สาวใช้ตัวป่วนของท่านแม่ทัพ - ตอนที่ 21
“นายท่านมีแค่น้องสาวนี่เจ้าคะ แล้วน้องชายมาจากไหนกันเล่า” นางยิ้มอย่างพอใจเมื่อได้มีโอกาสกวนใจนายท่านอีกครั้ง กำลังยิ้มอยู่ดี ๆ ก็โดนดึงข้อมือให้ลุกขึ้น นายท่านพลิกตัวนางให้มาเผชิญหน้า ใช้มือทั้งสองข้างกักขังไม่ให้ขยับเขยื้อนหนีได้
“ข้าไม่ตลกด้วยหรอกนะ ข้าพูดจริงทำจริง หากข้าไม่สามารถมีทายาทได้ เจ้าจะต้องโดนลงโทษสถานหนัก” ใบหน้าของนายท่านห่างจากนางเพียงน้อยนิด ทำให้เหม่ยหวาต้องเอียงหน้าหนีไปเล็กน้อย จนลมหายใจของเขาเป่ารดที่พวงแก้มแทน นางขนลุกซู่ด้วยความสยิวปนความเขินอาย รู้สึกว่าหัวใจเต้นแรงผิดปกติ
“บ่าวก็เห็นนายท่านปกติดีนี่เจ้าคะ อีกอย่างนายท่านลวนลามบ่าวก่อนนี่นา ถือว่าเราหายกันแล้ว”
“ข้าไม่หายโกรธจนกว่าเจ้าจะกลับจวนกับข้าภายในวันนี้”
“บ่าวไม่กลับ นายท่านจะโกรธก็เรื่องของนายท่าน บ่าวไม่ได้ทำอะไรผิด”
“ปากแข็งยิ่งนัก ที่ข้าต้องทำอย่างนี้กับเจ้าเพราะเจ้าดื้ออย่างไรเล่า หากไม่อยากให้ข้าลวนลามก็อย่าดื้อกับข้า เข้าใจหรือไม่”
“บ่าวไม่เคยดื้อ แต่บ่าวทำตามหน้าที่ที่ฮูหยินสั่งเท่านั้น”
“ยังจะมาเถียงอีก”
“บ่าวไม่ได้เถียง อื้อ…”
บทลงโทษของคนดื้อคือการประทับรอยจูบลงบนริมฝีปากนาง ตักตวงลมหายใจอย่างเนิบนาบ มือหนาเลื้อยบนแผ่นหลังบางอย่างทะนุถนอม แม้ว่านางจะพยายามออกแรงผลัก ทว่ากลับไม่สามารถทำอะไรได้ นอกจากยอมรับรสจูบอันแสนหวามไหวนี้
ร่างของนางอ่อนระทวยเมื่อถูกความมีชั้นเชิงของท่านแม่ทัพหยางเล่นงานเข้าให้ เขาจูบจนหนำใจแล้วก็ผละใบหน้าออกมา จ้องลึกเข้าไปในหน่วยตาสวยอย่างเสน่หา นางรีบหลุบตาลง รู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง
“นี่คือบทลงโทษของคนดื้ออย่างเจ้า หากดื้ออีกก็จะโดนเช่นนี้อีก”
“นายท่านเอาแต่ได้ ถึงอย่างไรบ่าวก็เป็นสตรีนะเจ้าคะ บ่าวมีพ่อมีแม่ถึงจะเป็นบ่าวก็เถอะ นายท่านไม่ควรทำอย่างนี้”
“ข้าก็ไม่ได้ว่าเจ้าเป็นบุรุษนี่ หากเป็นบุรุษข้าคงไม่ทำ ข้าไม่สนใจอยู่แล้วว่าใครจะรู้ เพราะข้าคือคนที่จะประกาศิตชีวิตเจ้า หากยังอยู่ในจวนข้า”
“แต่บ่าวจะไม่ยอมตกเป็นของเล่นของนายท่านหรอกเจ้าค่ะ”
“เจ้าจะทำอย่างไร ไหนลองบอกข้าหน่อยสิ ถึงจะพ้นจากเนื้อมมือของข้าได้”
“กลับไปคราวนี้ บ่าวจะขอไปรับใช้ฮูหยิน”
“ฮูหยินที่เจ้าว่าก็คือท่านแม่ของข้า หากข้าไม่ยอมมีหรือที่ท่านแม่จะขัดได้”
“นายท่านใจร้าย ทำไมต้องแกล้งบ่าวด้วยเจ้าคะ บ่าวเป็นเพียงแค่เด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ หามีพิษสงอันใด ปล่อยบ่าวให้โตตามวัยเถอะนะเจ้าคะ บ่าวยังเด็กนัก”
“ข้าว่า…เจ้าไม่ใช่เด็กตัวเล็ก ๆ แล้วนะ มีหลายอย่างในตัวเจ้าที่…” สายตาหื่น ๆ ของนายท่านโลมเลียจนนางเขินจัด
“นายท่าน! ปล่อยบ่าวได้แล้ว บ่าวจะรีบเก็บผักบุ้งกลับไปทำกับข้าวเย็นนี้ ป่านนี้ท่านแม่คงรอบ่าวนานแล้ว”
“สรุปว่าจะไม่กลับกับข้า?”
“ไม่กลับเจ้าค่ะ บ่าวขอเถอะนะเจ้าคะ แค่อีกวันเดียวเท่านั้น นานทีปีหนบ่าวจะได้กลับมาเยี่ยมบ้าน ให้บ่าวอยู่ต่อเถอะนะเจ้าคะ หากนายท่านยอม บ่าวจะไม่ดื้อไม่ซนแน่นอนเจ้าค่ะ บ่าวสัญญา”
“เจ้าสัญญาแล้วนะ”
“เจ้าค่ะ”
“ถ้าเช่นนี้ข้าจะยอมให้เจ้าอยู่ที่นี่ต่อจนครบกำหนด แล้วก็กลับพร้อมกัน”
ได้ยินเช่นนั้นนางก็ขมวดคิ้วเป็นปมด้วยความสงสัย นายท่านพูดราวกับว่าจะค้างคืนที่นี่ด้วย
“กลับพร้อมกัน หมายความว่าอย่างไรเจ้าคะ”
“ก็หมายความอย่างที่เจ้าเข้าใจ ข้าจะค้างที่นี่กับเจ้ารอกลับพร้อมกัน”
“ไม่ได้นะเจ้าคะ เรือนของบ่าวไม่มีพื้นที่ว่างให้นายท่านนอนหรอกเจ้าค่ะ นายท่านกลับไปรอที่จวนเถอะนะเจ้าคะ มันไม่สะดวกจริง ๆ”
“ข้าจะค้างที่นี่ ห้ามปฏิเสธเด็ดขาด ข้าเก็บผักบุ้งช่วยจะได้รีบกลับไปเตรียมที่หลับที่นอนให้ข้า”
หยางจื่อถงทำเป็นทองไม่รู้ร้อน หย่อนก้นนั่งลงเก็บผักบุ้งที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ ไม่สนใจว่านางจะเป็นเดือดเป็นร้อนแค่ไหน เหม่ยหวาทำได้เพียงแสดงสีหน้าบูดบึ้งถอนหายใจครั้งแล้วครั้งเล่าด้วยความไม่ชอบใจนัก แต่คงทำอะไรไม่ได้นอกจากยอมรับชะตากรรมเท่านั้น
ในที่สุดบ้านสกุลหานก็ต้องต้อนรับขับสู้แขกกิตติมศักดิ์อย่างเสียมิได้ เจ้าของเรือนจะเสียสละที่นอนให้ท่านแม่ทัพ แต่หยางจื่อถงปฏิเสธและขอออกไปนอนรับลมที่เตียงไม้ด้านนอก มันเป็นเรื่องเล็กน้อยสำหรับเขา เพราะการไปออกศึกลำบากกว่านี้เป็นร้อยเท่า ชายชาติทหารไม่เคยกลัวเรื่องความลำบากอยู่แล้ว
แต่คนที่หนักใจนั่นคือเหม่ยหวา นางกลัวว่านายท่านจะเป็นอะไรไป นั่นหมายความว่าเป็นความผิดของนางในฐานะบ่าวรับใช้ นางเตรียมชุดเครื่องนอนมาให้นายท่านด้านนนอกบ้าน ในขณะที่ทุกคนกำลังนั่งร่วมโต๊ะทานมื้อเย็น เมนูวันนี้คงหนีไม่พ้นผัดผักบุ้งที่เก็บมาจากลำธาร เนื่องจากวันนี้ท่านแม่ทัพหยางมาร่วมวงด้วย หานจางเหว่ยจึงจับไก่ในเล้ามาทำไก่ตุ๋นสมุนไพรเป็นเมนูพิเศษ แล้วก็มีเมนูอื่น ไปที่ https://th.readeraz.com เพื่ออ่านเนื้อหาใหม่ล่าสุดทุกคน! แต่หยางจื่อถงก็รับประทานได้ ไม่รู้สึกรังเกียจ แถมยังคิดว่ารสชาติมันอร่อยยิ่งกว่าในจวนเสียอีก
“กินเยอะ ๆ นะเจ้าคะ อาหารอาจจะไม่ถูกปากบ้างก็อย่าถือสาเลยนะเจ้าคะท่านแม่ทัพ”
“ข้าไม่มีปัญหาเรื่องการอยู่การกินหรอก ถึงอย่างไรก็ขอบใจพวกท่านที่ต้อนรับขับสู้ข้าเป็นอย่างดี เอาไว้ถึงจวนแล้วจะให้คนเอาของมาให้เป็นการตอบแทนก็แล้วกัน”
“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ข้าน้อยไม่ได้ต้องการสิ่งใดตอบแทน ข้าน้อยต้องขอบพระคุณท่านแม่ทัพมากกว่าที่ช่วยดูแลเหม่ยเหมยให้นางอยู่ดีมีสุข แค่นี้พวกข้าน้อยก็พอใจแล้วเจ้าค่ะ”
เมื่อมารดาพูดจบเหม่ยหวาก็เข้ามาข้างในพอดี นางเดินมานั่งลงที่เก้าอี้ตัวประจำ เงยขึ้นมองหน้านายท่านที่นั่งฝั่งตรงข้าม
“บ่าวเตรียมที่นอนไว้ให้แล้วนะเจ้าคะ นายท่านจะนอนได้จริง ๆ หรือเจ้าคะ”
“ได้สิ ลืมแล้วหรือว่าข้าเป็นทหาร เคยนอนกลางดินกินกลางทรายมาเกือบทั้งชีวิต”
“ท่านแม่ ข้าอยากไปนอนข้างนอกกับท่านแม่ทัพ ข้าอยากเป็นทหารเหมือนท่านแม่ทัพขอรับ”
“เจ้านอนไม่ได้หรอกอาไห่ ข้างนอกยุงเยอะแถมอากาศก็เย็น เจ้าจะเป็นหวัดเอานะ ท่านแม่ทัพเป็นผู้ใหญ่แล้วแข็งแรงกว่าเจ้า มันไม่เหมือนกัน”
“เอาเถอะ ให้อาไห่ไปนั่งเป็นเพื่อนข้าสักประเดี๋ยวก็ได้ แล้วค่อยกลับเข้ามานอนข้างใน”
“เย้! เอาตามนี้นะขอรับท่านแม่” อาไห่ดีใจยกใหญ่เมื่อได้ยินเช่นนั้น
“ก็ได้ ๆ แต่เจ้าห้ามไปกวนใจท่านแม่ทัพนะ”
“ขอรับ”
เหม่ยหวาเอาแต่นั่งเงียบไม่พูดไม่จา ปล่อยให้ท่านแม่ทัพหยางตีสนิทกับคนในครอบครัวของนางให้หนำใจ อีกอย่างก็รู้สึกเขินนิดหน่อย เมื่อต้องมานั่งเผชิญหน้ากับนายท่านอย่างนี้ เพราะเขาเอาแต่จ้องมองมาที่ใบหน้านางอยู่บ่อยครั้ง จนนึกสงสัยว่าที่ใบหน้าตนเองนั้นมีอะไรติดอยู่หรือไม่ ได้แต่คิดไม่กล้าถามเพราะกลัวนายท่านจะพลั้งปากพูดเรื่องนั้นให้บิดามารดาฟัง หากท่านทั้งสองรู้ว่านางโดนนายท่านรังแกเช่นนั้นกลัวว่าจะไม่สบายใจ
ทานมื้อเย็นเรียบร้อยแล้วท่านแม่ทัพก็ออกมายืนสูดอากาศด้านนอก ข้างกันนั้นก็เป็นเตียงไม้ที่มีขนาดใหญ่พอจะรองรับเรือนกายของท่านแม่ทัพได้ มันคือที่นั่งรับลมของบ้านสกุลหาน เมื่อว่างเว้นจากงานไร่งานสวน แต่ค่ำคืนนี้จะเป็นที่หลับนอนของแขกผู้มาเยือน
“ท่านแม่ทัพขอรับ อยู่ที่โน่นพี่เหม่ยเหมยทำอะไรบ้างขอรับ”
“ก็ดูแลรับใช้อย่างใดเล่าอาไห่”
“ดูแลอย่างไรบ้างขอรับ เหมือนที่ดูแลท่านพ่อท่านแม่หรือไม่”
“ก็ประมาณนั้นล่ะ แต่ว่า…มีเรื่องที่ต้องดูแลมากกว่านั้นอีก”
“มากกว่านั้น หมายความว่าอย่างไรขอรับ”
“ก็…ข้าไม่บอก มันเป็นความลับระหว่างข้ากับพี่สาวเจ้า”
“ถ้าท่านไม่บอกข้าน้อยจะไปถามพี่เหม่ยเหมยก็ได้”
“ห้ามเด็ดขาด! ไม่เช่นนั้นพี่เจ้าจะต้องโกรธข้าแน่ หากเจ้ายอมเชื่อฟังข้าจะส่งของเล็ก ๆ น้อย ๆ มาให้หลังจากกลับจวนแล้ว”
“จริง ๆ นะขอรับ”
“จริงสิ แม่ทัพหยางอย่างข้าพูดแล้วไม่คืนคำ แต่ข้ามีคำถามอยากจะถามเจ้าสักหน่อย”
“ถามมาได้เลยขอรับ”
“พี่สาวเจ้าเคยมีคนรักหรือไม่”
“ไม่เคยขอรับ พี่เหม่ยเหมยเอาแต่ทำงานช่วยท่านพ่อท่านแม่ ไม่เคยไปยุ่งเกี่ยวกับชายใดเลย”
“อ้อ งั้นหรือ” เมื่อได้รับคำตอบท่านแม่ทัพหยางก็ยกยิ้มอย่างพอใจ รู้สึกโล่งใจยิ่งนัก
“ท่านแม่ทัพยิ้มทำไมหรือขอรับ”
“ปะ…เปล่าข้าแค่ยิ้มเล่น ๆ เท่านั้น”
“แต่วันก่อนที่พวกเราเข้าไปเก็บเห็ดในป่า เราบังเอิญเจอกับคุณชายท่านหนึ่งที่เข้าไปล่าสัตว์ ดูเหมือนว่าเขาจะสนใจพี่เหม่ยเหมยมากขอรับ”
“มันเป็นใคร! แล้วพี่เจ้าสนใจมันหรือไม่”
“คุยเรื่องอะไรกันอยู่เจ้าคะ”
อาไห่กำลังจะอ้าปากตอบทว่ากลับมีเสียงของพี่สาวดังแทรกเข้ามา ทำให้ทั้งสองต้องหันขวับไปมองยังต้นเสียง ก็พบว่าเหม่ยหวาได้ถือถาดกาน้ำชาร้อน ๆ มาให้นั่นเอง
“เปล่าไม่มีอะไร”
เหม่ยหวาหรี่ตามองนายท่านอย่างไม่ไว้ใจ สีหน้ามีพิรุธเช่นนี้กำลังล้วงความลับอะไรจากน้องชายของนางแน่ ๆ
“อาไห่ท่านแม่ให้เข้าไปนอนได้แล้ว”
“ขอรับ ท่านแม่ทัพถามพี่เหม่ยเหมยเองนะขอรับ ข้าน้อยเข้าไปข้างในก่อน”
“ถาม? ถามเรื่องอะไรเจ้าคะ”