สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย - บทที่ 1141 ตอนพิเศษ (40)
บทที่ 1141 ตอนพิเศษ (40)
บทที่ 1141 ตอนพิเศษ (40)
“เจ้าเป็นแม่นางน้อยจากที่ใดกัน นึกไม่ถึงว่าจะกล้ามาทำตัวอันธพาลต่อหน้าข้า! คิดว่ามารดาผู้นี้รังแกง่ายนักหรือไง? หากกล้าแตะต้องเถาบวบกับต้นผลไม้ของข้าก็ลองดู มารดาจะสับเจ้า…”
เมื่อหลิวจิ่วจู๋ได้ยินคำก่นด่า ใบหน้าเล็กพลันเผือดสี
ครั้งแรกที่นางย้ายมาที่นี่ นางไปเยี่ยมเยือนเพื่อนบ้านทีละคน ทุกบ้านล้วนดูเหมือนพูดคุยด้วยง่าย เว้นเสียแต่บ้านที่อยู่ใกล้นางที่สุดซึ่งไม่มีผู้ใดอาศัย นางไม่เคยคิดเลยว่าบ้านหลังนี้จะจัดการได้ยาก อีกทั้งยังดูเหมือนจะไม่มีทางลงรอยกันเพียงนี้
“แม่นางน้อย แม่นางน้อย…” ประตูบ้านทางขวาเปิดออก หญิงสาวผู้หนึ่งโผล่หัวออกมาตะโกนพูดคุยกับหลิวจิ่วจู๋ “เจ้ากับป้าจางทะเลาะกันหรือ?”
หลิวจิ่วจู๋เอ่ยอย่างจนปัญญา “ท่านป้าผู้นั้นแซ่จางหรือเจ้าคะ? ข้ายังไม่มีโอกาสรู้จัก ไม่รู้ว่านางเป็นผู้ใด”
“นางแซ่จาง สามีนางแซ่หวัง เพียงแต่สามีนางด่วนจากไป นางเลี้ยงดูลูกชายจนเติบใหญ่มาเพียงลำพัง แม่ม่ายกับลูกกำพร้าอาศัยอยู่ที่นี่มากว่ายี่สิบปีแล้ว” จงซื่อกล่าว “นางนิสัยไม่ดี เจ้าอย่าไปสนใจนาง จริงสิ นางจะให้เจ้าชดใช้เงินใช่หรือไม่ อย่าได้หลงกลเชียว นางชอบเอารัดเอาเปรียบเป็นที่สุด มีอยู่ครั้งหนึ่งไก่ของนางหนีออกไป พี่ใหญ่หลี่บังเอิญกลับจากทำงาน ไก่ตัวนั้นล้มลงแทบเท้าเขาพอดี นางยืนกรานว่าพี่ใหญ่หลี่เหยียบไก่นางตายจึงให้พี่หลี่ชดใช้ค่าเสียหายสามสิบอีแปะ ยังมีอีกนะ…”
บลา ๆๆๆๆ
จงซื่อยิ่งพูดยิ่งเล่าออกรสออกชาติ นางหยิบเมล็ดแตงโมออกมาจากถุงเงิน หักมันใส่ปาก แล้วเล่าวีรกรรมแปลก ๆ ของจางซื่อตลอดหลายปีที่ผ่านมาให้หลิวจิ่วจู๋ฟัง
อันที่จริงแล้วหลิวจิ่วจู๋หาได้สนใจเรื่องเหล่านี้ไม่ ทว่ายิ่งจงซื่อเล่ามากขึ้นเท่าไหร่ อีกฝ่ายก็ยิ่งตื่นเต้นมากขึ้นเท่านั้น เมื่อเห็นว่ากำลังจะเล่าถึงตอนที่ลูกชายของจางซื่อฉี่ราดกางเกง หลิวจิ่วจู๋ก็แสร้งทำเป็นท้องไส้ปั่นป่วน อยากจะไปปลดทุกข์เสียหน่อย ถึงได้ขอตัวออกมาได้
“ฟู่!” หลิวจิ่วจู๋พรูลมหายใจออกมาเบา ๆ
ตัวเป่าวิ่งเข้ามาหา มันกระดิกหางไปมาอยู่ที่เท้าของนาง
ครั้งแรกที่ตัวเป่ามาที่นี่ มันหยิ่งเป็นอย่างมาก หลังจากคุ้นกับนางได้เพียงไม่กี่วัน มันก็ไม่ต้องโดนผูกเชือกด้วยซ้ำ ตัวเป่ากระดิกหางออดอ้อนหลิวจิ่วจู๋ เมื่อเห็นได้ว่าสัตว์ต่าง ๆ ล้วนมีชีวิตจิตใจเช่นกัน รู้เท่าทันสถานการณ์ หลิวจิ่วจู๋ก็พึมพำออกมา
“ตัวเป่า ข้าคิดถึงชิงซือแล้ว”
ตอนที่หยางชิงซือยังอยู่ ทุกอย่างล้วนดำเนินไปอย่างราบรื่น ทันทีที่นางจากไป วันนี้ก็เริ่มวุ่นวายแล้ว
ปัก! ปัก! ปัก!!
มีเสียงดังมาจากข้างบ้าน
นางเห็นเถาบวบที่เลื้อยขึ้นมาบนกำแพงถูกดึงกลับไป เห็นได้ชัดว่าผู้ที่ทำเรื่องนี้คือจางซื่อที่พึ่งก่อเรื่องเมื่อครู่
หลิวจิ่วจู๋เห็นเช่นนี้ก็ยิ่งแน่ใจว่าจางซื่อไม่ใช่คนที่ควรยุ่งด้วย
นอกจากนี้ที่นี่ยังมีปัญหาด้านการออกแบบ บ้านแต่ละหลังจะแบ่งกำแพงกันได้อย่างไร?
หากบ้านแต่ละหลังแยกจากกัน แต่ละหลังมีกำแพงเป็นของตัวเอง และมีระยะห่างประมาณหนึ่งระหว่างกัน ย่อมไม่เกิดปัญหาดังกล่าว
การทำความรู้จักเพื่อนบ้านครั้งแรกไม่น่าอภิรมย์เท่าใดนัก ทว่าหลิวจิ่วจู๋เป็นคนใจกว้างจึงสลัดเรื่องนี้ทิ้งไว้เบื้องหลังอย่างรวดเร็ว
หลังจากจัดการเรือนเป็นระเบียบเรียบร้อยแล้ว นางก็เริ่มสอบถามเรื่องภูเขาในละแวกนี้ เพื่อดูว่ามีเทือกเขาใดบ้างที่เหมาะให้นางไปเก็บสมุนไพร จากนั้นจึงเริ่มต้นกิจการ
อีกด้านหนึ่ง สุดท้ายลู่ฉาวจิ่งก็คุ้มกันกล่องไปยังจุดหมายปลายทางได้สำเร็จ
หัวหมู่จางเดินมาจากข้างนอกแล้วกล่าว “ดูเหมือนฝนกำลังตั้งเค้า”
“นายกองเซี่ยวบอกให้เรานำของมาส่งที่นี่ จากนั้นจะมีคนมารับช่วงต่อ แต่จนกระทั่งบัดนี้ยังไม่มีผู้ใดมา พี่จาง พี่หลี่ พวกท่านรู้หรือไม่ว่าผู้ใดจะมารับช่วงต่อ?” ลู่ฉาวจิ่งเอ่ย “พวกท่านติดตามนายกองมาเป็นเวลานาน ย่อมรู้มากกว่าข้า หากรู้จักผู้ที่จะรับผิดชอบผู้นั้น รบกวนพวกท่านสิ้นเปลืองสมองสักหน่อยเถอะ พวกเราจะได้ส่งต่อภารกิจให้เขา เช่นนี้พี่น้องจะได้หลับสบาย”
หัวหมู่จางกับนายร้อยหลี่มองหน้ากันไปมา ทั้งสองส่ายหน้าพร้อมเพรียงกัน
“เช่นนั้น ตอนนี้เรายังส่งของไม่ได้หรือ?” ลู่ฉาวจิ่งลำบากใจ “ข้าคิดว่าวันนี้จะได้นอนหลับฝันดีเสียอีก กล่าวอย่างไม่ปิดบัง เพราะต้องคุ้มกันกล่องพวกนี้มาตลอดทาง ข้าจึงไม่กล้าผ่อนคลายแม้เพียงชั่วขณะ ไม่ได้หลับลึกมานานแล้ว”
“เจ้าไม่ต้องเป็นห่วง” หัวหมู่จางนั่งลงข้าง ๆ “บางทีผู้ที่จะรับช่วงต่ออาจยังมาไม่ถึง พวกเราต้องรออยู่ที่นี่สักพัก เมื่อเขามาถึงแล้ว ย่อมมาหาพวกเรา”
“เช่นนั้นคืนนี้ก็ลำบากอีกหน่อย” ลู่ฉาวจิ่งเอ่ย “ได้ยินว่าเนื้อย่างของที่นี่เลิศรส ประเดี๋ยวข้าจะสั่งแกะสักตัวให้พี่น้อง ทุกคนจะได้ผ่อนคลายลงบ้าง”
“พรุ่งนี้ค่อยผ่อนคลายเถอะ วันนี้ยังคงคอยจับตาดูกล่องจะดีกว่า” หัวหมู่จางกล่าว “มาถึงขนาดนี้แล้ว อย่าปล่อยให้เกิดอะไรผิดพลาด ไม่เช่นนั้น หลายวันมานี้ที่เราทำงานหนักจะสูญเปล่าจริง ๆ”
ตกดึก มีเงาร่างสีดำร่างหนึ่งลอบเข้ามาในศาลาพักม้า
เงาร่างนั้นเข้าใกล้กล่องในรถม้า
ขณะที่เขากำลังเอื้อมมือออกไปหมายจะเปิดกล่อง ร่างหนึ่งก็กระโดดออกมา
ลู่ฉาวจิ่งกวัดแกว่งดาบในมือ ต่อสู้กับเงาร่างสีดำ
เวลานี้ฝนกำลังตกหนัก สายฝนสาดกระเซ็น การมองเห็นของทั้งสองต่างก็พร่าเบลอเพราะสายฝน
ฉึก! เงาร่างนั้นคิดจะหนี แต่กลับถูกลู่ฉาวจิ่งฟันเข้าที่แขนหนึ่งดาบ
คนผู้นั้นหลบได้ทันจึงหนีไปแล้ว
เขาหนีไปด้วยความอับอาย
“เกิดอะไรขึ้น?!” หัวหมู่จางและนายร้อยหลี่วิ่งออกมาจากข้างใน
“เมื่อครู่มีคนคิดจะแตะต้องกล่องของเรา” ลู่ฉาวจิ่งกล่าว “ทุกคนลองตรวจดูสักหน่อยว่าสภาพกล่องเป็นอย่างไรบ้างแล้ว”
หัวหมู่จางกับนายร้อยหลี่ตรวจดูกล่องแล้วเอ่ย “ยังอยู่ครบ โชคดีที่มีเจ้า น้องลู่”
“ไม่เป็นไร ใกล้เวลาฟ้าสางเต็มที วันนี้เราเกือบจะพลาดอีกแล้ว”
วันรุ่งขึ้น ผู้รับช่วงต่อก็มาถึง
ลู่ฉาวจิ่งกับคนอื่น ๆ ส่งกล่องให้กับคนผู้นั้น
หลังจากภารกิจเสร็จสิ้น ลู่ฉาวจิ่งก็พาทุกคนไปกินแกะย่างทั้งตัวตามที่บอก
“น้องลู่ เจ้าคิดว่าอะไรอยู่ในกล่องนั้นหรือ?” หัวหมู่จางเอ่ยถาม “พวกเราลำบากลำบนเดินทาง ท้ายที่สุดก็ทำภารกิจได้สำเร็จ เราเกือบตายกลางทางเพราะกล่องพวกนั้น แต่จนกระทั่งบัดนี้ พวกเรายังไม่รู้ว่าของข้างในกล่องเหล่านั้นเป็นอะไรเลย ไม่เช่นนั้น พวกเราไปดูที่เรือดีหรือไม่? ในเมื่อล้วนเป็นคนกันเอง คิดว่าคงไม่ถือสาเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่นนี้กระมัง”
“พี่จาง ขออภัย แต่ข้าอยากกลับบ้านแล้ว” ลู่ฉาวจิ่งเอ่ย “หน้าที่ของเราคือส่งกล่องให้คนที่มารับช่วงต่อ สิ่งที่เหลือไม่เกี่ยวอะไรกับเรา เรื่องที่นายกองไม่อนุญาตให้ทำ เราก็ไม่จำเป็นต้องทำ”
หัวหมู่จางกับนายร้อยหลี่ต่างมองหน้ากัน
“เจ้าเด็กคนนี้ อายุยังน้อยกลับนิ่งสุขุมยิ่งนัก”
“ได้ เช่นนั้นก็เตรียมกลับกันเถอะ!”
ลู่ฉาวจิ่งยกถ้วยชาขึ้นดื่ม
สายตาเขาแฝงความดูถูกเหยียดหยาม
คิดจะใช้แผนล่อลวงโจ่งแจ้งเช่นนี้กับเขา อีกฝ่ายคิดว่าเขาเป็นเด็กหนุ่มอายุสิบกว่าปีที่ไม่เคยเห็นโลกหรือไร?
การพบโจรม้าเหล่านั้นและอุปสรรคตลอดการเดินทางล้วนเป็นการทดสอบ เขาเพียงใช้ประโยชน์จากสถานการณ์ช่วยหัวหมู่จางเอาไว้
ส่วนกล่องเหล่านั้น ไม่จำเป็นต้องคาดเดาก็รู้ว่ามีอะไรอยู่ข้างใน มันจะเป็นอะไรไปได้นอกจากทองคำ!
ทองที่กลั่นแล้วส่งออกไปยังจะทำอะไรได้ นอกจากแลกเปลี่ยนเป็นเงิน! ส่วนเหตุที่ไม่ใช้ทองคำโดยตรง เป็นเพราะหากทองคำจำนวนมากโผล่มากะทันหันจะดึงดูดความสนใจอย่างแน่นอน จำต้องหาของที่สมเหตุสมผลจึงจะใช้ได้
ตอนนี้สิ่งที่ลู่ฉาวจิ่งต้องทำคือทำให้พวกเขาไว้วางใจ เขาจะได้มีส่วนร่วมในเรื่องที่เป็นความลับมากขึ้นและค้นหาว่าผู้ใดอยู่เบื้องหลัง นายกองเซี่ยวเพียงคนเดียวย่อมไม่อาจบงการทั้งหมดได้ จะต้องมีปลาใหญ่อยู่เบื้องหลังเขาอีกเป็นแน่
ร่างกายของคนสกุลลู่เกิดมาอย่างไร? ไม่ว่าสกุลลู่จะไปที่ใด ปัญหาและคลื่นใต้น้ำล้วนปรากฏขึ้นที่นั่น สวรรค์จะปล่อยให้สกุลลู่พักผ่อนไม่ได้เชียวหรือ? อย่างน้อยก็ให้เขาซึ่งเป็นลูกชายคนที่สี่ผู้นี้พักบ้างได้หรือไม่? เหนือเขายังมีพี่ชายพี่สาว ลู่ฉาวจิ่งเป็นคุณชายน้อย ไยได้รับมอบหมายภารกิจที่ยากลำบากเช่นนี้เล่า?!