สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย - บทที่ 319 พบท่านตาที่ชอบเอาเปรียบ
บทที่ 319 พบท่านตาที่ชอบเอาเปรียบ
บทที่ 319 พบท่านตาที่ชอบเอาเปรียบ
“ชุนนี” ชายชราผู้หนึ่งเรียกถงซื่อที่กำลังจะจากไปเอาไว้
ถงซื่อได้ยินน้ำเสียงที่คุ้นเคยจึงหันกลับมามอง “ท่านพ่อ?”
นางรู้สึกลังเลเล็กน้อย ท่านพ่อในความทรงจำของนางไม่ได้ชรามาก ทว่ารูปร่างหน้าตาเช่นนี้ จะต้องเป็นเขาอย่างแน่นอน
ถงซื่อระงับอารมณ์ตนเอง
“ท่านมาได้อย่างไร?”
ชายชราเดินงุ่มง่าม ค่อย ๆ ก้าวเข้ามาช้า ๆ “ชุนนี เจ้าได้พบแม่ของเจ้าแล้วหรือยัง?”
“ท่านแม่หรือ?” ถงซื่อเม้มปาก
มู่เจิ้งหานที่อยู่ข้าง ๆ เอ่ยว่า “ไม่เคยพบขอรับ”
“นี่คงเป็นเจ้าเด็กหานกระมัง ไม่ได้พบหลายปี สูงถึงเพียงนี้แล้ว” ถงลี่หยางเอ่ยด้วยเสียงแหบแห้ง “พวกเจ้าไม่ได้พบยายเฒ่าจริง ๆ หรือ?”
“ท่านเป็นใคร?” มู่เจิ้งหานมองถงลี่หยางด้วยสีหน้าเฉยชา
ถงลี่หยางขมวดคิ้ว “ข้าเป็นท่านตาของเจ้า”
“ท่านตา?” มู่เจิ้งหานมองถงซื่อ “ท่านแม่ เขาเป็นท่านตาของข้าจริง ๆ หรือ? ข้าเติบโตมาป่านนี้แล้ว ข้าไม่เคยเห็นเขาเลยนะขอรับ”
ถงลี่หยางรู้สึกละอายใจเล็กน้อย เขาเป็นชายบ้านนอก ไม่ได้หน้าบางถึงเพียงนั้น ไม่นานก็แผ่บรรยากาศของผู้อาวุโสออกมาทันที
“หมู่บ้านสกุลถงของเราห่างไกลจากหมู่บ้านสกุลลู่ ทุกคนมีเรื่องของตนที่ต้องทำ ไม่ได้พบกันไม่กี่ปีย่อมเป็นเรื่องธรรมดา ตอนที่เจ้าคลอดออกมา ข้ายังมาดูเจ้าอยู่เลย!”
ถงซื่อหลุบสายตาลงต่ำ
ใช่แล้ว ตอนที่มู่เจิ้งหานเกิดมา เขามาหาจริง ๆ แต่ไม่ได้มาเยี่ยมนางโดยเฉพาะ พอได้ยินว่านางคลอดเด็กให้ครอบครัวมู่ เขาก็คิดว่าลูกสาวคงมีชีวิตดี จึงมา ‘ยืม’ เงิน
แม่เฒ่าเจียงน่ะหรือจะให้เงิน? นับแต่นั้นมาเขาจึงตัดขาดกับนาง ไม่เคยมาหานางอีกเลย
ก่อนถงลี่หยางจะไป เขายังด่าว่าถงซื่อสาดเสียเทเสีย ไม่ได้สนใจเลยว่ายามนั้นนางเพิ่งคลอดลูก ร่างกายยังไม่ฟื้นฟูดี เขาเอาแต่ต่อว่านาง พอนางร้องไห้ก็ปัดก้นเดินจากไปโดยไม่แม้แต่ถามไถ่สักคำ
“ข้าไม่เคยเห็นนางมาก่อน” ถงซื่อใจแข็งขึ้นมา “ข้ายังมีเรื่องต้องทำ ต้องขอตัวแล้ว”
“เจ้าจะยุ่งอะไรหนักหนา หลายปีมานี้ไม่ได้พบพ่อของเจ้า เจ้าไม่สนใจแล้วหรือไร แม่ของเจ้ามาหาเจ้า จะไม่พบหน้ากันได้อย่างไร” ถงลี่หยางขวางหน้านางไว้
“แม่ข้าบอกว่าไม่เคยพบนาง ก็หมายความว่าไม่เคยพบ พวกเราไม่ได้ติดต่อกันหลายปีถึงเพียงนี้แล้ว ผู้อื่นถามพวกข้า พวกข้าล้วนบอกว่าผู้อาวุโสจากไปนานแล้ว ถึงแม้จะเดินผ่านกันไปก็คงจำไม่ได้กระมัง มีอะไรแปลก” มู่เจิ้งหานเอ่ย
“เจ้า! เจ้าสาปแช่งพวกเรารึ” ถงลี่หยางเอ่ยด้วยความโกรธ
“ข้าพูดผิดหรือ ผ่านมาหลายปีเพียงนี้พวกท่านไม่เคยมาหา ยังจะไม่ให้ข้าคิดเช่นนั้นอีกหรือ?” มู่เจิ้งหานกล่าววาจาเสียดสี “อย่าได้ถามว่าเหตุใดท่านแม่ของข้าไม่ไปหาพวกท่าน แม่ข้าเคยไปแล้ว เป็นพวกท่านที่บอกว่านางไร้ประโยชน์ ไม่ให้นางไปทำให้พวกท่านอับอาย เดี๋ยวพวกท่านเชิดหน้าชูคอไม่ได้ แล้วจะขายขี้หน้าคนในหมู่บ้าน”
ถงลี่หยางชะงักงัน
“มีอะไรหรือ?” ลู่ฉาวอวี่เดินเข้ามาหลังเห็นดวงตาของถงซื่อแดงก่ำ
อย่าได้เห็นว่าลู่ฉาวอวี่ยังเล็ก เขาเป็นคนเด็ดขาด ยิ่งสวมเครื่องแต่งกายที่ประณีตเป็นพิเศษ ผู้ที่มีสายตาเฉียบแหลมย่อมบอกได้ว่าเขาไม่ใช่เด็กจากครอบครัวธรรมดา
ถงลี่หยางพบลู่ฉาวอวี่เป็นครั้งแรก
เด็กชายดูเป็นนายน้อยที่มาจากตระกูลร่ำรวย ถงลี่หยางที่เกิดจากครอบครัวแถบชนบทย่อมเกรงใจจากจิตใต้สำนึก
“ฉาวอวี่ ไม่เป็นไร” มู่เจิ้งหานไม่อยากให้ปัญหายุ่งยากเหล่านี้กระทบกับลู่ฉาวอวี่
ลู่ฉาวอวี่มองถงลี่หยาง จากนั้นหันไปมองมู่เจิ้งหานแล้วเอ่ยขึ้น “เช่นนั้นไปกันเถอะ! แม่ข้าเรียกพวกท่านไปทานอาหาร”
“ช้าก่อน ยังไปไม่ได้ ข้ายังมีเรื่องบางอย่างกับพวกเขา” ถงลี่หยางยังคงตามมา
มู่ซืออวี่เห็นว่าลู่ฉาวอวี่และคนอื่น ๆ ยังไม่มา จึงให้จื่อซูไปดู
จื่อซูกลับมาบอกว่าพวกเขามีชายชราคนหนึ่เกาะติดไม่เลิกรา ชายชราคนนั้นอ้างว่าตนเป็นบิดาของถงซื่อ
มู่ซืออวี่จึงให้จื่อซูพาเขามา
ผ่านมาหลายวัน แม่เฒ่าซ่งคงสงบเสงี่ยมลงมากแล้ว หากขังนางไว้ในคุกตลอดเวลาคงไม่ดี รังแต่จะสิ้นเปลืองอาหารของทางการเสียเปล่า ถึงเวลาที่ต้องจัดการนางแล้ว
ถงลี่หยางเดินตามหลังจื่อซูมา
ลู่ฉาวอวี่และมู่เจิ้งหานกับถงซื่อไม่ได้ตามมา
ถงลี่หยางสำรวจตรวจตราไปรอบ ๆ พบว่าที่นี่โอ่อ่า อีกทั้งยังมีเจ้าหน้าที่ในเครื่องแต่งกายเจ้าหน้าที่ทางการอยู่ทุกหนแห่ง เขาแทบจะระงับอาการเอาไว้ไม่ได้
จื่อซูสวมใส่ผ้าแพรต่วนชนิดดี หลังจากได้รับการอบรมสั่งสอน นางก็ไม่ใช่สาวใช้ชาวบ้านอดอยากผู้นั้นอีกต่อไปแล้ว ไม่ทำให้มู่ซืออวี่อับอายแน่นอน
“เชิญทางนี้เจ้าค่ะ” จื่อซูผายมือเรียนเชิญ
“แม่นาง ผู้ใดอยากพบข้าหรือ?” ถงลี่หยางรู้สึกตระหนกเล็กน้อย
“ท่านเข้าไปก็จะรู้แล้วเจ้าค่ะ” จื่อซูตอบเรียบ ๆ “เข้าไปเถอะเจ้าค่ะ อย่าได้ให้ฮูหยินของเราต้องรอนาน ฮูหยินของเรายุ่งมาก ไม่อาจเสียเวลาได้มากเพียงนั้นเจ้าค่ะ”
“ใช่ ๆ” ถงลี่หยางตอบอย่างประจบประแจง จากนั้นจึงเดินเข้าไป
มู่ซืออวี่นั่งอยู่สูงกว่าผู้อื่น เนื้อตัวประดับด้วยเพชรนิลจินดา ใบหน้าประทินโฉมอย่างประณีต ไม่แตกต่างอะไรจากภรรยาขุนนาง
เมื่อเห็นเครื่องแต่งกายอันวิจิตรเหล่านั้น จื่อซูแทบจะหลุดขำออกมาแล้ว
นางยืนก้มหน้าอยู่ข้าง ๆ พยายามกลั้นขำ ทว่าในสายตาของถงลี่หยาง เขากลับคิดว่าสาวใช้ได้รับการอบรมสั่งสอนมาเป็นอย่างดี แม้จะอยู่ต่อหน้านายตนเองก็ไม่กล้าปริปากพูดสิ่งใด
“ฮูหยิน ท่านคือ…” ถงลี่หยางเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“ฮูหยินของพวกเราเป็นฮูหยินนายอำเภอ” จื่อเยวี่ยนตอบ
“หืม” ถงลี่หยางมองนางด้วยสีหน้าว่างเปล่า “เช่นนั้น… เช่นนั้นเจ้าคือ…”
มู่ซืออวี่มองมาทางเขาด้วยสายตาราบเรียบ “ข้าคืออะไร?”
“พวกเขากล่าวว่าหลานเขยข้าได้เป็นท่านนายอำเภอ หากเจ้าเป็นฮูหยินนายอำเภอ เช่นนั้นก็เป็นหลานสาวของข้าสินะ!” ถงลี่หยางกล่าว
“ท่านหมายความว่า… ท่านเป็นท่านตาของข้า?” มู่ซืออวี่เลิกคิ้วขึ้น “ข้าไม่เคยพบท่านมาก่อน”
“นั่นเป็นเพราะ…”
“เอาเถอะ ได้ยินว่าท่านกำลังหาคน ข้าถามคนของข้าแล้ว พวกเขากล่าวว่าหมู่นี้มีคนแสร้งเป็นญาติของข้าถูกจับไม่น้อย คนเหล่านั้นถูกจับไปขังในห้องขังแล้ว” มู่ซืออวี่กล่าว “จื่อซู เจ้าให้นักการนำคนมาให้ข้า ข้าจะไต่สวนเอง”
“เจ้าค่ะ”
ถงลี่หยางนึกไม่ถึงว่าเรื่องจะกลายมาเป็นเช่นนี้
ภรรยาเขาไม่ได้เจอถงชุนนีและหลานสาวผู้นี้ แต่กลับถูกจับเข้าห้องขังไปแล้วหรอกหรือ?
เช่นนั้นหลายวันมานี้นางอยู่ในห้องขังงั้นหรือ?
ถงลี่หยางไม่กล้ามองหลานสาวผู้นี้ตรง ๆ เพราะมู่ซืออวี่ดูน่าเกรงขามเสียจนทำให้คนหายใจแทบไม่ออก
ไม่นานนัก คนมากมายกว่าสิบคนก็ถูกนักการนำตัวมา เขาสามารถมองเห็นหูโม่ลี่ในหมู่คนเหล่านั้นได้อย่างชัดเจน
มู่ซืออวี่ปรายตามองหูโม่ลี่ อีกฝ่ายจึงขยิบตาให้นาง
หลังจากมู่ซืออวี่เห็นเสื้อผ้าของหูโม่ลี่ นางก็แทบอดใจไม่ให้หัวเราะออกมาแทบไม่ไหว
หูโม่ลี่นำเสื้อผ้าดี ๆ ไปคลุกฝุ่นทั้งตัวเพื่อจะได้สมจริง สิ่งที่น่าขบขันที่สุดคือ เสื้อผ้าชุดนี้ไม่ใช่ชุดที่นางใส่ในวันที่เข้ามาในเมืองกับแม่เฒ่าซ่งด้วยซ้ำ
ส่วนแม่เฒ่าซ่งผมเผ้ายุ่งเหยิง ไม่หลงเหลือเรี่ยวแรงแม้แต่น้อย
นางลืมตาขึ้น เมื่อมองเห็นถงลี่หยางก็ดีอกดีใจ คิดจะวิ่งเข้าไปหาเขา “ตาเฒ่า…”
“หุบปาก” นักการชักดาบออกมา
แม่เฒ่าซ่งหยุดเท้าที่กำลังจะก้าวออกไป ยืนนิ่งค้างอยู่ตรงนั้น
“ฮูหยิน คนเหล่านี้คือคนที่แสร้งว่าเป็นญาติของท่านขอรับ” นักการเอ่ยขึ้นด้วยความเคารพ
แม่เฒ่าซ่งหันไปมองมู่ซืออวี่ที่นั่งอยู่ข้างบน ก็เห็นว่าวันนี้อีกฝ่ายแต่งกายราวกับฮูหยินขุนนางที่หลุดออกมาจากคณะแสดงละคร
หยิงชราขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความโกรธแค้น ทว่ามู่ซืออวี่ดูน่าเกรงขามมาก ราวกับว่าหากมองอีกครั้งจะต้องมีอันตราย แม่เฒ่าซ่งจึงหวาดกลัวเกินกว่าจะกล่าวคำใด