สามีข้าคือขุนนางใหญ่ - บทที่ 942 กล่องยาประหลาด
บทที่ 942 กล่องยาประหลาด
……….
หลังกลับเรือน สิ่งแรกที่กู้เจียวทำคือหยิบกล่องยาขนาดเล็กออกมา
นางให้เซียวเหิงไปอาบน้ำก่อน ส่วนตัวนางก็จ้องมองกล่องยาใบน้อย
“พูดมา!”
“เจ้าเล่นตุกติกใช่ไหม”
“ถุงยางมีรูใช่ไหม”
สายลมยามค่ำคืนพัดผ่าน กล่องยาขนาดเล็กเงียบสงัด
ไม่มีใครรู้ว่าเป็นเพราะพวกเขาทำสำเร็จในครั้งเดียว หรือกล่องยาตัวแสบมีช่องโหว่เรื่องการคุมกำเนิดกันแน่
…
หลังจากอาบน้ำเสร็จ เซียวเหิงกดนางไว้และบรรจงจูบอยู่พักหนึ่ง แต่มิได้เผด็จศึกถึงขั้นตอนสุดท้าย อดกลั้นฝืนทนให้นางไปนอนก่อน
อันที่จริงแล้ว มีสัญญาณเตือนว่านางท้องอยู่บ้าง สังเกตได้จากช่วงนี้นางอ่อนเพลียอยู่บ่อยครั้ง เขาเคยคิดว่าเป็นเพราะตนเองที่ร่างกายแข็งแรงจนทำให้นางเหนื่อยง่าย
“ที่แท้ก็ตั้งครรภ์นี่เอง”
“แต่ว่าข้าแข็งแรงจริงๆ นะ”
เซียวเหิงเฝ้ามองกู้เจียวที่ผล็อยหลับไปในอ้อมแขนของเขา เลิกคิ้ว ไล้แก้มของนาง บรรจงจูบนางอีกครั้ง จากนั้นดึงผ้าไหมบางมาคลุมให้นาง
เสียงดังเอะอะโวยวายก็ดังมาจากนอกลานบ้าน เสี่ยวจิ้งคงและซ่างกวานชิ่งกลับมาแล้ว
เซียวเหิงเหลือบมองกู้เจียว ลุกกจากเตียงอย่างเงียบๆ และเปิดประตูพลางเอ่ยกับเสี่ยวจิ้งคง “เจียวเจียวหลับไปแล้ว เจ้าไปอาบน้ำก่อนเถอะ”
ทันทีที่เขาได้ยินว่าเจียวเจียวนอนหลับแล้ว ซ่างกวานชิ่งก็ทำเสียงเงียบทันที และโบกมือเอ่ยกับซ่างกวานชิ่งอย่างไร้สียง “พี่ชิ่ง ไว้เจอกันนะ!”
ซ่างกวานชิ่งจับเสาไว้ด้วยความเหนื่อยล้า ไร้เรี่ยวแรงแม้แต่จะกระตุกริมฝีปาก เหอๆ ทางที่ดีอย่าเจอกันอีกเลย!
เสี่ยวจิ้งคงมีพลังเหลือล้นจนน่ากลัว ทั้งสองออกไปด้วยกัน ไม่ว่าจะเดินเที่ยวตลาด ซื้อของ ดูโคมไฟ และชมทะเลสาบ สิ่งที่พวกเขาทำนั้นเหมือนกันทุกประการ แม้จะอายุหกขวบแล้ว แต่เสี่ยวจิ้งคงก็ไม่เคยให้ซ่างกวานชิ่งอุ้มเขาเลย
ทว่าซ่างกวานชิ่งกำลังนอนลงอย่างเหนื่อยล้า แต่เสี่ยวจิ้งคงยังกระโดดโลดเต้นอยู่!
เขากระโดดขึ้นไปบนขั้นบันได โบกมือทักทายพี่เขยใจร้าย และเข้าเรือนเยี่ยมเยียนกู้เจียว
เมื่อเห็นว่านางหลับไปแล้วจริงๆ ก็แอบพยักหน้า พี่เขยตัวแสบไม่ได้โกหกเขา
“เหงื่อเหม็นทั้งตัว รีบไปอาบน้ำเสีย” เซียวเหิงเร่งเร้าเสียงทุ้มต่ำ
เสี่ยวจิ้งคงทำมือเท้าเอวและกระซิบ “เหงื่อข้าหอม! เหงื่อของเจ้าต่างหากที่เหม็น! พี่เขยตัวแสบ!”
เซียวเหิง เจ้าเณรน้อย ผ่านไปสามปีครึ่งแล้ว ยังหยิ่งผยองเหมือนเดิม รู้หรือไม่ว่าอีกไม่นานเจ้าก็จะเสียความโปรดปรานแล้ว
อวี้หยาเอ๋อร์ตักน้ำให้กับเสี่ยวจิ้งคง เขาเปลือยเปล่า และปีนเข้าถังไม้เพื่ออาบน้ำ
วันนี้เขามีความสุขมาก มิใช่เพียงเพราะไปเดินเที่ยวตลาดกับท่านพี่ชิ่ง แต่ก็เพราะพรุ่งนี้เป็นวันหยุดของกั๋วจื่อเจียน และเจียวเจียวตกลงที่จะพาเขาไปเที่ยวชานเมือง! แบบไม่ให้พี่เขยตัวแสบไปด้วย!
เขาอาบน้ำอยู่ดีๆ ก็ร้องเพลงในโรงอาบน้ำเล็กๆ ของเขา
ประตูปิดอยู่ จึงไม่ต้องกังวลว่าจะรบกวนกู้เจียว เพียงแต่สาวใช้และแม่เฒ่าที่เข้าเวรอยู่นอกประตูได้ยินเสียงทั้งหมด
ตอนแรกมีเพียงหนึ่งถึงสองคน และค่อยๆ มาเพิ่มสามสี่คน
เมื่อเซียวเหิงมาตรวจดูเขาอาบน้ำ บ่าวรับใช้ทั้งเรือนล้วนมารวมตัวกันที่นี่ ตั้งใจฟังเพลง ทั้งฟังและ หัวเราะไปด้วย
“โอ้ ท่านโหว!” อวี้หยาเอ๋อร์เห็นเซียวเหิงเป็นคนแรก
ทันทีที่นางเปล่งเสียง คนอื่นๆ ก็ทยอยกันหันกลับมา รีบโค้งคำนับด้วยความเคารพและหลีกทางให้
เซียวเหิงไม่ได้พูดอะไร เปิดประตูห้องแล้วเดินเข้าไป
เสี่ยวจิ้งคงยืนอยู่ในถังไม้ใบเล็กของเขา จัดท่าทางอย่างงดงาม และมองไปข้างหน้าอย่างลึกซึ้ง “…คุณชายข้าของข้าอยู่ที่แห่งหนใด…”
จากนั้นเขาก็เปลี่ยนมาร้องงิ้วทันทีและร้องชัดถ้อยชัดคำ “เพื่อช่วยชีวิตสามีจากบ้านเกิด…ใครจักคาดสอบติดจอหงวน…จอหงวน…สวมชุดคลุมสีแดง…หมวกปักดอกไม้สวยงาม…ช่างแปลกใหม่…โอ้…”
เซียวเหิงกระตุกมุมปาก เอ่ยอย่างเย็นชาและไร้ความปรานี “พรุ่งนี้เจียวเจียวไปเที่ยวชานเมืองกับเจ้าไม่ได้แล้ว”
เสียงร้องเพลงที่ล้างความทรงจำหยุดลงทันที
“เพราะเหตุอันใดรึ” เสี่ยวจิ้งคงหันกลับมาเอ่ยถามอย่างจริงจัง
เซียวเหิงสะบัดแขนเสื้อกว้าง เชิดคางตอบ “เจียวเจียวตั้งครรภ์แล้ว”
จากนี้ไป สถานะของเจ้าจะสั่นคลอนแล้ว!
“ราตรีสวัสดิ์!”
เซียวเหิงเอ่ยจบ เดินจากไปอย่างองอาจ
เสี่ยวจิ้งคงราวกับถูกสายฟ้าฟาดกลางวันแสกๆ ร่างเล็กๆ โอนเอนอยู่ในถังไม้
เขายื่นมือข้างหนึ่งไปด้านหน้า มืออีกข้างทาบอก ร้องเพลงด้วยน้ำเสียงโศกเศร้าและแฝงไปด้วยเสียงสะอื้น
“ชีวิตก็เหมือนดั่งมีดแกะสลักไร้ความปรานี….เปลี่ยนแปลงรูปโฉมของเรา…ยังไม่ทันเบ่งบานก็ต้องเหี่ยวเฉาแล้วหรือ…ข้าเคยมีความฝัน…”
…
ซ่างกวานชิ่งไปที่จวนองค์หญิง และได้ทราบข่าวว่ากู้เจียวตั้งครรภ์จากปากขององค์หญิงซิ่นหยาง เขาจึงค่อนข้างประหลาดใจ “เร็วขนาดนี้เลย…”
น้องชายตัวแสบกับสาวน้อยนั่น เพิ่งแต่งงานไม่ถึงสองเดือน
เสี่ยวอีอีนอนหลับสนิทแล้ว เซวียนผิงโหวกล่อมลูกสาวเสร็จ ก็ออกจากจวนไปปฏิบัติภารกิจพร้อมกับฉังจิ่ง
องค์หญิงซิ่นหยางเหลือบมองลูกชายของนางแล้วเอ่ย “เร็วหรือ เขาอายุยี่สิบ จะยี่สิบเอ็ดแล้ว”
“ยังเด็กอยู่” ซ่างกวานชิ่งพึมพำ
องค์หญิงซิ่นหยางเอ่ย “อย่าพูดถึงแต่น้องชายของเจ้าเลย พูดถึงเจ้าเถอะ เจ้าจะแต่งงานเมื่อใด แม่ของเจ้ามีแผนอะไรหรือไม่”
ซ่างกวานชิ่งถอนหายใจด้วยความโกรธแค้น “ท่านแม่ เหตุใดถึงพูดถึงเรื่องนี้อีก จะไม่พูดถึงเรื่องนี้แล้วมิใช่หรือ”
องค์หญิงซิ่นหยางเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “เมื่อก่อนไม่พูดถึง เพราะร่างกายของเจ้าไม่เอื้ออำนวย แต่งงานก็จะลำบากคนอื่น บัดนี้เจ้าหายดีแล้ว ไม่ต่างจากคนปกติทั่วไป ย่อมแต่งงานมีลูกเหมือนคนปกติได้แล้ว”
ซ่างกวานชิ่งไม่อยากแต่งงานเร็ว ยังอยากเที่ยวเล่นอีกสักสองสามปี
องค์หญิงซิ่นหยางเอ่ยต่อ “น้องชายเจ้าจะเป็นพ่อคนแล้ว แต่เจ้ายังไม่มีแม้แต่คู่ครองเลยด้วยซ้ำ ฉางจิ่งอายุน้อยกว่าเจ้าสองสามปี ยังรู้จักนำสินสอดมาหาคู่ครองที่เหมาะสมถึงเมืองหลวง แม่ไม่ได้บังคับให้เจ้าแต่งงานในทันที แต่หากเจ้ายินยอม แม่จะหาให้เจ้าก่อน”
มารดาของเขามีความตั้งใจเด็ดเดี่ยวเพียงนี้ เห็นทีจะปฏิเสธยากแล้ว
ซ่างกวานชิ่งทำทีอิดออด “แต่ท่านแม่ ข้ามาตรฐานสูงมาก”
“สูงแค่ไหน” องค์หญิงซิ่นหยางเอ่ยถาม
ซ่างกวานชิ่งแววตาสั่นระริก “ก่อนอื่น ต้องสวยเหมือนท่านและท่านแม่! จากนั้น ต้องอ่อนหวานเหมือนท่าน ต้องอารมณ์ขันเหมือนท่านแม่ และต้อง…มีความรู้ มีมารยาท! รู้หนังสือ! แต่งกาพย์กลอน… รู้ทุกอย่าง!”
เขาคิดหาข้ออ้าง “วิทยายุทธ! ใช่! ต้องมีวิทยายุทธ! ห้ามด้อยกว่าน้องสะใภ้เด็ดขาด! มิเช่นนั้นจะปกป้องข้าได้อย่างไร!”
องค์หญิงซิ่นหยาง “…”
…
ยามค่ำคืนอันเงียบสงัด ดวงจันทราส่องสว่างเต็มท้องฟ้า ดวงดาราระยิบระยับ
เสียงร้องเพลงของเสี่ยวจิ้งคงหยุดแล้ว และแทนที่ด้วยเสียงจักจั่นร้องระงม สองจวนที่อยู่ติดกันจมดิ่งสู่ห้วงนิทรา
อากาศร้อนอบอ้าว กู้เจียวเหงื่อท่วมตัว
นางกำลังตั้งครรภ์ เซียวเหิงจึงไม่กล้าวางน้ำแข็งไว้ในห้องมากนัก กลัวว่านางจะล้มป่วย
เซียวเหิงหยิบพัดมา นอนลงข้างกายนาง และค่อยๆ พัดให้นาง
เมื่อมือซ้ายเมื่อยก็เปลี่ยนเป็นมือขวา เมื่อมือขวาเมื่อยก็เปลี่ยนกลับมาที่มือซ้าย
พัดไปพัดมา แขนทั้งสองข้างชาไปหมด เปลือกตาก็หนักอึ้ง
ในที่สุด หลังจากพัดหลุดมืออีกครั้ง เขาหลับตาและนอนหลับสนิท
ท้องฟ้ามืดมิด เสียงจักจั่นบนต้นไม้ผสมกับเสียงกบร้องจากสระบัว ดังก้องไปทั่วในยามค่ำคืน
เปลวเทียนสลัวส่องไปยังกล่องยาเล็กๆ ที่อยู่ด้านข้าง
เมื่อเทียบกับสภาพเก่าโทรมในยามแรก บัดนี้ได้รับการซ่อมแซมจนดูใหม่ขึ้นไม่น้อย แม้จะไม่ถึงขั้นวิบวับอร่ามตา แต่ตัวหีบไม้สีน้ำตาลก็ทำให้มันดูเข้ากับยุคสมัยมากขึ้น
ทันใดนั้น เงาดำก็แวบผ่านหน้าต่าง
ตามมาด้วยเสียงไขประตูห้องด้วยกริช
ประตูไม้ของห้องใหม่ไม่มีเสียงดังเอี๊ยดอ๊าด เปิดประตูจึงไม่ได้ยินเสียงใดเลย
เงาที่สวมหน้ากากและแต่งกายเป็นสาวใช้แอบเข้ามา
นางเหลือบมองเตียงที่มีม่านคลุมอย่างระแวดระวัง เมื่อแน่ใจแล้วว่าคนทั้งสองคนไม่มีใครตื่น จึงค่อยๆ ย่องไปหาสิ่งของในห้องอย่างเงียบๆ
เริ่มจากตู้ ตามด้วยกล่อง และแม้กระทั่งชั้นวางของ
แต่ทันทีที่นางหันหลังกลับ นางก็ตกใจ
ราวกับไม่คาดคิดว่าสิ่งที่นางต้องการหาจะอยู่บนโต๊ะ ทำให้สูญเสียเวลาค้นหาเป็นเวลานาน
นางเดินไปที่โต๊ะ มองดูกล่องยาด้วยความละโมบ พยายามใช้มือแงะออก แต่เปิดไม่ออก จึงใช้มีดงัด
แต่พองัดไม่ออก นางก็โค้งริมฝีปากยิ้ม
คือเจ้านี่แหละ!
นางเก็บกริชให้เรียบร้อย กางแขนยกกล่องยาขนาดเล็ก
แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น
นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย เหตุใดถึงยกไม่ขึ้น กล่องยาเหนียวติดกับสิ่งใดอยู่หรือไม่
ทว่าไม่นานนางก็คิดบางสิ่งออก แม้กล่องยาจะติดอยู่ แต่โต๊ะไม่ติดสักหน่อย
ด้วยพละกำลังและวิทยายุทธของนาง ยกทั้งสองอย่างขึ้นพร้อมกันก็มิใช่เรื่องยาก
นางจึงลองอีกหลายหน แต่กลับไม่มีวี่แววว่าโต๊ะจะขยับเลย
ฉะนั้น เพราะหีบนี้หนักมากจริงๆ นางจึงยกไม่ขึ้นใช่หรือไม่
ไม่ได้! มาก็มาแล้ว!
ยกไม่ขึ้นก็ต้องยก!
นางสูดหายใจเข้าลึกๆ ลงที่ท้องน้อย รวบรวมกำลังภายในเกือบทั้งหมดส่งไปยังแขนทั้งสอง แขนที่เคยแข็งแรงอยู่แล้วก็ปูดโปนขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด ราวกับจะระเบิดแขนเสื้อออกได้ทุกเมื่อ
นางกัดฟันแน่น ร้องตะโกนในใจ
หนนี้ ในที่สุดนางก็ยกกล่องยาขึ้นมาได้สำเร็จ!
อันที่จริงแล้ว แค่ยากช่วงยกขึ้น แต่เมื่ออยู่ในมือกลับมิได้หนักเท่าใดนัก
นางยิ้มเยาะ หอบกล่องยาแล้วพุ่งออกจากห้องไป!
และเมื่อนางลับตาไปในความมืดมิด เซียวเหิงที่นอนอยู่ในม่านก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้น
ดวงตาของเขาเบิกกว้าง ไร้ซึ่งความง่วงงุน