สูตรลับแม่ครัวมือทองในยุค80 - บทที่ 172 เถ้าแก่จ้าวมาขอความช่วยเหลือ
บทที่ 172 เถ้าแก่จ้าวมาขอความช่วยเหลือ
“เจ้านายคะ มีคุณผู้ชายคนนึงมาขอพบอยู่ข้างนอกค่ะ” เด็กเสิร์ฟที่ชื่อว่าชุนหล่านเคาะประตูเรียก
คุณผู้ชาย?
ลู่ฉิวเยว่วางสมุดบัญชีในมือลงและเดินออกไปดูด้วยความสงสัย วันนี้เธอไม่ได้นัดใครมาคุยธุรกิจ แล้วจะมีคุณผู้ชายที่ไหนมาขอเข้าพบเธออีก?
หลังจากได้เห็นผู้ที่มาขอเข้าพบอย่างถนัดตา หญิงสาวก็รู้สึกรำคาญใจขึ้นมาเล็กน้อย แต่ก็พูดออกไปด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “คุณจ้าวมาหาฉันมีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ?”
เถ้าแก่จ้าวเดินเข้าไปหยุดยืนอยู่ตรงหน้าหญิงสาวทันที “ต้องมีเรื่องอยู่แล้ว”
“งั้นก็นั่งคุยกันก่อนค่ะ” ลู่ฉิวเยว่ยิ้มพร้อมกับชี้มือไปที่โต๊ะข้าง ๆ เธอ
เด็กเสิร์ฟนำชุดน้ำชาและขนมมาจัดวางบนโต๊ะ ส่วนหวังเซวียนเซวียนก็ยืนมองด้วยสายตาเย็นชาอยู่ไม่ไกล
“คุณลู่ ที่ผมมาหาคุณในวันนี้ก็เป็นเพราะเรื่องลูกสาวของผม ลูกสาวผมก็แค่อยากรู้อยากเห็น เธอไม่ได้ตั้งใจจะบุกเข้าไปทำลายของในร้านคุณ ผมหวังว่าคุณลู่จะให้โอกาสลูกสาวผมได้แก้ตัวสักครั้ง บอกให้ตำรวจปล่อยตัวเธอออกมาเถอะนะ” เถ้าแก่จ้าวจิบน้ำชา พูดพร้อมกับยิ้มกว้าง
ลู่ฉิวเยว่ยังไม่ทันได้เอ่ยปาก หวังเซวียนเซวียนก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป เขาส่งเสียงแทรกขึ้นมาว่า “พังประตูเข้ามาทำลายข้าวของแบบนี้ เรียกว่าไม่ได้ตั้งใจได้ยังไง? คุณบอกว่าเธอแค่อยากรู้อยากเห็น แล้วลูกสาวคุณเคยไปพังประตูบ้านใครเพราะความสงสัยบ้างหรือเปล่าล่ะ? ผมหวังว่าคุณจ้าวคงไม่เข้าข้างลูกสาวตัวเองมากเกินไปนะ”
ลู่ฉิวเยว่ก็หัวเราะในลำคออย่างเย็นชาเช่นกัน “คุณจ้าว ลูกสาวของคุณเคยพยายามทำร้ายฉันมาหลายครั้งแล้ว ฉันให้โอกาสเธอได้กลับตัวใหม่หลายครั้งหลายหน แต่ลูกสาวคุณก็ไม่เคยปรับปรุงพฤติกรรมเลย แล้วจะมาโทษว่าเป็นความผิดของฉันได้ยังไง? ถ้าครั้งนี้ฉันปล่อยลูกสาวคุณไป ก็คงจะต้องมีครั้งหน้าอีกแน่นอน ประเทศชาติยังเปลี่ยนแปลงได้ แต่สันดานของคนเรามันเปลี่ยนกันไม่ได้หรอกนะคะ เรื่องนี้ฉันช่วยไม่ได้จริง ๆ”
เสียงพูดของสองพี่น้องไม่เบา และเนื่องจากพวกเขากำลังนั่งพูดคุยกันอยู่ในร้านอาหาร ทุกคนจึงจ้องมองมาที่เถ้าแก่จ้าวด้วยความเหยียดหยามเป็นอย่างยิ่ง
เถ้าแก่จ้าวโมโหจนต้องตบโต๊ะอย่างแรงจนกาน้ำชาล้มและน้ำชาหกออกมาบนโต๊ะ “ลู่ฉิวเยว่ เธอคิดว่าตัวเองเก่งมาจากไหน เธอกล้าพูดจาสั่งสอนฉันได้ยังไง!”
“ฉันไม่เคยขโมยของหรือบุกรุกบ้านใคร อย่างน้อยฉันก็แน่ใจว่าตัวเองดีกว่าลูกสาวที่ต้องติดคุกของคุณแน่นอนค่ะ!”
หลังจากพูดจบแล้ว เธอก็เห็นใบหน้าของเถ้าแก่จ้าวเป็นสีขาวซีด หญิงสาวจึงไล่แขกไปโดยไม่ลังเลใจ “ฉันว่าพวกเราไม่มีอะไรต้องคุยกันอีกแล้วค่ะ คุณจ้าว ได้โปรดกลับไปดี ๆ ด้วยนะคะ”
“ก็ได้! ก็ได้! ลู่ฉิวเยว่ คอยดูให้ดีเถอะ!” เถ้าแก่จ้าวพูดทิ้งท้ายเอาไว้ด้วยความโกรธแค้น ก่อนจะเดินออกไปโดยไม่หันมองกลับมาอีกเลย
…
ในบ้านตระกูลจ้าว คุณนายจ้าวกำลังเดินกลับไปกลับมาด้วยความกระสับกระส่าย เธอจ้องมองไปที่ประตูอยู่หลายครั้ง เมื่อเห็นสามีเปิดประตูเดินเข้ามา เธอจึงรีบวิ่งเข้าไปหาอย่างรวดเร็ว “เป็นยังไงบ้างคะ? ลู่ฉิวเยว่ยอมช่วยเราไหม?”
ความโกรธแค้นยังคงหลงเหลืออยู่บนใบหน้าของเถ้าแก่จ้าว “ไม่ช่วย แถมมันยังปากเสียยิ่งกว่าอะไรดีอีก”
“ว่าไงนะ?” คุณนายจ้าวมีสีหน้าวิตกกังวล หลังจากใช้ความคิดอยู่พักใหญ่ เธอก็คว้ากระเป๋าแล้วเดินออกไป จัดการนังตัวแสบนั่นยากจริง ๆ
เถ้าแก่จ้าวรู้ดีว่าภรรยากำลังจะไปที่ไหน ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ขัดขวางเธอ
…
เมื่อลู่ฉิวเยว่เห็นหญิงวัยกลางคนมาปรากฏตัวขึ้นเบื้องหน้า เธอก็หัวเราะออกมาด้วยความโกรธ สามีเพิ่งกลับไป ภรรยาก็มาอีกแล้ว ตระกูลจ้าวเป็นเจ้ากรรมนายเวรของเธอหรือไงนะ?
คุณนายจ้าวนั่งอยู่หน้าประตูร้านอาหาร ร้องไห้สะอึกสะอื้น ทำให้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาต้องหยุดชะงักและชี้ชวนกันมองมาด้วยความอยากรู้อยากเห็น กลุ่มลูกค้าในร้านอาหารก็ถือจานข้าวออกมารับชมความสนุกเช่นกัน
เมื่อเห็นเช่นนี้ คุณนายจ้าวก็ยิ่งรู้สึกภูมิใจมากขึ้น เธอร้องไห้เสียงดังมากกว่าเดิมพร้อมกับยกมือชี้หน้าลู่ฉิวเยว่ “ทุกคนฟังให้ดี ลู่ฉิวเยว่คนนี้เป็นคนเลวทรามต่ำช้า เธอใส่ร้ายป้ายสีจนลูกสาวของฉันต้องถูกตำรวจจับ ภาพลักษณ์ที่ดีงามของลูกสาวฉันต้องถูกผู้หญิงคนนี้ทำลายย่อยยับ แต่พวกคุณยังมากินอาหารในร้านของเธออีกได้ยังไง? ไม่กลัวเธอวางยาพิษใส่อาหารให้พวกคุณกินบ้างเหรอ? บางทีอาหารของเธออาจจะไม่สะอาดก็ได้”
“ทุกคนอย่าไปฟังที่ผู้หญิงคนนี้พูดนะครับ ร้านอาหารของเราได้รับการทำความสะอาดเป็นอย่างดี” หวังเซวียนเซวียนรีบอธิบายออกมาอย่างรวดเร็ว
คุณนายจ้าวยังคงร้องไห้ต่อไป “คนพวกนี้คงอยากเห็นฉันตายจริง ๆ สินะ” พูดจบ เธอก็หยิบขวดยาเบื่อหนูออกมาจากกระเป๋า ทุกคนที่มองดูอยู่ด้วยความอยากรู้อยากเห็นมีใบหน้าซีดขาวด้วยความกลัวขึ้นมาในทันใด เมื่อมีเรื่องความเป็นความตายเข้ามาเกี่ยวข้อง นี่ก็ไม่ใช่เรื่องตลกอีกต่อไปแล้ว
ลู่ฉิวเยว่หัวเราะอย่างเย็นชาและยังยืนอยู่ที่เดิม “คุณป้าคะ อย่าทำตัวไม่มีเหตุผลแบบนี้สิ ฉันต่างหากที่เป็นคนถูกใส่ร้ายป้ายสี ลูกสาวของป้าพยายามใส่ร้ายฉันครั้งแล้วครั้งเล่า ครั้งก่อนก็เอาฝิ่นเข้ามาวางไว้ในร้านอาหารของฉัน ถ้าตำรวจไม่สืบพบความจริงเสียก่อน ฉันก็คงต้องถูกจับไปแล้ว ครั้งนี้ลูกสาวป้าก็พังประตูร้านฉันเข้ามาขโมยเงิน แล้วจะให้ฉันปล่อยลูกสาวป้าไปได้ยังไง!”
ไม่ว่าเธอจะพูดอะไรออกมา คุณนายจ้าวก็ยังคงนั่งร้องไห้อยู่บนพื้นดิน เรียกร้องความสนใจจากผู้คนต่อไป
หวังเซวียนเซวียนรีบเดินเข้าไปจับแขนคุณนายจ้าวเพื่อขับไล่ไปให้พ้น เธอกำลังทำให้ภาพลักษณ์ร้านอาหารของพวกเขาเสื่อมเสีย แต่คุณนายจ้าวกลับยิ่งทิ้งตัวลงไปนอนอยู่บนพื้น ร้องไห้และชักดิ้นชักงอเหมือนเด็ก ๆ หวังเซวียนเซวียนจึงไม่รู้จะทำอย่างไรอีกแล้ว
“ก็ได้ ไม่ไปใช่ไหม? งั้นผมจะแจ้งตำรวจ!” หวังเซวียนเซวียนพูดด้วยความโมโห
เมื่อคุณนายจ้าวได้ยินคำว่าตำรวจ เธอก็รีบลุกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็ว เธอไม่อยากถูกตำรวจจับ จึงลดเสียงลงพูดอย่างน่าสงสารว่า “คุณลู่คะ ได้โปรดปล่อยลูกสาวฉันไปเถอะนะ ลูกสาวฉันยังเด็ก ลูกสาวฉันไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ ฉันมีลูกสาวแค่คนเดียว ได้โปรดปล่อยลูกสาวฉันไปเถอะ”
“นั่นน่ะสิ คุณลู่ คุณไม่สงสารหัวอกคนเป็นพ่อแม่บ้างหรือไง เธออุตส่าห์อ้อนวอนคุณขนาดนี้แล้ว ปล่อยตัวลูกสาวเธอไปเถอะ” เหอซิ่งไฉแอบใช้ประเด็นนี้พูดแทรกขึ้นมา น้ำเสียงนุ่มนวลจนน่าขนลุก
ลู่ฉิวเยว่หันกลับไปมองหน้าเขาด้วยสายตาเย็นชา “เถ้าแก่เหอใจดีจังเลยนะคะ งั้นถ้าครั้งหน้าร้านหรือบ้านของคุณถูกโจรขึ้นบ้าน อย่าแจ้งตำรวจก็แล้วกัน เพราะหัวขโมยน่าสงสารเหมือนกันหมดทุกคน ถ้าเขามีเงิน เขาจะมาขโมยของคุณทำไม?”
คำพูดของเธอทำให้กลุ่มคนมุงหัวเราะลั่นขึ้นมาทันที
เหอซิ่งไฉโมโหจนหน้าดำหน้าแดง เขากัดฟันพูดว่า “คอยดูเถอะ คนใจดำอย่างเธอจะต้องถูกสวรรค์ลงโทษ!” หลังจากพูดจบแล้ว เขาก็เลิกยืนดูด้วยความอยากรู้อยากเห็น หันหลังเดินกลับออกไปจากกลุ่มคนโดยทันที
เหอซิ่งไฉรีบตรงกลับบ้านอย่างไม่รอช้า
คุณนายจ้าวพยายามโน้มน้าวลู่ฉิวเยว่อีกครั้ง เธอพยายามบีบน้ำตาต่อไป “ลู่ฉิวเยว่ ช่วยเหลือลูกสาวของฉันเถอะนะ เธออยากได้เงินเท่าไหร่ ฉันก็ให้เธอได้”
“ฉันดูเหมือนคนร้อนเงินเหรอคะ?” ลู่ฉิวเยว่กลอกตามองบน
ผู้หญิงอะไรใจแข็งชะมัด คุณนายจ้าวเจ็บใจเป็นอย่างยิ่งที่ทำอะไรไม่ได้เลย เธอรีบหันไปขยิบตาส่งสัญญาณให้กับคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ
มีชายฉกรรจ์สองคนเดินออกมาจากกลุ่มคนและเดินเข้าไปจะจับตัวลู่ฉิวเยว่
ลู่ฉิวเยว่มีดวงตาเย็นชาขึ้นมาในทันใด หวังเซวียนเซวียนรีบขยับเข้ามายืนขวางหน้าพี่สาวและพูดด้วยความโกรธแค้นว่า “พวกแกคิดจะทำอะไร?”
แล้วเด็กหนุ่มก็เริ่มต่อสู้กับชายฉกรรจ์ทั้งสองคนนั้น แต่น้ำน้อยย่อมแพ้ไฟ เด็กหนุ่มที่หมกมุ่นในตำราอย่างหวังเซวียนเซวียนจะไปต่อยตีสู้พวกเขาได้อย่างไร เมื่อเห็นชายฉกรรจ์คนหนึ่งกำลังจะเดินเข้าไปหาลู่ฉิวเยว่ หวังเซวียนเซวียนก็รู้สึกโกรธแค้นและร้อนรนอย่างมาก
ลู่ฉิวเยว่เยือกเย็นยิ่งกว่าอะไร แต่จังหวะที่เธอกำลังจะลงมือ เสียงตะโกนด้วยความโกรธแค้นก็ดังขึ้นจากนอกกลุ่มคน “พวกแกกล้าดียังไง!”
เมื่อสิ้นเสียงนั้น ชายฉกรรจ์คนที่กำลังจะจับตัวลู่ฉิวเยว่ก็ถูกเตะกระเด็นออกไป ก่อนที่ผู้ที่มาช่วยเหลือจะเดินเข้าไปต่อยหน้าคนที่กำลังต่อสู้อยู่กับหวังเซวียนเซวียน
“เกิดอะไรขึ้น? คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหม?” ฉินซือดึงลู่ฉิวเยว่เข้ามากอด และสำรวจมองเธอด้วยความห่วงใย
ลู่ฉิวเยว่ส่ายหน้า “คุณมาได้ทันเวลาพอดีเลย”
ชายหนุ่มรู้สึกโล่งใจที่เธอไม่เป็นอะไร หลังจากนั้นเขาก็หันไปมองคุณนายจ้าวด้วยสีหน้าเย็นชา