สูตรลับแม่ครัวมือทองในยุค80 - บทที่ 164 ของขวัญพิเศษ
บทที่ 164 ของขวัญพิเศษ
เถ้าแก่จ้าวก็รู้สึกเช่นกันว่าลูกสาวของตนเองชักจะพูดจารุนแรงเกินไปหน่อยแล้ว ดังนั้นเขาจึงหันไปมองหน้าเธออย่างตำหนิ
จ้าวซูซินยิ่งรู้สึกหงุดหงิดมากขึ้นกว่าเดิม เธอจะไปรู้ได้อย่างไรว่าตาแก่ท่าทางธรรมดาคนนั้นจะเป็นถึงประธานสมาคมนักทำอาหาร!
หลังจากที่เหอสยงอิ๋งพูดจบ เขาก็พยักหน้าเล็กน้อยเพื่อขอบคุณทุกคน ก่อนจะเดินลงจากเวทีอย่างรวดเร็ว
หลังจากนั้น ลู่ฉิวเยว่ยิ้มขอบคุณให้แก่ชายชรา ก่อนที่เธอจะเดินขึ้นไปบนเวทีด้วยท่วงท่าสง่างาม “ขอบคุณทุกท่านที่อุตส่าห์สละเวลามาอุดหนุนร้านเล็ก ๆ ของเรานะคะ เนื่องในโอกาสที่ร้านเราเพิ่งเปิดเป็นวันแรก ฉันก็เลยขอให้ทางห้องครัวได้เตรียมของขวัญให้แก่ทุกคนแล้วค่ะ”
พูดจบ เด็กเสิร์ฟที่เดินกลับเข้าไปในห้องครัวก็เดินถือถาดไม้ออกมาด้วยสองมือ และสิ่งที่อยู่ในชามบนถาดไม้ก็คือเนื้อตุ๋นที่มีกลิ่นหอมน่ารับประทาน
เนื้อตุ๋นมีกลิ่นหอมตลบอบอวลไปทั่วร้าน ไม่ว่าผู้ใดได้กลิ่นก็ต้องกลืนน้ำลายด้วยความหิวโหย พวกเขารีบหยิบตะเกียบมาลองคีบโดยทันที
เมื่อเนื้อตุ๋นได้เข้าไปอยู่ในปาก รสชาติแห่งความอร่อยก็ระเบิดออกมาในทันใด ดวงตาของกลุ่มลูกค้าเป็นประกายแวววาว และพวกเขาก็รอไม่ไหวแล้วที่จะใช้ตะเกียบคีบเนื้อในชามอีกครั้ง
ในขณะนี้ ทั่วร้านอาหารเต็มไปด้วยคำชมเชยและเสียงเคี้ยวอาหารของผู้คน
“เนื้อตุ๋นของเชฟลู่อร่อยมาก เป็นเนื้อตุ๋นที่อร่อยที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้ คุ้มค่ากับการเดินทางมากินที่นี่จริง ๆ!”
“สมแล้วที่เธอได้อันดับหนึ่งในการแข่งขันทำอาหารรอบที่ผ่านมา!”
“เด็กเสิร์ฟ ผมขอเนื้อตุ๋นอีกชาม!”
เมื่อได้รับผลตอบรับดีมาก ลู่ฉิวเยว่ก็พูดออกมาเสียงดังอย่างมีความสุขว่า “ขอบคุณสำหรับคำชมเชยนะคะ”
หลังจากพูดจบแล้ว เธอก็หันไปให้กำลังใจบรรดาเด็กเสิร์ฟที่ต้องคอยรับออเดอร์จากลูกค้า ก่อนที่ตนเองจะรีบเดินกลับเข้าไปในห้องครัวอย่างรวดเร็ว
อาหารถูกนำไปเสิร์ฟตามโต๊ะต่างๆ อย่างรวดเร็ว ยิ่งผู้คนรับประทานมากเท่าไหร่ พวกเขาก็ยิ่งตกตะลึงมากเท่านั้น อาหารเมนูอื่น ๆ ในร้านนี้อร่อยมากยิ่งกว่าเนื้อตุ๋นเสียอีก แม้แต่อาหารในร้านอาหารชื่อดังของเมืองหลวงก็ยังสู้อาหารในร้านของลู่ฉิวเยว่ไม่ได้เลยด้วยซ้ำ!
“เด็กเสิร์ฟ ขอกับข้าวเพิ่มด้วย!”
หลังจากได้ลิ้มรสชาติแห่งความอร่อยกันแล้ว ทุกคนก็รีบกวักมือเรียกเด็กเสิร์ฟเพื่อจะลองสั่งเมนูอื่น ๆ ที่ทางร้านขายอยู่ให้ครบถ้วน
ลู่ฉิวเยว่เดินกลับออกมาจากห้องครัวอย่างรวดเร็วพร้อมกับขวดไวน์แดงชั้นดี หญิงสาวตรงไปที่โต๊ะของท่านประธาน เธอขอให้ฉินซือช่วยซื้อไวน์แดงเหล่านี้มาเมื่อไม่กี่วันก่อนเพื่อนำมาเป็นของขวัญให้แก่ท่านประธานเหอโดยเฉพาะ
“ฉิวเยว่ เธอจะเกรงใจฉันเกินไปแล้วนะ!” เมื่อเห็นเช่นนี้ เหอสยงอิ๋งก็หัวเราะออกมาเสียงดัง เด็กคนนี้อายุยังไม่เท่าไหร่ แต่กลับมีฝีมือเก่งกาจถึงเพียงนี้ เขาอยากจะได้เธอมาเป็นลูกสาวเสียจริง ๆ
บรรดาสมาชิกคนอื่น ๆ จากสมาคมนักทำอาหารก็ยิ้มรับด้วยความดีใจเช่นกัน พวกเขาชมเชยเธอไม่ขาดปาก
ลู่ฉิวเยว่ยกมือปิดปากและยิ้มเล็กน้อย “ทุกคนกินให้อร่อยนะคะ”
“เจ้านายคะ” เด็กสาวคนหนึ่งรีบเดินเข้ามาหา เธอเป็นเด็กเสิร์ฟที่ลู่ฉิวเยว่จ้างเอาไว้เอง
“มีอะไรเหรอ?” ลู่ฉิวเยว่หันไปถามด้วยความสงสัย
“ขาแกะจะเสร็จหรือยังคะ?”
ลู่ฉิวเยว่ยกมือตบหน้าผากตัวเอง เธอเกือบจะลืมขาแกะตุ๋นไปเสียสนิท พูดว่า “ใกล้เสร็จแล้ว!”
หลังจากนั้น อาหารเมนูใหม่ก็ปรากฏบนโต๊ะของลูกค้าทุกคน หญิงสาวเดินขึ้นไปบนเวที ยิ้มเล็กน้อยก่อนพูดเสียงดังว่า “นี่คือเมนูใหม่ประจำร้านของเราที่จะขายในฤดูร้อนประจำปีนี้ ลองกินกันดูก่อนนะคะ!”
“หอมจริง ๆ!” ลูกค้าคนหนึ่งรีบใช้ตะเกียบคีบเนื้อแกะตุ๋นใส่ปากและยกนิ้วโป้งชื่นชม
นอกจากพนักงานจะมารยาทดีแล้ว อาหารในร้านก็อร่อยจริง ๆ ทำให้ลูกค้าที่เข้ามารับประทานกินได้เรื่อย ๆ และได้ยินเสียงชื่นชมดังขึ้นไม่ขาดสาย
เมื่อได้ยินบรรดานักธุรกิจเพื่อนพ่อต่างก็ชมเชยอาหารฝีมือของลู่ฉิวเยว่ไม่ขาดปาก จ้าวซูซินก็ยิ่งโมโหและโกรธแค้นมากกว่าเดิม ทำไมทุกคนถึงต้องชื่นชมนังนั่นด้วยนะ? นังนั่นคู่ควรแล้วหรือไง?
เมื่อสักครู่นี้ จ้าวซูซินเกือบจะทำให้ตัวเองต้องเสียหน้าไปแล้วครั้งหนึ่ง พ่อแม่ของเธอก็อารมณ์ไม่ดี จ้าวซูซินจึงไม่กล้าพูดจาถากถางใครอีกแล้ว เธอทำได้เพียงนำเมล็ดแตงโมบนโต๊ะมาแทะด้วยความขมขื่น และเคี้ยวพวกมันอย่างแรงเหมือนกำลังเคี้ยวเนื้อของลู่ฉิวเยว่
แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเมล็ดแตงโมเหล่านี้กรอบอร่อยมาก ยิ่งกินก็ยิ่งเพลิน กว่าจะรู้ตัวอีกที เธอก็กินเมล็ดแตงโมทอดไปเกือบจะหมดโต๊ะแล้ว
“ทำไมซินซินถึงเอาแต่กินเมล็ดแตงโมตลอดเวลาเลยล่ะ? อาหารในร้านนี้อร่อยจะตาย ลองกินดูสิ” เถ้าแก่คนหนึ่งที่สนิทสนมกับพ่อของเธอเห็นว่าจ้าวซูซินไม่ยอมหยิบตะเกียบเลย ก็เข้าใจผิดคิดไปว่าหญิงสาวยังคงหงุดหงิดที่ถูกเถ้าแก่หวงดุเมื่อสักครู่นี้ เขาจึงหันหน้ามาส่งยิ้มให้เธอ
แต่คาดไม่ถึงเลยว่าจ้าวซูซินจะไม่ยินดียินร้ายแม้แต่น้อย เธอยิ้มให้เขาอย่างเสียไม่ได้ ก่อนจะใช้ตะเกียบคีบผักบนจานอาหารมารับประทานด้วยความจำใจ หลังจากนั้น จ้าวซูซินก็เอาแต่หยิบเมล็ดแตงโมไปกินต่อ เธอไม่อยากรับประทานผักที่อยู่ในจานอาหารของนางมารร้ายลู่ฉิวเยว่เลยสักนิด
“โอ๊ะ”
เมื่อเด็กเสิร์ฟผู้มีนามว่าซูสือเห็นเมล็ดแตงโมทอดบนโต๊ะใกล้หมดแล้ว เธอจึงเดินเข้ามาให้คำแนะนำแก่จ้าวซูซินว่า “เมล็ดแตงโมพวกนี้เจ้าของร้านของเราเป็นคนทอดเองกับมือเลยนะคะ ปกติมันเป็นของกินเล่นที่ขายดีมาก ถ้าคุณชอบ ในอนาคตพวกเราอาจจะเอามาขายที่ร้านนี้ด้วยค่ะ”
ลู่ฉิวเยว่เป็นคนทำงั้นเหรอ?
จ้าวซูซินหยุดชะงัก เมล็ดแตงโมทอดที่กำอยู่ในมือร่วงลงบนพื้นเหมือนเป็นมันเผาร้อน ๆ
เด็กเสิร์ฟสะดุ้งเล็กน้อยให้กับการตอบรับของลูกค้าสาวคนสวย เธอจ้องมองลูกค้าคนนี้อีกเล็กน้อย ก่อนจะรีบไปดูแลลูกค้าคนอื่น ๆ ในร้านต่อไป
“เป็นอะไรไปอีก?” แม่ของจ้าวซูซินอดดุลูกสาวขึ้นมาไม่ได้ วันนี้ลูกสาวของเธอทำให้พวกเขาต้องขายหน้ามาแล้วหลายครั้ง
จ้าวซูซินยิ่งหงุดหงิดมากไปกว่าเดิม แต่เธอก็พูดอะไรไม่ได้ เธอจึงทำได้เพียงนั่งก้มหน้าก้มตารับประทานอาหารต่อไปเท่านั้น
ครึ่งชั่วโมงให้หลัง ลูกค้าจำนวนไม่น้อยก็รับประทานอิ่มแล้ว พวกเขาจ่ายเงินและเตรียมตัวกลับ ลู่ฉิวเยว่เห็นกลุ่มเด็กเสิร์ฟหันมาส่งสัญญาณทางสายตา เธอก็รีบกลับเข้าไปในห้องครัวและนำขนมหวานออกมาแจกจ่ายให้แก่ลูกค้าที่กำลังจะกลับทันที
“ขอเชิญทุกท่านกลับมาหม่ในโอกาสต่อไปนะคะ” เธอยิ้มแย้มอย่างเป็นมิตร
กลุ่มลูกค้าเหล่านั้นประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง พวกเขาไม่คิดว่าตนเองจะได้ของขวัญพิเศษก่อนจะกลับ พวกเขาจ้องมองห่อขนมหวานที่ถูกจัดทำอย่างประณีต ทุกคนล้วนมั่นใจว่าขนมในห่อจะต้องอร่อยอย่างแน่นอน
“อาหารในร้านของเชฟลู่อร่อยมากเลยครับ ผมจะรีบไปป่าวประกาศให้เพื่อน ๆ มาอุดหนุนคุณแน่นอน”
ในการเปิดร้านวันแรก มีลูกค้าเข้ามาอุดหนุนมากมาย และลู่ฉิวเยว่ก็ยุ่งจนไม่มีเวลาได้ดื่มน้ำ กว่าที่เธอจะมีเวลาได้พัก ท้องฟ้าข้างนอกก็มืดมิดหมดแล้ว เธอช่วยเด็กเสิร์ฟเก็บร้านก่อนที่จะเดินทางกลับบ้าน
“ขอบคุณค่ะ”
ฉินซือขับรถมาถึงพอดีและช่วยเปิดประตูรถรับเธอ ดวงตาของเขาเป็นประกายอย่างอ่อนโยน
ลู่ฉิวเยว่ยื่นถุงใส่อาหารที่เธอถืออยู่ให้เขาก่อนจะสอดตัวเข้าไปนั่งในรถ “วันนี้ฉันยุ่งมากจริงๆ สงสัยคงต้องจ้างเด็กเสิร์ฟเพิ่มแล้วล่ะ”
วันนี้เป็นวันแห่งความวุ่นวาย ตอนนี้เธอก็อยากจะกลับบ้านไปพักผ่อน ขี้เกียจทำอาหารเอง ดังนั้นลู่ฉิวเยว่จึงขอให้พ่อครัวในร้านช่วยทำอาหารให้เธอกลับไปกินที่บ้าน
“งั้นเรามาประกาศหาเด็กเสิร์ฟเพิ่มกันเถอะ”
ในราตรีที่สวยงาม หญิงสาวผู้นั่งอยู่บนเบาะข้างคนขับนิ่งเงียบ ฉินซือหันกลับไปมองและพบว่าเธอเผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่ทราบ ใบหน้ายามนอนหลับของลู่ฉิวเยว่ดูงดงามมากขึ้นเมื่ออยู่ภายใต้แสงสลัว
หัวใจของเขาหวั่นไหว ชายหนุ่มชะลอความเร็วของรถลงอย่างช่วยไม่ได้
…
หลังจากที่รู้สึกว่าร่างกายกำลังสั่นไหวอยู่พักใหญ่ ลู่ฉิวเยว่ก็สะดุ้งตื่นในที่สุด เธอพบว่าตนเองกำลังอยู่ในอ้อมแขนของฉินซือและประตูบ้านก็อยู่ตรงหน้าเธอแล้ว เธอรีบตบไหล่เขา พยายามดิ้นรนลงบนพื้นเพื่อที่จะเดินด้วยตัวเอง
“ปล่อยฉันลงเดี๋ยวนี้นะ คนอื่นมาเห็นจะดูเป็นยังไง”
ฉินซือหัวเราะในลำคอแล้วตอบว่า “ผมไม่สน” เขารีบเร่งฝีเท้าเร็วขึ้นขณะอุ้มเธออยู่ในอ้อมแขน
พวกเขาเข้าไปในตัวบ้านเรียบร้อยแล้ว หวังเซวียนเซวียนจึงค่อย ๆ ลงมาจากเบาะหลัง เด็กหนุ่มยกมือเกาหัว ก่อนจะเดินตามเข้าไปในบ้านพัก
หลังจากรับประทานอาหารและเก็บโต๊ะเสร็จเรียบร้อย ลู่ฉิวเยว่ก็นำเงินจากการเปิดร้านที่ได้วันนี้มาวางบนโต๊ะและเริ่มนับ