สูตรลับแม่ครัวมือทองในยุค80 - บทที่ 166 ตำรวจมาแล้ว
บทที่ 166 ตำรวจมาแล้ว
หวังเซวียนเซวียนวิ่งกลับมาอย่างรวดเร็ว “พี่ครับ ผมแจ้งตำรวจเรียบร้อยแล้ว”
ลู่ฉิวเยว่ยิ้มออกมาอย่างให้กำลังใจ “นายคอยเฝ้าอยู่หน้าประตูให้ดี อย่าให้ใครเข้าไปรบกวนที่เกิดเหตุได้เด็ดขาด ฉันจะเข้าไปดูข้างในหน่อย”
หลังจากพูดจบแล้ว เธอก็เดินเข้าไปในร้านด้วยความระมัดระวัง ไม่รอฟังคำตอบจากหวังเซวียนเซวียน หญิงสาวเดินตรงไปที่ช่องเก็บเงิน ซึ่งเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุดในร้านของเธอ ลู่ฉิวเยว่อยากจะรู้ว่ามีอะไรหายไปบ้าง
แน่นอนว่าเพียงกวาดตามองไป เธอก็เห็นแล้วว่าตัวล็อคลิ้นชักที่ใช้เก็บเงินถูกทำลาย เมื่อลู่ฉิวเยว่ดึงลิ้นชักออกมาดู เธอก็พบว่าเงินทั้งหมดหายไปแล้ว
ลู่ฉิวเยว่ขมวดคิ้ว ไม่ได้หยิบจับอะไรอีกทั้งสิ้น เธอรีบเดินกลับไปยืนรอตำรวจอยู่ที่หน้าร้านพร้อมกับหวังเซวียนเซวียน
ไม่ถึงสิบนาทีต่อมา เสียงของตำรวจหนุ่มคนหนึ่งก็ดังขึ้นนอกกลุ่มฝูงคน “นี่ตำรวจ หลีกทางหน่อย!”
ทันใดนั้น เสียงพูดคุยที่วุ่นวายของกลุ่มคนมุงก็เงียบสงบลง พวกเขารีบแหวกออกเป็นทาง เพื่อเปิดทางให้นายตำรวจหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามา แล้วลู่ฉิวเยว่ก็ต้องประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง “คุณตำรวจสวี? คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงกันคะ?”
บุคคลที่อยู่ตรงหน้าเธอก็คือสวีชางโจว พวกเขาเคยรู้จักกันมาก่อนสมัยที่อยู่ในชนบท และก่อนที่จะเข้ามาอยู่ในเมืองหลวง สวีชางโจวยังได้สัญญาว่าจะคอยดูแลพ่อแม่เธออีกด้วย แต่ตอนนี้ เธอกับเขาได้มาพบกันอีกครั้งในเมืองหลวง ช่างเป็นเรื่องบังเอิญจริง ๆ
“คุณรู้แซ่ผมได้ยังไงครับ?” ตำรวจหนุ่มตกใจมากกว่าเธอเสียอีก แววตาพิศวงของเขาบ่งบอกว่าเขาไม่รู้จักเธอเลยสักนิด
ลู่ฉิวเยว่รู้สึกแปลกใจเป็นอย่างยิ่ง แต่เมื่อพิจารณาโดยละเอียด เธอก็พบว่าเขาไม่ใช่สวีชางโจวจริง ๆ นายตำรวจคนนี้พูดจาฉะฉานมากกว่าสวีชางโจว แต่ทำไมพวกเขาถึงได้มีหน้าตาคล้ายกันอย่างนี้? เหมือนกับออกมาจากแม่พิมพ์เดียวกันไม่มีผิด!
แต่นี่ไม่ใช่เวลาที่จะมาถกปัญหาถึงเรื่องนี้ หญิงสาวหัวเราะเบา ๆ เพื่อกลบเกลื่อนความกระดากอาย “คุณหน้าตาเหมือนเพื่อนฉันมากเลยค่ะ ฉันก็เลยเข้าใจผิด ขอโทษด้วยนะคะ”
สวีซงซิงพยักหน้าอย่างเข้าใจ ใช้สายตาสำรวจภายในที่เกิดเหตุ ก่อนจะหันมามองหน้าเธอ “คุณเป็นเจ้าของร้านใช่ไหม?”
“ใช่แล้วค่ะ!” ลู่ฉิวเยว่รีบเดินเข้าไปอธิบายว่า “ตอนที่ฉันมาถึงร้านเมื่อเช้านี้ ทุกอย่างก็เป็นแบบนี้แล้วค่ะ ฉันไม่รู้เลยว่าใครเป็นคนทำ”
นายตำรวจหนุ่มรับคำในลำคอเบา ๆ ก่อนจะหันกลับไปออกคำสั่งต่อลูกน้องที่ตามมาด้วยอีกสองคน “ตรวจสอบที่เกิดเหตุซะ”
“รับทราบครับ!” นายตำรวจทั้งสองคนเดินเข้าไปในร้านด้วยสีหน้าเคร่งขรึมจริงจัง
หลังจากที่สวีซงซิงออกคำสั่งเรียบร้อยแล้ว ตัวเขาก็สวมใส่ถุงมือ เดินตรงไปที่ลิ้นชักเก็บเงิน หลังจากนั้นไม่กี่นาที ลู่ฉิวเยว่ก็เห็นเขากวักมือเรียก เธอรีบเดินตรงเข้าไปหาอย่างเร็วไว พยายามไม่เหยียบเศษซากสิ่งของที่เกลื่อนกลาดอยู่บนพื้น
“คุณตำรวจเจออะไรแล้วเหรอคะ?”
“คุณได้เข้ามาดูแล้วหรือยังครับ? มีอะไรหายไปบ้างไหม?” สวีซงซิงถาม
เมื่อได้ยินดังนั้น ลู่ฉิวเยว่ก็พยักหน้า “ฉันดูลิ้นชักเก็บเงินแล้วค่ะ เงินหายไป 80 หยวน อาจจะมากกว่านั้นนิดหน่อย ฉันไม่รู้จำนวนที่แน่นอนค่ะ”
“80 หยวนเหรอครับ?” สวีซงซิงเบิกตาโตด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย “ร้านของคุณขายดีขนาดนั้น แล้วทำไมถึงมีเงินน้อยจัง?”
บ้านของเขาอยู่ไม่ไกลจากที่นี่เท่าไหร่ สวีซงซิงเคยมารับประทานที่ร้านนี้หลายครั้งในเดือนที่แล้ว ทุกครั้งที่มาก็พบว่ามีลูกค้าแน่นมาก เขาประเมินว่าเธอน่าจะมีเงินเก็บอยู่ในลิ้นชักหลายร้อยหยวน แต่ 80 หยวนนี่ถือว่าน้อยเกินไปจริง ๆ
ลู่ฉิวเยว่หันไปมองนอกร้านในทันใด
เสียงของนายตำรวจหนุ่มไม่เบา ลิ้นชักเก็บเงินก็อยู่ไม่ห่างจากประตูร้าน ทุกคนที่อยู่หน้าร้านได้ยินอย่างชัดเจน แล้วพวกเขาก็หันไปซุบซิบกันด้วยความสงสัย
“แค่ 80 หยวนเองเนี่ยนะ? เห็นลูกค้าเยอะตั้งขนาดนั้น นึกว่าจะมีเงินเยอะมากกว่านี้ซะอีก”
“ฉันว่าเป็นไปไม่ได้หรอก”
ลู่ฉิวเยว่ถอนหายใจออกมา พูดด้วยสีหน้าอ่อนเพลีย “คุณตำรวจไม่รู้อะไรเสียแล้ว ร้านฉันเหมือนมีลูกค้าเยอะ แต่จริง ๆ ฉันทำเงินได้ไม่มากหรอกค่ะ อย่างวันเปิดร้านเมื่อเดือนที่แล้ว ฉันเอาขนมหวานแล้วก็เนื้อตุ๋นแจกให้กับลูกค้าทุกโต๊ะ รวมเป็นเงินแล้วก็หลายร้อยหยวน แทบจะเรียกว่าขาดทุนก็ได้”
แน่นอนว่ายอดขายเมื่อวานนี้ไม่ได้มีจำนวนน้อยนิดถึงเพียงนี้ ลู่ฉิวเยว่ไม่อยากเก็บเงินเอาไว้ที่ร้าน ตลอดเวลาที่ผ่านมา เธอจึงนำเงินยอดขายกลับบ้านด้วยเสมอ ส่วนเงินที่อยู่ในร้านก็มีไว้สำหรับเป็นเงินทอนเท่านั้น
ลู่ฉิวเยว่ทราบดีว่าในระยะหลังมีพ่อค้าแม่ค้าร้านอาหารในละแวกเดียวกันแอบมาสังเกตการณ์ร้านเธออยู่บ่อย ๆ ด้วยเหตุนี้เอง ลู่ฉิวเยว่จึงตั้งใจพูดให้คนที่มุงอยู่หน้าประตูได้ยิน เพื่อที่พวกเขาจะได้ไม่รู้สึกอิจฉาและมาสร้างปัญหาให้เธออีกในอนาคต
เมื่อได้ยินคำพูดของลู่ฉิวเยว่ ผู้คนที่รวมตัวอยู่หน้าร้านก็พูดคุยกันอย่างคึกคักขึ้นมาอีกครั้ง
“แค่ 80 หยวนจริง ๆ เหรอ? ร้านมีลูกค้าเข้าตั้งเยอะ น่าสงสารเธอมากเลยนะ คนอะไรแจกอาหารให้ลูกค้ากินฟรี”
“นั่นสิ มีร้านไหนบ้างจะแจกอาหารให้ลูกค้ากินฟรีในวันเปิดร้านแบบนั้น…”
…
“ตรงนี้น่าสนใจมากครับ” สวีซงซิงพูดพร้อมกับเปิดลิ้นชักเก็บเงินอีกสามชั้นออกเบา ๆ ก่อนจะชี้มือไปที่ลิ้นชักเหล่านั้น “ผมสำรวจดูลิ้นชักพวกนี้ ผมว่าต้องเป็นฝีมือของคนในร้านแน่นอน”
“ทำไมคุณตำรวจถึงคิดแบบนั้นคะ?” ลู่ฉิวเยว่ถามด้วยความสงสัย
เขายิ้มเล็กน้อยและชี้ให้เธอดูลิ้นชักเก็บเงินด้วยความระมัดระวัง “ลิ้นชักเก็บเงินของคุณมีอยู่สามช่อง แต่มีแค่ช่องตรงกลางที่ใช้เก็บเงินจริง ๆ ที่ถูกงัดเท่านั้น ส่วนช่องอื่นไม่มีร่องรอยการถูกงัดเลย นี่หมายความว่าคนร้ายต้องคุ้นเคยกับคุณพอสมควร พวกเขารู้ว่าคุณเก็บเงินเอาไว้ที่ไหน”
“แล้วก็ดูนี่นะครับ” นายตำรวจหนุ่มชี้มือไปด้านในร้าน “คนร้ายทำลายข้าวของตั้งมากมาย ไล่มาตั้งแต่ปากทางเข้าจนถึงเคาน์เตอร์เก็บเงิน ซึ่งหมายความว่าเขาคอยจับตาดูที่นี่มาตั้งแต่แรก ผมว่าคุณลู่คงต้องระวังตัวหน่อยแล้วล่ะ คุณลองคิดดูให้ดี ในช่วงหลังคุณได้ไปมีเรื่องกับใครบ้างหรือเปล่า?”
“ฉันเป็นคนต่างจังหวัดค่ะ ฉันเพิ่งมาอยู่ที่เมืองหลวงได้ไม่นาน ฉันยังไม่รู้จักกับใครเลยด้วยซ้ำ” ลู่ฉิวเยว่ส่ายหน้าปฏิเสธ ยกมือจับคางอย่างใช้ความคิด ก่อนพูดว่า “มีทางเป็นไปได้ไหมคะที่คนร้ายจะรู้โครงสร้างของร้านนี้?”
สวีซงซิงเบิกตาโต “เป็นไปได้ครับ” เขาหันกลับไปมองนายตำรวจทั้งสองคนที่มาช่วยเหลือและพูดเสียงดังว่า “เสี่ยวหลิน เสี่ยวเฉิน หาดูหน่อยสิว่ามีพิมพ์เขียวของร้านนี้อยู่ในร้านบ้างไหม”
“รับทราบครับ!” ลูกน้องทั้งสองคนรับคำสั่งด้วยความมุ่งมั่น
เพียงไม่ถึงสามนาที นายตำรวจคนหนึ่งก็เดินกลับมาพร้อมกับอะไรบางอย่าง “มีจริง ๆ ด้วยครับ ผมเจออยู่ที่มุมประตู”
มันถูกขยำเป็นก้อนกลมเล็ก ๆ ถ้าสวีซงซิงไม่เตือนเขา เขาก็คงคิดว่ามันเป็นผ้าเช็ดมือที่ถูกขยุ้มทิ้งเอาไว้
สวีซงซิงเอื้อมมือไปรับมาเปิดดูบนโต๊ะ ลู่ฉิวเยว่เห็นดังนั้นก็พยักหน้า “เป็นพิมพ์เขียวของร้านฉันจริง ๆ ด้วยค่ะ”
สวีซงซิงเข้าใจบางอย่างขึ้นมาโดยทันที เขาจ้องมองหญิงสาวด้วยสายตาจริงจัง “คุณลองนึกดูนะครับ พอจะสงสัยใครบ้างไหม?”
เมื่อพูดถึงผู้ต้องสงสัย ลู่ฉิวเยว่ก็มีสีหน้าลำบากใจ เธอขยับเข้าไปกระซิบข้างหูเขาว่า “ก็มีอยู่หรอกค่ะ แต่ว่าฉันไม่มีหลักฐาน อาจไม่ใช่ก็ได้”
“หืม? งั้นบอกมาเถอะครับ”
“ฉันสงสัยผู้หญิงคนหนึ่ง เธอเคยแอบชอบแฟนของฉัน หลังจากที่ฉันกับแฟนคบกัน ผู้หญิงคนนี้ก็มาสร้างปัญหาไม่ยอมหยุด ตอนที่ฉันอยู่ต่างจังหวัดเธอก็เคยก่อเรื่องแบบนี้มาแล้ว ตอนนี้เธอก็ย้ายมาอยู่ในปักกิ่ง แต่ว่า…เมื่อวานนี้เธอก็มาที่ร้านเหมือนกัน อาจจะไม่ใช่เธอก็ได้” ลู่ฉิวเยว่รู้สึกปวดหัวเป็นอย่างยิ่ง
ถ้าเมื่อวานนี้เธอไม่ได้เจอจ้าวซูซิน เธอก็คงสงสัยยัยนั่นเป็นคนแรกแน่ ๆ แต่เมื่อวานนี้จ้าวซูซินเพิ่งจะมาหาเธอ ถึงกับถูกเธอสั่งสอนกลับไปด้วยซ้ำ
สวีซงซิงหยิบสมุดจดออกมาจากกระเป๋า “คุณช่วยเขียนชื่อผู้ต้องสงสัยมาด้วยครับ ทางตำรวจจะช่วยสืบสวนให้กระจ่างเอง คุณไม่ต้องเป็นห่วงอะไรอีกแล้ว แค่เปิดร้านไปตามปกติก็พอ”