สาวใช้ตัวป่วนของท่านแม่ทัพ - ตอนที่ 50
“ใช่จ้ะ”
“ข้าไม่ชอบนางเอาเสียเลย นางชอบทำหน้าไม่ดีใส่ท่านแม่”
“อย่าพูดอย่างนี้ให้ใครได้ยินเด็ดขาดเข้าใจหรือไม่”
“ขอรับท่านแม่ ข้าจะไม่พูดอย่างนี้ให้ใครได้ยินเด็ดขาด”
“ดีมาก อนาคตนางก็จะเป็นแม่อีกคนหนึ่งของเจ้า เจ้าจะต้องรักและเคารพนางไม่ต่างจากแม่เข้าใจหรือไม่”
“เข้าใจขอรับ แม้ว่า…ข้าจะไม่อยากให้มันเป็นอย่างนั้นก็ตามที”
“แม่เข้าใจเจ้า แต่เราต้องอดทนและยอมรับมันให้ได้ หากเจ้ายังอยากที่จะอยู่กับพ่อของเจ้า”
“ขอรับท่านแม่”
ซินอวี่ได้ยินสองแม่ลูกสนทนากันทุกถ้อยคำ นางรู้สึกสงสารชะตากรรมคนทั้งสอง หากวันใดที่พี่ชายตนเองได้แต่งงานกับจางหมิงซวนแล้ว ไม่รู้ว่าจะโดนกลั่นแกล้งมากน้อยแค่ไหน ในภายภาคหน้านางเองก็จะต้องแต่งงานออกไปอยู่ที่บ้านสามี คงไม่ได้อยู่คอยช่วยเหลือปกป้องตลอดไป
นางไม่อาจทนเห็นความน่าอดสูนั้นได้ จึงตั้งใจออกไปยืนสูดอากาศด้านนอก ตอนนี้ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีดำ ดวงดาวเริ่มพร้อมใจกันเปล่งแสงระยิบระยับ อากาศข้างนอกเย็นสบาย เหมาะกับการยืนปรับสภาพจิตใจให้สงบนิ่งเหลือเกิน
“อุ้ย! ขอโทษเจ้าค่ะ”
ร่างของบางปะทะเข้ากับใครบางคนเข้าอย่างไม่ได้ตั้งใจ ร่างของนางเซถลาจะล้มลงทว่าบุรุษท่านนั้นรั้งเอวนางไว้ได้ทันการ ทั้งคู่ได้สบตากันเป็นครั้งแรกในชีวิต ต่างฝ่ายต่างก็ไม่เคยเจอหน้ากันมาก่อน เป็นเช่นนั้นซินอวี่จึงพยายามทรงตัวขึ้นให้เร็วที่สุด
“เจ้าเจ็บตรงไหนหรือไม่แม่นาง”
“ข้าไม่เป็นไร ต้องขอโทษท่านอีกครั้งที่เดินไม่ระวังจนชนท่านเข้าให้ ว่าแต่ท่านมาทำอะไรแถวนี้ หรือว่าเป็นหมอหลวงมาดูอาการพี่ชายข้า”
“ข้าน่ะหรือหมอหลวง” ชายผู้นั้นก้มมองดูอาภรณ์ที่สวมใส่ ฉายรอยยิ้มราวกับคำพูดที่นางกล่าวมานั้นมันเป็นเรื่องขำขัน
“ก็นี่มันโรงหมอ คนที่เข้ามาก็มีเพียงแค่ท่านหมอหลวงไม่ใช่หรือ” นางรู้สึกไม่พอใจเมื่อเห็นอาการที่เขาแสดงออก นางผิดพลาดตรงไหนทำไมจะต้องขำกันด้วย
“ก็จริงอย่างที่เจ้ากล่าว ว่าแต่เจ้าเป็นใครกัน เป็นหมอหลวงใช่หรือไม่ถึงได้มายืนอยู่ที่นี่”
“นี่ท่านย้อนข้าหรือ อย่าคิดว่าเป็นคนในวังแล้วข้าจะยอมก้มหัวให้นะ”
“เจ้าจะทำอะไรข้างั้นหรือ” คนที่ยืนเอามือขัดหลังในท่วงท่าสง่างามทำหน้ากวนใส่ ดูเหมือนว่าเขาจะไม่เกรงกลัวคำขู่ของนางเลยสักนิด
“ข้าไม่ทำอะไรทั้งนั้น เชิญเข้าไปเถอะท่านพี่ข้ายังไม่ฟื้นเลย หวังว่าท่านจะทำให้พี่ชายข้าฟื้นขึ้นมาได้ภายในคืนนี้ ไม่เช่นนั้นข้าจะฟ้องฮ่องเต้ให้ลงโทษท่านแน่”
“คิดจะไปฟ้องฮ่องเต้ เจ้าเคยเห็นหน้าฮ่องเต้งั้นหรือ”
“มะ..ไม่เคย ถึงจะไม่เคยแต่ข้ามั่นใจว่าพระองค์จะต้องเห็นด้วยกับข้าแน่นอน”
“งั้นหรือ ข้าจะรอดูว่าเจ้าจะทำให้ฮ่องเต้มาลงโทษข้าได้หรือไม่”
“ถ้าไม่อยากโดนลงอาญา ท่านจะต้องช่วยพี่ชายข้าให้ได้เข้าใจหรือไม่”
“ก็ได้ ถือว่าข้าเข้าใจก็แล้วกัน”
อีกฝ่ายยังคงตีสีหน้ามึน ยิ้มมุมปากอย่างพอใจ แล้วเดินเอามือขัดหลังเข้าไปข้างใน ซินอวี่ได้แต่มองพลางยกกำปั้นขึ้นขู่ลับหลัง กำลังจะมายืนรับลมเย็น ๆ ข้างนอก แต่กลับมีคนทำให้อารมณ์เสียมากกว่าเดิมเสียอีก
“นี่เจ้า เห็นฝ่าบาทเสด็จมาแถวนี้หรือไม่”
ยืนอยู่ไม่นานก็เห็นชายสูงวัยแต่งตัวในเครื่องแบบราชสำนัก ท่าทางตุ้งติ้ง เดินเข้ามาถามด้วยท่าทีร้อนใจ
“ข้างั้นหรือ” นางชี้ที่หน้าตัวเอง
“ก็ใช่น่ะสิ ฝ่าบาททรงเสด็จออกมาโดยไม่ได้บอกข้า ป่านนี้ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน”
“ข้าไม่เคยเห็นหน้าฝ่าบาทแล้วจะรู้ได้ยังไงเล่า”
“อยู่ในวังหลวงแต่ไม่รู้จักฝ่าบาท เงาหัวเจ้าจะหลุดจากบ่ารู้ตัวหรือไม่”
“ก็ข้าไม่รู้จริง ๆ นี่นา เพิ่งจะเคยเข้ามาในวังหลวงก็วันนี้ ข้ามาเฝ้าพี่ชายข้าที่นอนป่วยอยู่ด้านใน แต่เมื่อครู่มีท่านหมอหลวงคนหนึ่งเดินเข้าไป”
“ต้องใช่ฝ่าบาทแน่ ๆ” ว่าแล้วขันทีผู้นั้นก็รีบเดินตามหลังเข้าไป
ซินอวี่ทวนคำพูดของขันทีผู้นั้นสองสามรอบ ก่อนจะเบิกตาโพลงด้วยความตกใจ
“อย่าบอกนะว่า คะ…คนเมื่อครู่คือฮ่องเต้ ตายแล้วซินอวี่ เจ้ากล้าพูดอย่างนั้นต่อหน้าฮ่องเต้ได้อย่างไรกัน”
นางได้แต่ยืนเอามือตบปากตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่า รู้สึกโกรธตัวเองที่ไม่ดูตาม้าตาเรือ กล้าต่อปากต่อคำกับฮ่องเต้ แล้วอย่างนี้นางจะโดนลงโทษอย่างไรบ้าง นั่นคือสิ่งที่กำลังนึกกลัวในใจ