สืบแค้นคุณหนูสวมรอย - ตอนที่ 109 คลื่นลม
ตอนที่ 109 คลื่นลม
คลื่นลมนับว่ายิ่งโหมกระหน่ำ ตามท้องถนนได้กลิ่นเผาไหม้ของกระดาษ ถึงกับยังได้ข่าวว่าบางคนเผานิยายจนทำให้เกิดไฟไหม้
ผู้ดูแลร้านหูสีหน้ากลัดกลุ้มทุกข์ใจ “ท่านเจ้าของร้าน หากยังปล่อยให้มีข่าวลือเช่นนี้ต่อไป ร้านหนังสือเราจะทำเช่นไร”
เทียบกับความกังวลของผู้ดูแลร้านหูแล้ว ซินโย่วกลับสงบนิ่งกว่า “ผู้ดูแลร้านอย่าได้ร้อนใจไป อย่างมากก็เลิกขาย ‘วาดหนัง’ พวกเราก็แค่หาเงินได้น้อยลงหน่อยเท่านั้น”
“เห็นกันอยู่ว่าเป็นนิยายที่ได้รับความนิยม ก็ต้องมาเลิกขายเสียได้!” ผู้ดูแลร้านหูดีดลูกคิดขึ้นมาด้วยสัญชาตญาณ พลันเผยสีหน้าดีใจ “ยังดีที่ถึงวันนี้ ‘วาดหนัง’ ขายหมดแล้ว ไม่ได้พิมพ์เพิ่ม ความเสียหายจึงไม่มาก…”
ซินโย่วเห็นสีหน้าผู้ดูแลร้านหูแปรเปลี่ยนฉับพลัน ก็ส่งเสียงเรียก “ผู้ดูแลร้าน?”
ผู้ดูแลร้านหูตั้งสติได้ แม้แต่ธรรมเนียมชายหญิงมิอาจชิดใกล้ก็ลืมไปหมดสิ้น คว้าข้อมือซินโย่ว “ท่านเจ้าของร้าน ท่าน ท่าน…”
“ทำไมหรือ”
ผู้ดูแลร้านหูสูดลมหายใจเฮือกหนึ่งก่อนจะเอ่ยรวดเร็ว “ท่านรู้ได้อย่างไรว่าจะมีเรื่องในวันนี้!”
หากว่ายังคงพิมพ์ต่อเนื่องไม่หยุดทั้งกลางวันกลางคืน ความเสียหายย่อมมากมายมหาศาลกว่านี้แน่
ซินโย่วตบแขนผู้ดูแลร้าน ยิ้มเอ่ยขึ้นว่า “ไม่ใช่ว่าข้ารู้ว่าจะมีเรื่องในวันนี้ หลายวันก่อนข้าเห็นใบหน้าของทุกคนในร้านหนังสือเราน่าจะสูญเสียเงินทอง คิดไปคิดว่าจึงน่าจะเป็นทุกคนที่ต้องเสียเงินไปด้วยกัน เกรงว่าคงไม่พ้น ‘วาดหนัง’ ที่กำลังขายดี จึงได้เกิดความคิดให้โรงพิมพ์หยุดพิมพ์ก่อน”
ผู้ดูแลร้านหูตบหน้าผากตนเอง “เหตุใดข้าน้อยจึงลืมความสามารถนี้ของท่านไปได้!”
หลังนึกเสียใจที่หลงลืมไป ก็เริ่มตื่นเต้นขึ้นมา
“ท่านเจ้าของร้านว่าคลื่นลมครั้งนี้เราจะผ่านไปได้อย่างราบรื่นหรือไม่”
“สรรพสิ่งล้วนแปรเปลี่ยนได้ทุกเมื่อ เรื่องนี้กล่าวได้ยาก พวกเราทำในสิ่งที่ทำได้ ทหารมาแม่ทัพรับ น้ำมาดินอุด” ซินโย่วเอ่ยด้วยท่าทางสบายๆ ในใจกลับไม่คิดว่ากระแสคลื่นลมนี้จะจบลงง่ายดายนัก
สำนักศึกษากั๋วจื่อเจี้ยนเกิดคดีฆ่าคนตาย แม้ไม่เกี่ยวข้องกับพระสนมซูเฟย แต่อีกฝ่ายก็ย่อมถือโอกาสนำมาใช้เป็นข้ออ้าง แน่นอนว่าก็อาจไม่เข้ามายุ่งก็เป็นได้ เช่นนี้ร้านหนังสือก็แค่เสียหายเงินทองเล็กน้อย หลายวันนี้อาศัย ‘วาดหนัง’ ทำกำไรกระหน่ำมาไม่น้อย แม้วันหน้าการค้าจะซบเซาระยะหนึ่ง แต่ความเสียหายนี้นางแบกรับไหว
ซินโย่วรู้เป้าหมายตนเองกระจ่างชัดมาโดยตลอด แต่ไรมาไม่คิดทำการค้าร้านหนังสือจนเงินทองไหลมาเทมา แค่อาศัยร้านหนังสือทำให้คนที่สังหารมารดานางได้รับการลงโทษที่สาสม
“ผู้ดูแลร้าน”
“ขอรับ”
“คำนวณบัญชีเดือนนี้หน่อย จ่ายเงินพิเศษให้กับทุกคนในร้านเรา ให้ทุกคนได้สบายใจ อย่าลืมคนที่ทำงานในเรือนตะวันออกด้วย”
ผู้ดูแลร้านหูรับคำ
เพราะข่าวลือทำให้ร้านหนังสือพลันเงียบเหงา หลิวโจววิ่งออกไปดูความเคลื่อนไหวด้านนอก พลันเห็นคนมากมายมุ่งมาทางนี้ รีบวิ่งกลับมารายงาน “ท่านเจ้าของร้าน มีคนมากมายมุ่งมาที่ร้านหนังสือเรา ไม่รู้มาก่อเรื่องหรือไม่!”
ซินโย่วเดินไปที่ประตูมองออกไป สั่งการสือโถว “เจ้าไปรอที่ประตูหลังห้องโถง หากมีคนมาก่อเรื่อง ก็รีบไปตามคนที่โรงพิมพ์มา”
ปกติในโถงร้านด้านหน้าจะมีเพียงผู้ดูแลร้านและคนงานสองคน โรงพิมพ์มีคนงานร่างกำยำอยู่หลายคน ยามปกติ หากมีเรื่องย่อมเสียเปรียบ
ความนิ่งสงบของซินโย่วทำให้คนในโถงด้านหน้าพลอยสงบนิ่งตามไปด้วย เห็นคนเหล่านั้นเดินเข้ามาใกล้ หลิวโจวก็ปรี่เข้าต้อนรับด้วยรอยยิ้ม
“ลูกค้าผู้มีเกียรติทุกท่านเชิญด้านใน ไม่ทราบว่าทุกท่านมาซื้อหนังสืออันใดหรือ”
คนหนึ่งในนั้นเอ่ยว่า “ซื้อ ‘วาดหนัง’ ”
รอยยิ้มตามมารยาทของคนงานก็พลันค้างเติ่ง
เขาเตรียมตัวพร้อมแล้วว่าคนเหล่านี้จะมาก่อเรื่อง เหตุใดจึงได้มาซื้อหนังสือ
เดี๋ยวนะ ไม่อาจวางใจเร็วเกินไป อีกฝ่ายต้องอ้างว่ามาซื้อหนังสือ แล้วค่อยหาโอกาสก่อเรื่องเป็นแน่
“ขออภัยจริง ‘วาดหนัง’ ร้านเราขายหมดเกลี้ยงแล้ว” หลิวโจวตอบอย่างนอบน้อม ในใจเอ่ยว่าอีกฝ่ายไม่มีข้ออ้างก่อนเรื่องแล้วไหม!
“ขายหมดแล้ว?”
“ขอรับ”
คนเหล่านั้นสบตากันไปมา เผยสีหน้าผิดหวัง
มีคนพึมพำว่า “เหตุใดจึงขายหมดแล้ว ไหนบอกว่าผีร้ายในนิยายออกมาได้ ทำคนตกใจเผาทิ้งกันไปมากมายไม่ใช่หรือ”
ตั้งแต่คนเหล่านี้ก้าวเข้ามา ซินโย่วก็เริ่มสังเกต ถึงตอนนี้ก็รู้แล้วว่าคนเหล่านี้ไม่เหมือนมาก่อเรื่อง ดังนั้นจึงยิ้มตอบว่า “เพิ่งจะขายหมด ลูกค้าผู้มีเกียรติทุกท่านดูเล่มอื่นดูก่อนไหม”
คนที่เอ่ยคนแรกรู้สึกยอมรับเรื่องนี้ไม่ได้ ถามขึ้นว่า “ยังตีพิมพ์เพิ่มหรือไม่”
ซินโย่วเผยสีหน้าลำบากใจ “ตอนนี้ข้างนอกมีข่าวลือเช่นนี้ พิมพ์เพิ่มจะมีคนซื้อหรือ”
“เหตุใดจึงไม่มีคนซื้อ พวกข้าไม่ใช่คนมาซื้อหรือ”
มองสีหน้าสงสัยของซินโย่วแล้ว คนผู้นั้นก็อดยิ้มเก้อไม่ได้ “พวกข้าได้ยินข่าวพวกนั้นจึงได้มาซื้อไปอ่าน”
ซินโย่วมองใบหน้าชายหนุ่มก็เข้าใจ
เป็นกลุ่มคนประเภทที่ชอบเรื่องประหลาด มีหนุ่มน้อยอายุราวสิบกว่าเป็นผู้นำ
“เอาละๆ ไหนๆ ก็มาแล้ว ก็ดูหนังสือกันหน่อยก็แล้วกัน”
ดังนั้นบรรดาหนุ่มน้อยจึงเริ่มเดินชม ก่อนจะซื้อหนังสือเล็กน้อย พากันยกขบวนกลับไป
หลิวโจวถอนหายใจ “มาซื้อหนังสือจริง”
ผู้ดูแลร้านหูคิดถึงที่เจ้าของร้านปลอบใจเขาว่ารอให้ ‘วาดหนัง’ ขายหมด ลูกค้าที่มาไม่แน่อาจจะซื้อหนังสืออื่นติดไม้ติดมือกลับไป ตอนนั้นเขายังว้าวุ่นใจมาก
“หลิวโจว เจ้าไปสืบข่าวข้างนอกมา ดูว่าคดีมีความคืบหรือไม่ หรือมีข่าวอื่นอีกหรือไม่”
สภาพการตายของผู้ตายทำให้คนนึกโยงไปถึง ‘วาดหนัง’ ร้านหนังสือชิงซงถูกกำหนดให้ต้องเข้าไปข้องเกี่ยวกับเรื่องราวข่าวลือนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ในฐานะเจ้าของร้านหนังสือ ซินโย่วจำต้องสนใจเรื่องราวของคดีว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป
หลิวโจวออกไปได้พักหนึ่ง ก็นำข่าวที่สืบมาได้กลับมารายงาน
“ท่านเจ้าของร้าน ผู้ตายไม่ใช่นักเรียนในสำนักศึกษากั๋วจื่อเจี้ยน!” ข่าวนี้เห็นชัดว่าทำให้คนงานเองก็คาดไม่ถึง สีหน้าไม่อาจระงับความตื่นเต้นได้ “ว่ากันว่าสองสามวันมานี้สำนักศึกษากั๋วจื่อเจี้ยนตรวจสอบกันหมดทุกภาคส่วนแล้ว อาจารย์นักเรียนที่ไม่มารวมตัวตรวจรายชื่อก็ไล่ตรวจสอบทีละคนแล้ว ผู้ตายไม่ใช่หนึ่งในเขาเหล่านี้…”
ซินโย่วพยักหน้าด้วยสีหน้านิ่งสงบ “ลำบากเจ้าแล้ว ดื่มน้ำแล้วไปพักผ่อนได้”
หลิวโจวไม่เข้าใจ “ท่านเจ้าของร้านไม่รู้สึกแปลกใจหรือขอรับ”
ซินโย่วยิ้มละไมกล่าวว่า “หลายเรื่องไม่อาจมองแค่ภายนอก”
หลักการนี้ นางรับรู้มาจากตอนนางใช้ชีวิตอยู่ในจวนรองเจ้ากรมในสถานะของโค่วชิงชิง
จากนั้นร้านหนังสือก็เงียบสงบ อย่างไรชายหนุ่มประเภทชอบเสี่ยงภัยถึงกับรนหาที่ตายก็มีจำนวนน้อย ผู้ดูแลร้านหูคิดบัญชีเสร็จ ก็แจกจ่ายเงินรางวัลให้ทุกคน ทุกคนได้เงินก้อนกันแล้วก็ยิ้มแย้มเบิกบาน ความอึมครึมเพราะข่าวลือที่ปกคลุมร้านหนังสือพลันจางหายไป
ความยินดีเบิกบานนี้ติดต่อกันมาจนเช้าวันต่อมา ก็ถูกเจ้าหน้าที่ทางการทำลายลง
“ตามคนที่ตัดสินใจเรื่องในร้านหนังสือพวกเจ้าได้ออกมา!” หัวหน้ากลุ่มเจ้าหน้าที่ตวาดดัง
ในโถงร้าน ผู้ดูแลร้านเอ่ยเตือนซินโย่วด้วยสีหน้าตกใจ “เจ้าหน้าที่พวกนี้ไม่ประสงค์ดี ท่านอย่าได้ออกไปดีกว่า หากท่าไม่ดีก็กลับจวนรองเจ้ากรมไปก่อน ข้าน้อยออกไปรับมือพวกเขาเอง”
ซินโย่วตบแขนผู้ดูแลร้านหู ก่อนจะก้าวออกไป
“เจ้าตัดสินใจได้แล้วหรือ” หัวหน้าขุนนางมองประเมินสาวน้อยที่เดินออกมา
ซินโย่วเองก็มองประเมินอีกฝ่าย เอ่ยน้ำเสียงนิ่งเรียบ “ข้าก็คือเจ้าของร้านหนังสือชิงซง ไม่ทราบว่าท่านเจ้าหน้าที่มาจากหน่วยงานใด”
หัวหน้ากลุ่มเจ้าหน้าที่ตวาดน้ำเสียงดุดัน “พวกเรามาจากกองบัญชาการปัญจทิศรักษาเมืองหลวงฝั่งตะวันออก ในเมื่อเจ้าเป็นคนตัดสินใจได้ ก็สั่งให้คนของเจ้าเก็บกวาด ‘วาดหนัง’ ออกมาให้หมด พวกเราจะได้ไม่ต้องเปลืองแรง”