ตอนนี้หยางจื่อถงหายเกือบจะปกติดีแล้ว เขาออกไปทำงานที่กองบัญชาการกองทัพแห่งเมืองเฉิงเยว่ทุกวัน บางวันก็ไม่กลับมาค้างที่จวน ทำให้ทั้งสองมีโอกาสได้เจอหน้ากันน้อยลง ช่วงเวลาที่นายท่านไม่อยู่จวนเหม่ยหวาก็เข้าไปรับใช้หยางฮูหยินแทน บางครั้งก็ได้มีโอกาสได้สนทนากับคุณหนูซินอวี่ตามประสาหญิงสาววัยเดียวกัน
และวันนี้ก็เป็นอีกวันที่หยางจื่อถงจะต้องออกไปทำงาน เขาเรียกเหม่ยหวาให้มาหาตั้งแต่เช้าตรู่ เพื่อให้นางช่วยจัดแต่งเครื่องแต่งกาย ทั้งที่ปกติแล้วเขาสามารถทำมันได้ด้วยตนเอง แต่หลังจากได้สารภาพรักกับนางแล้ว หน้าที่ของเหม่ยหวากลับมากขึ้นกว่าแต่ก่อน เพราะมันรวมถึงเรื่องที่เป็นส่วนตัวของนายท่านด้วย
“ข้าไม่อยากไปเลย อยากอยู่กับเจ้าที่จวนทั้งวันทั้งคืนและตลอดไป” คนพูดกำลังยืนกางแขนให้สาวใช้สวมเสื้อชั้นนอกให้ ก่อนที่นางจะเดินวนมาด้านหน้าอีกครั้ง ทำให้ทั้งสองมีโอกาสได้สบตากัน หยางจื่อถงยื่นหน้าจะเข้ามาสูดกลิ่นกายหอมเอกลักษณ์ของสาวใช้ แต่นางรีบยกมือขึ้นไปดันใบหน้าคมไว้เสียก่อน
“อย่าเจ้าค่ะนายท่าน”
“ข้าอยากขอกำลังใจก่อนไปทำงานไม่ได้หรือ”
“ไม่ได้เจ้าค่ะ บ่าวไม่ใช่นางคณิกาในหอนางโลม ที่นายท่านอยากจะเชยชมเมื่อไหร่ก็ได้นะเจ้าคะ”
“ข้าไม่เคยเปรียบเจ้าเหมือนอย่างสตรีพวกนั้น โปรดอย่าเข้าใจข้าผิด”
“บ่าวทราบเจ้าค่ะ นายท่านไม่ต้องทำหน้าจริงจังเช่นนั้นก็ได้” นางยิ้มแล้วเลื่อนสายตาลงมาที่เอวหนา เพื่อใช้ผ้ารัดเอวให้นายท่านอย่างตั้งใจ
ทุกอิริยาบถของเหม่ยหวาถูกเขาจ้องมองอย่างไม่ละสายตา เขาพอใจนางยิ่งนัก จนอยากจะละทิ้งสัญญาของทั้งสองตระกูลที่มีมาตั้งแต่บรรพบุรุษที่จะเป็นทองแผ่นเดียวกัน มันแย่ก็ตรงที่นางผู้นี้ยืนยันที่จะไม่เป็นอนุผู้ใด นั่นคือเรื่องที่ทำให้เขาคิดหนักเมื่อนึกถึงเรื่องนี้
“เสร็จแล้วเจ้าค่ะ”
“ขอบใจเจ้ามากที่คอยดูแลข้ามาโดยตลอด”
“มันคือหน้าที่ของบ่าวอยู่แล้วเจ้าค่ะ บ่าวต่างหากที่ต้องขอบพระคุณนายท่านที่เมตตาบ่าวมาโดยตลอด”
“ข้าดีใจที่ช่วงหลังมานี้เจ้าไม่ดื้อกับข้าแล้ว สั่งอะไรก็ยอมเชื่อฟัง ไม่สร้างเรื่องปวดหัวให้ข้า”
“นั่นเพราะนายท่านเลิกทำตัวเย็นชาต่างหากเล่าเจ้าคะ ตอนแรกที่บ่าวดื้อก็เพราะหมั่นไส้นายท่านที่เอาแต่ทำหน้าเมินเฉย แล้วก็เอาแต่ดุบ่าว”
“นั่นมันคือนิสัยข้าคงจะเปลี่ยนอะไรไม่ได้”
“แล้วตอนนี้ทำไมเปลี่ยนได้ล่ะเจ้าคะ” นางเงยสีหน้าอันฉงนมองนายท่านรอฟังคำตอบ
หยางจื่อถงยกมือขึ้นมาสัมผัสที่ปลายคางเรียว เชยให้เงยขึ้นมาสบตากัน ส่งความปรารถนาอันแรงกล้าให้นางได้รับรู้ ว่าเขาต้องการสิ่งใดก่อนจะออกไปทำงาน
“เพราะความรักที่ข้ามีให้เจ้า ทำให้เจ้าได้เห็นอีกมุมหนึ่งที่ข้ามิเคยให้ผู้ใดได้เห็นมาก่อน เจ้าคือคนแรกที่ข้ามองด้วยแววตาที่อบอุ่นเช่นนี้รู้หรือไม่”
นัยน์ตาคมกริบที่สุดแสนจะอ่อนโยนนั้น สะกดให้เหม่ยหวายืนนิ่ง เผยอริมฝีปากรอรับสัมผัสอันดูดดื่มจากนายท่าน เขาเคลื่อนริมฝีปากเข้ามาใกล้เรื่อย ๆ หลังจากนางปิดเปลือกตาลงริมฝีปากก็ถูกรุกล้ำในทันที ริมฝีปากบางถูกบดเบียดอย่างเร่าร้อนเกินห้ามใจ เมื่อเขาพอใจแล้วก็ผละริมฝีปากออกมา ทว่าสายตายังคงจ้องมองอย่างรู้สึกเสียดาย
“หากไม่ได้จูบเจ้าข้าคงไม่มีกะจิตกะใจทำงานเป็นแน่”
“อย่าเอาเรื่องนี้มาอ้างดีกว่าเจ้าค่ะ ก่อนหน้านี้ไม่มีบ่าวนายท่านยังทำงานได้ดี แล้วเหตุใดจึงพูดเอาใจบ่าวเยี่ยงนี้” ใบหน้าที่เปลี่ยนสีของนางยังคงแดงระเรื่อเช่นเดิม หลบตานายท่านเพราะความเขินอาย
“เจ้าก็รู้ว่าเพราะเหตุใด ยังจะทำเป็นไม่รู้อีกงั้นหรือ”
“แต่งตัวเสร็จแล้วนายท่านรีบไปเถอะเจ้าค่ะ เดี๋ยวจะสายเอา”
“ขอกำลังใจข้าอีกสักครั้งได้หรือไม่”
“นายท่าน! พอได้แล้วเจ้าค่ะ”
หยางจื่อถงไม่ยอม เขาเอียงแก้มป่อง ๆ มาให้นาง เหม่ยหวาจึงโน้มใบหน้าขึ้นไปประทับรอยจูบบนแก้มเขา
“พอใจหรือยังเจ้าคะ”
“พอใจแล้ว เย็นนี้ข้ากลับค่ำหน่อยนะ”
“เจ้าค่ะ บ่าวจะรอ”
หลังจากการล่ำราเป็นอันเสร็จสิ้นลง เหม่ยหวาก็เดินไปส่งนายท่านขึ้นรถม้าที่หน้าจวน จากนั้นเดินยิ้มหน้าบานกลับเข้ามาในจวนอีกครั้ง นางเห็นคุณหนูซินอวี่และพี่อาเฟยยืนรออยู่ก่อนแล้ว
“อ้าวคุณหนู พี่อาเฟย มีอะไรให้เหม่ยเหมยรับใช้หรือไม่เจ้าคะ”
“ไม่มีหรอก เพียงแต่ข้ารู้สึกสงสัยว่าทำไมเจ้าถึงได้เดินยิ้มกลับเข้ามา ไปส่งท่านพี่มาใช่หรือไม่”
“เจ้าค่ะคุณหนู”
“เจ้ายังไม่ได้ตอบเลยว่าทำไมถึงได้ยิ้มหน้าบานเช่นนั้น”
“เอ่อ…บ่าวก็แค่อารมณ์ดีเจ้าค่ะ ไม่มีอะไรมากกว่านั้นเลย”
“ข้าไม่เชื่อเจ้าหรอก เจ้ากำลังมีความรักแน่ ๆ เจ้ากับท่านพี่กำลัง…”
“ไม่ใช่อย่างนั้นนะเจ้าคะ”
“จะโกหกไปทำไมในเมื่อข้ากับอาเฟยรู้เรื่องนี้กันหมดแล้ว แถมยังเป็นคนวางแผนให้เจ้ากับท่านพี่ได้มีโอกาสสารภาพรักกันด้วย” ซินอวี่ว่าแล้วก็หันไปยิ้มพร้อมกับอาเฟยอย่างรู้กัน
“คุณหนูกับพี่อาเฟยรู้เรื่องนี้!”
“ใช่ รู้ตั้งนานแล้ว ก็ท่านพี่แสดงออกชัดเจนขนาดนั้นจะไม่รู้ได้อย่างไรกัน” เมื่อเห็นสีหน้าสาวใช้ไม่ค่อยสู้ดีนักนางจึงรีบพูดดักทางไม่ให้คิดอะไรมากไปกว่านี้ “แต่ข้าไม่ได้รังเกียจเจ้าเลยนะเหม่ยเหมย ข้าดีใจด้วยซ้ำที่ท่านพี่เลือกที่จะรักเจ้า”
“คุณหนูพูดจริง ๆ หรือเจ้าคะ”
“จริงสิ เจ้าน่ารักและนิสัยดีเช่นนี้ข้าจะรังเกียจทำไมเล่า ยิ้มได้แล้ว”
“ขอบพระคุณคุณหนูที่เมตตาบ่าวเจ้าค่ะ” นางรีบนั่งคุกเข่าโขกศีรษะด้วยความรู้สึกซาบซึ้งใจเป็นที่สุด อย่างน้อยคุณหนูซินอวี่ที่นางรักก็ไม่เคยรังเกียจ
“ลุกขึ้นเถอะเหม่ยเหมย แล้วเข้าไปหาท่านแม่กัน”
“ไปทำไมเจ้าคะ อย่าบอกนะว่าฮูหยินรู้เรื่องบ่าวกับนายท่านแล้ว”
MANGA DISCUSSION