สูตรลับแม่ครัวมือทองในยุค80 - บทที่ 15 เล่ห์เหลี่ยมของลู่เจี๋ยหรง (รีไรท์)
บทที่ 15 เล่ห์เหลี่ยมของลู่เจี๋ยหรง (รีไรท์)
บทที่ 15 เล่ห์เหลี่ยมของลู่เจี๋ยหรง (รีไรท์)
ในที่สุดเรื่องราวของโรงงานบรรจุกระป๋องก็ยุติลง ลู่ฉิวเยว่ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เธอเริ่มวางแผนที่จะตั้งแผงขายอาหารอีกครั้ง
ปัญหาที่โรงงานผลไม้กระป๋องทำให้เธอเสียภาพลักษณ์ในการทำอาหารไปมาก
สงสัยความน่าเชื่อถือก็หายไปด้วยสิเนี่ย…
หญิงสาวจำเป็นต้องตั้งแผงขายอาหารเพื่อกอบกู้ชื่อเสียงกลับคืนมาอย่างเร่งด่วน
เช้าวันรุ่งขึ้น ลู่ฉิวเยว่กับแม่ก็ออกเดินไปยังหน้าโรงงานเดิมที่เคยเปิดแผงขายอาหารมาก่อน
“สาวน้อย เธอไม่มาหลายวันแล้วนะ ปล่อยให้พวกเรารออยู่ได้” ก่อนที่เธอและแม่จะตั้งแผง หลายคนที่รวมตัวกันต่างกลืนน้ำลายลงคออย่างควบคุมไม่ได้
ทุกคนต่างก็อยากจะมากินโร่วเจียโม๋ในฝัน
“หอมจริง ๆ เมื่อไหร่จะพร้อมนะ ฉันได้ยินมาว่าโร่วเจียโม๋ของคุณอร่อยกว่าอาหารของเชฟระดับห้าดาวเสียอีก ฉันรอที่นี่มาหลายวันแล้ว”
“เกือบได้ที่แล้วจ้ะ” ลู่ฉิวเยว่ตอบพร้อมรอยยิ้ม จากนั้นจัดการสิ่งของของเธอให้เรียบร้อยแล้วเปิดหม้อต้ม
ภายในหม้อมีเนื้อหมูสับราดด้วยด้วยซีอิ๊วเล็กน้อย มันมีสีแดงก่ำ น่ารับประทานเป็นที่สุด
คนรอบข้างกลืนน้ำลาย อยากจะรีบซื้อมันกันทั้งนั้น
“ผมขอซื้อ 10 ชิ้น!”
“ฉันก็อยากได้ 10 ชิ้นเหมือนกัน!”
“ผมขอก่อน 6 ชิ้น!”
……
ฝั่งตรงข้ามมีผู้หญิงหน้าตาบูดบึ้งยืนมองด้วยความอิจฉาริษยา
เธอไม่คิดไม่ฝันเลยว่าลู่ฉิวเยว่จะโชคดีขนาดนี้
แทนที่จะเสียชื่อเสียงเพราะโรงงานผลไม้กระป๋อง ธุรกิจกลับดีขึ้นเรื่อย ๆ อีกต่างหาก
ยิ่งไปกว่านั้น ผู้หญิงที่ตนกำลังยืนจ้องอยู่ในขณะนี้เป็นคนทำให้เธอต้องถูกจำคุกเป็นเวลาครึ่งเดือน และชื่อเสียงของเธอก็เน่าเฟะไปทั่วประเทศ สวีต้าหลินใช้เหตุการณ์นี้ทุบตีเธอและขู่ว่าจะหย่ากับเธออยู่ตลอดเวลา
ทั้งหมดเป็นเพราะนังลู่ฉิวเยว่!
หล่อนควรตกนรก!
“แม่คะ มีอะไรเหรอ”
ลู่ฉิวเยว่กำลังฟังเสียงของค่าความสุขที่เพิ่มขึ้นในระบบ หันศีรษะไปมองก็พบว่าแม่กำลังมีสีหน้าตกตะลึง หญิงสาวหันไปมองตามผู้เป็นแม่ด้วยความอยากรู้อยากเห็น
ฝั่งตรงข้ามว่างเปล่า ยกเว้นต้นไม้เขียว ๆ สองสามต้นก็ไม่มีอะไรเลย
“ไม่มีอะไรหรอก” แม่ส่ายหัว “ดูเหมือนแม่จะเห็นเจี๋ยหรง เด็กคนนั้นสติไม่ดี แม่เกรงว่าเธอจะสร้างปัญหาอีก”
ลู่ฉิวเยว่ให้ความมั่นใจ “เธอคงมาทำอะไรพวกเราไม่ได้อีกแล้ว แม่ไม่ต้องคิดมากนะ”
คนเป็นแม่รู้สึกว่าลูกสาวโตมากขึ้นเรื่อย ๆ เธอพยักหน้าด้วยรอยยิ้มและทำงานในมือต่อไป
ลู่เจี๋ยหรงไม่ได้กลับบ้านในทันที แต่เธอนั่งรถกลับไปที่บ้านแม่ของเธอ
“เจี๋ยหรง กลับบ้านมาแบบนี้มีอะไรหรือเปล่า” ป้าลู่มองไปที่ลูกสาวหน้าตาบูดบึ้งด้วยความประหลาดใจก่อนจะรีบทักทายเธอ เธอยกแขนของลู่เจี๋ยหรงดูด้วยความกระวนกระวาย “เกิดอะไรขึ้น สวีต้าหลินตีลูกอีกแล้วเหรอ ให้ตายเถอะ ไม่ได้การแล้ว! ไอ้สารเลวนี่ แม่จะส่งมันไปลงนรกเอง!”
ทุกครั้งที่ลู่เจี๋ยหรงกลับมาบ้าน ร่างกายของเธอก็จะเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำ หัวใจของป้าลู่เจ็บปวดมาก เธออยากจะฆ่าชายคนนั้นให้รู้แล้วรู้รอดไป
“เดี๋ยวก่อนสิคะ” ลู่เจี๋ยหรงปิดปากของคนเป็นแม่อย่างแรง “แม่จะตะโกนทำไมเนี่ย? แค่นี้ยังน่าอายไม่พออีกเหรอ? เขาไม่ได้ทำ ลู่ฉิวเยว่ต่างหาก!”
ลู่ฉิวเยว่?
เมื่อป้าลู่ได้ยินชื่อนี้เธอก็โกรธทันที “ลู่ฉิวเยว่ หญิงสารเลวนั่นรังแกลูกอีกแล้วเหรอ แม่รู้อยู่แล้วว่ามันต้องไม่ใช่คนดี!”
“พูดไปก็ไร้ประโยชน์ ตอนนี้พวกมันไปตั้งแผงขายอาหารอยู่หน้าโรงงาน มีคนซื้อโร่วเจียโม๋เหมือนอร่อยนักหนา ป่านนี้พวกมันคงรวยเป็นเศรษฐีไปแล้วมั้ง หนูเห็นแล้วขัดหูขัดตาเหลือเกิน แถมมันยังมายิ้มเยาะเย้ยหนูด้วย!”
“มันยังจะมีหน้ามายิ้มเยาะเย้ยลูกอีก นิสัยไม่ดีแบบนี้แม่ต้องไปสั่งสอนพวกมันสักหน่อยแล้ว!” ป้าลู่พูดพลางทำท่าจะออกไป
แต่หลังจากนั้น หญิงวัยกลางคนก็เดินวนกลับมาอีกครั้งและคว้าแขนของลู่เจี๋ยหรงเพื่อถามว่า “เดี๋ยวก่อนนะ…ลูกเพิ่งบอกว่าธุรกิจของลู่ฉิวเยว่ดีมากใช่ไหม ถ้าอย่างนั้นครอบครัวของพวกเขาก็มีเงินมากมายแล้วสิ?”
ลู่เจี๋ยหรงพยักหน้า เธอรู้สึกไม่มั่นใจ
ป้าลู่กลอกตาพลางคว้าลู่เจี๋ยหรงแล้วเดินไปที่ห้องของคุณย่าลู่
คุณย่ารักลูกชายมาตั้งแต่เด็ก อีกทั้งยังชื่นชอบในทรัพย์สินเงินทองมากกว่าอะไรทั้งสิ้น ถ้าคุณย่ารู้ว่าลู่ฉิวเยว่มีเงินมากมายแต่ไม่ยอมเอามาให้ คุณย่าก็จะต้องโกรธแค้นลู่ฉิวเยว่มากอย่างแน่นอน
……
ในตอนเที่ยง ทันทีที่ลู่ฉิวเยว่และแม่เก็บแผงขายของกลับมาถึงบ้าน พวกเธอก็ได้ยินเสียงร้องไห้และทำลายข้าวของดังออกมาจากข้างใน
ลู่ฉิวเยว่รู้ว่าคุณย่าของเธอได้มาถึงที่นี่แล้ว
หัวใจของแม่ลู่ฉิวเยว่เต้นไม่เป็นจังหวะ เธอรีบเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น
“แม่ แม่มาอยู่ที่นี่ได้ยังไงคะ” แม่ของลู่ฉิวเยว่จ้องไปที่คุณย่าลู่ด้วยความประหลาดใจ
เมื่อคุณย่าลู่เห็นพวกเธอกลับมาแล้ว หญิงชราก็ยกมือชี้หน้าแล้วตะโกนว่า “ฉันไม่มาก็คงไม่รู้ ลูกชายและลูกสะใภ้ที่แสนดีของฉันกินปลากินเนื้อจนอิ่มหนำสำราญ ส่วนฉัน หญิงแก่ ๆ วัย 80 ปีแทบจะต้องเก็บผักกินประทังชีวิตไปวัน ๆ อยู่แล้ว ฉันมันอาภัพเหลือเกิน… มีลูกทั้งทีก็เป็นลูกเนรคุณเสียได้!”
“แม่ ก็แม่ตัดขาดพวกเราเองไม่ใช่เหรอคะ แล้วตอนนี้แม่จะมาเรียกร้องเอาอะไรอีก” แม่ของลู่ฉิวเยว่โกรธมาก ในอดีตเธอถูกแม่สามีโขกสับทุกวันและแม่สามีก็ไม่เคยช่วยเหลืออะไรพวกเธอเลย
เวลานี้ชาวบ้านที่ไม่รู้รายละเอียดชี้ไม้ชี้มือไปที่แม่ของลู่ฉิวเยว่ นั่นทำให้แม่ของลู่ฉิวเยว่ละอายใจมากกว่าเดิม
“ฉันเคยยกบ้านให้เธอทั้งหลังเลยนะ เธอมาพูดแบบนี้ได้ยังไง ผัวของเธอกับพี่ชายของเขาเคยเลี้ยงดูฉันมาตลอด นับจากนี้เป็นต้นไป เธอต้องจ่ายเงินเดือนให้ฉัน รวมถึงเงินชดเชยก่อนหน้านี้ด้วย เอาเงินมา!” คุณย่าพูดจาไม่มีเหตุผล เธอนั่งลงบนพื้นแล้วเริ่มร้องไห้คร่ำครวญ
นี่มันการแสดงละครทั้งนั้น
แม่ของลู่ฉิวเยว่โกรธจนต้องกัดฟันแน่น
ถ้าพวกของคุณย่าใหญ่ไม่ร่วมมือกันกลั่นแกล้งลู่ฉิวเยว่ก่อนหน้านี้ แม่ของลู่ฉิวเยว่ก็คงจะพอมีความเมตตาเหลืออยู่บ้าง การให้เงินเลี้ยงดูคนแก่ชราไม่ใช่ปัญหา แต่ปัญหาคือคนชราผู้นี้ร้ายกาจมาก แม่ของลู่ฉิวเยว่จึงไม่คิดให้เงินอีกต่อไป!
“ถ้าอยากได้เงิน แม่ไปหาเอาที่อื่นเถอะ!” แม่ของลู่ฉิวเยว่พูดอย่างเย็นชา
เมื่อเห็นเช่นนี้ หญิงชราก็จ้องมองอย่างขุ่นเคือง จากนั้นก็ร่ำร้องพร้อมกับชักดิ้นชักงอเหมือนเด็ก ๆ “ทุกคนมาดูนี่สิ หญิงสารเลวคนนี้ยุยงให้ลูกชายฉันทอดทิ้งแม่ตัวเอง สงสารฉันเถอะ ฉันเป็นคนแก่ อายุ 80 กว่าแล้ว อายุตั้งขนาดนี้ ไม่เคยมีเนื้อสัตว์ดี ๆ ตกถึงท้องมานานแล้ว ฉันกินแต่ผักดองมาตั้งนาน!”
“ถูกต้อง นอกจากป้าของฉันไม่คิดจะเลี้ยงดูคุณย่าของฉันแล้ว เธอยังทำตัวไม่ดีกับคุณย่าด้วย ทั้งทุบตีและดุด่าเลยล่ะ” ลู่เจี๋ยหรงเบียดเข้ามาในฝูงชน จากนั้นตะโกนหน้าเศร้า
“มันเกินไปจริง ๆ”
บางคนรวมตัวกันและชี้หน้าด่าว่า “คุณเป็นลูกสะใภ้ประสาอะไร ลูกชายก็ต้องเลี้ยงแม่สิ คนเฒ่าคนแก่จะดูแลตัวเองได้ยังไง ขนาดหมามันยังรู้จักกตัญญูเลยนะ!”
“ใช่แล้ว พวกเราคิดไม่ถึงเลยว่าคุณจะเป็นคนแบบนี้”
“คนอะไรไม่มีจิตสำนึกเลยจริง ๆ”
ลู่ฉิวเยว่มองไปทางกลุ่มชาวบ้านที่กำลังส่งเสียงตะโกนต่อว่าแม่ของเธอ หญิงสาวจึงยกมือชี้ไปที่หญิงชราแล้วพูดว่า “ย่าบอกว่าเราไม่เลี้ยงดูแลย่างั้นเหรอ? ทุกคนฟังให้ดีนะ พวกเราให้เงินย่าเดือนละหลายสิบหยวน แต่เพราะว่าพ่อของฉันไม่ใช่ลูกชายคนโปรดของย่า พวกเราทำอะไรก็ผิดไปหมด ส่วนลุงของฉันที่เป็นลูกชายคนโปรดของย่านั้น ไม่ต้องทำอะไรก็ได้ทุกอย่างไปครอบครอง ตอนที่พวกเราทะเลาะกัน พวกเขาถึงกับไล่เราออกจากบ้าน จะให้ไปอยู่บ้านไม้ที่ผุพังหลังหนึ่งด้วยซ้ำ”
ลู่ฉิวเยว่เย้ยหยัน “ยังไม่ต้องเอ่ยถึงว่าหลานสาวสุดที่รักของย่าที่ร่วมมือกับแม่ของตัวเองใส่ร้ายฉัน แย่งชิงคู่หมั้นของฉันไป ยังส่งคนมาทำลายภาพลักษณ์โรงงานในหมู่บ้านของพวกเราอีกต่างหาก”
ชาวบ้านเริ่มจำเรื่องราวได้
“เฮ้ย! เป็นฝีมือของพวกเขาเองเหรอ นี่มันครอบครัวคนชั่วชัด ๆ พวกเราอย่าหลงกล!” เสียงที่เต็มไปด้วยความขุ่นเคืองดังมาจากฝูงชน
“หญิงชราคนนี้ไร้มนุษยธรรมจริง ๆ โดนแบบนี้ก็สมควรแล้ว!”
“ถูกต้อง พวกเราไม่มีทางยกโทษให้แน่!”
ทันใดนั้น ทุกคนก็ชี้นิ้วไปที่คุณย่าลู่ที่กำลังหน้าถอดสีด้วยความโกรธ
“แล้วพวกแกมายุ่งอะไรด้วย ฉันมาขอเงินลูกสะใภ้ ไม่ได้มาขอเงินพวกแกสักหน่อย! ไสหัวไปให้พ้น!” หญิงชราแซ่ลู่ตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยว
“ยังมีแรงด่าคนอื่นได้อีกเหรอเนี่ย! มิน่าล่ะ ยิ่งแก่ถึงยิ่งดูอัปลักษณ์ขนาดนี้” มีคนดูถูกเหยียดหยามออกมาอย่างไม่เกรงใจ
“ใช่! ลู่ฉิวเยว่เป็นดาวนำโชคของหมู่บ้านเรา ถ้ามีใครรังแกเธอ เราจะปกป้องเธอเอง! คนที่เคยกลั่นแกล้งเธออยู่ร่วมกับพวกเราไม่ได้หรอก!”
เมื่อคุณย่าเห็นสายตาที่ทุกคนจ้องมองมายังตนเองก็รู้สึกกลัว สุดท้ายจึงวิ่งหนีไปโดยที่มีลู่เจี๋ยหรงล้มลุกคลุกคลาน วิ่งตามหลังไปไม่ห่าง