สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย - บทที่ 1106 ตอนพิเศษ (10)
บทที่ 1106 ตอนพิเศษ (10)
บทที่ 1106 ตอนพิเศษ (10)
หลิวจิ่วจู๋ล้างเห็ดที่พึ่งเก็บมาแล้วฉีกมันเป็นเส้นบาง ๆ พักไว้เพื่อใช้ในภายหลัง
ที่บ้านมีเนื้อชิ้นเล็ก ๆ เหลืออยู่ นำมาใช้ทอดกับเห็ดได้พอดี
เมื่อเห็ดส่งกลิ่นหอมกรุ่นออกมาจากกระทะ หลิ่วจิ่วจู๋จึงตักมันใส่ถ้วย
ลู่ฉาวจิ่งยืนมองหลิวจิ่วจู๋ทำอาหารอยู่ไม่ไกล
แม่นางน้อยจดจ่อกับสิ่งที่นางกำลังทำเป็นอย่างมาก เส้นผมสองสามเส้นหล่นลงมาระแก้มขาวทำให้คันยุบยิบและไม่สะดวกอยู่เล็กน้อย
นางกำลังทำอาหาร ไม่อาจจัดการผมได้จึงทำได้เพียงส่ายหัวเบา ๆ พยายามสะบัดให้ผมไปอยู่ด้านหลัง
ลู่ฉาวจิ่งหยิบตะเกียบไม้ข้างตัวขึ้นมา จากนั้นก็รวบผมนางขึ้นแล้วใช้มันกลัดไว้
ขณะที่นิ้วเรียวไล่ผ่านเส้นผม หัวใจของหลิวจิ่วจู๋พลันสั่นไหว นางหันกลับไปมองเขา ดวงตาวาวน้ำคู่นั้นคล้ายกับบ่อน้ำแห่งหนึ่ง ทั้งอบอุ่นและสั่นไหวเป็นพิเศษ
ลู่ฉาวจิ่งเหลือบมองแพขนตาของหญิงสาว ขนตางอนยาวนั้นเป็นดั่งขนนก
“จะไหม้แล้ว” เสียงลู่ฉาวจิ่งเตือนจากข้าง ๆ
“อ๊า!” หลิวจิ่วจู๋ได้สติกลับมาอีกครั้ง “เจ้าอย่ามามีผลต่อข้านะ!”
นางรีบร้อนพลิกไข่ในกระทะ
ไข่ไหม้ไปเล็กน้อยแล้วแต่ก็ยังพอกินได้
ลู่ฉาวจิ่งมาถึงสกุลหลิ่วนานเพียงนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นอาหารเลิศหรู หลายวันมานี้ล้วนแต่กินอาหารหยาบ ๆ ด้วยตัวตนของเขา เขาควรจะไม่คุ้นชิน แต่ความจริงกลับไม่เป็นเช่นนั้น นึกไม่ถึงว่าอยู่ที่นี่เขาจะรู้สึกสบายใจจริง ๆ
“เสร็จแล้ว กินข้าวกันเถอะ!” หลิวจิ่วจู๋ส่งไข่ให้เขายกออกไป จากนั้นจึงยกกับข้าวสำหรับทั้งสองคนตามไปทีหลัง
ถึงแม้ว่าตอนไปตลาดจะซื้ออาหารมาไม่น้อย แต่หลิวจิ่วจู๋ก็ยังประหยัดเช่นเคย ไม่อาจกินข้าวได้ทุกวัน อันที่จริง แรกเริ่มหลิวจิ่วจู๋หุงข้าวให้ลู่ฉาวจิ่งกินเพียงคนเดียว หลังจากรู้ว่าลู่ฉาวจิ่งไม่ยอมกินข้าวคนเดียว นางจึงไม่ได้ทำอะไรเป็นพิเศษอีก เพียงแค่ทำอาหารแบบเดียวกันกินทั้งสองคน
“เท้าข้าไม่เจ็บแล้ว อีกประเดี๋ยวข้าจะขึ้นเขาไปเก็บสมุนไพร”
“ข้าจะไปกับเจ้า”
“เดินช้าลงหน่อยก็ไม่เป็นไร” ลู่ฉาวจิ่งกล่าว “นอกจากนี้ เท้าของเจ้าก็เจ็บเช่นกัน อย่างไรข้าก็ตามเจ้าทัน”
หลังจากนั้นวันต่อ ๆ มา ลู่ฉาวจิ่งจึงขึ้นเขาไปเก็บสมุนไพรพร้อมกับหลิวจิ่วจู๋อยู่เสมอ
เมื่อมีลู่ฉาวจิ่งร่วมทางไปด้วย หลิวจิ่วจู๋จึงมีความกล้ามากขึ้น สถานที่ที่ก่อนหน้านี้นางไม่กล้าไปตอนนี้ก็กล้าไปแล้ว ทุกวันล้วนกลับมาพร้อมกับสมุนไพรเต็มตะกร้า
“จิ่วจู๋ เกิดเรื่องใหญ่แล้ว พี่สะใภ้ของข้าคลอดยาก เจ้ารีบไปดูเร็วเข้า!” หยางชิงซือตะโกนบอกหลิวจิ่วจู๋
หลิวจิ่วจู๋กำลังตากสมุนไพร เมื่อได้ยินคำพูดของอีกฝ่ายจึงกล่าวขึ้น “ข้าจำได้ว่าบ้านเจ้าเชิญหมอตำแยมาให้พี่สะใภ้เจ้าแล้วนี่”
อย่างไรเสียหลิวจิ่วจู๋ก็เป็นแม่นางน้อยผู้หนึ่ง หลังจากท่านย่าหลิวจากไปก็ไม่มีผู้ใดมารักษากับนาง นับประสาอะไรกับจะให้นางทำคลอดให้ แน่นอนว่าเดิมทีหลิวจิ่วจู๋ก็เป็นเพียงมือสมัครเล่น นางเองยังไม่ถือว่าฝีมือเข้าขั้น
อย่างไรก็ตาม เมื่อกล่าวถึงการทำคลอด ถึงแม้นางจะยังเป็นเพียงสาวบริสุทธิ์ ทว่าก็มีความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง นางทำคลอดกับท่านย่ามาห้าปีแล้ว เด็กที่ได้รับการทำคลอดจากมือพวกนางอย่างน้อยก็มีหนึ่งร้อยคน
“พี่สะใภ้ข้าคลอดยาก ทั้งยังเสียเลือดไปมาก หมอตำแยผู้นั้นเห็นท่าไม่ดีก็วิ่งหนีไป ตอนนี้ครอบครัวข้าใกล้จะบ้าแล้ว จากนั้นข้าจึงคิดถึงเจ้าขึ้นมาได้ จิ่วจู๋ เจ้าช่วยรีบไปดูให้ข้าหน่อยเถอะ ข้าหาผู้อื่นไม่ได้แล้ว” หยางชิงซือคว้ามือหลิวจิ่วจู๋ไปกุม
มือของนางเย็นเฉียบ เสียงของนางสั่นเครือ เห็นได้ชัดว่าเห็นหลิวจิ่วจู๋เป็นฟางช่วยชีวิตเส้นสุดท้าย
“ถึงแม้ข้าจะไม่รู้ว่าจะช่วยได้หรือไม่ อย่างไรก็ไปดูเถอะ!” หลิวจิ่วจู๋กล่าว “ในห้องข้ามีล่วมยา นั่นเป็นของที่ท่านย่าทิ้งไว้ ก่อนหน้านี้ไปทำคลอดก็จะเอามันไปด้วย”
“ใช่ ข้าจะไปเอาให้” หยางชิงซือรีบวิ่งไปหยิบล่วมยามา
“ยามนี้หมอตำแยหนีไปได้อย่างไรกัน?” หลิวจิ่วจู๋เอ่ยถาม
“หมอตำแยผู้นั้นไม่เคยทำคลอดเอง เพียงแค่เห็นย่าเจ้าทำคลอดจากที่ไกล ๆ เพียงไม่กี่ครั้ง ตอนนี้ย่าเจ้าไม่อยู่แล้ว หมู่บ้านละแวกนี้ก็ไม่มีหมอตำแยคนอื่น นางเป็นคนทางครอบครัวฝั่งแม่ข้า แม่ข้าจึงยกหน้าที่ทำคลอดให้นาง จากที่ข้าดู เดิมทีนางก็ไม่รู้วิธีทำคลอดแม้แต่น้อย ถึงทำให้ชีวิตของท่านพี่สะใภ้ข้าตกอยู่ในอันตราย”
“ข้าคิดว่าหากหาท่านหมอมาเพิ่มอีกคนได้จะปลอดภัยยิ่งขึ้น” ลู่ฉาวจิ่งเอ่ย “การคลอดลูกเกี่ยวพันถึงความเป็นความตาย หากไม่ราบรื่น สถานการณ์ก็จะอยู่เหนือการควบคุม อย่างไรเจ้าก็ไม่ใช่ท่านหมอ หากมีอะไรผิดพลาด เจ้าย่อมไม่อาจรับผิดชอบผลที่ตามมาได้”
“พี่ใหญ่ลู่ ข้าก็รู้ว่าตอนนี้ควรไปหาท่านหมอมาสักคน ทว่าวันนั้นเราก็พูดแล้ว ที่นี่เดิมทีก็มีร้านยาเพียงร้านเดียว ที่นั่นมีท่านหมอคนเดียว ตอนนี้ร้านยาไม่มีแล้ว ท่านหมอก็ไม่อยู่แล้ว ท่านย่าหลิ่วหมอตำแยผู้เดียวที่อยู่ใกล้ ๆ ก็ลาโลกไปแล้ว ข้านึกถึงใครไม่ออกนอกจากจิ่วจู๋”
ด้วยเหตุนี้ ทั้งสามจึงรุดไปที่บ้านของหยางชิงซือ
ทุกคนในสกุลหยางต่างกำลังร้อนอกร้อนใจ
“จิ่วจู๋ ตอนนี้ต้องพึ่งเจ้าแล้ว” ซ่งซื่อมารดาของหยางชิงซือคว้ามือหลิวจิ่วจู๋เอาไว้ สีหน้าเป็นกังวลอย่างยิ่ง “จักต้องปกป้องเด็กเอาไว้…”
ลู่ฉาวจิ่งขมวดคิ้ว ดึงมือของหลิวจิ่วจู๋ออกจากมือซ่งซื่อ แล้วเอ่ยเสียงเรียบ “ท่านทำให้นางเจ็บแล้ว”
ซ่งซื่อสะท้านเฮือก นางรีบปล่อยหลิวจิ่วจู๋ทันที
หยางฟู่ที่อยู่ข้าง ๆ เป็นคนซื่อตรงผู้หนึ่ง เมื่อได้ยินคำพูดของซ่งซื่อจึงกล่าวแย้ง “ลูกสะใภ้กำลังคลอดยาก เจ้าจะกล่าวคำพูดไม่เป็นมงคลเช่นนี้ได้อย่างไร? ทั้งเด็กและผู้ใหญ่จะต้องปลอดภัย”
พี่ชายของหยางชิงซือก็พยักหน้า “ใช่แล้ว จู๋เอ๋อร์จะต้องไม่เป็นไร”
ซ่งซื่อกล่าว “ข้าทำเช่นนี้ไม่ใช่เพราะเผื่อ…”
“หากเกิดอะไรขึ้น รักษาพี่สะใภ้ข้าไว้” หยางชิงซือกล่าว “ลูกจากไปก็สามารถมาเกิดใหม่ได้ แต่หากพี่สะใภ้จากไปนั่นหามาแทนไม่ได้อีกแล้ว”
“ถุย ๆ! เจ้าถ่มน้ำลายออกมาเดี๋ยวนี้” ซ่งซื่อกล่าวด้วยความโมโห “เด็กใกล้จะคลอดแล้ว หลานชายข้ากำลังจะคลอดออกมา เจ้ากล่าวคำพูดอัปมงคลเช่นนี้ได้อย่างไร ถ่มน้ำลายออกมาเดี๋ยวนี้!”
หลิวจิ่วจู๋ไม่สนใจการทะเลาะวิวาทของสกุลหยาง นางเดินถือล่วมยาเข้าไปข้างทันที
“ชิงซือ เจ้าเข้ามาช่วยข้า” หลิวจิ่วจู๋ตะโกนออกมา
หยางชิงซือขานรับ “ได้ ข้าไปแล้ว”
ซ่งซื่อไม่ต้องการให้หยางชิงซือเข้าไปเกี่ยวข้อง อย่างไรเสียนางก็ยังไม่ออกเรือน หากเห็นภาพที่เต็มไปด้วยเลือดเช่นนั้น ภายหน้าไม่กล้าแต่งงานมีลูกจะทำอย่างไร?
อย่างไรก็ตาม หยางชิงซือได้เข้าไปแล้ว หากจะไปพานางออกมาคงไม่ดี
“เจ้าเด็กเหม็นโฉ่ผู้นี้ เหตุใดไม่เข้าใจอะไรเลย?” ซ่งซื่อพึมพำ
หยางฟู่เอ่ยกับลู่ฉาวจิ่งว่า “ขอบคุณยิ่ง ไม่รู้ควรเรียกเจ้าว่าอย่างไร?”
“ข้าแซ่ลู่ ท่านเรียกเพียงชื่อข้าก็พอแล้ว” ลู่ฉาวจิ่งกล่าวนิ่ง ๆ “ข้าชื่อลู่เจ๋อ”
“ลู่เจ๋อ วันนี้รบกวนเจ้าแล้ว” สิ้นคำ หยางฟู่ก็หันไปเอ่ยกับบุตรชายคนโตสกุลหยาง “เจ้าเข้าไปข้างในนำเก้าอี้ออกมาให้แขกนั่ง”
พี่ใหญ่หยางเดินไปได้หนึ่งกล่าวก็หันกลับมามองทางห้องคลอดเสียสามครั้งสามครา
ลู่ฉาวจิ่งนั่งลงอย่างผ่าเผย ไม่ลำบากใจแม้แต่น้อยที่ผู้อื่นยืนแต่ตนเองกลับนั่ง
“จิ่วจู๋ เป็นอย่างไรบ้าง?” ซ่งซื่อเอ่ยถาม “เด็กไม่เป็นไรกระมัง?”
ภายในห้อง หลิวจิ่วจู๋กำลังคิดหาทางปรับตำแหน่งของทารกในครรภ์พี่สะใภ้หยาง ถึงแม้จะได้ยินคำถามของซ่งซื่อ แต่กระทั่งแรงจะตอบนางยังไม่มีเสียด้วยซ้ำ
หยางชิงซือขมวดคิ้ว แล้วเอ่ยกับพี่สะใภ้หยาง “พี่สะใภ้ ท่านอย่าไปฟังท่านแม่ข้า ในสายตาข้า ท่านสำคัญกว่าเด็กในท้องมาก ข้าจะต้องช่วยท่านอย่างแน่นอน”
•