สูตรลับแม่ครัวมือทองในยุค80 - บทที่ 153 ถูกเทศกิจไล่จับ
บทที่ 153 ถูกเทศกิจไล่จับ
ลู่ฉิวเยว่ยิ้มออกมาเล็กน้อย “ใช่!” หลังจากพูดจบแล้ว เธอก็เขียนตัวอักษรขนาดใหญ่ลงบนแผ่นกระดาษสีแดงอย่างชัดเจนว่า
“แจกแผ่นแปะแก้ปวดฟรี สำหรับผู้ป่วยโรคไขข้อเท่านั้น…” หวังเซวียนเซวียนโน้มตัวเข้าไปดูและอ่านข้อความเหล่านั้น ซึ่งก็ดึงดูดความสนใจของฉินซือได้เช่นกัน
ชายหนุ่มขยับเข้ามาดูใกล้ ๆ ด้วยดวงตาเป็นประกายและชื่นชมว่า “ลู่ฉิวเยว่ ลายมือของคุณสวยมากเลยนะ คุณฝึกคัดตัวอักษรมาหลายปีแล้วเหรอ?”
ตัวอักษรถูกวาดอย่างสวยงามและดูทรงพลัง สำหรับคนที่จะเขียนตัวอักษรได้สวยงามถึงระดับนี้ ก็คงต้องใช้ประสบการณ์ฝึกฝนไม่ต่ำกว่า 7-8 ปีอย่างแน่นอน
“ก็แค่ฝึกตอนมีเวลาน่ะค่ะ” ลู่ฉิวเยว่ยกมือขยี้จมูกตัวเองเล็กน้อยอย่างรู้สึกผิด แต่โชคดีที่ข้างหน้าเธอมีแค่หวังเซวียนเซวียนคนเดียวเท่านั้น ถ้าพ่อแม่เธออยู่ที่นี่ด้วย พวกท่านก็คงประหลาดใจกับฝีมือการคัดตัวอักษรของเธอเช่นกัน
แต่หญิงสาวไม่ต้องการพูดถึงประเด็นนี้อีกแล้ว เธอหันหน้ากลับไปหาหวังเซวียนเซวียนและพูดว่า “ช่วยไปหาไม้ไผ่หรืออะไรมาก็ได้ทีนะ ฉันจะเอามาแขวนป้ายนี้”
เด็กหนุ่มรีบหมุนตัวไปทำตามคำสั่งที่เธอต้องการโดยทันที
ทันใดนั้น ลู่ฉิวเยว่ก็รู้สึกได้ถึงสัมผัสอบอุ่นบนใบหน้า หญิงสาวหยุดชะงักไปชั่วขณะหนึ่ง ปรากฏว่าฉินซือกำลังหอมแก้มเธออยู่นั่นเอง
“ผมต้องออกไปคุยธุระข้างนอก” เขายิ้มอย่างมีความสุข ในหัวใจเต็มไปด้วยความรู้สึกอ่อนหวาน
ลู่ฉิวเยว่แกล้งทำเป็นขุ่นเคืองใจ “งั้นคุณก็รีบไปเถอะ” หลังจากพูดจบแล้ว เธอก็เดินกลับไปเอาแผ่นพลาสเตอร์แก้ปวดจากที่บ้านมาไว้ที่ปากซอย
กว่าที่ทุกอย่างจะเตรียมพร้อมเสร็จเรียบร้อยก็เป็นเวลา 8:00 น. บนท้องถนนมีผู้คนเดินผ่านไปผ่านมาไม่ขาดสาย และในที่สุด ก็เริ่มมีคนสังเกตเห็นแผงเล็ก ๆ ของเธอแล้ว
“สาวน้อย แผ่นแปะแก้ปวดของเธอแจกฟรีจริงหรือเปล่า?” หญิงชราที่หิ้วตะกร้าใส่ผักคนหนึ่งเดินเข้ามาถามด้วยความสงสัย
ลู่ฉิวเยว่ยิ้มตอบกลับไปด้วยความสดใสว่า “แจกจริงแน่นอนค่ะ คุณป้าลองติดดูเลยไหมคะ?” หลังจากนั้น หญิงสาวก็หยิบแผ่นแปะแก้ปวดยื่นส่งให้กับหญิงชรา
เมื่อได้ยินว่ามีการแจกแผ่นแปะแก้ปวดจริง ๆ หญิงชราก็ยิ้มกว้างและรับแผ่นแปะไปติดไว้บริเวณหัวเข่าของตนเอง
“ทำไมฉันถึงรู้สึกคุ้น ๆ แผ่นแปะพวกนี้จังเลยนะ?” หญิงชราพึมพำออกมา
ลู่ฉิวเยว่เห็นหญิงชราทำปากขมุกขมิบ จึงเข้าใจผิดคิดว่าอีกฝ่ายกำลังพูดคุยกับตนเอง เธอโน้มตัวเข้าไปถามว่า “คุณป้าว่าอะไรนะคะ? หนูได้ยินไม่ถนัด”
หญิงชราส่ายหน้า “ป้าไม่ได้ว่าอะไรหรอกจ้ะ”
ในตอนนี้ เริ่มมีผู้คนมามุงดูด้วยความสนใจมากขึ้นเรื่อย ๆ ลู่ฉิวเยว่จึงต้องลุกขึ้นยืน คอยตอบคำถามของกลุ่มคนและหยิบยื่นแผ่นพลาสเตอร์แก้ปวดให้พวกเขาได้ลองนำไปใช้งาน
หวังเซวียนเซวียนเคยแต่นั่งหาวด้วยความเบื่อหน่าย เมื่อเห็นว่าเริ่มมีคนสนใจมากมายขนาดนี้ เขาก็อดรู้สึกดีใจขึ้นมาไม่ได้ แต่เด็กหนุ่มก็ไม่รู้จะทำอย่างไรดี ลู่ฉิวเยว่จึงต้องผลักให้เขาเดินออกไปข้างหน้าและคอยให้กำลังใจว่า “นายจะมายืนอยู่ตรงนี้ทำไม? รีบช่วยฉันต้อนรับลูกค้าเร็วเข้า”
ผู้คนจำนวนมากที่ป่วยเป็นโรคไขข้ออักเสบต่างก็มาขอรับแผ่นพลาสเตอร์แก้ปวดไปจากลู่ฉิวเยว่ ก่อนจะพากันนั่งลงบนเก้าอี้และนำแผ่นพลาสเตอร์เหล่านั้นไปปิดไว้บริเวณหัวเข่าของตัวเอง
“หืม?” หญิงชราคนที่ติดเป็นคนแรกอยู่ดี ๆ ก็ส่งเสียงอุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ “แผ่นแปะของเธอใช้ได้ผลดีมากเลยนะ แค่แปะลงไปก็รู้สึกร้อนแล้ว ขาของฉันหายปวดขึ้นเยอะเลย”
หญิงชราอีกคนหนึ่งก็ส่งเสียงหัวเราะออกมาเช่นกัน “จริงด้วย ก่อนหน้านี้ฉันเดินแทบไม่ไหว แต่ตอนนี้อาการดีขึ้นเยอะเลย”
เมื่อได้ยินสิ่งที่หญิงชราทั้งสองคนพูด บรรดาคนที่มายืนดูด้วยความอยากรู้อยากเห็นก็ขยับออกมาข้างหน้าและขอรับแผ่นพลาสเตอร์ไปลองใช้ดูบ้างเช่นกัน
“ถ้าคิดว่าแผ่นแปะแก้ปวดของฉันใช้งานได้ดี งั้นวันข้างหน้าอย่าลืมมาอุดหนุนกันด้วยนะคะ” ลู่ฉิวเยว่ยิ้มออกมาอย่างใจดีและสั่งให้หวังเซวียนเซวียนช่วยแจกแผ่นพลาสเตอร์แก้ปวดให้กลุ่มคนที่มาใหม่
“นี่มันแผ่นแปะแบบเดียวกับที่ผมซื้อมาจากร้านขายยาบนถนนชางหนิงเลยนะ” คุณลุงคนหนึ่งพูดขึ้นมาหลังจากนั่งใช้ความคิดอยู่พักใหญ่ “แต่ดูเหมือนของที่นี่จะดีกว่าของร้านนั้นอีก”
ลู่ฉิวเยว่ยิ้มออกมาเล็กน้อยและตอบว่า “คุณลุงมีสายตาเฉียบแหลมมากเลยค่ะ ครอบครัวของหนูเป็นคนทำแผ่นแปะแก้ปวดส่งไปขายที่ร้านนั้นเอง”
และแผ่นแปะแก้ปวดที่เธอทำในปัจจุบันนี้เป็นรุ่นที่ได้รับการปรับปรุงใหม่เรียบร้อยแล้ว เพราะฉะนั้นพวกมันจึงมีสรรพคุณในการรักษาดีกว่ารุ่นก่อนหน้านี้
เมื่อได้ยินประโยคนั้น กลุ่มคนที่อยู่โดยรอบก็ตื่นตกใจขึ้นมาทันที พวกเขานึกว่าผู้หญิงคนนี้นำแผ่นแปะแก้ปวดมาแจกฟรี ๆ ก็เพราะเพิ่งจะหัดทำ ไม่ได้มีชื่อเสียงอะไร แต่พวกเขาก็คิดไม่ถึงเลยว่าเธอจะเป็นคนทำแผ่นแปะแก้ปวดส่งร้านขายยาที่ถนนชางหนิงนั่นเอง
ทุกคนทราบดีว่าแผ่นแปะแก้ปวดจากร้านขายยานั้นมีราคาแพงถึงแผ่นละ 3 หยวน ถ้าพวกเขาไม่ปวดจนทนไม่ไหว ก็คงไม่มีทางไปซื้อมาใช้งานอย่างแน่นอน
“สาวน้อย เธอขายแผ่นละเท่าไหร่เหรอ?” ใครบางคนถามขึ้นมาด้วยความอยากรู้
ลู่ฉิวเยว่ยิ้มออกมาโดยทันที พูดด้วยน้ำเสียงอบอุ่นว่า “ขายแค่แผ่นละ 1 หยวนเท่านั้นค่ะ ถ้าซื้อห้าแผ่นก็จะได้แถมฟรีอีกหนึ่งแผ่น ถ้าซื้อสิบแผ่นก็จะได้แถมฟรีสามแผ่นเลยค่ะ”
เมื่อกลุ่มคนได้ยินราคา พวกเขาก็ส่งเสียงอุทานออกมาด้วยความตกใจ ก่อนจะรีบควักเงินออกมาทันที “สาวน้อย ฉันขอซื้อสิบแผ่น!”
“ฉันขอซื้อยี่สิบแผ่น”
“ฉันก็ขอซื้อยี่สิบแผ่นด้วยเหมือนกัน”
…
เมื่อถึงตอนเที่ยง แผ่นพลาสเตอร์แก้ปวดที่ลู่ฉิวเยว่นำมาวางขายก็เกือบหมดแล้ว หวังเซวียนเซวียนที่ยืนอยู่ด้านข้างกำลังกอดกระเป๋าเงินอย่างมีความสุข
ทั้งสองคนไม่รู้เลยว่าเหตุการณ์นี้ได้อยู่ในสายตาของหญิงสาวที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งของถนนตลอดเวลา
เธอรีบวิ่งกลับไปในร้านขายยาบนถนนชางหนิง
“เถ้าแก่เนี้ยคะ แย่แล้วค่ะ ลู่ฉิวเยว่คนนั้นขายแผ่นแปะแก้ปวดได้จริง ๆ!”
“ว่าไงนะ?!” คุณนายจางตกตะลึง “บอกมาให้ละเอียด”
หลังจากได้รับฟังคำอธิบายจากเสมียนสาวเรียบร้อยแล้ว คุณนายจางก็รำคาญใจเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเมื่อนึกถึงถ้อยคำเหยียดหยามที่ตนเองพูดเอาไว้กับลู่ฉิวเยว่ เธอก็ทั้งรู้สึกโกรธและอับอายเป็นอย่างมาก
เธอคงต้องรีบหาทางกำจัดลู่ฉิวเยว่แล้วสินะ?
“ปล่อยไว้แบบนี้ไม่ได้!” คุณนายจางโยนกระเป๋าลงพื้นด้วยความโกรธ พูดกับเสมียนสาวว่า “ไปทำให้พวกมันหยุดขายเดี๋ยวนี้”
เสมียนสาวเกิดความลังเลเล็กน้อย “แต่ว่า…มันก็เป็นสิทธิ์ของเธอนะคะ ฉันจะไปห้ามเธอได้ยังไง?”
คุณนายจางหันมาจ้องมองด้วยความขุ่นเคืองใจ “ฉันไม่สน ถ้าเธอหาวิธีหยุดพวกมันไม่ได้ งั้นเธอก็จะถูกไล่ออก!”
เมื่อเสมียนสาวได้ยินดังนั้นก็เกิดความร้อนใจขึ้นมาในทันใด ชีวิตของเธอดีขึ้นได้ก็เพราะได้ทำงานตำแหน่งนี้ ถ้าพ่อแม่คนรักของเธอรู้ว่าตัวเองถูกไล่ออกจากงาน พวกท่านก็คงดูถูกเธออย่างแน่นอน
แล้วในทันใดนั้น เสมียนสาวก็มีดวงตาเป็นประกายขึ้นมา เธอรู้วิธีแล้ว จึงรีบหันมาพูดกับเจ้านายว่า “ลู่ฉิวเยว่ไปตั้งแผงขายของอยู่ที่หน้าปากซอย เราโทรแจ้งเทศกิจให้มาจับเธอข้อหาตั้งสิ่งกีดขวางขัดขวางการจราจรได้นะคะ”
“งั้นก็รีบไปโทรเดี๋ยวนี้! ถ้าเธอทำได้สำเร็จ ฉันจะขึ้นเงินเดือนให้เธอ!” คุณนายจางมีรอยยิ้มชอบใจอยู่บนใบหน้า กำลังนึกภาพลู่ฉิวเยว่ที่หมดหนทาง ขายแผ่นแปะแก้ปวดไม่ออก จนต้องกลับมาคุกเข่าขอร้องอ้อนวอนเธอ และเมื่อถึงตอนนั้น เธอก็จะทำให้ลู่ฉิวเยว่ได้รู้จักกับความหมดหวังที่แท้จริง
เสมียนสาวดีใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับคำชมเชยจากคุณนายจาง ก่อนจะรีบวิ่งไปหยิบโทรศัพท์ทันที
ในเวลาเดียวกันนี้ ลู่ฉิวเยว่ไม่รู้เลยว่าตัวเองกำลังจะถูกปองร้าย เธอยังคงยิ้มและให้คำแนะนำกับบรรดาคุณลุงคุณป้าที่มาขอรับแผ่นพลาสเตอร์ต่อไป
“ฉันขอซื้อห้าแผ่น…” คุณป้าคนหนึ่งควักเงินออกมาจากกระเป๋า แต่แล้วก็มีเสียงตะโกนดังขึ้นว่า
“คุณหนูลู่ เทศกิจมาแล้ว รีบหนีไป!”
ลู่ฉิวเยว่หันไปมองก็พบว่าเป็นหญิงชราคนแรกที่มาติดแผ่นแปะแก้ปวดของเธอเมื่อตอนเช้านั่นเอง
หญิงสาวไม่มีเวลาได้ขอบคุณ เธอทำได้เพียงยัดแผ่นพลาสเตอร์ทั้งหมดใส่กระเป๋า ตะโกนบอกให้หวังเซวียนเซวียนคว้ากระเป๋าเงินวิ่งหนีไป ไม่สนใจเก็บโต๊ะและเก้าอี้เลยด้วยซ้ำ
แต่น่าเสียดายที่ช้าเกินไป ลู่ฉิวเยว่วิ่งหนีออกมาได้เพียงไม่กี่ก้าว เจ้าหน้าที่จากสำนักเทศกิจก็วิ่งไปปิดล้อมทางออกเอาไว้เรียบร้อยแล้ว