สามีข้า คือพรานป่า - ตอนที่ 350 ครอบครัวรันทด
ตอนที่ 350 ครอบครัวรันทด
สีหน้าของมู่หรงป๋อเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขากําลังจะพูดต่อทว่าก็นึกถึงสิ่งที่หยุนเถียนเถียนเคยพูดกับเขาขึ้นมาได้
แม้ว่าแม่ของเขาจะดูใจกว้างทว่านางได้บอกแก่เขาก่อนที่จะจากมาว่า หากพบลูกของหยุนจึงเอ๋อให้รีบกําจัดทิ้งเสีย ถึงจะมีความเป็นไปได้สูงว่าหากหยุนจึงเอ๋อให้กําเนิดบุตรชายแล้วย่อมจะส่งผลต่อสถานะของเขาในอนาคต ทว่าด้วยเหตุผลใดก็ตามความคิดเช่นนี้ก็แสดงชัดถึงเจตนาอันเห็นแก่ตัว
“ไม่ว่าจะเป็นเพราะความเห็นแก่ตัวหรือเพราะความเกลียดชังหยุนจึงเอ่อก็ตาม ตราบใดที่ยังไม่เข้าใจเจตนาอันแท้จริงของแม่ ก็ไม่อาจรับรองความปลอดภัยของหยุนเถียนเถียนในพระราชวังอวี่หยางได้
มู่หรงหยุนเคอเห็นว่ามู่หรงป๋อไม่อาจโต้เถียงได้ เขายังถือว่าเห็นแก่มิตรภาพสมัยเด็กจึงไม่ได้กล่าวถ้อยคํารุนแรงมากจนเกินไป
“ก็ได้ เจ้าจะมาอยู่ที่บ้านพักของนายน้อยหลีก็ได้นะ จักรพรรดิองค์นี้ไม่อาจอยู่ค้ําฟ้าได้ตลอดหรอก! ในเมื่อบัดนี้เจ้ารู้แล้วว่าสตรีผู้นี้เป็นน้องสาวของเจ้าข้าก็ย่อมโล่งใจเป็นธรรมดา ทว่าหากเจ้ามีความคิดร้ายแอบแฝง ข้าก็เกรงว่าแม้แต่พระราชวังอวหยางก็คงไม่อาจรับมือข้าได้”
มู่หรงป้ออดไม่ได้ที่จะตอบกลับอย่างแข็งกร้าว “อย่างไรเสียเราก็เป็นลูกพี่ลูกน้องกัน จําเป็นหรือที่จะต้องสนทนากันอย่างโหดร้ายถึงเพียงนี้? ข้าคิดว่าหากเจ้ายังมีชีวิตอยู่ก็น่าจะกลับไปตั้งนานแล้ว”
มู่หรงหยุนเคอกล่าวเย้ย “เป็นเพราะในช่วงหลายปีที่ผ่านมาข้ามีสติมากขึ้น ข้ามองจิตใจของผู้คนได้ทะลุปรุโปร่งมากกว่าเดิมจึงต้องป้องกันตัวเองมากกว่าเมื่อก่อน ใครว่าฮองเฮาองค์ปัจจุบันมีคุณธรรมกันเล่า? เจ้าคงไม่รู้สินะว่าเบื้องหลังนางได้กระทําสิ่งใดไว้บ้าง!”
มู่หรงป๋อตะลึงงัน ภาพลักษณ์ภายนอกของฮองเฮาเป็นผู้มีคุณธรรมเสมอมา ในอดีตนางก็ปฏิบัติดต่อมู่หรงหยุนเคอราวกับเป็นโอรสของนางเอง ทว่าเหตุใดบัดนี้เขาจึงกล่าวออกมาเช่นนั้น?”
มู่หรงป่อยังคงไม่เข้าใจเรื่องนี้อย่างแน่ชัดนัก ทว่าหยุนเถียนเถียนกลับเข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง
ในวังมีสตรีมากมายทว่ามีจักพรรดิเพียงองค์เดียวเท่านั้น จึงเป็นธรรมดาที่สตรีเหล่านี้ไม่อาจอยู่ด้วยกันได้อย่างสันติ หากฮองเฮาเป็นผู้ไร้เดียงสาและเปี่ยมด้วยคุณธรรมจริง ก็คงเป็นไปไม่ได้ที่นางจะสามารถนั่งในตําแหน่งฮองเฮาอย่างมั่นคงมาเป็นเวลาหลายปีเช่นนี้
ชื่อเสียงที่ดีไม่อาจการันตีได้ว่าคนผู้นั้นจะเป็นคนดีอย่างแท้จริง มันอาจเป็นเพียงการปกปิดตัวตนที่แท้จริงไว้ใต้หน้ากากอย่างแนบเนียนก็ได้
ดูเหมือนว่ามู่หรงหยุนเคอจะไม่ต้องการพูดต่อ ทว่าร่างกายของเขายังคงแผ่รัศมีเย็นเยียบออกมาเสียยิ่งกว่าเดิม เห็นได้ชัดว่าสิ่งที่เขากล่าวออกมานั้นกระทบจิตใจของเขามากพอสมควร
เมื่อหยุนเสียนเถียนเห็นดังนั้นก็รู้สึกเศร้าเล็กน้อย บางทีในตอนแรกเขาอาจไม่ใช่คนเย็นชา ทว่าหลังจากที่เขาต้องประสบกับเรื่องราวอันเจ็บปวด เขาจึงใช้ความเย็นชาเป็นเกราะปกป้องตนเอง
“เอาล่ะ! เฉินเจียวเจียวถูกส่งตัวกลับไปแล้วต่อไปก็อาจจะมีคนอื่นมาเล่นงานข้าอีกก็ได้คิดว่า มือมืดที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์นี้คือใครหรือ? ข้าคิดว่าคงหนีไม่พ้นเจ้าเมืองหลงแน่”
เฉินเจียวเจียวถูกส่งกลับหมู่บ้านทันที แน่นอนว่านางไม่ได้ถูกส่งกลับมาโดยหยุนเถียนเถียน ทว่าถูกคนในหมู่บ้านเทพธิดาพานางกลับมา
เมื่อฉ่เกินฮูหยินมองเห็นร่างอันซีดเซียวของลูกสาว สิ่งแรกที่นางทําคือคิดบัญชีกับคนที่หามลูกของนางมาส่ง เพราะคิดว่าลูกสาวของตนต้องถูกคนเหล่านี้กลั่นแกล้งรังแกแน่นอน มิฉะนั้นจะอยู่ในสภาพเช่นนี้ได้อย่างไร?
บัดนี้ชื่อกลายเป็นผู้มีอิทธิพลในหมู่บ้าน เพราะนางได้เก็บค่าเช่าที่ดินที่หยุนเถียนเถียนทิ้งไว้ให้จนมีเงินสร้างบ้านใหม่ได้
แน่นอนว่าจีชื่อย่อมไม่พลาดมหรสพเรื่องเยี่ยมเช่นนี้
เมื่อนางเห็นฉ่เกินฮูหยินนั่งหมดอาลัยตายอยากอยู่บนพื้น นางก็ต้องการรู้ทันทีว่าเกิดเหตุการณ์ใดขึ้น
นางจึงโพล่งถามออกไปทันที เมื่อรู้คําตอบก็กล่าวว่า
“อ้าว! ถามไม่ชัดเองแล้วก็ไปกล่าวโทษผู้อื่น ลูกสาวของเจ้าเป็นสตรีเช่นไรกันแน่… เอาแต่นอนพุงโย้อยู่ในบ้านทว่าจู่ ๆ ก็ไปสร้างเรื่องนอกบ้านอีก มีคนพามาส่งบ้านเช่นนี้ก็น่าจะดีแล้ว”
ฉู่เกินฮูหยินตอบกลับด้วยความโมโห “ข้าไม่สน! ข้าเป็นคนบอกให้นางออกไปทํางานนอกบ้านก็จริง ทว่าบัดนี้ก็เกิดเรื่องขึ้นจนนางถึงกับแท้งลูก เนื่องจากพวกเจ้าเป็นคนนําตัวนางกลับมาก็แสดงว่าต้องเป็นฝีมือของพวกเจ้าแน่!”
เฉินจวินผู้เป็นลูกชายของเฉินเอื้อชูโต้กลับอย่างรุนแรงทันที “พวกเราอุตส่าห์จะเก็บเรื่องน่าละอายที่นางทําไว้เป็นความลับ ทว่าในเมื่อเจ้ามากล่าวโทษกันเช่นนี้พวกข้าก็คงเสียใจหากไม่ได้เปิดเผยเรื่องทั้งหมดให้ทุกคนได้รับรู้
“ฉ่เกินฮูหยิน อย่าคิดนะว่าจะมีใครเวทนาเจ้า! พวกข้าไม่เคยไปยั่วยุครอบครัวของเจ้าเลย ทว่าเจ้ารู้หรือไม่ว่าในครอบครัวเจ้ามีสุนัขตัวเมียที่น่ารําคาญที่สุดอยู่ด้วย? ลูกสาวของเจ้าแบกพุงโก้ ของนางไปถึงฟูเฉิงเพื่อไปหาเรื่องแม่นางหยุน”
“นางบอกว่าเด็กในท้องของนางเป็นลูกของหยุนเคอ ข้านึกแล้ว… นางคงไม่ได้เพิ่งมาตกหลุม รักหยุนเคอหลังจากเห็นว่าหลี่เพิ่งล้มละลายใช่หรือไม่? คิดหรือว่าคนเช่นหยุนเคอจะหลงกลนาง? สุดท้ายนางถูกล้มทับจนต้องสูญเสียลูกไป ข้าเกรงว่านางจะถูกรังแกอีกจึงช่วยพากลับมา ทว่าบัดนี้เจ้ากลับมาโทษว่าเป็นความผิดของพวกเรา เช่นนั้นพวกข้าน่าจะปล่อยให้นางนอนตายอยู่ในฟูเฉิงนั่นแหละ”
ฉ่เกินฮูหยินตกตะลึง “เงินของเฉินเจียวเจียวหมดไปนานแล้ว ระยะทางจากหมู่บ้านถึงฟูเฉิงนั้นไกลนักแล้วนางเดินทางไปที่นั่นได้อย่างไร? เป็นไปได้หรือไม่ที่นางจะยังคงซ่อนเงินเอาไว้?”
นางเก็บงําความสงสัยนี้ไว้ในใจและไม่มีเหตุผลใดที่จะต้องให้คนอื่นมายุ่งเรื่องนี้ นางจึงทําได้เพียงขอให้คนเหล่านั้นช่วยหามลูกสาวของนางเข้าไปไว้ในบ้าน
เมื่อเฉินเจียวเจียวตื่นขึ้นมานางก็พบว่าได้นอนอยู่ในห้องของตนแล้ว เมื่อก่อนพ่อแม่มองว่านางเป็นคนสําคัญในครอบครัว ทว่าบัดนี้นางบาดเจ็บปางตายกลับไม่มีผู้ใดมาสนใจ
ขณะนี้นางรู้ซึ้งแล้วว่าฉ่เกินฮูหยินเกิดมาเพื่อเห็นแก่ตัวโดยแท้ “เมื่อก่อนมาทําดีกับข้าก็เพียงเพื่อหวังผลประโยชน์จากสินสอดทองหมั้นและการเลี้ยงดูในยามแก่เฒ่าเท่านั้น
“ความบาดหมางระหว่างแม่และลูกสาวสามารถก่อให้เกิดความแตกแยก จนเห็นได้ชัดว่าแม่แสร้งทําดีกับข้าเพื่อเงินเท่านั้น… ใบหน้าเจ้าเล่ห์ของแม่ช่างน่ารังเกียจนัก
“บัดนี้ข้าไม่มีเงินติดตัวสักแดงเดียวอีกทั้งยังไม่อาจช่วยทําประโยชน์อะไรได้ ถึงแม้ตอนนี้ ร่างกายข้าจะเย็นชืดและแผ่นหลังชุ่มไปด้วยเหงื่อทว่าก็ไม่มีใครสนใจข้าเลย
เฉินเจียวเจียวหลั่งน้ําตาด้วยความเจ็บปวด คนเป็นแม่สามารถเห็นแก่ตัวจนทํากับลูกในไส้ได้ ถึงเพียงนี้! ในเมื่อแม่ไร้ซึ่งความเมตตาต่อลูกข้าก็จะไม่ยอมอ่อนน้อมถ่อมตนอีกต่อไป”
ฉ่เกินฮูหยินมีอํานาจมากนัก จะเห็นได้จากการที่นางล้มเหลวในการให้กําเนิดลูกชาย ทว่าก็ยังทําให้เฉินฉ่เกินผู้เป็นสามีอยู่ในโอวาทของนางมาโดยตลอดได้
แม้ว่าเฉินฉ่เกินจะเป็นคนซื่อสัตย์เพียงใด ทว่าเมื่อเห็นลูกสาวถูกทําร้ายเช่นนี้เขาก็ทรมานใจนัก ด้วยความที่ปกติแล้วเขาเป็นคนว่าง่ายจึงไม่กล้าขัดขืนภรรยาของตน
เขาฉวยโอกาสเมื่อภรรยาไม่อยู่รีบเข้าไปในห้องของลูกสาวพร้อมข้าวสวยร้อน ๆ
“เจียวเจียวลูกพ่อ… พ่อรู้ว่าเจ้าทําผิดทว่าพ่อไม่อาจทนดูอย่างเดียวได้จริง ๆ แม่ของเจ้าสติวิปลาสหนักขึ้นทุกวัน แม้แต่ลูกสาวคนเดียวของนางยังไม่สนใจ!”
“เพียงแต่พ่อไม่มีทางอื่นจึงต้องจ่ายอมนาง ลุกมากินข้าวก่อน”