สามีข้าคือขุนนางใหญ่ - บทที่ 1008 มาร์แชล ไม่ได้พบกันนานเลยนะ
บทที่ 1008 มาร์แชล ไม่ได้พบกันนานเลยนะ
……….
ริมฝีปากของเธออ่อนนุ่มอย่างเหลือเชื่อ เดิมเขาแค่คิดชิมแตะผะแผ่วเท่านั้น ไหนเลยจะรู้พอได้ชิมแล้วกลับหยุดไม่อยู่
กู้เจียวตื่นเพราะจูบของเขา เธอส่งเสียงอืมอย่างสะลึมสะลือ
การปลุกปั่นโดยไม่ได้ตั้งใจทำเอาเกือบตาย เขาเกือบแพ้ราบคาบเพราะเสียงครางของเธอ
เขาปล่อยเธออย่างไม่เต็มใจนัก แผ่นอกกระเพื่อมขึ้นลงรุนแรง ลมหายใจกระชั้น หากไม่ใช่เพราะแสงในแคปซูลสลัวเกินไป หากมิใช่เพราะกู้เจียวเมาหนักเกินไป คงจะเห็นใบหน้าแดงก่ำของเขา
กู้เจียวดวงตาเมาเยิ้มมองใบหน้าหล่อเหลาที่อยู่ใกล้ๆ ยกนิ้วเรียวสวยบีบแก้มร้อนผ่าวของเขา พลางเอ่ยด้วยความเมามาย “เอ๋ ทำไมฉันถึงฝันถึงเรื่องนี้ได้”
เธอบีบอีก บีบอีก และบีบอีก
เขาปล่อยให้มือน้อยๆ ขยำขยี้ใบหน้าตัวเองไปมา ใจกลับมานิ่งสงบอีกครั้ง
เธอเมา เขาไม่ควรเอาเปรียบเธอในสถานการณ์แบบนี้จริงๆ
เขาจึงกะจะนอนหงายกลับไปคืน ใครจะคิดว่ากู้เจียวจะดึงคอเสื้อเขาไว้ จ้องมองเขาอย่างเอาจริงเอาจัง
เขาไม่รู้เธอจะทำอะไร จึงต้องปล่อยให้เธอดึงไว้
เธอเมาขนาดนี้ ตามหลักแล้วน่าจะหลับไปแล้ว ดันยังลืมตากลมโตมองเขาอย่างจริงจัง ราวกับกำลังแยกแยะความจริงกับความฝัน
“มะ…ไม่ได้ฝัน…” เธอเอ่ยด้วยความตกใจ “คุณ…ขโมยจูบฉัน”
เขาเอ่ยโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า “นี่มันแคปซูลของฉัน เธอเข้ามานอนเอง”
กู้เจียวกะพริบตาปริบๆ ฤทธิ์แอลกอฮอล์ยังตกค้างอยู่ สมองเธออื้ออึง ยังไม่รู้สึกว่าตรรกะนี้มันแปลกที่ตรงไหน
เดี๋ยวนะ ไม่ถูกสิ
เธอตีหน้าเคร่งเอ่ย “ไม่ได้มีแค่แคปซูลเดียวเสียหน่อย”
เขาเอ่ย “ฉันติดเตียงนี้”
กู้เจียวที่ไร้ประสบการณ์โดนเขาหลอกโดยสมบูรณ์ “ถ้างั้น…เหมือนว่าฉันจะผิดน่ะสิ งะ…งั้น…เมื่อกี้คงไม่ใช่ว่าฉันเป็นฝ่าย…”
เขาแสร้งวางท่าจริงจังมองนาง “เพิ่งจะบอกว่าชอบฉัน ไม่ทันไรก็เข้ามานอนในแคปซูลของฉันแล้ว เธอคิดว่าไงล่ะ”
กู้เจียวหลบตาลง สองมือที่คว้าคอเสื้อเขาไว้เปลี่ยนเป็นนิ้วน้อยๆ แค่สี่นิ้ว ซ้ำยังหนีบไว้นิดเดียว ท่าทางรู้สึกผิดไม่เบา
พักใหญ่ เธอก็หลับตาลง “ฉันนอนแล้ว!”
อาจารย์พ่อ “…”
อาจารย์พ่อมองใบหน้าแกล้งหลับของเธอ สายตาพิศมององคาพยพของเธอ สุดท้ายเคลื่อนมายังริมฝีปากบวมแดงที่ถูกเขาจูบ
สุดท้ายก็ยังทนไม่ไหว กดเธอไว้อีกครั้งแล้วจูบแรงๆ
กู้เจียวลืมตาที่คลอน้ำใสขึ้นมองเขา “ครั้งนี้ฉันไม่ได้เป็นฝ่ายเริ่มนะ”
เขาก้มลงจูบมุมปากเธอแผ่วเบา เอ่ยเสียงพร่า “เป็นฉันเอง…สร่างแล้วเหรอ”
กู้เจียวพยักหน้า
เขาเท้ามือสองข้างไว้ข้างตัวเธอ จ้องมองเธออย่างลุ่มลึก ทันใดนั้น เขาก็เปิดแคปซูลออก แล้วอุ้มเธอออกมา
กู้เจียวเบ้ปากเอ่ย “จูบก็จูบแล้ว คุณยังจะพาฉันกลับไป…”
ครั้นผ่านแคปซูลของเธอ เขากลับไม่หยุดฝีเท้า
กู้เจียวนิ่งอึ้ง
เขาอุ้มเธอออกมาจากห้องโดยสารพยาบาล มุ่งตรงไปยังชั้นสองของบ้านพักตากอากาศ มาถึงห้องของเธอ ก่อนจะกักขังเธอไว้บนเตียงนุ่มอย่างเผด็จการ
ปลายจมูกอวลกลิ่นกายสาวเฉพาะตัวของเธอ เขาสัมผัสได้ถึงเลือดลมที่พลุ่งพล่าน แม้แต่หัวใจที่สงบนิ่งและเย็นชายังเต้นในจังหวะที่เร็วขึ้น
กู้เจียวไม่ได้ต่างจากเขาเท่าใด เธอเหม่อมองดวงหน้าเย็นชาหล่อเหลาของเขาที่เจือแรงปรารถนาเพิ่มขึ้นมาหลายส่วน เหงื่อเม็ดโตไหลลงตามขมับเขา ลูกกระเดือดอันประณีตของเขาขยับไหว
กู้เจียวรู้สึกว่าตัวเองเมาอีกครั้ง
พระจันทร์ในคืนนั้นสวยมาก
แต่เธอรู้สึกว่าเขางามยิ่งกว่าพระจันทร์เสียอีก
ในขณะที่สติเลือนๆ รางๆ เธอก็ได้ยินเขาเอ่ย “รอให้เธอเรียนจบก่อน ฉันจะพาเธอออกจากองค์กร”
เธอจำได้ว่าตัวเองบอก “ค่ะ เราไปด้วยกัน”
เสียดายที่วันนั้นสุดท้ายก็ยังมาไม่ถึง
……
ในห้องลับมืดมิด กู้เจียวนอนอยู่บนเตียงผ่าตัดเย็นเยียบ เธอถูกฉีดยาและสารพิษต่อระบบประสาท ทำให้เธอสูญเสียการควบคุม ในขณะที่ยากำลังลบความทรงจำของเธอทีละน้อย
ไฟบนเครื่องมือที่อยู่ข้างๆ ติดขึ้นเป็นสีแดง
ชายสวมชุดผ่าตัดคนหนึ่งมองข้อมูลบนจอมอนิเตอร์ เอ่ย “ปริมาณสูงสุดแล้ว หากฉีดให้เธออีกคงได้สติไม่สมประกอบแน่”
หมออีกคนที่อยู่ในชุดผ่าตัดซึ่งยืนข้างๆ ชะงัก “เข็มสุดท้าย”
“อย่าเลย เสี่ยงเกินไป เธอยังมีประโยชน์ต่อองค์กร เบื้องบนไม่ได้บอกให้ทำลายเธอทิ้ง”
“งั้นก็ครึ่งเข็ม”
สุดท้ายครึ่งเข็มก็ถูกฉีดลงไป กู้เจียวหมดสติไปอย่างสมบูรณ์
……
เป็นอีกหนึ่งปี เก้าเดือน กู้เจียว เซียวเหิง หลงอี และฉังจิ่งเดินทางข้ามทุ่งน้ำแข็งไปยังเกาะราตรีมืด
ทุ่งน้ำแข็งในปีนี้คล้ายจะหนาวเร็วกว่าปีก่อนๆ ระหว่างทางพวกเขาเจอกับพายุหิมะอย่างคาดไม่ถึง ทำให้สองสามีภรรยาพลัดหลงกับหลงอีและฉังจิ่ง
จะว่าไปก็แปลก พายุหิมะแรงปานนั้น เซียวเหิงก็ยังไล่หมาป่าทุ่งน้ำแข็งและหาทิศหาทางที่ถูกต้องเจอ
และทุกครา บนตัวเขาจะมีกลิ่นไอเย็นเยียบดุจน้ำแข็งที่แตกต่างจากราชสำนักออกมา
ทั้งคู่มาถึงเกาะราตรีมืดก่อน สองวันต่อมาฉังจิ่งกับหลงอีก็มาถึง
กู้เจียวตกใจมาก “ฉังจิ่งกับหลงอีล้วนเป็นคนของเกาะราตรีมืด คลุกคลีกับหมาป่าทุ่งน้ำแข็งมาตั้งแต่เด็ก นึกไม่ถึงว่าเจ้าจะเร็วกว่าพวกเขา”
เพราะกู้เจียวไปดูชายคนนั้นอีกแล้ว!
เขารู้อยู่แล้วว่าที่กลับมาเป็นเพื่อนหลงอี มาเยี่ยมญาติเป็นเพื่อนฉังจิ่งนั้น ล้วนเป็นข้ออ้างทั้งเพ!
นางต้องการมากวาดสุสานให้บุรุษคนนั้นต่างหาก!
ใช่แล้ว บุรุษคนนั้นตายอนาถนัก เพื่อปลูกหญ้าจื่อเฉ่าให้โต จึงกลบฝังอยู่ที่เกาะราตรีมืดอย่างไม่เสียดายชีวิต ใช้เลือดเนื้อหล่อเลี้ยงมันไว้
แต่ใจนางเอาแต่ห่วงหาเขา ตนหึงหวงยิ่งนัก!
เซียวเหิงนั่งอยู่บนม้านั่งหินในลานเรือน สองมือซุกอยู่ในหมอนอุ่น หน้าดำทะมึน สั่นขายิกๆ ไม่หยุด
ฉังจิ่งยกผลไม้ล้างสะอาดตะกร้าหนึ่งเดินเข้ามาหา ถาม “กินหรือไม่”
“ไม่กิน” เขาปฏิเสธด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
เขาไม่มีอารมณ์กิน
ตรงมุมนี้เขาเห็นทางไปสุสานชัดแจ๋ว กู้เจียวกำลังทำความสะอาดกองหิมะที่สุสานทีละกองๆ ท่ามกลางลมหนาวรุนแรง
นางตั้งใจทำมาก ไม่สนใจสักนิดว่ามือทั้งสองข้างจะหนาวจนแดงก่ำไปหมดแล้ว
เซียวเหิงกัดฟันกรอด
สั่นขาข้างซ้ายก็เสร็จไปสั่นขาข้างขวาต่อ แววตาเย็นเยียบดุจน้ำแข็ง!
ฉังจิ่งกินผลไม้คำใหญ่คำโต
เซียวเหิงปรายตามองเขา
ไปช่วยหน่อยไม่ได้หรือไร
เอาแต่กินอยู่ได้!
ไม่เห็นหรือว่ามือนางแดงขนาดนั้นแล้ว
เจ้าไปช่วยนางทำ นางก็ไม่ต้องมากราบไหว้ชายคนนั้นเองแล้ว!
ช่างไม่รู้จักแบ่งเบาภาระให้ว่าที่พี่ชายภรรยาอาเสียเลย
จะไม่ให้เจ้าเป็นน้องเขยข้าแล้ว
เจ้าตกรอบ!
ฉังจิ่งกินเอง แต่ก็ยังไม่วายเหลือไว้ให้เฟิงอู๋ซิวครึ่งหนึ่ง เพราะเขารับปากเฟิงอู๋ซิวไว้แล้ว ว่าระหว่างทางกลับแคว้นเจาเขาจะเอาผลไม้กับปลากุ้งของเกาะราตรีมืดไปฝาก
“หลงอี!” เซียวเหิงทอดมองมือแดงก่ำจากความหนาวของกู้เจียว พลางเอ่ยอย่างโมโห
โตจนป่านนี้แล้วไม่รู้จักห่วงตัวเองบ้างเลย เรื่องแค่นี้ให้หลงอีทำมันจะตายรึ
หลงอีอยู่ในห้องลับ ไม่ได้ยินเสียงของเซียวเหิง
เซียวเหิงสาบานว่าเขาไม่ได้สนใจใคร่รู้อะไรเลยนะ เขาแค่ไปเรียกหลงอีออกมาทำงานก็เท่านั้นเอง!
เขาลุกขึ้นนิ่งๆ ปัดเกล็ดหิมะบนชุดคลุมอย่างสง่า ก่อนจะเข้าไปในห้องลับหลังห้องหนังสืออย่างเย็นชาสูงส่ง
เส้นทางในห้องลับถูกเปิดด้วยกล่องยาใบน้อย
เซียวเหิงเข้ามาเป็นครั้งแรก
ทางเดินมืดมิด สุดปลายทางเดินมีประตูบานหนึ่งแง้มอยู่ แสงไฟขาวนวลสาดส่องออกมาเป็นบริเวณกว้าง เพิ่มความลึกลับขึ้นมาหลายส่วน
เซียวเหิงเกิดความประหลาดใจขึ้นมา
เขาแน่ใจว่าตัวเองมาเป็นครั้งแรก แต่ไม่รู้เพราะอะไร เขาจึงไม่ได้รู้สึกแปลกหน้าเท่าใดนัก
เขาผลักประตูห้องที่แง้มไว้ให้เปิดออก
หลงอีกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้นหลากสี ในมือกอดอัลบั้มรูปเอาไว้ ในอัลบั้มรูปมีคนแค่สามคน อาจารย์พ่อ นางในชาติก่อนและหลงเหมิงเหมิงที่ยังเป็นทารก
ตอนเขายังเด็กนั้นอ่อนแอมาก อยู่ห่างห้องโดยสารพยาบาลไม่ได้เลย และเจริญเติบโตไม่ได้ด้วย
เป็นพ่อที่ถ่ายเลือดของตัวเองให้กับเขาไม่น้อย จึงทำให้เขาฟื้นตื่นขึ้นมาในห้องโดยสารพยาบาล
เซียวเหิงมาหยุดด้านหลังหลงอี เขาไม่ได้ตั้งใจแอบดูของส่วนตัวของผู้อื่น จึงไม่ได้ดูสิ่งของในมือหลงอี แต่ถามขึ้น “เหม่ออะไรอยู่หรือ เรียกเจ้าก็ไม่ได้ยิน”
“คิดถึงเขา” หลงอีตอบตามความจริง
เขาคือใคร ไม่ต้องบอกก็รู้
เซียวเหิงหรี่ตาลงอย่างอันตราย
ประเสริฐนัก หลงอีก็เริ่มแล้ว
เซียวเหิงกดความหึงหวงอันพลุ่งพล่านในใจเอาไว้ มองไปรอบๆ พบว่าประตูทั้งหมดเปิดอ้าอยู่ นอกจากประตูไม้ฝั่งซ้ายมือ
เขาถามขึ้นตามสัญชาตญาณ “เอ๋ เหตุใดประตูบานนั้นถึงปิดอยู่เล่า”
หลงอีพลั้งปากเอ่ย “อ้อ ข้างในนั้นเป็นแคปซูลของท่านพ่อ มีแค่เขาที่จะเข้าไปได้”
เขาเอ่ยจบจึงรู้ตัวว่าเซียวเหิงมา ห้องนี้ไม่มีระบบรักษาความปลอดภัย คนนอกห้ามเข้า ไม่เช่นนั้นจะโดนอาวุธโจมตี!
หลงอีคล้ายตื่นจากฝัน รีบวางอัลบั้มรูปลงแล้วลุกพรวดขึ้น หมายจะไปขวางด้านหลังเซียวเหิงไว้
น่าเสียดายที่สายไปเสียแล้ว ลำแสงสีเขียวของเครื่องตรวจจับตกลงบนตัวของเซียวเหิงเป็นที่เรียบร้อย ไฟกะพริบสองที เสียงโมโนโทนเย็นเยียบก็ดังขึ้นเนิบๆ [พบผู้บุกรุกไม่ทราบตัวตน จะกำจัดหรือไม่]
[ระบบหยุดทำงานชั่วคราว]
[ระบบผิดพลาด]
[ระบบเริ่มทำงานใหม่]
คราก่อนที่กู้เจียวมาที่นี่ ก็เจอสถานการณ์เดียวกัน สุดท้ายก็มีเสียงโมโนโทนว่า [ระบบโอเวอร์โหลด] พร้อมกับระบบขัดข้องไป
หลงอีนึกว่าครานี้ก็จะเกิดสถานการณ์เดียวกันอีก
ไหนเลยจะรู้ว่าเสียง เอไอ ที่ดังขึ้นไม่ได้บอกว่า [ระบบโอเวอร์โหลด] แต่เป็น…
[ระบบกำลังตรวจสอบ]
[ระบบเริ่มทำงานอีกครั้ง]
[ตรวจสอบอีกครั้ง]
[ตรวจสอบเสร็จสิ้น]
[มาร์แชล ไม่ได้พบกันนานเลยนะ]
(จบบริบูรณ์)