สามีข้า คือพรานป่า - ตอนที่ 181 บ้าไปแล้วหรืออย่างไร?
สามีข้า… คือพรานป่า ตอนที่ 181 บ้าไปแล้วหรืออย่างไร?
ตอนที่ 181 บ้าไปแล้วหรืออย่างไร?
อาจเป็นเพราะเฉินไฉอียังไม่รู้สึกหิวและต้องการประชดประชัน จึงเมินเฉยต่อเสียงเรียกของพี่ชายที่กําลังเคาะประตูอยู่
“ไฉอี ไม่ใช่ว่าพี่ไม่รักเจ้า หากเจ้าปล่อยวางจากนายน้อยหลี่ และหันไปรักชายชนบทธรรมดาที่ทําให้เจ้ามีความสุข เจ้าก็จะยังคงเป็นน้องรักของพี่!”
สิ่งที่เฉินไม่อีไม่อยากได้ยินมากที่สุดคือการบอกให้ลืมนายน้อยหลี่ ดังนั้นนางเดินไปเปิดประตูอย่างแรง
เฉินเต่ออันรู้สึกพึงพอใจที่อย่างน้อยน้องสาวของเขาก็ไม่ต้องเป็นนางบําเรอของใคร
ทันใดนั้น เฉินไฉอียื่นมือออกมาบัดอาหารที่เฉินเต่ออันนํามาให้ด้วยความโมโห
“พี่มันคนน่าชื่อใจคด ท่านช่วยหูเม่ยจื่อทุกวิถีทาง แต่กลับพยายามห้ามปรามข้าที่เป็นน้องสาวแท้ๆ! เฉินเต่ออัน…. ท่านเป็นพี่ชายเช่นใดกัน?!”
เฉินเต่ออันหน้าแดง “ไฉ่อี. หยุดเอาแต่ใจได้หรือไม่? นายน้อย หลี่ไม่ได้รักเจ้า! อีกอย่างเจ้าจะหาคนไม่เอาถ่านเช่นนั้นมาเป็นคู่ชีวิตหรือ? เจ้าจะมีความสุขจริงๆหรือที่ได้เป็นเพียงนางบําเรอ?”
“พี่ไม่ต้องมายุ่งเรื่องของข้า! ดูแลชีวิตตนเองให้ดีเถิด!”
เมื่อได้ยินดังนั้น เฉินเต่ออันจึงตอบกลับด้วยความโกรธ “เอาล่ะ หากเจ้าอยากทําสิ่งใดก็เชิญตามใจเจ้า แต่นับจากนี้ไปไม่ต้องมาเรียกข้าว่าพี่ชาย! เพราะข้าไม่มีน้องสาวน่าละอายเช่นเจ้า!”
เมื่อพูดจบเฉินเต่ออันก็หันหลังเดินจากไปทันที ขณะที่เฉินไฉอีตกตะลึงต่อคําพูดของพี่ชาย “เขาเคยเป็นพี่ชายที่แสนดีและรักข้ามาโดยตลอด แต่เพียงเพราะได้ฟังสิ่งที่หญิงผู้นั้นเล่า เขาถึงกับตัดสัมพันธ์กับข้าเลยอย่างนั้นหรือ?! หญิงผู้นั้นประเสริฐมากหรืออย่างไร เหตุใดคาอบครัวข้าจึงเลือกที่จะเชื่อนางมากกว่าตัวข้าเอง?!”
เฉินไม่ออาละวาดพร้อมทําลายข้าวของด้วยความโกรธ ก่อนจะล้มตัวลงนอนบนเตียงและร้องไห้
หัวหน้าหมู่บ้านและภรรยาได้ยินทุกอย่างระหว่างลูกทั้งสอง แต่ก็รู้ดีว่าไม่มีใครสามารถหยุดพวกเขาได้
ทว่าเมื่อได้ยินคําพูดของลูกสาว หัวหน้าหมู่บ้านก็อดไม่ได้ที่จะเปิดประตูออกมาด้วยสีหน้าเคร่งครึ่ม!
“เต่ออัน กลับห้องไปนอนเสีย! ในเมื่อนางคิดไม่ได้ก็ปล่อยไว้เสีย! หากนางไม่อยากกินก็ไม่ต้องให้กิน! ข้าก็อยากรู้เช่นกันว่านางจะดี้อดึงได้ถึงเมื่อไหร่?!”
เฉินเต่ออันก้มศีรษะลงก่อนจะเดินกลับห้องไป..
เมื่อมาถึงเขาก็ได้ตบกับภรรยาของตน ทว่าเฉินเตออันกลับทําได้ เพียงถอนหายใจเฮือกใหญ่โดยไม่ได้พูดอะไร!
หัวหน้าหมู่บ้านไม่กล้าสั่งสอนลูกสาวต่อหน้าผู้อื่นเพราะเกรงว่า เหตุการณ์นี้จะทําให้ครอบครัวเสื่อมเสียชื่อเสียง
โดยปกติแล้วเฉินไฉอีมักจะเหม่อลอยและจ้องมองไปยังทางเข้า หมู่บ้านอย่างไม่ละสายตา ราวกับว่ากําลังรออะไรบางอย่าง! ภรรยาของหัวหน้าหมู่บ้านมักจะดุลูกสาวทุกครั้งที่พบ ทว่าเฉินไฉ่อีกลับเมินเฉยต่อคําพูดของผู้เป็นแม่
เพื่อไม่ให้เฉินไฉ่อีพร่ําเพ้อถึงเพียงแต่นายน้อยหลี่ ภรรยาของหัวหน้าหมู่บ้านและลูกสะใภ้จึงพยายามคลุมถุงชนนาง! ทั้งสองจึงพาเฉินไฉ่อไปยังลานกลางหมู่บ้านเพื่อประกาศหาคู่หมาย!เมื่อเทียบกับลูกสาวครอบครัวอื่นแล้ว เฉินไม่อีถือเป็นหญิงที่สมบูรณ์แบบมาก แม้จะสู้หยุนเถียนเถียนไม่ได้ แต่ก็สง่างามและเฉลียวฉลาดกว่าหญิงทุกคน!
ไม่ต้องพูดถึงสิ่งใดอื่น เพียงแค่บอกว่านางรู้หนังสือและเป็นลูกสาวของหัวหน้าหมู่บ้าน ชายหนุมมากมายก็ต่างแตกตื่นและมาดูตัวนางทันที!
แววตาของเฉินไฉ่อีเต็มไปด้วยความทุกข์ระทมและกังวลเมื่อรู้ว่า แม่ต้องการให้ตนแต่งงานโดยเร็วที่สุด เพราะสิ่งเหล่านี้จะทําให้ความหวังที่จะได้เป็นคนรักของนายน้อยหลี่หมดไป!
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเฉินไฉอีไม่ขัดขืน ภรรยาหัวหน้าหมู่บ้านจึงรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น
เนื่องจากเฉินไฉ่อีอยู่ในยุคแห่งการคลุมถุงชนจึงรู้สึกกังวลและไม่รู้ว่าต้องทําอย่างไร ข้าต้องแต่งงานกับชายชนบทในหมู่บ้านจริงหรือ? ไม่มีชายใดเลยที่จะเทียบนายน้อยหลีได้!”
ทว่าเมื่อคํานวณวันแล้วนางก็ตระหนักได้ทันทีว่า นายน้อยหลี่กําลังจะเดินทางมายังหมู่บ้านเทพธิดาในไม่ช้า ดังนั้นนางจึงจ้องมองบริเวณทางเข้าหมู่บ้านเพื่อเฝ้ารอคอยการมาถึงของเขา
ไม่นานนัก รถม้าของนายน้อยหลี่ก็มาถึง เขาเดินลงมาพร้อมกับเสี่ยวชื่อคนสนิท เมื่อแนไม่อิ่มองเห็นจากระยะไกลก็รู้สึกตื่นเต้นและมีความสุขทันที!
ขณะเดียวกัน หยุนเคอและหยุนเถียนเถียนก็เดินลงมาจากกฎ เขาพร้อมกระต่ายปาสองตัวในมือ เห็นได้ชัดว่าพวกเขาเพิ่งเสร็จกิจจากการล่าสัตว์
เมื่อเห็นดังนั้นเฉินไฉอีจึงลุกขึ้นและวิ่งตรงไปยังหยุนเถียนเถียนอย่างรวดเร็ว!
แม้หยุนเถียนเถียนจะเห็นว่านางกําลังมุ่งหน้าเข้ามาหาตน แต่ก็ไม่สามารถหลบเลี่ยงได้ เพราะอาจทําให้เฉินไม่อีพุ่งชนหยุนเคอและล้มลงจนเกิดเรื่องไม่ดีตามมาในภายหลัง
หยุนเถียนเถียนยืนมองด้วยความสับสน “ข้าไม่ได้ทําอะไรให้นางต้องเคืองโกรธ เหตุใดนางจึงวิ่งมาหาข้าด้วยแววตาดุร้ายเช่นนั้น?
เมื่อเห็นว่าเฉินไม่อีกําลังวิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว หยุนเคอจึงทิ้งกระต่ายป่าในมือและพุ่งเข้าโอบเอวของหยุนเถียนเถียนทันทีเพื่อให้นางยืนได้อย่างมั่นคง!
ทันใดนั้น! เฉินไฉ่อีกกรีดร้องออกมา
“พวกเจ้าไร้ยางอายนัก!”
หยุนเถียนเถียนยืนนิ่งและสงบจิตใจอันตื่นตระหนกของตน ก่อนจะเริ่มจ้องมองด้วยเฉินไฉ่อีอย่างโกรธเคือง
ขณะเดียวกันหลี่ซื่อฮวาก็เดินมาถึงยังลานที่พวกเขาอยู่
” พวกเจ้าคือ…”
เมื่อเห็นว่าชายร่างกํายําที่เต็มไปด้วยหนวดเครากําลังโอบกอดหยุนเถียนเถียนอยู่ หลี่ซื่อฮวาก็รู้สึกอึดอัดใจเล็กน้อย ขณะที่เฉินไฉ่อีกล่าวขึ้นทันที
“นางหยุน กล้าทําเรื่องบัดสีบัดเถลิงกลางวันแสกๆเช่นนี้เลยหรือ? หากอยากแสดงความรักก็ควรกลับไปทําที่บ้าน! น่าอายเสียจริง”
หยุนเลี่ยนเกียนตอบกลับเกรี้ยวกราด “นางเฉิน… ปากคอเราะร้ายเสียจริง! เพราะเจ้ากําลังจะชนข้าให้ล้ม หยุนเคอจึงเข้ามาโอบข้าไว้ เรื่องเพียงนี้เจ้าก็คิดไม่ได้อย่างนั้นหรอ?!”
เมื่อเห็นว่านายน้อยหลี่อยู่ตรงนั้นด้วย เฉินไม่อีจึงแสร้งตอบกลับ “นางหยุน ข้าขอโทษที่พูดออกไปเช่นนั้น เพราะความตกใจจึงพลังปากออกไปโดยไม่ทันได้ไตร่ตรอง”
แม้หยุนเถียนเถียนจะทราบอยู่แล้วว่าเฉินไฉอีหลงรักนายน้อยหลี่ แต่กลับไม่เข้าใจว่าเหตุใดนางจึงคิดมุ่งร้ายต่อตน
“เหตุใดเจ้าจึงบอกว่ามันบัดสีบัดเถลิง? นางเฉิน… โปรดอธิบายข้า อนึ่ง เจ้าวิ่งมาเพื่อหมายจะชนข้าให้ล้ม หากข้าได้รับบาดเจ็บร้ายแรงเจ้าจะจ่ายสินไหมให้ข้าได้หรือ?เข้าไม่สนใจสิ่งใดอื่น ในเมื่อเจ้าทําร้ายข้า… ก็ต้องชดใช้!”