สูตรลับแม่ครัวมือทองในยุค80 - บทที่ 104 ขโมยสูตรทำเมล็ดแตงโมทอด
บทที่ 104 ขโมยสูตรทำเมล็ดแตงโมทอด
”วันนี้พ่อไล่อู๋ซินออกไปแล้ว”
ตอนกลางคืน หลังจากที่ลู่ฉิวเยว่รับประทานอาหารเสร็จแล้ว เธอกำลังนั่งอยู่บนโซฟาขณะรับประทานผลไม้ พ่อของเธอก็พูดขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
หญิงสาวพยักหน้า ไม่ประหลาดใจเลยสักนิด ช่วงหลังเธอก็เห็นธาตุแท้ของอู๋ซินมาแล้ว เธออยากจะไล่เขาออกตั้งนานแล้วด้วยซ้ำ
”เดี๋ยววันพรุ่งนี้หนูจะหาคนมาช่วยงานใหม่นะคะ” เธอยิ้มและพูดอย่างอ่อนโยน
”แต่ว่า…” พ่อของเธอมีสีหน้าเป็นกังวลเล็กน้อย “พ่อรู้สึกกังวลยังไงไม่รู้ อู๋ซินจะกลับมาแก้แค้นพวกเราอีกหรือเปล่า”
เมื่อเห็นแววตาของชายหนุ่มเดินออกไปพร้อมกับความโกรธแค้นและอาฆาต พ่อของลู่ฉิวเยว่ก็อดตัวสั่นไม่ได้ อู๋ซินเป็นเหมือนงูพิษดี ๆ นี่เอง
ลู่ฉิวเยว่หัวเราะในลำคอและปลอบโยนว่า “เขาจะทำอะไรได้คะ ตอนนี้เขากลับเข้าโรงงานของเราไม่ได้แล้ว ข้อมูลสำคัญของเราไม่ได้อยู่ในมือเขา เพราะฉะนั้น เขาทำอะไรเราไม่ได้เลย”
”แต่ว่าสูตรทำเมล็ดแตงโมทอด…”
ลู่ฉิวเยว่ส่ายหน้าและพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ก็แค่ผงแป้งธรรมดาค่ะ ต่อให้เขาได้สูตรไป เขาก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี”
เธอคิดเรื่องนี้มานานแล้วว่าอาจจะมีคนขโมยสูตรทำเมล็ดแตงโมทอดไปจากโรงงานก็เป็นได้ ดังนั้นลู่ฉิวเยว่จึงป้องกันไว้ตั้งแต่แรก เธอนำเครื่องปรุงทั้งหมดมาบดอัดเข้าด้วยกันจนเป็นผงละเอียดและเก็บเอาไว้ในห่อเล็ก ๆ ขนาดพอดีต่อการใช้งาน จึงไม่มีทางที่พนักงานในโรงงานจะรู้สูตรการทำแน่นอน
พ่อของลู่ฉิวเยว่นิ่งเงียบพลางใช้ความคิด แม้แต่เขาเองก็ยังไม่รู้เลยว่าเครื่องปรุงที่ใช้ทำเมล็ดแตงโมทอดมีอะไรบ้าง แล้วอู๋ซินจะไปรู้ได้อย่างไร?
ชายวัยกลางคนถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกทันที
แต่สองพ่อลูกไม่รู้เลยว่าการป้องกันสูตรลับไม่ให้รั่วไหลเช่นนี้ ได้ทำให้พนักงานในโรงงานบางส่วนเกิดความไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง
ฉินเหนียนเคยเป็นพนักงานประจำอยู่ในโรงงานผลิตอาหารแห่งหนึ่ง แต่เมื่อตอนหลังค้นพบว่าเมล็ดแตงโมทอดของตระกูลู่อร่อยมาก เขาจึงลาออกจากงานมาสมัครเข้าทำงานที่โรงงานผลิตเมล็ดแตงโมทอดของตระกูลลู่แทน
แต่คิดไม่ถึงเลยว่าหลังจากมาทำงานที่นี่แล้ว ฉินเหนียนก็พบว่าตระกูลลู่ระมัดระวังตัวเป็นอย่างยิ่ง เครื่องปรุงสำหรับใส่ระหว่างทอดเมล็ดแตงโมถูกทำสำเร็จรูปมาแล้ว
พนักงานจะรู้แต่เพียงว่าควรใส่เครื่องปรุงในปริมาณเท่าไหร่ แต่พวกเขาไม่รู้เลยว่าในเครื่องปรุงมีอะไรอยู่บ้าง
ฉินเหนียนรู้สึกโกรธจนอยากจะลาออก แต่เขาก็ไม่สามารถกลับไปทำงานที่เดิมได้แล้ว ดังนั้นเขาจึงต้องทำงานที่นี่ต่อไป
”พวกตระกูลลู่นี่ขี้งกจริง ๆ ก็แค่สูตรนิดหน่อย ไม่รู้จะหวงอะไรนักหนา!” เขาโกรธจนควันออกหู กระแทกแก้วสุราวางลงบนโต๊ะอย่างแรง
ดวงตาของอู๋ซินเป็นประกายระยิบระยับทันที เขาหัวเราะในลำคอ สีหน้าเต็มไปด้วยความเคียดแค้น “นั่นสิ พวกมันเห็นเราเป็นหัวขโมยหรือไง! พวกเราเองก็มีสิทธิ์อยากรู้บ้างเหมือนกันนี่นา น้องฉิน ในเมื่อวันนี้นายเปิดใจแล้ว วันนี้จะกินอะไรก็เอาให้เต็มที่ เดี๋ยวฉันเลี้ยงเอง!”
หลังจากพูดจบ เขาก็หันไปสั่งให้เด็กเสิร์ฟให้นำสุรามาเพิ่มอีก 2 ขวด
”พี่อู๋ใจดีเกินไปแล้ว!” ฉินเหนียนโบกไม้โบกมือด้วยความเกรงใจ
อู๋ซินยิ้มออกมาพร้อมกับพูดว่า “พอดีฉันมีเรื่องอยากจะขอร้องน้องฉินสักหน่อยน่ะ”
ฉินเหนียนเกือบจะสำลักสุรา เขานึกว่าอู๋ซินจะชวนเขามาดื่มด้วยก็เพื่อปรับทุกข์เรื่องตระกูลลู่ แต่ที่ไหนได้ อู๋ซินมีเรื่องอยากจะใช้งานเขานี่เอง
แต่ในอาหารมื้อนี้ เขาดื่มสุราของอู๋ซินไปไม่น้อย ฉินเหนียนจึงไม่มีทางปฏิเสธได้อีก เขาจำเป็นต้องแกล้งรับคำด้วยความยินดี “พี่อู๋พูดมาได้เลย พวกเราเป็นพี่น้องกัน ไม่เห็นมีอะไรต้องเกรงใจ ถ้าช่วยได้ผมจะช่วยอย่างแน่นอน”
เมื่อเห็นว่าเป้าหมายสำเร็จแล้ว อู๋ซินก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข ก่อนจะกระซิบว่า
”ช่วยฉันขโมยเครื่องปรุงเมล็ดแตงโมทอดของตระกูลลู่ออกมาหน่อยสิ”
”ว่าไงนะครับ?” ฉินเหนียนคิดไม่ถึงเลยว่าอู๋ซินอยากจะให้เขาขโมยเครื่องปรุงของโรงงานออกมา เขาตกใจจนต้องยกมือปฏิเสธ “พี่อู๋ การขโมยถือเป็นเรื่องผิดกฎหมาย ผมทำให้ไม่ได้หรอก”
อู๋ซินหัวเราะในลำคอ เขาหันมองรอบตัว ก่อนจะหยิบธนบัตรปึกหนึ่งออกมาจากกระเป๋าและยัดใส่มืออีกฝ่าย “ทำไมล่ะ? นายก็เกลียดพวกเขาเหมือนกันไม่ใช่หรือไง? ทำไมไม่ใช้โอกาสนี้ลงโทษพวกเขาไปเลยล่ะ? อีกอย่าง วันหนึ่งโรงงานผลิตเมล็ดแตงโมทอดตั้งเยอะ นายขโมยเครื่องปรุงออกมาแค่นิดหน่อย ไม่มีใครรู้หรอกน่า”
ธนบัตรในมือทำให้จิตใจของฉินเหนียนหวั่นไหว เขาลองคำนวณดูด้วยตาเปล่าและพบว่านี่เป็นเงินจำนวนมากกว่าร้อยหยวน ชายหนุ่มนิ่งเงียบใช้ความคิด ก่อนพูดออกมาว่า
”พวกตระกูลลู่สมควรได้รับบทเรียนมานานแล้ว! พี่อู๋ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวผมจะจัดการให้เอง!”
เงินยังสามารถจ้างผีให้โม่แป้งได้ นับประสาอะไรกับการเปลี่ยนใจฉินเหนียน
ไม่ถึงสองวันต่อมา เขาก็นำเครื่องปรุงสำหรับทำเมล็ดแตงโมทอดมามอบให้แก่อู๋ซิน
”คุณอู๋ช่างยอดเยี่ยมจริง ๆ!” เฉิงซูเปิดห่อเครื่องปรุงที่วางอยู่บนโต๊ะออกดูด้วยดวงตาเป็นประกายระยิบระยับ
เมื่อมีเครื่องปรุงเหล่านี้อยู่ในมือ เธอก็สามารถผลิตเมล็ดแตงโมทอดได้เองแล้ว เธอไม่ต้องไปง้อลู่ฉิวเยว่ให้เสียอารมณ์อีกต่อไป แล้วเธอก็นึกภาพไม่ออกเลยว่าลู่ฉิวเยว่จะโมโหขนาดไหนเมื่อรู้เรื่องนี้
เฉิงซูมั่นใจว่าเมื่อมีเครื่องปรุงชนิดเดียวกันอยู่ในมือ เธอก็จะไม่ใช่ฝ่ายที่เสียเปรียบลู่ฉิวเยว่อีกต่อไป เฉิงซูจึงมีสีหน้าที่ตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด
อู๋ซินเอื้อมมือมาหยิบเงินที่วางอยู่บนโต๊ะ พลางยิ้มออกมาด้วยความพอใจ “ถ้าคุณเฉิงมีอะไรจะให้ผมช่วยอีกในอนาคต ก็บอกมาได้เลยนะครับ”
หลังจากพูดจบแล้ว เขาก็ร่ำลาและเดินจากไป
เมื่อชายหนุ่มเดินออกไปแล้ว เฉิงซูก็แทบรอไม่ไหวที่จะส่งห่อเครื่องปรุงไปให้แผนกตรวจสอบมืออาชีพในเมืองได้วิเคราะห์ดูว่าองค์ประกอบแต่ละชนิดมีอะไรบ้าง
”ขอโทษด้วยนะครับคุณเฉิง แต่ว่าเครื่องปรุงที่คุณได้มามันแตกละเอียดมากเกินไป พวกเราวิเคราะห์ไม่ได้เลย ลองไปให้ที่อื่นวิเคราะห์ดูดีไหมครับ?” เจ้าหน้าที่ประจำแผนกวิเคราะห์ขมวดคิ้วทันทีที่เปิดห่อเครื่องปรุง พวกเขาจะวิเคราะห์ผงแป้งพวกนี้ได้อย่างไร
เฉิงซูมีสีหน้าที่ไม่ได้เป็นกังวล แต่ก่อนมาที่นี่ เธอไปหาสถาบันวิจัยที่อื่นมาหมดแล้ว ไม่ว่าที่ไหนก็พูดเหมือนกันหมด
มิน่าล่ะ คนงานในโรงงานถึงขโมยเครื่องปรุงออกมาได้ง่ายดายขนาดนี้ ที่แท้ก็เป็นเพราะว่าลู่ฉิวเยว่เตรียมการเอาไว้แล้วนี่เอง!
เมื่อคิดได้ดังนี้ เฉิงซูก็รู้ตัวทันทีว่าสิ่งที่ตนเองทำมาตลอดหลายวันนั้นไร้ประโยชน์!
”งั้นก็ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณมาก” เธอพยักหน้าพูดให้กับเจ้าหน้าที่สำนักงานวิจัย
หลังจากเดินกลับออกมาแล้ว เฉิงซูก็ยิ่งรู้สึกรำคาญใจมากกว่าเดิม เธอจะต้องแก้แค้นลู่ฉิวเยว่ให้ได้! เธอจะต้องทำให้ลู่ฉิวเยว่ยอมคุกเข่าลงบนพื้นต่อหน้าเธอ และขอร้องอ้อนวอนขอความเมตตาจากเธอให้ได้!
ณ โรงงานผลิตเมล็ดแตงโมทอดของตระกูลลู่
”เธอบอกว่าฉินเหนียนขโมยเครื่องปรุงออกไปงั้นหรอ?” พ่อของลู่ฉิวเยว่จ้องมองหญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้าด้วยความประหลาดใจ
ซูเจวี้ยนตอบรับกลับมาด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “ฉันเห็นกับตาของตัวเองเลยค่ะ”
เมื่อวานนี้ ตอนที่เธอเดินออกไปเข้าห้องน้ำ จังหวะที่เดินกลับมา ซูเจวี้ยนก็เห็นฉินเหนียนแอบหยิบห่อเครื่องปรุงใส่กระเป๋ากางเกงผ่านทางหน้าต่างโดยบังเอิญ
พ่อแม่ของลู่ฉิวเยว่ต่างก็เคยเอ็นดูฉินเหนียนมาตลอด แถมเงินเดือนที่ให้ก็ไม่ได้ต่ำต้อย ถ้าซูเจวี้ยนไม่มาบอกเรื่องนี้ พวกเขาก็ไม่มีทางรู้ตัวเลย
”เข้าใจแล้ว” ชายวัยกลางคนพยักหน้าและยิ้มกว้าง “ขอบใจที่มาบอกนะ หลังจากนี้ฉันจะคอยระวังเขาเอง”
ซูเจวี้ยนโบกไม้โบกมือเหมือนไม่ใช่เรื่องสำคัญ “มันเป็นหน้าที่ของฉันอยู่แล้วค่ะ”
”เอาเป็นว่า…ฉันจะขึ้นเงินเดือนให้เธออีก 10 หยวน” พ่อของลู่ฉิวเยว่พูดหลังจากนิ่งเงียบไปเล็กน้อย แล้วเขาก็ยิ้มออกมา
ซูเจวี้ยนตกใจและกำลังจะปฏิเสธ
”แต่ฉันอยากให้เธอช่วยจับตาดูฉินเหนียนเอาไว้ด้วย ถ้าหลังจากนี้เขาทำอะไรอีก เธอต้องมาบอกฉันทันที เข้าใจไหม?”