
หวังเซวียนเซวียนเพิ่งจะเดินเข้ามาในร้านและพบเห็นการต่อสู้ที่ชุลมุน เด็กหนุ่มรีบจ้องมองไปที่พี่สาวด้วยความตื่นตระหนก แล้วเขาก็รู้สึกโล่งใจที่เห็นว่าสีหน้าของเธอเป็นปกติดี หวังเซวียนเซวียนรีบเดินเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว
“ผมไปแจกใบปลิวเสร็จเรียบร้อยแล้วครับ”
ลู่ฉิวเยว่พยักหน้า
ในช่วงหลังร้านของเธอต้องการพนักงานเก็บเงิน ร้านอาหารมีลูกค้าเยอะมาก หวังเซวียนเซวียนต้องกลับมาช่วยเก็บเงินลูกค้าอยู่หลายครั้งเพราะคนไม่พอ สุดท้าย ลู่ฉิวเยว่จึงมอบหมายให้เขาออกไปประกาศรับสมัครพนักงานเก็บเงินประจำร้าน