สามีข้าคือขุนนางใหญ่ - บทที่ 940 พลิกฟ้าเปลี่ยนชะตา
บทที่ 940 พลิกฟ้าเปลี่ยนชะตา
……….
กู้เจียวพยักหน้า “ไม่ผิดแน่ น่าจะเป็นหลงอี หลงอีต้องไปที่เจี้ยนหลูแน่ นอกจากเขา ก็คิดไม่ออกว่าผู้ใดจะมีฝีมือเพียงนี้ได้”
“อะแฮ่มๆ !”
เซียวจี่กระแอมเสียงดังสองที
ทั้งสามหันมามองเขาพร้อมกัน
เซียวเหิงหมดคำพูด “ท่านพ่อ มิใช่เวลาจะมาเสแสร้ง”
กู้เจียวลูบคางอันเรียวเล็กพลางเอ่ย “หลงอีกับพวกเจ้าไปที่เกาะเจี้ยนหลูหลังเริ่มฤดูใบไม้ผลิ ส่วนเซวียนหยวนฉีกับนายน้อยเจี้ยนหลูเพิ่งจากไปพร้อมกับกระบี่ประจำสำนักเมื่อเดือนที่แล้ว ดูแล้วมีวิธีอื่นในการขึ้นเกาะเจี้ยนหลูได้จริงๆ ด้วย”
ฉังจิ่งยืนยันการคาดเดาของนาง “ใช่ ทางเข้าเกาะเจี้ยนหลูมีกับดักจำนวนมาก แต่พวกข้ารู้เส้นทางลับ ไม่รู้ว่าหลงอีขึ้นไปได้อย่างไร เข้าผ่านเส้นทางลับด้วยหรือไม่”
เซียวจี่เลิกคิ้ว “ยังไม่แน่ใจเลยว่าใช่หลงอีหรือไม่”
ปากเอ่ยเช่นนั้น แต่ในใจกลับรู้ดีแก่ใจ หากเจี้ยนหลูถูกฆ่าล้างทั้งสำนักด้วยคนคนเดียว คนผู้นั้นคงหนีไม่พ้นหลิงอี
กู้เจียวขมวดคิ้วด้วยความสงสัย “ทว่าเหตุใดหลงอีถึงฆ่าล้างเจี้ยนหลู เขาเองก็เป็นคนของเจี้ยนหลู เขาอาฆาตแค้นเจี้ยนหลูอะไรนักหนา”
เซียวเหิงหยุดชะงักครู่หนึ่ง คาดเดา “ครั้นนั้นเขาทำภารกิจที่เจี้ยนหลูมอบหมายให้ไม่สำเร็จ บางทีเจี้ยนหลูอาจคิดกำจัดเขาอยู่แล้ว จึงชิงลงมือกับเขาก่อน”
กู้เจียวพยักหน้าอย่างครุ่นคิด “มีเหตุผล แต่ข้ายังไม่เข้าใจว่าเหตุใดหลงอีถึงล้มเลิกภารกิจของตนในยามนั้น เขาตัดสินใจไม่ฆ่าเซวียนหยวนฉีเอย่างกะทันหัน ช่างแปลกนัก”
เซียวเหิงถอนหายใจ “เรื่องนี้ คงต้องรอจนหลงอีกลับมาถึงจะรู้ความจริง หวังว่าเขาจะฟื้นความจำแล้วนะ”
กู้เจียว “อืม”
เซียวเหิงกุมมือของกู้เจียว ยกภูเขาออกจากอก “ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ในเมื่อเจี้ยนหลูถูกฆ่าล้างจนสิ้นแล้ว ภัยอันตรายของเจ้าก็หมดไปแล้ว”
“ภัยอันตรายอะไรหรือ” ฉังจิ่งรู้สึกงุนงง มองไปที่กู้เจียว “มีคนจากเจี้ยนหลูต้องการฆ่าเจ้ารึ”
เรื่องนี้พูดแล้วยาว กู้เจียวครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนเอ่ย “ก็ประมาณนั้นแหละ”
กู้เจียวคือผู้บัญชาการกองทหารม้าเฮยเฟิงแห่งตระกูลเซวียนหยวน จึงกลายเป็นศัตรูคู่แค้นกับฝั่งเจี้ยนหลู ไม่แปลกใจที่คนของเจี้ยนหลูจะอยากฆ่านาง
เอ่ยถึงตรงนี้ ฉังจิ่งไม่สงสัยอะไรอีกแล้ว เขาเอ่ย “เจ้าอย่ากังวลไป โอ้ ไม่ใช่แล้ว พวกเจ้าพูดว่าเจี้ยนหลูยังเหลือนายน้อย อ้อ ไม่เป็นไร เขาถูกวางยาพิษปีศาจบนเกาะ พอเขากลับไปก็จะพบว่าหมอแก้พิษได้ตายไปแล้ว แม้เขาจะรอดชีวิต แต่วิทยายุทธคงสูญสิ้นไปหมดเสียแล้ว”
กู้เจียวเอ่ยถาม “ลืมถามไปว่า เขาคือนายน้อย เหตุใดถึงถูกวางยา”
เซียวเหิงวิเคราะห์ “ข้าคาดเดาว่าเกิดความขัดแย้งภายใน ฮูหยินเจ้าเกาะไม่ชอบลูกนอกคอกอยากให้หลานชายของนางขึ้นเป็นนายน้อย เขาจึงออกอุบาย ล่อเขาออกจากเกาะ ทว่าดูแล้ว ในความโชคร้ายเขายังมีความโชคดี รอดพ้นจากคมดาบของหลงอี”
ฉังจิ่งพยักหน้า “ใช่ เจ้าเกาะและฮูหยินเจ้าเกาะตายไปแล้ว หลานชายก็ตายแล้วด้วย”
ดูเหมือนทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในฝัน จะเปลี่ยนแปลงหลงอีได้จริงๆ
หลงอีช่างเป็นคนดีเหลือเกิน!
หากเขาอยากแตกหักกับนางต่อ นางก็จะไม่ขัดขืน
กู้เจียวหันมองเซียวเหิง “ผ่านมาหลายเดือนแล้วตั้งแต่เริ่มฤดูใบไม้ผลิ หลงอีไปไหนกัน เขาจะกลับมาอีกหรือไม่
เซียวเหิงส่ายศีรษะ “ไม่รู้”
เมื่อซื่อเทียนฟื้นความจำของตน ไม่มีใครรับประกันได้ว่าเขาจะเลือกใช้ชีวิตเช่นไรในอนาคต
สำหรับเขา ช่วงเวลาที่เป็นหลงอีหมายความว่าอย่างไร คืออดีตอันสวยงามที่ควรค่าแก่การจดจำ หรือพยายามลบล้างประสบการณ์ที่น่าอับอายทิ้งเสีย”
…
เมื่อเดินออกมาจากห้องหนังสือ เซียวจี่เห็นท่านลุงหลีที่กำลังสั่งการให้คนรับใช้ขนสินสอด
เซียวจี่พอจะจดจำเขาได้ ยามที่เขาและฉังจิ่งเพิ่งมาถึงเกาะอั้นเย่ ก็เป็นคนผู้นี้ที่มาต้อนรับ
ท่านลุงหลีชื่อเต็มว่าหลีเจียงผิง ดำรงตำแหน่งผู้อาวุโสในสำนักอั้นเย่ เซียวจี่เรียกเขาด้วยความสุภาพว่า ผู้อาวุโสหลี
“ท่านโหวเซียว” หลีเจียงผิงยิ้มและโค้งคำนับเขา
หลีเจียงผิงอยู่ในสำนักอั้นเย่มาหลายปี ได้รับความไว้วางใจจากฉังคุนอย่างยิ่ง นอกจากเขาจะมีวิทยายุทธเก่งกาจและจงรักภักดีแล้ว ยังมีความละเอียดอ่อน เป็นยอดฝีมือที่หาได้ยาก
และสิ่งที่สำคัญกว่าคือ เขารักฉังจิ่งมาก
ฉังจิ่งเหลือบมองท่านลุงหลี พลางเอ่ยกับเซียวจี่ “ครั้งนี้ต้องขอบคุณท่านลุงหลีที่พูดแทนข้า มิเช่นนั้นพ่อข้าก็คงไม่ตกลงให้แต่งงาน”
เซียวจี่โกรธจัด “ไม่มีงานแต่งตั้งแต่แรกอยู่แล้ว!”
ฉังจิ่งรู้สึกค่อนข้างน้อยใจ “ข้าหมายความว่า หาข้ออ้างออกมาพบท่าน…อีกอย่าง ท่านติดลูกแก้วข้าอยู่หลายกล่อง”
เซียวจี่เนื้อตัวสั่นเทา สิ่งนี้คือจุดประสงค์แท้จริงที่เจ้าออกจากเกาะล่ะสิ!
เขาไม่อยากเจอไอ้หมอนี่แล้ว เขาทำมือไขว้หลัง เดินจากไปด้วยความโกรธ
เขาคิดบางอย่างออก ก็หันกลับกำชับอย่างเคร่งขรึม “ห้ามให้อีอีเล่นลูกแก้ว! อันตรายมาก!”
ฉังจิ่งตอบ “องค์หญิงกำชับแล้ว ของชิ้นเล็กก็ห้ามให้นางเล่น”
เซียวจี่กำหมัดแน่น เจ้ากับฉินเฟิงหวั่นสนิทสนมกันจริงๆ ด้วย! ข้าคิดว่าเจ้าคงอยากขึ้นสวรรค์แล้วสินะ!”
หลีเจียงผิงยิ้มแห้งและมองเซียวจี่ “ท่านโหว… ท่านดูนี่…”
เซียวจี่เอ่ยเสียงราบเรียบ “ความจริงเจ้าก็รู้แล้ว เขาแค่ออกมาเที่ยวเตร่ เอาสินสอดกลับไปซะ ข้าไม่ดองญาติกับเกาะอั้นเย่”
หลี่เจียงผิงรีบเอ่ย “ท่านโหวเสียว อย่าเพิ่งรีบปฏิเสธไปเลย”
เซียวจี่เค้นเสียงด้วยความไม่พอใจ “ทำไม ลูกสาวข้าเพิ่งแปดเดือน พวกเจ้าคิดว่าข้าจะยอมให้ลูกสาวออกเรือนจริงๆ อย่างนั้นหรือ”
หลีเจียงผิงโบกมืออย่างรวดเร็ว และเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ไม่ มิได้หมายความอย่างนั้น เรื่องจริงคือนายน้อย เขาเพื่อมาพบท่าน จึงจำต้องฝืนใจออกอุบายเช่นนี้ ในใจเขาเคารพท่านเหมือนพ่อแท้ๆ หากเจ้าสำนักรู้ว่าเขาโกหกไปทั่ว ต้องลงโทษเขาสถานหนักเป็นแน่ ข้ามีทางออกที่ไม่ทำให้ท่านโหวลำบากใจ และช่วยให้นายน้อยรอดพ้นจากการถูกลงโทษได้…”
“วิธีใด” เซียวจี่เอ่ยถาม
หลีเจียงผิงเสนอความคิดในใจ “ท่านโหวเลือกสาวที่ดูดีจากเมืองหลวงมาเป็นลูกบุญธรรม และให้นางออกเรือนไปที่เกาะอั้นเย่ ท่านคิดเห็นอย่างไรบ้าง”
อืม เจียวเจียวก็เป็นลูกบุญธรรมของอันกั๋วกง นางแต่งงานกับอาเหิงในฐานะธิดาของอันกั๋วกง
เซียวจี่คิดว่าวิธีนี้หลักแหลมไม่เบา
“ท่านเห็นด้วยหรือไม่” เขาเอ่ยถามฉังจิ่ง
ฉังจิ่งตอบ “หากท่านหาคนที่ข้าชอบได้ ผมก็ยินยอม”
เซียวจี่จึงถามเขา “แล้วเจ้าชอบแบบใด”
ฉังจิ่งครุ่นคิดอยู่นานถึงตอบ “แบบองค์หญิง…”
เซียวจี่ออกหมัด บนศีรษะของฉังจิ่งมีรอยปูดขนาดใหญ่
…
แผนการของหลี่เจียงผิงชาญฉลาดนัก เซียวจี่ให้เขาและลูกศิษย์ของเก่าอั้นเย่พักค้างคืนชั่วคราวในจวนโหว
สินสอดถูกเก็บไว้ในห้องเก็บของก่อน ส่วนกุญแจนั้นถูกส่งมอบให้หลีเจียงผิงเก็บรักษาเอาไว้
เซียวจี่แสดงท่าทีที่ชัดเจนมาก ของเหล่านี้ยังเป็นของเกาะอั้นเย่ เขาริบไว้
เมื่อหลี่เจียงผิงจัดแจงให้ลูกศิษย์ขนสินสอดก็เกิดอุบัติเหตุเล็กน้อย มือของเขาถูกตะปูขึ้นสนิมทิ่มแทงจนแทบทะลุฝ่ามือ
เมื่อข่าวลือมาถึงจวนองค์หญิง ทั้งเรือนกำลังเตรียมกินอาหารมื้อค่ำ
กู้เจียวลุกขึ้นเอ่ยกับองค์หญิงซิ่นหยาง เซียวจี่ เซียวเหิง และฉังจิ่ง “พวกท่านกิกันก่อน ข้าจะออกไปดูสักหน่อย”
“ข้าไปด้วย” เซียวเหิงวางตะเกียบลง “ต้องเอาหีบยาไปด้วยหรือไม่”
“เอา” กู้เจียวตอบ
“เจ้ารอข้าอยู่ที่นี่” เซียวเหิงไปหยิบหีบยาที่เรือนหลันถิง มุ่งหน้าไปจวนโหวพร้อมกับกู้เจียวและฉังจิ่ง
นอกห้องเก็บของ หลี่เจียงผิงนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวเล็ก มือซ้ายที่ได้รับบาดเจ็บถูกลูกศิษย์ของสำนักอั้นเย่พันแผลด้วยผ้าเช็ดหน้า
“ดูหน่อย” กู้เจียวเอ่ยกับเขา
หลีเจียงผิงมองกู้เจียวด้วยความประหลาดใจ แล้วหันมองฉังจิ่ง
ฉังจิ่งเอ่ย “ฮูหยินน้อยเป็นหมอ”
หลีเจียงผิงเข้าใจทันที “โอ้ เป็นเช่นนี้นี่เอง”
ทว่าอาจด้วยความแตกต่างระหว่างชายกับหญิง รอยยิ้มเขาจึงดูเขินอาย และเอ่ยด้วยความลำบากใจ “ถ้า…ถ้าอย่างนั้นแล้วต้องรบกวนฮูหยินน้อยแล้ว”
เซียวเหิงสั่งให้คนเอาโต๊ะมาวาง และวางยาหีบเล็กลง
กู้เจียวเปิดยาหีบเล็ก แล้วหยิบน้ำเกลือมาล้างแผลให้กับเขา
“เอาตะปูมาให้ข้าดูหน่อย” เขาเอ่ยกับลูกศิษย์สำนักอั้นเย่
ลูกศิษย์สำนักอั้นเย่ที่อยู่ด้านข้างเดินมา ยื่นตะปูเปื้อนเลือดที่ห่อด้วยผ้าสะอาดให้กับกู้เจียว
กู้เจียวขมวดคิ้ว “นี่มันตะปูขึ้นสนิมจริงๆ ด้วย…”
ดูเหมือนจะต้องฉีดยาป้องกันบาดทะยักเสียแล้ว
กู้เจียวหาของในหีบยา มีของอยู่บ้าง แต่มิใช่ยาแก้พิษบาดทะยัก ต้องทดสอบใต้ผิวหนังก่อน
“อดทนหน่อย” กู้เจียวเอ่ยกับเลี่ยงเจียงผิง
หลีเจียงผิงมองหีบยาของกู้เจียวด้วยความสงสัย “ได้ ได้ ว่าแต่ฮูหยินน้อย นี่คือมีวิธีรักษาแบบใดหรือ ข้าไม่เคยเห็นมาก่อน”
กู้เจียวตอบ “เป็นวิธีที่อาจารย์ของข้าคิดขึ้นมา ไม่สะดวกที่จะเปิดเผย”
หลีเจียงผิงยิ้ม รู้ดีว่าไม่ควรซักไซ้ต่อ จึงเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “อาจารย์ของฮูหยินน้อยคงเป็นยอดฝีมือผู้รักสันโดษเป็นแน่ ที่เจ้าเกาะรุ่นแรกของเกาะอั้นเย่พวกข้าก็เคยยอดฝีมือมาก่อน”
“ฉังจิ่ง” เซียวเหิงเรียกฉังจิ่ง
ฉังจิ่งเข้าใจความหมาย เอ่ยกับลูกศิษย์ของสำนักอั้นเย่ “พวกเจ้าถอยออกไปก่อน ประเดี๋ยวค่อยเรียกพวกเจ้าอีกที”
“ขอครับ”
ทุกคนถอยออกไป
กู้เจียวจึงหยิบเข็มฉีดยาออกมา ฉีดทดสอบใต้ผิวหนัง หลีเจียงผิงเจ็บจนเผยใบหน้าอันน่าขบขันขึ้นมา
หนึ่งชั่วยามต่อมา ไม่มีอาการแพ้อันใด
กู้เจียวฉีดยาบาดทะยักให้กับเขา
หลีเจียงผิงเผยใบหน้าอันน่าขบขันอีกครั้ง
ฉังจิ่งเอ่ยกับหลีเจียงผิง “ท่านลุงหลี วิชาแพทย์ของฮูหยินน้อย เจ้ารู้ไว้ก็พอ ไม่ต้องบอกต่อ”
หลีเจียงผิงเช็ดเหงื่อเย็นที่เจ็บปวดจนออกหน้าผาก พลางเอ่ย “คนไม่ผิด ผิดที่ครองหยก ข้ารู้แล้ว วางใจเถอะ”
ฉังจิ่งอยู่ดูแลหลีเจียงผิง สองสามีภรรยากลับจวนองค์หญิง
กู้เจียวเพิ่งนั่งลงก็เห็นยาหนึ่งชามวางอยู่ตรงหน้านาง
องค์หญิงซิ่นหยางเอ่ยเสียงราบเรียบ “ยาเพิ่งเคี่ยวเสร็จ เจ้าดื่มยาก่อนเถิด ข้าถามหมอหลวงแล้ว ยานี้กินก่อนอาหารจะได้ผลดีกว่า”
กู้เจียวถอนหายใจแทนนางอย่างเงียบๆ
วิธีใดก็ไร้ประโยชน์ เพราะเสี่ยวเถาเถาแข็งแกร่งยิ่งนัก
เซียวเหิงมองยาน้ำสีดำสนิท คาดเดาได้ไม่ยากว่าจะขมเพียงใด เขาโน้มตัวกระซิบข้างหูกู้เจียว “ไม่ดื่มจะดีกว่าหรือไม่”
“ไม่เป็นไร” นางกลืนน้ำยาขมปี้จนแทบอาเจียนออกมา “ยาของวันนี้ขมมาก”
องค์หญิงซิ่นหยางรู้สึกประหลาดใจ “ขมหรือ ไม่เหมือนกับของเมื่อวานนี้หรอกหรือ”
เซียวเหิงทนเห็นภรรยาสุดที่รักทนทุกข์ทรมานกับยาขมต่อไปไม่ไหว จึงตัดสินใจบอกความจริงกับแม่ของเขา “ท่านแม่ จริงๆ แล้วยามนี้พวกข้ามิได้ตั้งใจจะ…”
จานขาหมูตุ๋นน้ำแดงเงาแวววาววางอยู่ตรงหน้ากู้เจียว กลิ่นหอมเย้ายวนชวนน้ำลายสอ
ข้างในใส่พริกดองที่กู้เจียวชื่นชอบมากที่สุดเอาไว้
แต่ทว่ากู้เจียวแค่ดมกลิ่นก็รู้สึกคลื่นไส้ หันขวับไปอาเจียนทันที