สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย - บทที่ 964 น่าสงสารเพียงนี้ ต้องให้ข้าไปส่งเจ้าหรือไม่
- Home
- สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย
- บทที่ 964 น่าสงสารเพียงนี้ ต้องให้ข้าไปส่งเจ้าหรือไม่
บทที่ 964 น่าสงสารเพียงนี้ ต้องให้ข้าไปส่งเจ้าหรือไม่
บทที่ 964 น่าสงสารเพียงนี้ ต้องให้ข้าไปส่งเจ้าหรือไม่
หลี่เยียนหรานที่อยู่ข้าง ๆ เอ่ยขึ้น “สกุลหัวกำลังหารือเรื่องการแต่งงานกับสกุลสิง ยังคิดว่าทั้งสองสกุลจะเกี่ยวดองกันภายหน้า ได้ดูตัวล่วงหน้าก็ดีเช่นกันจะได้ดูได้ว่าแม่นางสกุลสิงมีนิสัยอย่างไร”
หยางเซียงจวินหันไปมองคุณชายหัว “ญาติผู้พี่ ท่านยังอยากแต่งงานกับแม่นางสกุลสิงหรือไม่?”
คุณชายหัวตอบด้วยสีหน้ารังเกียจ “เจ้าว่าอย่างไรเล่า?”
“ข้าว่ารสนิยมของท่านไม่ได้ย่ำแย่เพียงนั้น” หยางเซียงจวินเอ่ย “ในเมื่อท่านไม่อยากแต่งงาน เช่นนั้นภายหน้าก็ไม่ต้องให้แม่นางสกุลสิงมาเข้าร่วมงานเลี้ยงของเราอีก ช่างน่าผิดหวังเสียจริง”
สาวใช้เดินเข้ามาเอ่ยกับกับหยางเซียงจวิน “เจ้านาย บ่าวไปสอบถามแล้วเจ้าค่ะ ทาสที่คอยดูแลเป่าเอ๋อร์ในตอนนั้นรู้สึกคันอยู่จริง ๆ เป่าเอ๋อร์คงจะป่วยหนักแล้วเจ้าค่ะ”
หยางเซียงจวินเดิมทีลังเลใจเล็กน้อยเพราะไม่อาจตัดใจ ทว่าเมื่อได้ยินคำพูดของสาวใช้แล้ว ท้ายที่สุดนางก็ปล่อยวางความลังเลน้อยนิดที่เหลืออยู่
แมวตัวนั้นเป็นสายพันธุ์พิเศษ นางใช้ความพยายามไปมากมายเพื่อหาตัวที่พึงพอใจ ไม่ต้องเอ่ยถึงราคา บ่าวรับใช้ที่คอยดูแลมันก็ใช้ถึงสี่คนแล้ว ช่างหาได้ยากยิ่ง! นางลังเลที่จะยกมันให้กับสิงเจียซืออยู่บ้างจริง ๆ ทว่าแม้มีความเสี่ยงเพียงน้อยนิดที่จะทำร้ายนาง นางก็ไม่อาจปล่อยมันเอาไว้
“ท่านหมอเล่า? เรียกท่านหมอมาตรวจข้า บนตัวข้ามีของที่ไม่ควรติดมาหรือไม่?”
จู่ ๆ คุณหนูผู้สูงศักดิ์ก็รู้สึกคันขึ้นมาเล็กน้อย
“พวกเราก็จะตรวจ”
“ใช่ ๆ ท่านหมออยู่ที่ใด?”
สิงเจียเวยโมโหเป็นอย่างมาก
หลังจากนางขึ้นรถม้าแล้วก็เห็นสิงเจียซือกำลังเดินตามมาจึงพลันกรีดร้อง “เจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้ขึ้นมา!”
สิงเจียซือมองนางนิ่ง ๆ “เหตุใดข้าจะขึ้นไปไม่ได้?”
“เจ้ามีสภาพเช่นนี้แล้ว บนตัวเจ้าไม่แน่ว่า… เจ้าขึ้นมาไม่ได้เป็นอันขาด” สิงเจียเวยเข้าไปในรถม้าแล้วเอ่ยเร่งคนขับ “รีบไป เร็วเข้า อย่าให้นางขึ้นมา”
สิงเจียซือที่อุ้มเป่าเอ๋อร์กล่าว “พวกเราทำได้เพียงเดินกลับแล้ว”
รถม้าคันหนึ่งหยุดลงข้าง ๆ นาง คนในรถม้าเปิดม่านออก มองดูสิงเจียซือที่หน้าบวมเป็นหัวหมู แม้กระทั่งผู้คนรอบ ๆ ที่เห็นนางต่างก็หลบเลี่ยง
เขาเอ่ยขึ้น “ถูกทิ้งหรือ?”
สิงเจียซือยกมุมปากขึ้นยิ้ม “ใช่แล้ว!”
ลู่ฉาวอวี่ไม่ชายตามอง “ไม่ต้องยิ้มแล้ว ยิ้มแล้วยิ่งดูอัปลักษณ์กว่าเดิม”
สิงเจียซือพึมพำ “ใต้เท้าอยากเห็นของสวย ๆ งาม ๆ เพียงแค่ส่องกระจกก็ได้แล้ว ไยต้องออกมาข้างนอกให้ระคายตาเล่า?”
ลู่ฉาวอวี่ยิ้มน้อย ๆ “เพราะข้าเห็นว่าเจ้าน่าสงสาร ขึ้นรถเถอะ ข้าจะไปส่งเจ้าสักเที่ยว”
“บนตัวข้ามี…”
“ผู้อื่นไม่รู้ ข้าจะไม่รู้หรือ?” ลู่ฉาวอวี่เอ่ย “นอกจากนี้ เจ้ายังอุ้มแมวป่วยตัวนี้ หากเจ้าแพร่กระจายโรคไปสู่ชาวบ้านคงไม่ดีกระมัง ข้าจะพาเจ้าไปให้ท่านหมอดู”
“ท่านหมอเมื่อครู่นี้ตรวจดูแล้ว”
“หมอเก๊เช่นนั้นจะมีประโยชน์อะไร?” ลู่ฉาวอวี่เอ่ยอย่างใจเย็น “ขึ้นรถ”
“เช่นนั้น รบกวนใต้เท้าลู่แล้ว” สิงเจียซือก้าวขึ้นไปบนที่เหยียบขึ้นรถม้า
หลังจากขึ้นรถม้ามาแล้ว นางก็นั่งลงตรงมุมหนึ่ง ห่างจากลู่ฉาวอวี่ไม่น้อย
“ไม่ว่าจะอย่างไร อย่างนี้ยังคงปลอดภัยหน่อย” สิงเจียซือเอ่ย “ตัวตนของใต้เท้าสูงส่งล้ำค่า มีเรื่องต่าง ๆ มากมายให้จัดการทุกวัน หากท่านเจ็บป่วยเพราะความประมาทเล็ก ๆ น้อย ๆ ของข้า เช่นนั้นข้าคงรู้สึกผิดแล้วจริง ๆ”
“เจ้ากับสกุลหัวกำลังหารือเรื่องแต่งงานหรือ?” ลู่ฉาวอวี่ถาม
เมื่อครู่นี้เขาได้ยินคนข้าง ๆ พูดคุยกัน
“ข้าก็เพิ่งรู้วันนี้เช่นกัน”
“ดูเหมือนสกุลหัวไม่ทันได้ตัดสินใจว่าจะเลือกแม่นางคนใดจากสกุลสิงของเจ้า ดังนั้นถึงได้มาพบกันวันนี้”
“หลังจากเหตุการณ์นี้แล้ว เว้นแต่สกุลหัวจะตาบอด อย่างไรก็ไม่มีทางเลือกข้า” สิงเจียซือเอ่ย “รอเรื่องนี้ซาไป ข้าก็จะไปจากที่นี่ได้เสียที”
ลู่ฉาวอวี่มองสิงเจียซือ “กลับไปยังสกุลสิงแล้ว เจ้ายังคิดจะจากไปอีกหรือ?”
“เหตุใดจะไม่ได้เล่า?”
“คนสกุลสิงจะอนุญาตหรือ?”
“ข้า…”
“ชื่อเสียงเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับสกุลใหญ่ เจ้ารอนแรมอยู่ข้างนอกมาหลายปี พวกเขาปล่อยเจ้า เป็นเพราะสกุลสิงกำลังวุ่นวายโกลาหลจึงไม่มีผู้ใดสนใจ อารอง อาสาม อาสี่ของเจ้า เกรงว่าจะลืมตัวตนของเจ้าไปนานแล้ว ทั่วทั้งจวนมีเพียงฮูหยินผู้เฒ่าเท่านั้นที่ยังจำได้ว่ามีหลานสาวและหลานชายอาศัยอยู่ข้างนอก การกลับมาครั้งนี้คงเป็นความตั้งใจของฮูหยินผู้เฒ่า ในเมื่อตอนนี้เจ้ากลับมาแล้วก็อย่าได้คิดว่าจะหนีออกจากที่นั่นได้อีก เว้นเสียแต่ว่าเจ้าจะออกเรือน”
“ข้าไม่ต้องการ”
ลู่ฉาวอวี่ไม่ได้เอ่ยอะไรอีก
“ใต้เท้า เหตุผลที่ข้ากลับมา เป็นเพราะท่านย่าส่งคนไปจับสหายของข้าไปซ่อน หากข้าไม่กลับไป ความปลอดภัยของพวกเขาก็ไม่อาจรับรองได้ ดังนั้นข้าจึงทำได้เพียงกลับไปยังสกุลสิงอย่างว่าง่าย”
“ต้องการความช่วยเหลือหรือไม่?”
สิงเจียซือเงียบไปชั่วขณะก่อนจะเอ่ย “ข้าอยากคุยกับท่านย่าก่อน จะดีที่สุดคือให้นางปล่อยคนไป ถึงแม้ข้าจะไม่อยากกลับไปสกุลสิง ทว่าข้าก็ไม่ได้อยากกลายเป็นศัตรูกับนาง ข้าเพียงแค่อยากต่างคนต่างใช้ชีวิต ไม่รบกวนกันซึ่งกันและกัน”
แน่นอนว่าบัดนี้นางกลับมาแล้วก็ต้องทำเรื่องที่เป็นประโยชน์หน่อย อย่างเช่นทวงของของนางกลับคืนมา
หลายปีมานี้สิงเจียซือสะสมทรัพย์สินได้มากมาย เป็นเจ้าของกิจการหลายสิบแห่งในเมืองหลวง ไม่ขาดสินเดิมเพียงเล็กน้อยนั่น อย่างไรก็ตาม นั่นเป็นของของแม่นาง นางสามารถเก็บไว้ให้เจ้าสิบได้ ย่อมไม่มีทางยกให้ผู้ใด
สิงเจียซืออยู่ข้างนอกมีชีวิตที่ดี ทว่าสกุลสิงกลับยืนกรานที่จะเรียกนางกลับมาเพื่อใช้ลูกไม้ด้วย แต่ไรมานางไม่เคยเอารัดเอาเปรียบผู้อื่น หากพวกเขาคิดจะใช้อุบายกับนาง เช่นนั้นก็แค่ทำให้พวกเขาสูญเสียทุกสิ่งอย่าง
“ลงจากรถ” ลู่ฉาวอวี่กล่าว
“หา?” สิงเจียซือมองออกไปข้างนอก “ที่นี่ที่ใดกัน?”
“จวนท่านหมอหลวง”
ลู่ฉาวอวี่พา ‘แม่นางอัปลักษณ์’ ผู้หนึ่งเข้าไปในจวนท่านหมอหลวง
บ่าวรับใช้รีบเข้ามาต้อนรับ
เมื่อหมอหลวงได้ยินข่าวก็รีบร้อนมา บัดนี้เมื่อเห็นสิงเจียซือ ท่าทางของเขาจึงผิดแผกไป
“นี่ใช้ยาผิดหรือ?” หมอหลวงดมกลิ่นแล้วกล่าว “มีตัวยาที่ข่มกันหลายตัว”
สิงเจียซือรู้สึกประหลาดใจ
ในที่สุดนางก็เข้าใจแล้วว่าเหตุใดลู่ฉาวอวี่จึงบอกว่าหมอผู้นั้นเป็นหมอเก๊
เช่นเดียวกับหมอหลวงที่อยู่ตรงหน้า เพียงแค่ดมกลิ่นดูก็รู้ชื่อของตัวยา นั่นจึงจะเป็นหมอเทวดาอย่างแท้จริง
“ใต้เท้า ข้าป่วยเพราะแมวตัวนี้ ภายหลังข้าใช้ยาผิดจึงได้กลายเป็นเช่นนี้” สิงเจียซือชูแมวในมือขึ้น “แมวตัวนี้คงไม่เป็นอะไรกระมัง?”
“แมวตัวนี้ราคาแพงยิ่ง ขายได้ถึงห้าพันตำลึงเงินเชียวนะ” หมอหลวงเอ่ย “แมวราคาแพงเพียงนี้จะต้องไม่เป็นอะไรแน่ เพียงอาบน้ำกำจัดสารพิษออกจากร่างกายของมันก็ได้แล้ว”
“ไม่ต้องโกนขนหรือ?”
“ไม่จำเป็นต้องโกน”
ลู่ฉาวอวี่ไม่อาจทนฟังได้อีกต่อไป จึงกล่าวขัดจังหวะบทสนทนาระหว่างทั้งสอง “ข้าให้ท่านตรวจนาง ไม่ใช่ให้ท่านตรวจแมว”
ถึงแม้จะต้องรักษาแมวก็ไม่ได้ยุ่งยากอะไร
สองคนนี้ไม่เข้าใจการเรียงลำดับความสำคัญหรืออย่างไร?
“ใต้เท้าวางใจ คนไม่เป็นอะไร แมวก็ไม่เป็นอะไรเช่นกัน” หมอหลวงกล่าว “แม่นาง เชิญด้านในเถิด”
“ขอบคุณท่านหมอหลวง” สิ้นคำ สิงเจียซือก็หันไปมองลู่ฉาวอวี่ข้าง ๆ “ใต้เท้า เช่นนั้นท่านกลับไปก่อนเถอะ อีกประเดี๋ยวข้ากลับไปเองก็สิ้นเรื่องแล้ว ขอบคุณใต้เท้าที่ส่งข้าน้อยมาถึงที่นี่”
ลู่ฉาวอวี่รับคำ
ครึ่งชั่วยามต่อมา สิงเจียซือก็ออกมาจากข้างใน
เนื่องจากเพิ่งทานยาลงไป รอยแดงและบวมที่แก้มจึงยุบลงเล็กน้อย
แมวที่อยู่ในอ้อมแขนของนางไม่ได้หงุดหงิดฉุนเฉียวอีกต่อไป มันว่านอนสอนง่ายมากทีเดียว
สิงเจียซือเดินออกจากจวนท่านหมอหลวง เห็นรถม้าสกุลลู่ยังจอดอยู่ที่นั่น นางจึงเดินเข้าไปเคาะประตูแล้วเอ่ย “ใต้เท้า?”
บ่าวรับใช้เปิดประตู
ลู่ฉาวอวี่เอนกายอยู่ในนั้น ดวงตาที่เดิมทีปิดไปแล้วลืมขึ้นมาเพราะเสียงของสิงเจียซือ ด้วยเพิ่งตื่น ดวงตาจึงหรี่ปรืออย่างเกียจคร้าน แผ่บรรยากาศเฉื่อยชาทว่าเปี่ยมเสน่ห์ออกมา