สุดยอดชาวประมง (极品小渔民) - บทที่ 141 ฉันมาเพื่อเป็นตัวประกัน
บทที่ 141 ฉันมาเพื่อเป็นตัวประกัน[รีไรท์]
บทที่ 141 ฉันมาเพื่อเป็นตัวประกัน[รีไรท์]
ถึงเรื่องราวจะเป็นแบบนี้แล้ว ทว่าพวกเขาก็ยังไม่หยุดและรับคำสั่งยิงจากฉู่เหินอีกครั้ง เมื่อสิ้นเสียงคำสั่ง จรวดอีก 1 ลูกก็พุ่งกระแทกเข้าไปภายในโรงงานทันที
แรงระเบิดจากจรวด 5 ลูกทำให้บาเรียของพวกเขาร้าว จากนั้นจรวดอีก 10 ลูกก็พุ่งปะทะกับบาเรียของพวกเขาอีกครั้ง ถึงแม้ว่ามันจะแตกร้าวไปบ้าง แต่โล่ของพวกเขาที่ได้รับการเสริมพลังจากปรมาจารย์สองคนนั้นทำให้มันสามารถต้านทานแรงระเบิดจากจรวดได้ 15 ลูกเข้าไปแล้วในตอนนี้ ซึ่งนั่นก็ถือได้ว่าเหนือความคาดหมายไปมาก
ดูเหมือนว่าจรวดแค่ 15 ลูกจะไม่พอสำหรับการทำลายบาเรียของพวกเขา อย่างไรก็ตามหน่วยคอมมานโดอีก 100 นายก็ยังคงระดมยิงจรวดใส่พวกเขาต่อไป
ทั้งสองโกรธมากและพยายามจะพุ่งออกมาทั้ง ๆ ที่บาดเจ็บเจียนตาย นี่แสดงให้เห็นถึงความน่ากลัวของพวกเขาเป็นอย่างยิ่ง
น่าสมเพชมากที่ฉู่เหินประเมินความสามารถของพวกเขาต่ำเกินไป จรวด 30 ลูกพุ่งเข้าใส่พวกเขาแล้ว หากแต่ก็ยังมีเสียงกรีดร้องของปรมาจารย์พวกนั้นอยู่ และเมื่อควันจางลงไปพวกเขาก็เห็นสองร่างกำลังนอนอย่างเหนื่อยอ่อนอยู่ที่พื้น
“ตายหรือยัง? ไม่สิ พวกปรมาจารย์ไม่น่าจะตายง่ายๆ สินะ?” หลังจากเหตุการณ์ที่โรงพยาบาล มันก็ทำให้เขารู้ว่าพวกปรมาจารย์นั้นกำราบยากแค่ไหน ถึงการโจมตีจะหนักหน่วงเพียงใดแต่พวกเขาก็น่าจะยังมีชีวิตรอดอยู่ได้
หน่วยพิเศษ 100 คนทุ่มจรวดไปแล้วกว่า 60 ลูก โกดังเองก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะพังซักเท่าไหร่ มีเพียงแค่รอยร้าวเท่านั้น ความแข็งแกร่งของโกดังนี้มันระดับไหนกันแน่?
ถึงตัวอาคารจะยังไม่เสียหายมากเท่าไหร่ แต่พื้นกลับเริ่มพังทลายเป็นส่วนมากแล้ว ฉู่เหินเริ่มลังเลและตั้งท่าจะเดินเข้าไป หากแต่หน่วยพิเศษ 2 คนด้านหลังเขากลับรีบวิ่งเข้ามา
“ท่านครับ รีบเข้าไปดูกันเถอะ” ทั้ง 2 คนพูดพร้อมกับวิ่งเข้าไปอย่างไม่รอช้าโดยไม่รอให้ฉู่เหินตอบกลับ แล้วจากนั้นสีหน้าของฉู่เหินก็เปลี่ยนไป
“อันตราย! ถอยออกมาก่อน!” ฉู่เหินสัมผัสได้ถึงความประหลาด แต่มันก็สายเกินไปแล้ว ปรมาจารย์ 2 คนพุ่งออกมาจากหลุมลึกนั่นด้วยสภาพที่น่าสังเวช คนหนึ่งแขนขาดและอีกคนก็มีแผลที่ขาเหวอะหวะ
แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น ความเร็วของพวกเขาก็ไม่ได้ตกลงเลยแม้แต่น้อย เพียงชั่วพริบตาคอมมานโดทั้งสองก็ถูกบีบเข้าที่ลำคอจนทำให้พูดไม่ได้ ภาพที่เกิดขึ้นตรงหน้านั้น ฉู่เหินไม่สามารถทำอะไรได้เลย
หน่วยรบพิเศษทั้งสองเริ่มหวาดกลัว ใบหน้าของพวกเขาเริ่มซีดด้วยความหวาดหวั่น นี่คือผลที่ได้จากการที่พวกเขาพุ่งเข้ามาโดยไม่คิดหน้าคิดหลัง การที่พวกเขาถล่มจรวดเข้ามามากกว่า 60 ลูกนั้นไม่ได้ทำให้พวกปรมาจารย์เหล่านั้นสิ้นฤทธิ์ได้เลย
ทว่า ฉากนี้ก็เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงของพวกเขาเช่นเดียวกัน ใครจะไปคิดล่ะว่าหลังจากที่มีการระเบิดแบบนั้นมันจะยังมีคนรอดอยู่ได้
“เรียกเฮลิคอปเตอร์มา แล้วปล่อยพวกเราออกไปซะ ไม่งั้นพวกของแกจะตายไปกับพวกเราด้วย” ปรมาจารย์ทั้งสองพูดออกมาด้วยแววตามาดมั่นพร้อมความโกรธแค้น พวกเขาไม่คิดว่าชีวิตของตัวเองจะถูกไล่ต้อนจนมุมจากพวกมนุษย์แบบนี้ นี่มันช่างเป็นความอับอายยิ่งนัก!
“แกมีตัวประกันแค่ 2 คนเท่านั้นแหละน่า จะต่อรองกับเฮลิคอปเตอร์เหรอ ? ไม่มีทาง ฉันไม่ได้พูดเพราะว่าต่อรองอะไรไม่ได้หรอกนะ แต่ต่อให้แกจับไปเป็นสิบคนฉันก็ไม่เรียกให้แกหรอก” เมื่อเป็นแบบนี้ฉู่เหินจึงพูดออกมาอย่างไม่มีทางเลือก
คนในหน่วยมองสายตาของฉู่เหิน ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเขาถึงไม่ใช่มนุษย์ธรรมดา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อใส่ชุดธรรมดาแล้ว นั่นก็ยิ่งทำให้เขาไม่ใช่คนธรรมดาเข้าไปอีก
ทั้งสองนั่นเอง ที่แท้พวกเขาก็ได้รับบาดเจ็บหนักมากจนแทบจะหมดสติ ฉู่เหินสัมผัสได้ถึงความอ่อนแอจากดวงตานั่น ถึงแม้ว่าจะมันมีสีหน้าแห่งความเหยียดหยามปกคลุมอยู่ก็ตาม
“คนที่โดนจรวด 60 ลูกแล้วไม่ตายน่ะ ฉันไม่คิดว่าจะเป็นคนธรรมดาหรอก นี่คือสาเหตุที่ว่าทำไมฉันถึงจะเป็นตัวประกันเอง ปล่อยพวกเขากลับมาซะ พวกเขาเป็นคนของฉัน ทหารของฉัน ฉันไม่อนุญาตให้ใครตกอยู่ในอันตรายทั้งนั้น!” ฉู่เหินพูดอย่างดุเดือด ไม่ใช่แค่ทหาร 2 คนนั้นแต่ทุกคนอีก 90 นายด้านหลังก็ตะลึง
“เยี่ยมมาก ฉันล่ะชอบความมั่นใจของแกจริง ๆ แต่คิดเหรอว่าฉันจะปล่อยให้แกเล่นลูกไม้อะไรได้อีก ? แกรู้อะไรไหม ฝ่ามือของฉันน่ะสามารถทลายหินได้นะเว้ย”
หลังจากพูดแบบนั้น ฉู่เหินก็เริ่มกลัวขึ้นมาทันใด หินด้านข้างชายคนนั้นในระยะ 1 เมตรถูกหยิบขึ้นมาจากแถว ๆ นั้น เพียงพริบตาเดียวหินก้อนนั้นก็พลันกลายเป็นฝุ่นผงด้วยน้ำมือของชายผู้นั้น
เมื่อเห็นแบบนี้ฉู่เหินก็ได้แต่สั่นเทา แน่นอนว่าพวกปรมาจารย์นั้นเก่งกาจก็จริง หากแต่ชายหนุ่มก็ไม่คิดเลยว่าคนพวกนี้จะมีพลังมากขนาดนี้ ในมุมมองของเขาแล้ว ฉู่เหินเชื่อว่าต่อให้พวกเขาบาดเจ็บหนักอยู่ตาม หากแต่มันก็ยังถือว่าอันตรายอยู่ไม่ใช่น้อยเลยทีเดียวถ้าเขาจะเข้าไปปะทะด้วย
สีหน้าตะลึงของฉู่เหินทำให้ทั้งสองปรมาจารย์รู้สึกพอใจเป็นอย่างมาก นั่นหมายความว่าพวกเขายังสามารถถือไพ่ที่เหนือกว่าได้อยู่
หลังจากฉู่เหินสูดหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อกดความกลัวลงไป เขาก็ก้าวเดินออกมาด้วยความเชื่องช้า ทหารทั้งสองต่างก็มองเขาด้วยความตะลึง ทั้งคู่ไม่คิดเลยว่าฉู่เหินจะยังคงยืนยันคำเดิมหลังจากที่ได้เห็นการกระทำก่อนหน้านี้ไปแล้ว
ตอนนี้พวกเขาห่างกันไม่มากแล้ว ฉู่เหินยังคงเดินเข้าไปด้วยท่าทางไร้ความกลัวใด ๆ ในสายตาของหน่วยพิเศษกว่า 100 คน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับสายตาของสองตัวประกัน พวกเขามองลึกเข้าไปในดวงตาของฉู่เหินหวังว่าจะจำเงาของเขาได้อย่างมั่นคง
หลังจากปรมาจารย์ทั้งสองปล่อยพวกเขา ทั้งสองก็ก้าวเท้าไปข้างหน้าอย่างละอายและวิ่งไปอย่างรวดเร็ว ก่อนที่ทั้งสองจะวิ่งเข้าไปสมทบกับหน่วยคอมมานโด 90 คน หากแต่ในสายตาของพวกเขามันไม่ได้มีความตื่นเต้น มันมีเพียงความรู้สึกผิด
จอมยุทธ์ทั้งสองไม่ได้รีบที่จะจับตัวฉู่เหิน เนื่องจากชายหนุ่มห่างพวกเขาเพียงไม่กี่เมตรเท่านั้น อีกอย่างพวกเขาเองก็นับถือในความใจกล้าของชายหนุ่มคนนี้ด้วยเช่นกัน ดังนั้นจึงเลือกที่จะให้ให้เกียรติ
“พวกนายถอยไป 100 เมตร! แล้วอย่าทำอะไรจนกว่าฉันจะสั่ง” ฉู่เหินสั่งโดยไม่หันไปมอง
หน่วยพิเศษ 100 คนต่างก็รีบถอยออกไปทันที พร้อมกันนั้นพวกเขาก็เติมจรวดเข้าไปใหม่ด้วย ถ้าเกิดว่าสองคนนั้นกล้าทำร้ายฉู่เหินละก็ พวกเขาไม่ลังเลที่จะยิงมันด้วยจรวดแน่ ๆ
“แกใจกล้าดีนี่ ฉันล่ะยอมรับความกล้าของแกจริงๆ ยังหนุ่มยังแน่นอยู่แท้ ๆ”
ชายชราปรบมือชื่นชมฉู่เหิน ดูเหมือนว่าเขาจะปลาบปลื้มในตัวชายหนุ่มตรงหน้าอย่างมาก ท่าทีดังกล่าวทำให้ฉู่เหินงง หากทั้งสองไม่ได้มีเรื่องบาดหมางกัน บางทีนี่อาจจะทำให้เขาอยากจะจับมือกับชายชราคนนี้ไปแล้วก็ได้
Next