สาวใช้ตัวป่วนของท่านแม่ทัพ - ตอนที่ 20
คำพูดประชดของมารดานั้นหยางจื่อถงนำมาทำให้มันเกิดขึ้นจริง ตอนนี้เขากำลังนั่งรถม้าตรงไปยังหมู่บ้านเล็ก ๆ แถวชานเมือง เพื่อไปตามตัวสาวใช้คู่กายกลับมาที่จวน เจ้าตัวเองก็ไม่เข้าใจว่าเหตุใดจึงต้องลงทุนทำถึงเพียงนี้ ทั้งที่จะส่งคนมาตามนางกลับก็ย่อมได้ แต่เลือกที่จะมาด้วยตนเองเพราะอยากจะเห็นหน้านางเร็ว ๆ นั่นเอง
“ถึงแล้วขอรับนายท่าน”
“เจ้ารออยู่แถวนี้ก่อน”
“ขอรับ”
เมื่อคนขับรถม้าไปแล้วท่านแม่ทัพหยางก็ยืนจ้องมองบ้านหลังเล็ก ๆ ที่สร้างมาจากไม้เก่า ๆ รอบบ้านมีแปลงผักและเล้าไก่เหมือนบ้านตามชนบททั่วไป คนที่กำลังทำการขุดดินอยู่นั้นมองเห็นผู้มาเยือนและรู้ว่าเป็นใครจึงวางจอบลงแล้วรีบเดินมาหา
“ข้าน้อยขอคารวะท่านแม่ทัพขอรับ” หานจางเหว่ยค้อมตัวประสานมือคารวะด้วยความตื่นเต้น ที่จู่ ๆ ท่านแม่ทัพหยางก็มาเยี่ยมเยียนถึงบ้าน ในระหว่างนั้นหานลู่ซวนก็ออกมาจากบ้าน เมื่อเจอแขกผู้มาเยือนจึงคารวะเช่นเดียวกัน
“ท่านแม่ทัพมาถึงเรือนข้าน้อย มีธุระอันใดหรือเจ้าคะ หรือเหม่ยเหมยทำเรื่องเอาไว้”
“เปล่า ข้าแค่อยากมาสำรวจความเป็นอยู่ของสาวใช้ในจวนก็เท่านั้น ว่าแต่เหม่ยเหมยอยู่ไหนหรือ ทำไมไม่ยอมออกมาต้อนรับข้า” สายตาคมของท่านแม่ทัพกวาดมองไปโดยรอบเพื่อหาตัวของแม้สาวใช้ตัวดี
“หากไม่รังเกียจเชิญท่านแม่ทัพเข้าไปนั่งรอข้างในก่อนเจ้าค่ะ ข้าน้อยจะไปตามนางมาให้”
“นางอยู่ที่ไหนหรือ”
“นางไปเก็บผักบุ้งกับอาไห่แถวลำธารใกล้บ้านนี่ล่ะเจ้าค่ะ”
“ไม่เป็นไร บอกทางข้ามา ข้าจะไปหานางเอง”
“จะดีหรือเจ้าคะ”
“ดีสิ เจ้าบอกมาเถิด”
“เจ้าค่ะ”
ในที่สุดหยางจื่อถงก็ได้เดินไปหานางสมใจอยาก ทางที่ลู่ซวนบอกนั้นไม่ได้สลับซับซ้อนมากนัก ทำให้เขาเดินมาได้อย่างสบาย ๆ บรรยากาศในชนบทอย่างนี้ช่างดีนัก อีกฝั่งจะเป็นทุ่งนาที่มีฉากหลังเป็นภูเขาสูงสลับซับซ้อน ส่วนอีกฝั่งจะเป็นป่าธรรมชาติพื้นที่ขนาดกว้าง อากาศเย็นสบายสดชื่น พื้นที่สีเขียวนั้นทำให้รู้สึกสบายตายิ่งนัก
“พี่เหม่ยเหมยทางนี้มีปลาด้วย”
“อย่ายื่นหน้าเข้าไปใกล้อย่างนั้นอาไห่ เดี๋ยวก็ตกน้ำตกท่ากันพอดี มาช่วยพี่เก็บผักบุ้งตรงนี้หน่อยสิ”
“ขอรับ”
เสียงบทสนทนาของสองพี่น้อง ทำให้คนที่กำลังยืนเพ่งมองไปยังต้นเสียง ท่านแม่ทัพหยางเห็นสาวใช้ของตนเองแล้ว นางกำลังนั่งอยู่ริมตลิ่งเด็ดผักบุ้งใส่ตะกร้า โดยมีน้องชายตัวน้อยวิ่งเล่นซุกซนอยู่ใกล้ตัว หยางจื่อถงเผลอยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว ก้าวเท้าเข้าไปหานางอย่างไม่เร่งรีบนัก
“อะแฮ่ม!”
“อ้าว! นายท่านมาที่นี่ได้อย่างไรเจ้าคะ” เมื่อเห็นนายท่านนางก็ตกใจเล็กน้อย ลุกขึ้นยืนมองหน้าแต่ไม่กล้าสบตาดีนัก เพราะยังจำเรื่องที่ทำกับเขาไว้ได้ดี นางกลัวว่าท่านแม่ทัพหยางจะมาเล่นงานถึงที่นี่
“ข้ามาตามเจ้ากลับจวน”
“นี่ใครหรือขอรับพี่เหม่ยเหมย”
“อ้อ! นี่นายท่านของพี่ รีบคารวะท่านแม่ทัพหยางสิอาไห่”
“ข้าน้อยขอคารวะนายท่านขอรับ” เด็กน้อยรีบทำความเคารพท่านแม่ทัพหยาง เห็นอย่างนั้นอีกฝ่ายก็รู้สึกเอ็นดูกับความน่ารักน่าชังและเป็นเด็กมีสัมมาคารวะ
“เจ้าชื่ออะไรนะ”
“ข้าน้อยชื่ออาไห่ขอรับ เป็นน้องชายพี่ของเหม่ยเหมย”
“ทำไมน้องชายเจ้าถึงได้มีสัมมาคารวะ ไม่เหมือนกับเจ้าเลย” คนพูดทำเป็นยืนกอดอกเหล่ตามอง
“บ่าวไม่มีสัมมาคารวะตรงไหนเจ้าคะ นายท่านรีบกลับไปเถอะ บ่าวเหลือเวลาอยู่บ้านตั้งอีกวันนึงนะเจ้าคะ นายท่านจะมากดดันบ่าวถึงที่นี่ไม่ได้ บ่าวไม่ยอมกลับไปแน่นอน”
“หากเจ้าไม่กลับข้าก็ไม่กลับ” หยางจื่อถงยังคงยืนทำหน้าตาย เขาเหล่ตามองเจ้าเด็กน้อยอย่างมีเลศนัย ก่อนจะล้วงเอาอะไรบางอย่างออกมาจากเสื้อ “อาไห่มานี่เร็ว”
“นายท่านจะทำอันใดเจ้าคะ”
“ไม่ต้องยุ่ง เรื่องของข้ากับอาไห่ มานี่เร็วอาไห่ข้ามีของจะให้”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นเจ้าเด็กน้อยก็ยิ้มหน้าบานรีบเดินเข้ามาหา หยางจื่อถงกระซิบกระซาบบางอย่างพร้อมทั้งยื่นเงินให้จำนวนหนึ่ง จากนั้นอาไห่ก็หันหน้ามายิ้มให้พี่สาว
“พี่เหม่ยเหมย ข้าไปรอที่บ้านนะขอรับ” ว่าแล้วก็รีบวิ่งแจ้นกลับไปยังบ้านทันที
“เดี๋ยวอาไห่ เจ้าจะไปไหน”
“ข้าแค่บอกให้น้องชายเจ้ากลับบ้านไปก่อนก็เท่านั้น”
“นายท่านต้องการอันใดเจ้าคะ มาวันแรกก็ติดสินบนน้องชายบ่าวแล้ว ใช่สินะ นายท่านคงคิดว่าคนจนซื้อได้ด้วยเงินกันหมดทุกคน” นางทำหน้าบูดบึ้ง แล้วนั่งลงเก็บผักบุ้งทำเป็นไม่สนใจนายท่าน
“ข้าไม่เคยคิดอย่างนั้น เจ้าอย่าคิดไปเอง ข้าแค่อยากมีเวลาสนทนากับเจ้าเพียงลำพังก็เท่านั้น” คนพูดยังคงยืนเอามือขัดหลังอยู่ที่เดิม วางสายตาไว้ที่ร่างบอบบางที่นั่งเก็บผักบุ้งอยู่ตรงหน้า
“นายท่านกลับไปเถอะเจ้าค่ะ บ่าวไม่มีอะไรจะสนทนาด้วย”
“ข้าอยากจะขอโทษเจ้าเรื่องวันนั้น ข้าเผลอตัวไปหน่อย”
เมื่อได้ยินนางก็ชะงัก ทำตาเลิ่กลั่กเพราะไม่อยากจะพูดถึงมันอีกแล้ว ยังโชคดีที่นางยังไม่เสียตัวให้นายท่าน ไม่เช่นนั้นคงจะอายมากกว่านี้อีก
“บ่าวลืมมันไปแล้วเจ้าค่ะ นายท่านไม่ต้องคิดมากหรอก”
“แต่ข้าไม่มีวันลืมสิ่งที่เจ้าทำกับข้า หากน้องชายข้าเป็นอะไรไป เจ้าจะต้องรับผิดชอบ”